War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2526
ตอนที่ 2,526 : อดีตราชันทหารรับจ้าง!
ตอนนั้นต้วนหลิงเทียนเห็นตู้เวยไม่ต่างอะไรจากพี่ชายแท้ๆ
ดังนั้นพอตู้เวยเกิดความสนใจอยากฝึกมวยจิตด้วย เขาก็เลยสอนให้ตู้เวยด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนก็ไม่ค่อยมีเวลาว่าง และตู้เวยเองก็บังเกิดความสนใจและรีบร้อนอยากฝึกมาก เขาจึงได้แต่คัดลอกมวยจิตฉบับสมบูรณ์และเขียนข้อแนะนำเพื่อให้ฝึกมวยจิตสำเร็จแก่ตู้เวย
และในชีวิตที่แล้ว ถึงแม้จะเป็นในช่วงเวลาที่เขาตกตาย มวยจิตของตู้เวยก็ถือว่ายังใช้การอะไรไม่ได้ อยู่ในระดับเด็กน้อยฝึกหัดเท่านั้น…
แต่ไม่คิดเลย
วันนี้ตู้เวยไม่เพียงแต่จะกลายเป็นนักรบเหนือธรรมชาติระดับแนวหน้า แต่อีกฝ่ายกลับอาศัยตำรามวยจิตและคำแนะนำที่เขาทิ้งไว้ให้ ผลักดันตัวเองจนไต่เต้าขึ้นมาอยู่บนจุดสูงสุดของโลกได้ในเวลาแค่ไม่กี่สิบปี…
‘ผู้นำองค์กรจิตวิญญาณแห่งเหยียนหวง ‘หลงเจิ้นกั๋ว’ ที่มันพูดถึง…หรือจะเป็นครูฝึกหลง?’
ในชีวิตที่แล้วหากจะถามว่าต้วนหลิงเทียนสนิทกับใครมากที่สุด ก็เห็นทีจะเป็นตัวแทนอย่างตู้เวยที่เขาเห็นไม่ต่างอะไรจากพี่ชายแท้ๆ
แต่ถ้าหากจะถามว่าในชีวิตที่แล้วเขานับถือและเคารพใครมากที่สุด ก็คือครูฝึกเขา หลงเจิ้นกั๋ว!
อาจกล่าวได้ว่าเพราะถูกหลงเจิ้นกั๋วฝึกฝนขัดเกลามาอย่างดี ทำให้เขากลายเป็นมือพระกาฬของหน่วยรบพิเศษเขี้ยวหมาป่าได้ในที่สุด!
ถึงแม้ภายหลังเขาจะเก่งกาจเหนือหลงเจิ้นกั๋ว และถอนตัวออกจากหน่วยรบผันตัวไปเป็นทหารรับจ้าง จนไม่ได้เจอกับหลงเจิ้นกั๋วอีกเลย…
แต่ในใจเขาก็เคารพนับถือหลงเจิ้นกั๋วเป็นดั่งอาจารย์เสมอมา
‘จิตวิญญาณแห่งเหยียนหวงงั้นเหรอ…’
ในชีวิตที่แล้ว ต้วนหลิงเทียนไม่เคยได้ยินชื่อองค์กรดังกล่าวเลย
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนคิดจะไปปรากฏตัวบนเรือสำราญ เพื่อเผชิญหน้ากับตู้เวย อดีตนายหน้าที่เขาเห็นไม่ต่างอะไรจากพี่ชายแท้ๆนั้นเอง
วาจาสนทนาจากเรือสำราญด้านล่างกลับทำให้เขาบังเกิดความสนใจ และชะลอการปรากฏตัวเอาไว้
“ท่านผู้นำ ช่วยบอกพวกเราได้ไหมคะ…ว่าผีอาภัพที่ท่านพูดถึงเป็นใคร?”
สาวสวยอันมีเรือนผมสีน้ำตาลที่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรมาตั้งแต่แรก สุดท้ายก็อดมองถามตู้เวยออกมาด้วยความสงสัยไม่ได้
จากนั้นสาวผมทองกับสาวผมดำก็หันไปมองตู้เวยด้วยความอยากรู้ทันที “ท่านผู้นำคะ พวกเราเองก็อยากรู้เหมือนกันค่ะ ว่าผีอาภัพที่ท่านว่าเป็นใคร…”
“ท่านผู้นำบอกพวกเราหน่อยนะคะ…”
ในขณะที่เหล่าสาวงามทั้ง 3 รบเร้าให้ตู้เวยเล่าเรื่องราวนั้นเอง
ตู้เวยก็หยิบซิก้าร์รุ่นที่มีจำนวนจำกัดออกมาตัดปลาย ก่อนที่สาวผมทองจะช่วยจุดไฟให้อย่างรู้งาน หลังสูบซิก้าร์ไปฟอดหนึ่ง มันก็พ่นควันออกมาพลางกล่าวว่า…
“ผีอาภัพที่ว่าคนนั้น…ได้รับการขนานนามว่าเป็นราชันทหารรับจ้าง! อันดับหนึ่งในโลกใต้ดินเมื่อไม่กี่สิบปีก่อน!!”
ตู้เวยกล่าว
ราชันทหารรับจ้าง อันดับ 1 ในโลกใต้ดิน?
ได้ยินประโยคนี้ของตู้เวย ทั้ง 3 สาวอดไม่ได้ที่จะตื่นตกใจ
ถึงแม้ในตอนนั้นแต่ละคนจะยังไม่เกิดก็ตามที
แต่ทว่า ในตอนนั้นการเปลี่ยนแปลงที่ดั่งห้วงแห่งนิพพานของโลกก็ยังไม่เริ่มต้นขึ้นไม่ใช่รึไง?
แถมระดับเทคโนโลยีและความก้าวหน้าของวิทยาศาสตร์ก็เรียกว่าล้าหลังกว่าตอนนี้นับร้อยๆปี!
ยุคสมัยนั้นไม่มีแม้แต่นักรบเหนือธรรมชาติ และรถลอยได้ด้วยซ้ำ!
ทำให้บอกได้เลยว่า ตัวตนที่ได้รับการขนานนามว่าอันดับ 1 ในโลกตอนนั้น…มีความเก่งกาจและน่ากลัวถึงขนาดไหน!
แต่ตอนนี้ตู้เวยพึ่งบอกว่า…
ตัวตนดังกล่าวคือ ผีอาภัพ?
“ท่านผู้นำ…คนที่ท่านพูดถึงใช่…ราชันทหารรับจ้าง หลิงเทียน รึเปล่า?”
ตอนนี้เองสตรีผมดำคล้ายนึกอะไรได้ออก จึงกล่าวถามขึ้นมา
“หืม? สาวน้อย เธอเคยได้ยินเรื่องมันมาด้วยเหรอ?”
สองตาตู้เวยหดหยีลง แววตาที่ใช้มองถามสาวน้อยผมดำยังเปลี่ยนเป็นแหลมคมไม่น้อย
ทำให้สตรีผมดำถึงกับบังเกิดความหวาดกลัวจนหน้าเสียไปทันที “นะ…หนูเคยได้ยินคุณลุงพูดถึงน่ะค่ะ…คุณลุงของหนู…ก็เคยเป็นทหารรับจ้างเหมือนกัน และคนที่คุณลุงนับถือมานานหลายสิบปีก็คืออดีตราชันทหารรับจ้าง หลิงเทียน”
“ราชันทหารรับจ้างหลิงเทียน?”
สูงขึ้นไปบนฟ้าเหนือเรือสำราญสุดหรู ร่างต้วนหลิงเทียนที่ลอยล่องอยู่กลางหาว พอได้ยินคำของสาวผมดำ สองตาเขาก็เริ่มเหม่อลอยไปเล็กน้อย
ราชันทหารรับจ้าง!
เขาไม่ได้ยินคำเรียกหาที่คุ้นเคยและห่างเหินนี้มาเนิ่นนานมากแล้ว…
“หลิงเทียน? ไหงคนที่สตรีนางนั้นพูดถึง…กลับมีชื่อเดียวกับเจ้าเลยเล่า?”
และในขณะที่แววตาต้วนหลิงเทียนกลายเป็นเหม่อลอยคล้ายกำลังคิดถึงเรื่องราวเก่าๆนั้นเอง พลันมีเสียงหนึ่งดังขึ้นในหู ทำให้เขาสะดุ้งตกใจและดึงสติกลับมาทันที
“เอ่อ…เจ้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
ตอนนี้ค่อยพบว่าถังเซี่ยวเซี่ยวอยู่ที่นี่แล้ว
“เมื่อกี้เอง ดูเหมือนเจ้าจะเหม่อไม่น้อยเลยนะ…”
ถังเซี่ยวเซี่ยวตอบ “ว่าแต่ทำไมเมื่อครู่พอสาวน้อยผมดำนั่นพูดถึงคำราชันทหารรับจ้างหลิงเทียน…เจ้าก็เหม่อไปเลยเล่า กระทั่งข้าเข้ามาใกล้เจ้ายังไม่รู้ตัว?”
กล่าวถึงท้ายประโยคถังเซี่ยวเซี่ยวก็อดไม่ได้ที่จะหยีตามองจ้องต้วนหลิงเทียนอย่างลึกซึ้ง
เป็นธรรมดาที่ถังเซี่ยวเซี่ยวจะรู้ว่า…
เหตุผลเดียวที่ต้วนหลิงเทียนไม่ทันจับสัมผัสการมาถึงของนางได้ เพราะนางไม่มีจิตคิดมุ่งร้ายอะไร…
ไม่งั้นด้วยประสาทสัมผัสของต้วนหลิงเทียน ต่อให้เหม่อขนาดไหน แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะปล่อยให้นางเข้าใกล้ได้โดยไม่รู้ตัว
ขณะเดียวกัน ถังเซี่ยวเซี่ยวยังพบด้วยว่าอาการเหม่อลอยของต้วนหลิงเทียน สมควรเกิดจากคำพูดดังกล่าว
ทว่าแม้นางจะพบเบาะแสที่ว่า แต่นางก็สุดที่จะจินตนาการได้ออกจริงๆ
ว่าต้วนหลิงเทียนีท่ลอยล่องอยู่เบื้องหน้า ก็คือราชันทหารรับจ้าง อันดับ 1 ในโลกใต้ดินเมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว หลิงเทียน!
“หากข้าจะบอกว่า หลิงเทียนที่นางพูดถึงก็คือข้าเอง เจ้าจะเชื่อรึเปล่า?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองถังเซี่ยวเซี่ยวเล็กน้อยค่อยกล่าวถาม
“เจ้าน่ะหรือ?”
ถังเซี่ยวเซี่ยวถึงกับอึ้งไปเลยเมื่อได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน
ในใจนางยังคิดไปโดยไม่รู้ตัวว่าต้วนหลิงเทียนกำลังพูดล้อเล่น
ทว่าพอเห็นสีหน้าท่าทางแลดูจริงจังของต้วนหลิงเทียน และจากลักษณะนิสัยต้วนหลิงเทียนในช่วงที่ได้อยู่ร่วมกัน ทำให้นางพบว่า..
เรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพูด ไม่น่าจะเป็นเรื่องล้อเล่น!
แต่ถ้าเป็นเรื่องจริงมันจะไม่เหลวไหลเกินไปหน่อยหรือ?
คนธรรมดาจากดาวเหยียนหวงไม่กี่สิบปีที่แล้ว ตอนนี้ได้กลายเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ?
ยิ่งไปกว่านั้นยังเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะที่ร้ายกาจทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!
ที่สำคัญยังไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะของระนาบเหยียนหวงแห่งนี้อีกด้วย แต่เป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะจากระนาบเซียน
ในขณะที่ถังเซี่ยวเซี่ยวกำลังตะลึง ต้วนหลิงเทียนก็กลับไปสนใจฟังเรื่องราวบนเรือสำราญเบื้องล่างอีกครั้ง
“ใช่แล้ว ผีอาภัพ ที่ข้าพูดถึงก็คืออดีตราชันทหารรับจ้างหลิงเทียนคนนั้น…”
เห็นสาวน้อยทั้ง 3 มองมาด้วยความสงสัย ตู้เวยเมื่อพ่นควันออกมาอีกรอบ ก็ค่อยๆกล่าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ตอนนั้น…ข้าเป็นนายหน้าของหลิงเทียน!”
และทันทีที่ตู้เวยพูดเรื่องนี้ออกมาสาวน้อยทั้ง 3 ก็อึ้งไปอีกรอบ
คนตรงหน้าพวกนางเป็นใคร พวกนางย่อมรู้ดี
นี่คือผู้นำขององค์กรหัตถ์มาร 1 ใน 2 องค์กรนักรบเหนือธรรมชาติที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก กระทั่งผู้นำของประเทศใหญ่ๆหลายประเทศยามพบเจอ ยังต้องก้มหัวให้ด้วยซ้ำ!
อาจกล่าวได้ว่าชายคนนี้ ก็คือผู้ที่มีอำนาจอยู่ ณ จุดสูงสุดของโลกก็ว่าได้!
แต่ตอนนี้คนระดับนั้นกลับพูดว่า…
เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน เป็นนายหน้าอดีตราชันทหารรับจ้างหลิงเทียน?
“ข้าไม่เคยพูดถึงเรื่องเมื่อ 20-30 ปีก่อนให้ใครฟังมาก่อนเลย…แต่วันนี้ในเมื่อสาวน้อยทั้งหลายอยากรู้กันนัก ข้าจะเล่าอะไรให้ฟังแล้วกัน”
ตู้เวยค่อยกล่าวต่อเสียงเรียบ
“เมื่อพูดถึงผีอาภัพหลิงเทียนคนนั้น ข้าก็บอกได้เลยว่าสาเหตุที่ข้าไปเป็นนายหน้าให้มัน ล้วนแล้วแต่เป็นเพราะผลประโยชน์ล้วนๆ…เพราะด้วยความสามารถของมัน จะเสกเงินทองทั้งอำนาจมากเท่าไหร่ก็ย่อมได้! อย่างไรก็ตามตอนนั้นมันเป็นเหมือนหมาป่าเดียวดายไม่สุงสิงกับใคร แถมไม่คิดไว้ใจใครเลย ทำให้ข้าที่คิดเข้าหามันเป็นอะไรที่ยากเย็นมาก…”
“แต่ข้าตู้เวยเป็นใครล่ะ? ในโลกยังมีอะไรที่ข้าทำไม่ได้อีกเหรอ?”
…
สูงขึ้นไปในอากาศ ยิ่งได้ฟังเรื่องราวที่ตู้เวยเล่าออกมามากเท่าไหร่ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็ยิ่งอัปลักษณ์มากขึ้นเท่านั้น
ที่แท้ที่ตู้เวยปรากฏตัวออกมาหมายช่วยชีวิตเขาในตอนนั้น ทั้งหมดก็คือการจัดฉากอย่างแยบคาบ…
แต่เขาไม่เพียงไม่รู้ และเปิดโอกาสให้ตู้เวยเข้ามาตีสนิท สุดท้ายยังให้อีกฝ่ายได้กลายเป็นนายหน้า…
ที่แท้เขาถูกตู้เวยหลอกตั้งแต่ต้น
‘มัน…เป็นหลิงเทียนที่ว่าจริงๆหรือ?’
ถังเซี่ยวเซี่ยวเองก็ย่อมได้ยินเรื่องราวที่ตู้เวยเล่าออกมาเหมือนกัน ขณะเดียวกันนางก็สังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน และบอกได้เลยว่าตอนนี้สีหน้าต้วนหลิงเทียนดูไม่ได้ถึงที่สุด
ขณะเดียวกันถังเซี่ยวเซี่ยวยังได้ฟังเรื่องที่ชวนให้งุนงงจากตู้เวยอีกด้วย
‘ตายแล้ว?’
‘หลิงเทียนที่ว่า…ตายไปเมื่อไม่กี่สิบปีที่แล้ว?’
ถังเซี่ยวเซี่ยวงงแล้วจริงๆ
ขณะเดียวกันบนเรือสำราญสุดหรูนั้น เหล่าสามสาวในชุดบีกินี่แสนเย้ายวน พอได้ฟังเรื่อราวจากปากของตู้เวย ตอนนี้สีหน้าของพวกนางก็เริ่มซีดลงปานกระดาษ…
มองไปยังร่างตู้เวยอีกครั้ง แววตายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
ตู้เวยคนนี้กลับหักหลังอดีตราชันทหารรับจ้างหลิงเทียน ที่เห็นตัวเองไม่ต่างอะไรจากพี่ชายแท้ๆได้ลงคอ และเป็นต้นเหตุให้หลิงเทียนตาย!
พฤติกรรมชั่วช้าสามานย์แบบนี้ ทำให้พวกนางทั้ง 3บังเกิดความรังเกียจจับใจ!
แน่นอนว่าต่อให้จะชิงชังรังเกียจสิ่งที่ตู้เวยกระทำมากแค่ไหน แต่พวกนางก็ไม่กล้าแสดงมันออกมา
“จะว่าไป…หากตอนนี้หลิงเทียนมันยังอยู่ ด้วยความสำเร็จระดับปรมาจารย์มวยจิตของมัน ป่านนี้มันคงได้ตำแหน่งอันดับ 1 ในโลกไปครองได้อย่างง่ายดายแล้วล่ะ! คงไม่มีใครในโลกต่อกรกับมันได้เลย!!”
“น่าเสียดาย…ที่ชะตามันถูกลิขิตให้เป็นได้แค่หินรองเท้าของข้าตู้เวย จึงไร้วาสนาได้เป็นอันดับ 1 ในโลกที่แท้จริง!”
“ถึงตอนนั้นตัวมันจะได้รับการขนานนามว่าราชันทหารรับจ้างที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก…แต่ถ้าเหล่าประเทศมหาอำนาจทั้งหลายตัดสินใจส่งกองทัพไปฆ่ามันโดยไม่สนค่าใช้จ่ายอะไรล่ะก็ มันยังไงก็ต้องตายแน่นอน!!”
“ไม่เหมือนตอนนี้..ต่อให้ประเทศมหาอำนาจทั้งหลายจะส่งคนมาฆ่าข้า ต่อให้พวกมันยินดีจ่ายออกทุกสิ่งก็ไม่มีวันฆ่าข้าได้!!”
วาจาประโยคสุดท้ายของตู้เวยขณะกล่าว ยังฉายชัดถึงความมั่นใจออกมาถึงที่สุด
“เรื่องเมื่อหลายสิบปีที่แล้วข้าได้ฝังมันเอาไว้ในใจมาโดยตลอด โดยที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังมาก่อน…วันนี้พอมาได้เล่าให้คนอื่นฟังก็รู้สึกโล่งขึ้นมาไม่น้อย”
ตู้เวยเหลือบมองสามสาวรอบกาย ค่อยพูดออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา “อย่างไรก็ตามพอดีข้าไม่คิดให้มีใครรู้เรื่องราวในอดีตอีกเป็นคนที่ 2…สุดท้ายแล้วมันก็เป็นอันตรายต่อชื่อเสียงของข้าไม่น้อย”
“ดังนั้น…เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องราวน่าเบื่อทำนองนั้น พวกแกทั้ง 3 ก็ต้องจ่ายราคาความอยากรู้อยากเห็นกันหน่อย”
พูดถึงตรงนี้แวตาของตู้เวยก็ฉายเจตนาฆ่าฟันออกมา
“ท่านผู้นำคะ! พวกเราขอสาบานหรือจะให้เซ็นสัญญาอะไรก็ได้ค่ะท่าน! พวกเราไม่มีวันพูดเรื่องในวันนี้ออกไปเด็ดขาด!!”
สาวงามทั้ง 3 เมื่อสังเกตเห็นเจตนาฆ่าฟันในแววตาของตู้เวย หน้าก็เปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง เร่งวิงวอนร้องขอความเมตตาออกมาทันที
“ข้า…เชื่อแต่คนตายเท่านั้น”
ตู้เวยฉีกยิ้มกว้าง
แต่ในขณะที่แววตาของตู้เวยเปลี่ยนเป็นเยียบเย็นถึงขีดสุด และกำลังจะลงมือฆ่าสตรีทั้ง 3 นั้นเอง
เสียงไม่แยแสหนึ่งพลันดังลงมาจากฟากฟ้า
“ในเมื่อแกกล้าทำ…ยังจะกลัวขี้ปากชาวบ้านอีกเหรอ?”