War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2511
ตอนที่ 2,511 : เงื่อนไขของถังเซี่ยวเซี่ยว
“เจ้า…ว่าอะไรนะ!?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียนสีหน้าของชายหนุ่มในชุดหรูหราเปลี่ยนไปอย่างมาก พอมองต้วนหลิงเทียนอีกครั้งสายตาของมันทำราวกับจะพ่นไฟออกมาได้!
“เจ้า…กล้าหาว่าข้าเป็นสุนัขรับใช้งั้นเหรอ?”
“ดี! ดี! ดีมาก! ข้า ถังเจิ้นเป่า ตั้งแต่เกิดยังมาไม่เคยถูกผู้ใดหยามขนาดนี้มาก่อน!”
ชายหนุ่มในชุดหรูหรายิ่งมาก็ยิ่งมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาดุร้ายอำมหิต จากนั้นไม่นานมันก็หันไปตะคอกคำกับร่างทั้ง 2 ที่ติดตามประกบอยู่ด้านหลัง “พวกเจ้ายังจะมัวยืนเซ่ออันใดกันอยู่! ยังไม่รีบไปฆ่ามันให้ข้าอีก!!”
“ขอรับนายน้อย”
แทบจะทันทีที่ถังเจิ้นเป่ากล่าวจบคำ ชายวัยกลางคนและชายชราที่อยู่ด้านหลังก็ขานรับออกมาอย่างพร้อมเพรียง
เมื่อเห็นทั้งคู่กำลังจะลงมือ สีหน้าถังเซี่ยวเซี่ยวก็มืดลงทันใด เสียงกล่าวยังกลายเป็นเยียบเย็นนัก “คนของข้าถังเซี่ยวเซี่ยว…หากพวกเจ้ากล้าแตะต้อง ข้าจะให้พวกเจ้าได้ตายไร้ที่ฝัง! พวกเจ้าสมควรรู้ดี…ว่าข้าทำอย่างที่พูดได้หรือไม่”
วูบ วูบ
ได้ยินคำขู่ของถังเซี่ยวเซี่ยว สีหน้าชายวัยกลางคนทั้งผู้ชราก็เปลี่ยนไปทันใด พลังที่ปะทุออกมาทั่วร่างยังเริ่มถดถอยลงทันที
เพราะหากสตรีเบื้องหน้าคิดฆ่าพวกมันจริงๆไหนเลยจะทำไม่ได้
เพราะสุดท้ายแล้วสตรีเบื้องหน้านางนี้ มิใช่แค่อันดับ 1 ในบรรดารุ่นเยาว์ของนิกายถังเท่านั้น แต่ยังเป็นลูกหลานที่ไม่ต่างแก้วตาดวงใจของอาวุโสสูงสุดคนหนึ่ง
บางทีตอนนี้นางอาจยังไม่มีพลังฝีมือมากพอจะสู้กับพวกมันได้ แต่ตราบใดที่นางเอ่ยปาก อาวุโสสูงสุดคนนั้นย่อมไม่มีทางปล่อยพวกมันไป!
ถึงแม้ว่านายน้อยของพวกมันจะเป็นลูกหลานของอาวุโสสูงสุดเหมือนกัน แต่ก็ไม่มีทางฉีกหน้าอาวุโสสูงสุดอีกฝ่ายเพื่อช่วยพวกมันแน่!
“หากพวกเจ้ากล้าไม่ลงมือ กลับไปเมื่อไหร่พวกเจ้าได้ตายแน่!”
“แต่ถ้าพวกเจ้าลงมือ…จบเรื่องนี้แล้วข้าจะปกป้องพวกเจ้าเอง หรือต่อให้ทำไม่ได้ ก็ยังมีทางให้พวกเจ้าหนี!”
ถังเจิ้นเป่าย่อมแลเห็นถึงความลังเลของทั้งคู่ดี ไหนเลยจะไม่รู้ว่าทั้งคู่หวาดกลัวคำขู่ของถังเซี่ยวเซี่ยว จึงอดไม่ได้ที่จะขู่เกทับออกไป
ทั้ง 2 เป็นคนของมัน
แต่พอได้ยินคำขู่ของถังเซี่ยวเซี่ยวกลับไม่กล้าขยับ!
นี่ต่างอะไรกับตบหน้ามัน!
จะให้มันทนได้อย่างไรไหว!!
วูบ วูบ
พอได้ยินคำขู่ด้วยอำมหิตของถังเจิ้นเป่า สีหน้าชายวัยกลางคนกับชายชราก็แปรเปลี่ยนเป็นซีดลงอีกครั้ง แม้พวกมันจะหวาดกลัวคำขู่ของถังเซี่ยวเซี่ยว แต่ก็ไม่อาจไม่ทำตามคำของนายน้อย
ขัดขืนผู้ใด ล้วนมีแต่หนทางตกตาย!
แต่เป็นการดีเสียกว่าที่จะเชื่อฟังคำของนายน้อยพวกมัน เพราะอย่างน้อยๆพวกมันอาจยังพอมีหนทางรอดชีวิตกระทั่งได้หลบหนีออกจากนิกายถัง!
“เจ้าไปรั้งนางไว้…ข้าจะไปฆ่าไอ้หนูนั่นเอง!”
หลังชายชราหันไปกล่าวนัดแนะกับชายวัยกลางคนจบคำ สองตามันก็หันมามองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง ยังพุ่งร่างเข่นฆ่าสังหารมาทางต้วนหลิงเทียนทันที!
“ล่วงเกินแล้ว คุณหนูเซี่ยวเซี่ยว”
ชายวัยกลางคนหลังพยักหน้ารับคำชายชรา ร่างมันก็พุ่งออกไปทางถังเซี่ยวเซี่ยพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจนปัญญา เร่งเร้าพลังขึ้นทั่วร่างหมายถ่วงรั้งถังเซี่ยวเซี่ยวเอาไว้ไม่ให้ไปช่วยชายหนุ่มจากเงื้อมมือของชายชรา
“ 2 เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์”
ทันทีที่ชายววัยกลางคนและชายชราลงมือ ด้วยกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากร่างของพวกมัน ต้วนหลิงเทียนย่อมตัดสินได้ทันทีว่าพวกมันทั้งคู่ล้วนเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์
“หาที่ตาย!”
เมื่อเห็นว่าคนของถังเจิ้นเป่าหาญกล้าลงมือจริงๆ สีหน้าของถังเซี่ยวเซี่ยวก็เปลี่ยนเป็นอัปลักษณ์ มือยกขึ้นทันใด ก่อนปรากฏกริชเล่มหนึ่งกระชับถือไว้
วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
เมื่อถังเซี่ยวเซี่ยวจ่ายพลังลงสู่กริชเล่มดังกล่าว กลิ่นอายพลังแหลมคมก็แผ่ซ่านออกมาอย่างรุนแรง ทำราวกับมันพร้อมจะทะลวงเจาะได้ทุกสรรพสิ่ง ช่างดุร้ายน่ากลัวนักก!
ทันใดนั้น ถังเซี่ยวเซี่ยว พลันลงมือทันที! มือสะบัดฉับไวซัดกริชออกไปด้วยความเร็วสูงล้ำ!!
และเป้าหมายในการลงมือคนแรกของนางหาใช่ชายวัยกลางคนที่คิดลงมือพัวพันนางไม่ แต่เป็นชายชราที่คิดจัดการต้วนหลิงเทียน!
ถึงแม้ชายชราจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ แต่ด้วยความที่ตอนนี้มันทุ่มความสนใจไปยังต้วนหลิงเทียนจนหมด จึงไม่ทันสังเกตเห็นว่าถังเซี่ยวเซี่ยวมียอดสมบัติสวรรค์ในครอบครองจนพลังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!
ดังนั้นพอร่างมันออกกระบวนท่าสังหารมาเจียนถึงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน
กริชของถังเซี่ยวเซี่ยวกลับบรรลุถึงตัวมันเรียบร้อย
“แย่แล้ว!”
กว่าที่ชายชราจะตอบสนองก็สายเกินไป สีหน้าของมันตอนนี้บิดเบี้ยวไม่เป็นผู้คน
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่การโจมตีของถังเซี่ยวเซี่ยวเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์
ถึงแม้การลงมือของถังเซี่ยวเซี่ยวจะมีพลังทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ แต่มันที่ไม่ทันระวัง อย่างน้อยๆหากไม่ตายก็ต้องบาดเจ็บหนัก!
ทว่าตอนนี้การจู่โจมของถังเซี่ยวเซี่ยวกลับมีพลังของขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์…
เช่นนั้นแล้วมันจึงไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้ทัน ที่ทำได้ก็แค่ร่ำร้องออกมาเสียงหลงเท่านั้น…
สวบ!
กริชในมือถังเซี่ยวเซี่ยวดั่งลูกเกาทัณฑ์ลัดฟ้า พุ่งทะลวงหว่างคิ้วของชายชราพรากหนึ่งชีวิตของมันไปทันที!
เซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์คนหนึ่งกลับตกตายลงในห้วงเวลาแสนสั้นดั่งละอองไฟวาบดับ!
“ฮึ!”
หลังจากเข่นฆ่าสังหารชายชราไปแล้ว ถังเซี่ยวเซี่ยวสบถเสียงเย็นออกคำหนึ่ง ยกมือขึ้นรับกริชที่วกกลับมา ก่อนที่จะสะบัดมือออกไปอีกครั้ง!
ทันใดนั้น
ฉัวะ!!
กริชพลันพุ่งทะยานแหวกฟ้าผ่าอากาศออกไปดั่งลำแสง จี้ตรงไปทางชายวัยกลางคนที่ร่างชะงักค้างกลางหาวเบื้องหน้า
อันที่จริงพอชายวัยกลางคนเห็นถังเซี่ยวเซี่ยวซัดกริชพิฆาตชายชราไปได้อย่างง่ายดาย ในใจของมันก็ดั่งมีมรสุมก่อเกิด สีหน้ายังเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง ถึงขึ้นอื้ออึงคิดอะไรไม่ออกไปชั่วขณะ
สตรีนางนี้ แต่เดิมสมควรมีพลังสูงสุดพอๆกับพวกมันไม่ใช่หรือไร? ไฉนอยู่ๆถึงลงมือด้วยกระบวนท่าทรงพลังถึงขนาดนั้นได้?!
“ยอดสมบัติสวรรค์!!”
จนเมื่อถังเซี่ยวเซี่ยวเริ่มซัดกริชใส่มัน ในที่สุดมันก็ตระหนักได้ถึงต้นตอของปัญหา…
กริชที่กำลังแหวกฟ้าผ่าอากาศมาฉับไวนั่น เห็นชัดว่าไม่ใช่ศาสตราในระนาบโลกียะอีกต่อไป แต่เป็นศาสตราที่มาจากระนาบเทวโลก!!
สวบ!
ในช่วงเวลาที่ชายวัยกลางคนตระหนักได้ว่ากริชของถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นยอดสมบัติสวรรค์ ตัวกริชก็ได้ทะลวงเจาะหว่างคิ้วของมันจนทะลุออกหลังหัว ส่งมันไปตามทางที่สหายชราพึ่งล่วงหน้าไปเมื่อครู่…
พริบตาเซียนอมตะเสเพล 4 ทัณฑ์ก็ถูกเข่นฆ่าไปในลักษณะนี้!
‘วรยุทธ์เซียนอมตะที่ถังเซี่ยวเซี่ยวฝึกฝน…ไม่เพียงใช้ในระยะประชิด ยังประยุกต์ใช้กับทักษะอาวุธลับของนางได้อีกด้วย…’
ต้วนหลิงเทียนที่ชมดูเรื่องราวอยู่ย่อมเห็นชัดถนัดตา
ไม่ว่าจะเป็นการลงมือระยะประชิดที่พุ่งไปเข่นฆ่าสังหารผู้คนราวร่ายรำของถังเซี่ยวเซี่ยวในแดนลับต่างสวรรค์ก่อนหน้า หรือจะซัดกริชบินพิฆาตระยะไกลเมื่อครู่ ล้วนแล้วแต่มีพลังอำนาจของขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์ทั้งสิ้น
“เจ้า…เจ้า…เจ้ามียอดสมบัติสวรรค์งั้นหรือ!?”
เมื่อกริชเหินบินวกกลับไปเข้ามือถังเซี่ยวเซี่ยว ถังเจิ้นเป่าที่อึ้งไปอยู่นานก็ค่อยรู้สึกตัว สีหน้าของมันตอนนี้เปลี่ยนเป็นเขียวสลับขาว อย่างไรก็ตามสายตาที่มองจ้องกริชในมือของถังเซี่ยวเซี่ยวก็เต็มไปด้วยความโลภนัก
“ไปกันเถอะ!”
หลังมองไปยังถังเจิ้นเป่าด้วยสายตาเย็นชาครู่หนึ่ง ถังเซี่ยวเซี่ยวก็หันไปกล่าวทักต้วนหลิงเทียน ก่อนจะเริ่มลอยร่างขึ้นช้าๆหมายไปจากที่นี่
“หากเจ้าไม่สะดวกลงมือกับมัน…งั้นข้าเอง”
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนที่ถูกถังเซี่ยวเซี่ยวชวน ยังแน่นิ่งไม่ไปไหน
สองตายังทอดมองถังเจิ้นเป่าอย่างเย็นชาไร้แยแส
ทว่าลึกลงไปในแววตากลับเผยจิตสังหารหนึ่ง!
ถังเจิ้นเป่าคนนี้กล้าสั่งให้คนเอาชีวิตเขา เช่นนั้นมันก็ต้องชดใช้ด้วยชีวิต!
ตอนนี้เมื่อเห็นถังเซี่ยวเซี่ยวไม่ลงมือ เขาย่อมคิดว่าอีกฝ่ายสมควรไม่สะดวก
“ข้ารู้ว่าเจ้าอยากฆ่ามันให้ตาย แต่หากเจ้าฆ่ามันแล้ว ข้าเกรงว่าท่านบรรพบุรุษของข้าคงยากจะให้เจ้ายืมแผนที่ดวงดาวได้อีก…ถึงแม้ถังเจิ้นเป่าจะไม่ใช่ลูกหลานสายเดียวกับท่านบรรพบุรุษ แต่อย่างไรมันก็เป็นรคนนิกายถัง หากเจ้าฆ่ามัน…ท่านบรรพบุรุษก็จำต้องเห็นเจ้าเป็นศัตรูกับนิกายถัง”
ถังเซี่ยวเซี่ยวอธิบายให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
“เอางั้นก็ได้…”
ได้ยินคำของถังเซี่ยวเซี่ยว ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้วเป็นปมเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็พยักหน้ารับ
“แต่…โทษตายละเว้น โทษเป็นไม่อาจหลีกหนี!”
และแทบจะทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวตกลง ร่างต้วนหลิงเทียนก็วูบไปดั่งภูตผี
ฟุ่บ!
พริบตาร่างต้วนหลิงเทียนก็มาปรากฏตัวเบื้องหน้าถังเจิ้นเป่าราวภูตผี จากนั้นมือก็สะบัดออกไปดั่งเงาเลือน หักแขนหักขาทั้ง 4 ข้างของถังเจิ้นเป่าทิ้งทันที กระทั่งยังฝังพลังอันแข็งแกร่งไว้ในร่างของถังเจิ้นเป่า ทำให้มันไม่อาจใช้พลังของตัวเองบรรเทารักษาอาการได้…
“โอ๊ยยยยยย…แขนขา ขาข้า อ๊าาาา!!”
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ถังเจิ้นเป่าก็ได้แต่กรีดร้องราวหมูโดนน้ำร้อนลวก
ระดับพลังฝึกปรือของมันก็แค่เซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเท่านั้น ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างมดที่แสนเปราะบางตัวหนึ่ง
ต้วนหลิงเทียนคิดให้มันทรมาน ย่อมไม่ใช่เรื่องยากอะไร
“เอาล่ะ ไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนหันไปพูดกับถังเซี่ยวเซี่ยวโดยไม่แยแสสายตาอาฆาตของถังเจิ้นเป่า หลังจากนั้นก็เหินร่างติดตามนางไปยังนิกายถัง หมายหยิบยืมแผนที่ดวงดาวจากบรรพบุรุษของนาง
ถึงแม้ด้วยพลังของเขาตอนนี้คิดเข่นฆ่าถังเจิ้นเป่าโดยไม่เห็นหัวคนนิกายถังก็เป็นอะไรที่ง่ายดาย และสามารถใช้กำลังช่วงชิงแผนที่ดวงดาวจากมือบรรพบุรุษของถังเซี่ยวเซี่ยวได้อย่างไม่เหลือบ่ากว่าแรง…
อย่างไรก็ตามถังเซี่ยวเซี่ยวไม่ใช่คนไม่ดี ยังให้ความร่วมมือและคอยบอกทางรวมถึงเรื่องราวต่างๆในแดนลับต่างสวรรค์กับเขาอย่างดี เขาก็ไม่อาจหักใจทำร้ายบรรพบุรุษของนางได้ลงคอ
“ไม่ว่าเจ้าจะเป็นใคร…แต่ข้าจะให้เจ้าตาย! ข้าจะให้เจ้าตายอนาถ!!”
หลังจากที่ร่างของต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวกลายเป็นจุดดำเล็กๆในสายตาถังเจิ้นเป่าแล้ว ถังเจิ้นเป่าก็ยังคงจับจ้องจุดดำเล็กๆอันเป็นร่างของต้วนหลิงเทียนไม่วางตา ปากคำรามออกมาอย่างอาฆาตแค้น ดวงตาแทบปริแตกเพราะความโกรธ…
ส่วนอีกด้าน
“ข้ามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าคราวนี้สามารถยืมแผนที่ดวงดาวจากท่านบรรพบุรุษมาให้เจ้าได้แน่…แต่ข้ามีเงื่อนไขประการหนึ่ง”
ถังเซี่ยวเซี่ยวที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนเงียบๆอยู่พักหนึ่ง ในที่สุดก็เม้มปาก กล่าวคำออกมา
“ว่ามาสิ”
ต้วนหลิงเทียนถาม
ถึงแม้เขาจะเข้าใจสถานการณ์ของถังเซี่ยวเซี่ยวดี แต่ก็รู้สึกอึดอัดใจไม่น้อยเมื่อเดาได้ว่านางกำลังจะเรียกรองอะไรจากเขาอีกแล้ว ทำให้เขาเริ่มรู้สึกห่างเหินกับถังเซี่ยวเซี่ยวขึ้นมาทันที
จะอย่างไรก่อนหน้าเขาก็แลเห็นนางเป็นสหายในระดับหนึ่ง ทว่าตอนนี้นางยังคิดจะหาประโยชน์กับเขาอีก!
“หลังจากข้าช่วยยืมแผนที่ดวงดาวให้เจ้าได้แล้ว เจ้าช่วยพาข้าหลบหนีออกไปจากกลุ่มดาวแห่งนี้…ที่มีนิกายถังตั้งอยู่ได้หรือไม่…”
ถังเซี่ยวเซี่ยวกล่าวถามออกมา
“หืม? แค่นี้หรือ?”
ตอนแรกต้วนหลิงเทียนคิดว่าถังเซี่ยวเซี่ยวจะตีชิงตามไฟ และเอ่ยเงื่อนไขที่มากเกินไปอย่างเช่นขอยอดสมบัติสวรรค์ หรือให้เขาจัดการปัญหาอะไรทำนองนั้น
ทว่ามาตอนนี้เขาพลันตระหนักได้
เขาได้ใช้ความคิดคนถ่อยหยั่งวัดวิญญูชนเข้าให้แล้ว…
สำหรับเขาแล้ว คำขอของถังเซี่ยวเซี่ยวไม่ได้ยากเย็นอะไรเลย แค่จะทำหรือไม่ทำเท่านั้น
ถึงถังเซี่ยวเซี่ยวจะไม่อาจหยิบยืมแผนที่ดวงดาวจากบรรพบุรุษได้จริง แต่หากนางเอ่ยปากบอกเรื่องอยากหนีไปจากกลุ่มดาวที่มีนิกายถังตั้งอยู่เขาก็ไม่คิดจะปฏิเสธอยู่แล้ว