War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2516
ตอนที่ 2,516 : หุ่นเกราะ?
“อาศัยพวกเจ้า?”
มองไปยังร่างชายหนุ่มทั้ง 3 ที่กำลังมองจ้องถังเซี่ยวเซี่ยวด้วยสายตามากราคะ มุมปากต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะยกแสยะด้วยความรังเกียจ
และตอนนี้สำนึกเทวะของเขาก็แผ่ออกไปตรวจสอบพวกมัน จนพบได้ว่า…
ชายหนุ่มทั้ง 3 เพียงมีร่างกายที่แข็งแรงกว่าคนทั่วไปเท่านั้น และหนึ่งในนั้นก็แลดูแข็งแรงกว่าอีก 2คนอย่างเห็นได้ชัด
แต่ที่เหมือนกันคือในร่างของทั้ง 3 ไม่มีพลังงานอะไรเลย…
ในสายตาต้วนหลิงเทียน ทั้ง 3 ก็ไม่ต่างอะไรจากคนธรรมดา
“ฮึ! คิดแอ้มข้าหรือ นั่นต้องดูว่าพวกเจ้ามีปัญญาหรือไม่!!”
ถังเซี่ยวเซี่ยว มองชายหนุ่มทั้ง 3 ด้วยสายตาปรามาส ไม่ได้เห็นพวกมันอยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
“หึ! ดูเหมือนผู้ฝึกตนบ้านนอก 2 คนนี่จะมั่นหน้าเป็นพิเศษ…”
ชายหนุ่มคนสุดท้ายที่ยังไม่ได้พูดอะไรออกมา เปิดปากกล่าววาจาดูถูกเสียงเรียบ ใบหน้าที่มองเย้ยต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวของมันทำราวกับถือไพ่เหนือกว่า! และไม่ทันไรสองตาของมันก็ฉายแววอำมหิตเย็นเยียบ!!
และในบรรดาทั้ง 3 ชายหนุ่มคนสุดท้ายคนนี้ ก็มีศักยภาพร่างกายเหนือกว่าอีก 2 คน! กระทั่งยังแข็งแกร่งกว่าถึง 2-3 เท่า!!
แต่เป็นธรรมดาว่าในสายตาของต้วนหลิงเทียน พวกมันก็ไม่มีอะไรต่างกัน…
“ฮ่าๆๆๆ”
ชายหนุ่มที่กล่าววาจามากราคะออกมาก่อนหน้าระเบิดเสียงหัวเราะถูกใจ พลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ลูกพี่น็อค เอาเหมือนเดิมเป็นไง ให้พวกเราลงมือก่อน…ถ้าพวกเราไม่ไหวก็ค่อยให้พี่จัดการ?”
ลูกพี่น็อคในปากของชายหนุ่มมากราคะผู้นี้ ก็คือคนที่มีศักยภาพร่างกายสูงสุด
และทันทีที่มันกล่าวจบคำ ทั่วร่างชายหนุ่มเมื่อครู่กับชายหนุ่มคนแรกที่ตะโกนออกมา ก็เริ่มปรากฏความเคลื่อนไหวแปลกๆมีของเหลวบางอย่างค่อยๆก่อตัวแล้วกลายเป็นของแข็งปกคลุมหุ้มไปทั้งร่าง!
ชั่ววพริบตา ชายหนุ่มทั้งคู่ที่เดิมทีก็สูงราวๆ หนึ่งหมี่แปด* ก็สูงราวสามหมี่ทันที!
(1.8 เมตร = 180 ซม)
และตอนนี้ร่างของพวกมันได้อยู่ในโลหะพิเศษบางอย่าง แลดูแข็งแกร่งทนทานไม่น้อย ตัวโลหะยังเงาวับสะท้อนแสงปานกระจก…
เรียกว่าสภาพของพวกมันเสมือนอยู่ในหุ่นเกราะ จากหนังไซไฟที่ต้วนหลิงเทียนเคยดูเมื่อชีวิตที่แล้วเลย
ทว่าในชีวิตที่แล้วหุ่นเกราะอะไรแบบนี้มันมีอยู่แต่ในหนังกับนิยายเท่านั้น แต่สิ่งที่อยู่เบื้องหน้าเขาเป็นของจริง!
“หุ่นเกราะ!?”
คิ้วต้วนหลิงเทียนโค้งขึ้นอย่างเหลือเชื่อ เพราะเขาเองก็ไม่คิดว่าหุ่นเกราะที่สมควรมีแต่ในหนังจะปรากฏอยู่ตรงหน้าแบบนี้ได้!
“เอ๊ะ? ระนาบเซียนของเจ้ามิใช่ว่าเป็นระนาบโลกียะขนาดย่อมหรอกรึ หรือจะมีหุ่นเกราะแบบนี้ด้วย?”
ได้ยินคำอุทานด้วยความตกใจของต้วนหลิงเทียน ถังเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกแปลกใจเล็กน้อย “แต่…มิใช่ว่าระนาบโลกียะขนาดย่อมมันมิเหมือนมหาระนาบโลกียะหรือไร ไร้ดาวเคราะห์ทั้งดาราจักรอันใดแบบนี้?”
“หืม? มันเรียกว่าหุ่นเกราะจริงๆหรือ?”
ได้ยินคำของถังเซี่ยวเซี่ยวต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะอึ้ง เพราะไม่คิดว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าจะเรียกว่าหุ่นเกราะจริงๆ
‘หรือว่าโลกที่ข้าเคยอยู่ จะมีคนที่มีหุ่นเกราะจากดาราจักรที่มีเทคโนโลยีสูงมาเยือนแล้วจริงๆ ไม่งั้นทำไมดันเรียกว่าหุ่นเกราะเหมือนกัน แล้วมีความคิดไปในแนวทางเดียวกันได้’
พอคิดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ต้วนหลิงเทียนก็อดไม่ได้ที่จะคาดเดาไปทำนองนี้
หลังจากได้รู้ว่ามีสิ่งที่เรียกว่าหุ่นเกราะอยู่ในดาราจักรที่ถูกปกครองด้วยเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าแบบนี้อยู่จริงๆ จะให้บอกว่าหุ่นเกราะบนโลกเขาเป็นของในจินตนาการที่บังเอิญเหมือนกันเขาย่อมไม่เชื่อ!
ถึงมีคำกล่าวว่า ‘โลกกว้างใหญ่สุดไพศาล’ แต่ก็คงไม่มีเรื่องบังเอิญขนาดนี้หรอกนะ?
ทันใดนั้นเองชายหนุ่มในหุ่นเกราะคนหนึ่ง ดวงตาที่คล้ายเลนส์รูปเหลี่ยมของมันอยู่ๆก็เปล่งลำแสงออกมาแล้วพุ่งวาบไปเบื้องหน้า
หลังแสงสว่างพุ่งวาบออกไปแล้ว มันก็หันไปกล่าวคำกับชายหนุ่มคนเดียวที่ยังไม่สวมหุ่นเกราะ “ลูกพี่น็อคสงสัยวันนี้จะไม่ต้องถึงมือพี่แล้วล่ะ! ไอผู้ฝึกตนบ้านนอกสองคนนี่…อายุยังไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ!”
“ใช่แล้วลูกพี่ กับอีแค่ผู้ฝึกตนอ่อนๆอายุไม่ถึงร้อยไม่ต้องถึงมือพี่แน่นอน!”
ชายหนุ่มที่สวมใส่หุ่นเกราะอีกคนกล่าวเสริม
แน่นอนว่าหุ่นเกราะที่ปรากฏขึ้นนั้น เป็นเพราะเทคโนโลยีสูงล้ำบางประการแน่นอน
“หุ่นเกราะนั่นมันตรวจวัดอายุของพวกเราได้ด้วยเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถามถังเซี่ยวเซี่ยวด้านข้างด้วยความแปลกใจเล็กน้อย
“เป็นเรื่องธรรมดา”
ถังเซี่ยวเซี่ยวไม่ได้แปลกใจอะไร “หุ่นเกราะที่พวกมันใส่อยู่มีสิ่งที่เรียกว่าเครื่องตรวจจับ…เจ้าอย่าได้เห็นว่าตาซ้ายที่พึ่งเปล่งแสงเมื่อครู่ของมันเป็นตาธรรมดาเชียว ด้านในนั้นเป็นเครื่องจักรที่ซับซ้อนยิ่งนัก”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
เรื่องนี้เขาเองก็ตรวจพบด้วยสำนึกเทวะแล้ว
“อายุไม่ถึงร้อยปี?”
ด้านชายหนุ่มที่ถูกเรียกหาว่า ลูกพี่น็อค โดยชายหนุ่มในหุ่นเกราะทั้ง 2 อดไม่ได้ที่จะแสยะยิ้มออกมา เมื่อมองไปยังต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวอีกครั้ง ในแววตายังฉายชัดถึงความดูแคลนรังเกียจถึงที่สุด!
มันเองก็รู้จักผู้ฝึกตนเป็นอย่างดี
และผู้ฝึกตนที่มีอายุน้อยกว่าร้อยปีนั้น แค่จะบรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์ ก็นับว่าเป็นเรื่องที่ยากเย็นนัก!
ในบรรดา ดาราจักรผู้ฝึกตนนับสิบๆที่อยู่ใกล้ๆดาราจักรคอสเตอร์แห่งนี้ ถึงจะมีผู้ฝึกตนอายุน้อยกว่าร้อยปีที่บรรลุถึงขอบเขตเซียนสวรรค์อยู่บ้าง แต่ก็นับว่ามีน้อยเสียยิ่งกว่าน้อย!
ส่วนสหายทั้ง 2 ของมัน หลังจากสวมใส่หุ่นเกราะแล้ว พลังรบก็สูงขึ้นอย่างมาก เรียกว่าแข็งแกร่งทัดเทียมเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนด้วยซ้ำ!
ดังนั้นในความคิดของมันผู้ฝึกตนชายหญิงเบื้องหน้า ไม่น่าจะเป็นตัวตนขอบเขตเซียนสวรรค์ด้วยซ้ำ และต่อให้เป็นเซียนสวรรค์จริงๆ อย่างดีก็แค่เซียนสวรรค์ 1 หรือ 2 เปลี่ยน หรือเต็มที่ก็แค่เซียนสวรรค์ 3 เปลี่ยนเท่านั้น!
แต่ต้องทราบด้วยว่าในบรรดาดาราจักรที่มีผู้ฝึกตนนับสิบๆดาราจักรใกล้ๆดาราจักรคอสเตอร์นั้น ผู้ฝึกตนที่อายุน้อยกว่า 100 ปีและมีพลังฝึกปรือขอบเขตเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนกระทั่งเหนือกว่านั้น หายากยิ่งกว่าเขามังกรขนหงส์เสียอีก!
มันไม่คิดว่ามันกับพวกจะดวงซวยถึงขนาดมาบังเอิญเจอกับผู้ฝึกตนระดับนั้น!
ยังดีที่ด้านต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวไม่รู้ว่าในหัวของชายหนุ่มที่ถูกเรียกว่าลูกพี่น็อคคิดอะไรอยู่..
ไม่งั้นทั้งคู่ของได้ระเบิดเสียหัวเราะออกมาดังลั่นแน่นอน
เซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน?
ต้องทราบด้วยว่าตอนนี้พลังฝึกปรือของพวกเขาทั้ง 2 คนยังอยู่เหนือขอบเขตเซียนสวรรค์ 9 เปลี่ยนเสียอีก
เพราะพวกเขาเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ!
ที่สำคัญที่สุดก็คือพวกเขาไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะธรรมดาๆ!
ต้วนหลิงเทียนยามลงมือเต็มกำลัง ยังมีความแข็งแกร่งเทียบได้กับขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์!
ด้านถังเซี่ยวเซี่ยวเมื่อลงมือเต็มกำลัง แม้จะไม่อาจเทียบกับต้วนหลิงเทียนได้ แต่พลังความแข็งแกร่งของนางก็ยังเทียบได้กับเซียนอมตะเสเพล 5 ทัณฑ์!
ทว่าตอนนี้ลูกพี่น็อคอะไรนี่ กลับคิดว่าพวกเขาทั้งคู่ ไม่แม้แต่จะบรรลุถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน…
เป็นธรรมดาที่เขาจะไม่ถือสาที่น็อคจะคิดไปแบบนั้น
นั่นเพราะดาจาจักรผู้ฝึกตนที่อยู่ใกล้ๆดาราจักรคอสเตอร์แห่งนี้ ไม่ได้มีผู้ฝึกตนที่ร้ายกาจอะไรมากมาย
อีกทั้งขุมพลังทั้งหลายยังจัดเป็นขุมพลังระดับเล็กจ้อยไร้สำคัญในระนาบเหยียนหวงด้วยซ้ำ
เป็นธรรมดาว่าไฉนขุมพลังพวกนี้ถึงได้เล็กจ้อยและไม่ร้ายกาจอะไรมากมาย…
นั่นเพราะในดาราจักรผู้ฝึกตนนับสิบๆโดยรอบนั้น ไม่ได้มีมรดกตกทอดอะไรมาแต่โบราณ ทั้งยังขาดแคลนทรัพยากรบ่มเพาะ
กล่าวได้ว่าดาราจักรแถบนี้ ไม่มีขุมพลังใหญ่ๆ ไหนจะชายตาแลมองแม้แต่นิดเดียว…
ไม่ต้องกล่าวถึงขุมพลังระดับสำนักเทียนซือ หรือที่รองลงมาอย่างนิกายถังด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นขุมพลังที่มีระดับต่ำกว่านี้อีกถึง 2 ขั้นก็ไม่แม้แต่จะชายตาแลมอง! ไม่มีใครคิดจะมาลงหลักปักฐานแถวนี้แน่นอน!!
และในบรรดาขุมพลังขนาดเล็กทั้งหลาย การที่มีอายุไม่ถึงร้อยปีแต่บรรลุถึงเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน นั่นก็คือสุดยอดอัจฉริยะในตำนานแล้ว…
นอกจากนี้ดาราจักรคอสเตอร์ไม่เพียงถูกปกครองด้วยเทคโนโลยีโดยสมบูรณ์ ยังอยู่ห่างไกลแถมไร้ทรัพยากรบ่มเพาะ ทำให้ผู้ฝึกตนที่มีระดับสูงๆไม่คิดแวะเวียนผ่านมาอยู่แล้ว ที่จะมีผ่านมาก็แค่ผู้ฝึกตนอ่อนด้อยในดาราจักรใกล้เคียงเท่านั้น
ดังนั้นน๊อคจึงคิดว่าต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวเป็นผู้ฝึกตนในดาราจักรใกล้เคียงเท่านั้น
หากมันรู้ว่าต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวมาจากดาราจักรอันห่างไกลอย่างดาราจักรเชียนจีที่ถูกปกครองโดยนิกายถังล่ะก็ มันคงไม่กล้าดูถูกทั้งคู่แน่นอน!!
“ในเมื่อพวกมันอายุน้อยกว่า 100 ปี พวกแกก็จัดการเองแล้วกัน…”
น็อคที่ใช้สายตามองแคลนต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยว แสยะยิ้มกล่าวออกด้วยน่ำเสียงดูถูกกับชายหนุ่มในหุ่นเกราะทั้งสอง “ไอ้หน้าอ่อนนั่นฆ่าทิ้งได้ทันที แต่กับสาวน้อยนั่นอย่าหนักมือนักล่ะ!”
วาจาต่อมาของมัน ขณะกล่าวในแววตายังเผยประกายมากราคะไม่น้อย
“ฆ่า!!”
แทบจะพร้อมกับเสียงตะโกนอย่างดุร้าย หุ่นเกราะทั้ง 2 ก็เริ่มเคลื่อนไหว
ครึก! ครึก! ครึก!
…
ครึก! ครึก! ครึก!
…
ถึงแม้จะแลดูแข็งๆไม่ลื่นไหลเหมือนผู้คนจริงๆ หากทว่าหุ่นเกราะทั้ง 2 ก็ถือว่าเคลื่อนไหวอย่างกระฉับกระเฉงทั้งคล่องแคล่วไม่เบา
หุ่นเกราะตัวหนึ่งสะบัดมือขวาออกไปข้างๆ ก่อนที่จะปรากฏใบมีดโลหะสีเงินเผยประกายเยียบเย็นค่อยๆยืดยาวขึ้น ทำราวกับจะตัดผ่าได้ทุกสิ่งอย่าง!
ส่วนหุ่นเกราะอีกตัวยกมือซ้ายขึ้นมาเล็งไปทางต้วนหลิงเทียน ส่วนมือขวาประคองข้อมือซ้ายไว้ และพิกลนักมือซ้ายของมันกลับหายไป ปรากฏเป็นกระบอกปืนมืดดำแลดูอันตรายหนึ่ง และปลายกระบอกดังกล่าวก็เริ่มปรากฏลำแสงอนุภาคเริ่มๆควบรวมเป็นกลุ่มก้อน
ซู่มมม!!
เสียงแหวกสายลมด้วยคววามเร็วสูงดังขึ้น เป็นหุ่นเกราะตัวแรกพุ่งวาบมาดั่งสายฟ้าฟาด! ฟันดาบสีเงินนั่นเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต!!
มีดสีเงินเปล่งประกายเยียบเย็นคมกล้าของมัน ดูแล้วคิดฟันสะพายแล่งต้วนหลิงเทียนให้ตกตายในดาบเดียว!!
และสาเหตุที่ไฉนมันถึงพุ่งมาฉับไวดั่งสายฟ้าฟาดนั้น เป็นเพราะด้านหลังของมันมีบางสิ่งคล้ายท่อไอ่พ่นอยู่ 3 ท่อ กลไกการทำงานของมันคล้ายใช้แรงอัดอากาศประการหนึ่ง ปะทุระเบิดออกในฉับพลันเพื่อผลักดันส่งตัว ทำให้ความเร็วในการพุ่งตัวของมันค่อนข้างสูงไม่น้อย!!
‘ความเร็วระดับนี้…พอๆกับเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนได้เลย’
ถึงแม้ความเร็วของหุ่นเกราะในสายตาต้วนหลิงเทียนจะเชื่องช้าปานหอยทากคืบคลาน แต่ในแววตาต้วนหลิงเทียนก็อดฉายแววประหลาดใจออกมาไม่ได้…
เป็นหุ่นเกราะที่เกิดจากเทคโนโลยีของผู้คนแท้ๆ แต่กลับมีความเร็วทัดเทียมเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยนเชียวหรือ?
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังประหลาดใจกับหุ่นเกราะที่พุ่งทะยานเข้ามาหานั้น
ซู่มมม!!
เสียงระเบิดสนั่นพลันดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน มองไปพบว่ามือซ้ายที่เปลี่ยนไปคล้ายกระบอกปืนบางอย่างของหุ่นเกราะอีกตัว บัดนี้ได้ยิงลำแสงสีขาวออกมา ซึ่งในสายตาต้วนหลิงเทียนไม่ต่างอะไรจากปืนใหญ่เลเซอร์ไม่ก็ลำแสงอนุภาคในหนังที่เคยดูชมแม้แต่น้อย!
‘ปืนเลเซอร์งั้นเหรอ!?’
‘จะอะไรก็แล้วแต่ พลังทำลายระดับนี้มัน…สมควรเทียบได้กับเซียนสวรรค์ 4 เปลี่ยน!’
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังโค้งคิ้วขึ้น แววตาฉายถึงความประหลาดใจนั้นเอง
ถังเซี่ยวเซี่ยวเองก็ยืนชมดูต้วนหลิงเทียนกำลังเผชิญหน้ากับหุ่นเกราะ 2 ตัวย่างเฉยเมย เพราะนางไม่เห็นการลงมือระดับนี้อยู่ในสายตาแม้แต่น้อย
อย่างไรก็ตามทีท่าของทั้งคู่ ในสายตาของชายหนุ่มที่ขับหุ่นเกราะทั้ง 2 อยู่ พวกมันพากันคิดว่าต้วนหลิงเทียนกำลังตกใจเพราะมองความเร็วของพวกมันไม่ทัน จึงไม่อาจตอบสนองสิ่งใดได้!