War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2537
ตอนที่ 2,537 : ตัวการปรากฏ
ร่างต้วนหลิงเทียนลอยล่องค้างกลางฟ้า เหนือปราสาทหลักของตระกูลปาร์คอย่างสงบ สองมือไพร่ไว้ด้านหลัง สองตาทอดมองลงไปยังปราสาทด้านล่างด้วยความเฉยเมยไร้อารมณ์ ไม่ได้มีความกริ่งเกรงใดๆต่อ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของดาวลีซเซอร์ที่มีเทคโนโลยีล้ำหน้าที่สุดในดาราจักรทางช้างเผือกแม้แต่น้อย
และหากเขาต้องการ เพียงพลิกฝ่ามือเขาก็สามารถลบปราสาทของตระกูลปาร์คได้อย่างง่ายดาย…
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้ทำแบบนั้น
ตั้งแต่ที่เขาได้รู้ว่าตระกูลปาร์คคือ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของดาวลีซเซอร์ ซึ่งเป็นดาวที่มีระดับอารยธรรมล้ำยุคที่สุดในดาราจักรทางช้างเผือก เขาก็บังเกิดความคิดประการหนึ่ง
และความคิดดังกล่าวก็จะนำพาความเปลี่ยนแปลงพลิกฟ้าคว่ำดินมาสู่โลก ดาวบ้านเกิดของเขา!
แม้กระทั่งแผ่นดินจีน อันเป็นประเทศมาตุภูมิของเขา ก็ไม่พ้นต้องกลายเป็นมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ที่แข็งแกร่งทรงพลังที่สุดของดาราจักรทางช้างเผือกในอนาคตอันใกล้
เพื่อโลก และเพื่อประเทศ เขาเลยไม่คิดจะลบตระกูลปาร์คทิ้งไปให้พ้นๆ
“มากันแล้ว”
เสียงใสหนึ่งดังขึ้นเข้าหูต้วนหลิงเทียน ปลุกเขาให้ตื่นขึ้นจากภวังค์คิด เป็นถังเซี่ยวเซี่ยวที่ตอนนี้กำลังหอบหิ้วพวกหลงเจิ้นกั๋วและคนอื่นให้ลอยร่างค้างกลางหาวเบื้องหลังต้วนหลิงเทียน! และในสายตาของคนบนดาวลีซเซอร์ทุกคนก็เหมือนกันกับต้วนหลิงเทียน…ไม่มีอุปกรณ์ช่วยบินอะไรทั้งสิ้น!!
แน่นอนว่าตอนนี้ชีวิตของทุกคน ก็ขึ้นอยู่กับถังเซี่ยวเซี่ยวคนเดียว!
หากถังเซี่ยวเซี่ยวเลือกที่จะถอนรั้งพลังไร้สภาพที่หอบหิ้วทุกคนอยู่ล่ะก็ ด้วยความสูงระดับนี้ หากไม่ได้ตกลงไปในแม่น้ำหรือทะเลที่มีความลึกพอสมควร เกรงว่าต่อให้ไม่ตายก็ต้องพิการ!!
หลังจากที่ถังเซี่ยวเซี่ยวพูดขึ้นมาไม่นาน
ฟิ่ว! ฟิ่ว! ครืน! ครืน!!
…
บริเวณสนามหญ้ากว้างใหญ่ข้างปราสาทหลัก อยู่ๆ ก็ปรากฏรอยแยก! พื้นหญ้าเลื่อนเปิดออกอย่างอัศจรรย์ก่อนจะปรากฏยานบินลอยตัวขึ้นมา นอกจากนั้นยังปรากฏโดรนติดอาวุธและเครื่องบินไร้คนขับรูปร่างแปลกตามากมายลอยล่องขึ้นคุ้มกันกองยานดั่งห่าตั๊กแตน!
คนที่อยู่ในยานเหล่านี้ ก็คือระดับสูงของตระกูลปาร์ค
และที่นำหน้าสุดก็คือผู้นำตระกูลปาร์ค
มันกำลังยืนอยู่บนยานบินประหลาดที่มองไปก็คล้ายแผ่นจานมีฝาครอบลำหนึ่งด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม มันควบคุมเรือบินของมันให้ลอยเข้าไปหยุดลงเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน ในระยะที่เหมาะสมไม่กล้าถลำเข้าไปมากกว่านี้
ราวกับกบน้อยที่ไม่กล้ากระโดดออกจากบ่อน้ำ!
“คุณชายผู้ยิ่งใหญ่ กระผมคือ เรย์ลิน ผู้นำของตระกูลปาร์ค…ไม่ทราบว่าตระกูลปาร์คของพวกเรา ไปล่วงเกินคุณชายผู้ยิ่งใหญ่ให้โมโหได้อย่างไร?”
ขณะที่กล่าวกับต้วนหลิงเทียนผู้นำตระกูลปาร์คได้ใช้อุปกรณ์ขยายเสียง เพราะลำพังเสียงของมันไม่มีทางดังสู้เสียงรบกวนมากมายบนฟ้าแบบนี้ได้
และตั้งแต่ที่มันรู้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงสามารถบุกมาถึงที่นี่ได้…โดยที่ดาวเทียมตรวจจับความเคลื่อนไหวของตระกูลปาร์คมันไม่อาจตรวจจับได้เลย มันก็ตระหนักได้ว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ผู้ฝึกตนธรรมดาๆแน่นอน!
หากเลือกได้ มันกับตระกูลปาร์คก็ไม่คิดจะล่วงเกินและบาดหมางกับผู้ฝึกตนที่ทรงพลังขนาดนี้
ต้องทราบด้วยว่า…หากมีเรื่องกับพวกผู้ฝึกตนนั้น ถ้าเข่นฆ่าสังหารอีกฝ่ายได้ก็ดีไป แต่ถ้าฆ่าไม่ได้ขึ้นมา…หลังจากนั้นไม่พ้นต้องเผชิญหน้ากับการตอบโต้ของอีกฝ่ายแน่นอน! ถึงแม้ตระกูลปาร์คของพวกมันจะเป็นตระกูลใหญ่ แต่ก็ยากจะต่อต้านตัวตนแบบนี้ได้!!
“ผู้นำตระกูลปาร์ค?”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปยังเรย์ลิน พลางกล่าวออกเสียงเรียบ “เมื่อไม่กี่สิบปีก่อน มีคนของตระกูลปาร์คเจ้า ได้ไปเยือนระบบสุริยะ และไปถึงดาวเคราะห์ที่มีสิ่งมีชีวิตดวงเดียวของระบบสุริยะ…โลก”
“ตอนนี้…ไปลากหัวพวกมันออกมา โดยเฉพาะผู้นำในการเดินทางครั้งนั้น!”
เสียงที่ต้วนหลิงเทียนใช้กล่าวกับผู้นำตระกูลปาร์คอย่างเรย์ลินนั้น เห็นได้ชัดว่าเป็นคำสั่ง และไม่เว้นช่องว่างให้ปฏิเสธ!
“มันจะอวดดีเกินไปแล้ว เห็นท่านผู้นำเราเป็นอะไร ถึงกล้าออกคำสั่งแบบนั้น!?”
“เห็นท่านผู้นำเราพูดดีด้วยหน่อยได้ทีก็เอาใหญ่!อย่าให้มันมากเกินไปนัก!!”
…
เมื่อเห็นว่าผู้ฝึกตนชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ไม่เพียงกล่าวกับผู้นำตระกูลของมันอย่างไม่ไว้หน้ากระทั่งยังกล้าออกคำสั่งแบบนั้น เหล่าคนระดับสูงของตระกูลปาร์คบางคนที่ไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะร้ายกาจอะไรมากมาย ก็อดไม่ได้ที่จะมีโมโห พากันตะคอกออกมาอย่างไม่พอใจ
“หนวกหู”
ทว่าหลังจากที่ระดับสูงของตระกูลปาร์คตะคอกออกมาไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงรำคาญที่ดังสนั่นปานฟ้าคะนองกลบเสียงยานทั้งหลายของตระกูลปาร์คได้อย่างชะงัด!
“ข้ากำลังคุยกับผู้นำตระกูลปาร์ค…พวกเจ้านับเป็นตัวอะไรถึงสะเออะพูดแทรก?”
และแทบจะพร้อมกันกับที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ
ไม่เห็นว่าต้วนหลิงเทียนลงมืออย่างไร หากแต่เหล่าระดับสูงตระกูลปาร์คที่พึ่งตะคอกเสียงใส่ต้วนหลิงเทียนไปเมื่อครู่ อยู่ดีๆแขนซ้ายของทุกคนก็ขาดด้วนเสมอไหล่ อีกทั้งรอยแผลยังเรียบเนียนนัก!ราวกับถูกตัดด้วยใบมีดคมกล้าบางเฉียบ!!
“อ๊าคคคค!!”
“โอ๊ยยย!!”
…
ทันใดนั้นระดับสูงของตระกูลปาร์คที่ปากดีเมื่อครู่ ก็จำต้องกรีดร้องออกมาเสียงหลงปานหมูถูกน้ำร้อนลวก!
หลังจากนั้นพวกมันแต่ละคนก็รีบกุลีกุจอพุ่งมือขวาไปคว้าแขนซ้ายมาประกบติด และรีบหยิบขวดแก้วเล็กๆอันมีของเหลวสีฟ้าเรืองแสงออกมากิน
หลังจากที่พวกมันกินของเหลวสีฟ้านั่นไปนได้ไม่ทันไร บริเวณปากแผลที่ไหล่ซ้ายก็ไม่มีเลือดไหลออกมาอีกต่อไป ที่สำคัญแขนซ้ายของพวกมันก็คล้ายจะเชื่อมต่อได้สมบูรณ์ ไม่หลงเหลือร่องรอยการถูกตัดขาดอยู่เลย
เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้แปลกใจอะไร
เพราะเขาเคยได้ยินถังเซี่ยวเซี่ยวพูดถึงเรื่องนี้มาก่อนแล้ว ว่าดาวที่มีอารยธรรมสูงๆทั้งหลาย ได้พัฒนายาพันธุกรรมจนมีประสิทธิภาพสูงนัก! อย่าว่าแต่การรักษาบาดแผลเล็กๆน้อยๆ ต่อให้แขนขาขาดขอเพียงได้รับการรักษาอย่างเหมาะสมและใช้ยาพันธุกรรมระดับสูงพอ ก็สามารถเชื่อมต่อได้อย่างง่ายดาย
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนกับถังเซี่ยวเซี่ยวไม่แปลกใจ แต่ไม่ได้หมายความว่าหลงเจิ้นกั๋วกับอีก 10 คนจะไม่แปลกใจไปด้วย…
“เอ่อ…”
“ประสิทธิภาพของยาพันธุกรรมของพวกมัน…จะไม่สูงเกินไปหน่อยเหรอ?”
“ต่อให้เป็นยาพันธุกรรมที่ดีที่สุดของโลกเรา หากเป็นบาดแผลแบบนี้ถึงจะรีบรักษาทันที แต่อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลาสิบวันครึ่งเดือนถึงจะหายดี…แต่ของพวกมันหายดีในพริบตาเลยเนี่ยนะ!?”
…
ตอนนี้ทั้ง 11 คนรวมถึงหลงเจิ้นกั๋วได้แต่หันหน้ามองกันเลิกลัก เห็นซึ้งถึงความตกใจและเหลือเชื่อในแววตาอีกฝ่าย
ในขณะที่พวกหลงเจิ้นกั๋วกำลังตื่นตระหนกตกตะลึงกับประสิทธิภาพของยาพันธุกรรมที่คนตระกูลปาร์คใช้รักษาแขนได้ในชั่วพริบตานั้น…
อีกด้าน ไม่ว่าจะเป็นระดับสูงของตระกูลปาร์ค ผู้นำตระกูลปาร์ค ไม่เว้นคนบนดาวลีซเซอร์ที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ ต่างพากันตื่นตระหนกทั้งไม่เข้าใจ
“เจ้านั่น…มันทำได้ยังไงกัน?”
“ความเร็วในการลงมือของมันจะไม่สูงไปหน่อยเหรอ…ในชั่วเวลาแค่พริบตาระดับสูงของตระกูลปาร์คนับสิบก็ถูกตัดแขนซ้ายเรียบเสมอไหล่พร้อมๆกันเนี่ยนะ!?”
“ความเร็วระดับนี้…สมควรเหนือกว่าความเร็วแสงใช่ไหม?”
…
เรียกว่าไม่ใช่แค่คนตระกูลปาร์คเท่านั้น ไม่ว่าใครก็ตามที่กำลังดูการถ่ายทอดสดอยู่ล้วนพากันตกใจทั้งสิ้น
หลังจากที่หายจากอาการตกใจแล้ว ทั้งหมดก็เริ่มตระหนักได้ว่านี่มันเรื่องอะไร สุดท้ายไม่นานคนบนดาวลีซเซอร์ก็ได้รู้กันถ้วนหน้า
ว่าตอนนี้ตระกูลปาร์คได้ไปยั่วยุการดำรงอยู่อันทรงพลังที่เรียกว่าผู้ฝึกตนเข้าให้แล้ว…
และตอนนี้ในเน็ต ก็เริ่มมีคนอธิบายเรื่องผู้ฝึกตนให้คนที่ไม่รู้ฟังอย่างละเอียด
ไม่นานคนของดาวลีซเซอร์ที่ชมการถ่ายทอดสดอยู่ ก็ได้รู้ว่าผู้ฝึกตนคืออะไร!
“ผู้ฝึกตนก็คือ ผู้ที่ดูดซับพลังวิญญาณฟ้าดินท่ามกลางสวรรค์และโลก เพื่อฝึกฝนบ่มเพาะตัวเองให้บรรลุสู่ความแข็งแกร่งอันไร้ผู้ต้าน…อีกทั้งหากบ่มเพาะไปสูงถึงระดับหนึ่งยังมีพลังอำนาจร้ายกาจประหนึ่งทวยเทพ!?!”
“เราก็เคยได้ยินมาเหมือนกัน ว่ายังมีดาราจักรอื่นๆนอกจากดาราจักรทางช้างเผือกของพวกเราอยู่อีก…ในดาราจักรเหล่านั้น ก็มีบางดาราจักรที่ถูกยึดครองโดยผู้ฝึกตน!”
“ใช่ครั้งหนึ่งฉันก็เคยได้ยินมาจากพ่อค้าระหว่างดวงดาวที่มาจากดาราจักรอื่น…เห็นว่าผู้ฝึกตนที่ทรงพลังนั้นสามารถทำลายเรือรบระดับภัยพิบัติในตำนานได้ด้วยซ้ำ!!”
…
เมื่อประโยคเหล่านี้เริ่มแพร่ไปในช่องสื่อสารของการถ่ายทอดสด คนบนดาวลีซเซอร์ก็อดไม่ได้ที่จะแตกตื่นกันยกใหญ่
“เรือรบระดับภัยพิบัติ? นั่นมันอารยธรรมระดับ SSไม่ใช่หรือไง…ดาราจักรของพวกเรายังมีระดับอารยธรรมอยู่ที่ระดับ A อยู่เลย…ให้ทุ่มกำลังทั้งหมดที่มีก็สู้กับเรือรบระดับภัยพิบัติลำเดียวไม่ได้!”
“แบบนั้นไม่ได้หมายความว่า…หากผู้ฝึกตนที่ทำลายเรือรบระดับภัยพิบัติได้ คิดจะทำลายดาราจักรทางช้างเผือกของพวกเรา ก็เป็นอะไรที่ง่ายดายเลยน่ะสิ?”
“บ้าไปแล้ว! ผู้ฝึกตนร้ายกาจขนาดนั้นเลยเหรอ!?”
…
เรียกว่ายิ่งมาช่องพูดคุยข้างๆจอถ่ายทอดสดก็ยิ่งเดือด ผู้คนเริ่มพิมพ์คุยกันอย่างแตกตื่น! อารมณ์ของประชากรดาววลีซเซอร์ที่ดูถ่ายทอดสดอยู่เริ่มอึมครึม ประหนึ่งถูกปกคลุมไปด้วยหมอกควัน!!
“ผู้ฝึกตนคนนี้…คงไม่ใช่ผู้ฝึกตนที่มีพลังถึงขั้นทำลายเรือรบระดับภัยพิบัติในตำนานได้หรอกนะ?”
ไม่นานก็มีผู้ใช้รายหนึ่งพิมพ์คำถามประโยคดังกล่าวลงมาในช่องพูดคุยข้างๆจอภ่ายทอดสด
พอประโยคดังกล่าวถูกโพสลงมา ผู้คนก็รีบกดปุ่มหัวเราะกันยกใหญ่
“เพื่อน…เมื่อเช้ากินยาลืมเขย่าขวดเหรอ?”
“เรือรบระดับภัยพิบัติในตำนานนะพ่อคุณ ไม่ใช่เรือแจวผุๆ! ผู้ฝึกตนที่ทำลายเรือรบในตำนานแบบนั้นได้ ก็ต้องเป็นตัวตนระดับตำนานเท่านั้นล่ะ…จะมาปรากฏตัวในดาราจักรทางช้างเผือกของพวกเราได้ยังไง!!”
“โพสต์มาแบบนี้ พี่เค้าไม่มีวัวผสมจริงๆ…”
“ไม่มีวัวผสม +1”
“+1”
…
เรียกว่าข้อความดังกล่าวถูกโพสไปแป๊บเดียวก็มีคนให้ความสนใจตอบกลับกันอย่างมาก สุดท้ายก็ถูกเอาไปปักหมุดไว้ให้เห็นชัดๆข้างๆหน้าจอถ่ายทอดสด และถูกส่งต่อกันไปอย่างมากมาย เรียกว่าดึงดูดความสนใจให้คนของดาวลีซเซอร์เข้ามาดูเป็นจำนวนมาก
ในขณะที่ชาวเน็ตของดาวลีซเซอร์กำลังจ้อกันสนุกสนานนั้นเอง
ด้านแผนกตรวจสอบของตระกูลลีซเซอร์ก็กำลังเร่งทำงานกันราวคนคลั่ง พวกมันพยายามลดความเร็วของวีดีโอที่พึ่งถ่ายเมื่อครู่แล้วย้อนดูครั้งแล้วครั้งเล่า
วิดีโอที่ว่า ก็เป็นวิดีโอที่ตัดมาในช่วงที่วินาทีที่แขนคนระดับสูงของตระกูลปาร์คถูกตัดออก
เรียกว่าในวินาทีที่อยู่ๆแขนก็ถูกตัดขาดนั้น ได้ถูกแผนกตรวจสอบของตระกูลปาร์คเอามาลดความเร็วถึงขีดสุด และพยายามหาร่องรอยการลงมือของต้วนหลิงเทียนให้พบ
อย่างไรก็ตามพวกมันถูกลิขิตให้ผิดหวัง…
“ท่านผู้นำครับ พวกเราลองทำให้วิดีโอมันช้าที่สุดเท่าที่จะทำได้แล้วว…แต่พวกเราก็ยังไม่เห็นอยู่ดีว่าผู้ฝึกตนคนนี้มันลงมือยังไงกันแน่ พวกเรายังไม่แม้แต่จะเห็นด้วยซ้ำว่าอยู่ๆแขนของผู้อาวุโสทั้งหลายขาดได้ยังไง!”
ไม่นานหลังเกิดเรื่อง ผู้นำตระกูลปาร์คก็ได้รับรายงานจากแผนกตรวจสอบของตระกูล
เรียกว่าหน้าของมันเปลี่ยนสีไปทันที!
เพราะตอนนี้มันเริ่มตระหนักได้ถึงความร้ายแรงของสถานการณ์แล้ว!!
“ตรวจสอบ! รีบไปตรวจสอบเรื่องนี้ให้ฉันเร็วที่สุด!!”
“มันเป็นใครกันแน่! ที่ไม่กี่สิบปีก่อนได้เดินทางไปยังระบบสุริยะอะไรนั่น แล้วไปยังดาวเคราะห์ที่ชื่อว่า โลก ของระบบสุริยะ”
“ไปหาตัวมันมา…รีบไปลากคอมันมาให้ฉัน!!”
เรย์ลินแทบจะตะโกนใส่ไมค์ เพื่อสั่งแผนกตรวจสอบของตระกูลด้วยซ้ำ
และตอนนี้เหล่าระดับสูงของตระกูลปาร์คทั้งหลายเรียกว่าใจเต้นไปไม่เป็นจังหวะ!
“คุณลุง…”
ตอนนี้เองจากด้านหลังของกองยาน ปรากฏชายหนุ่มในชุดสีน้ำเงิน ก็ขับยานบินมาลอยข้างๆยานบินของเรย์ลิน ก่อนที่จะเปิดกระจกหน้าออกมา แล้วก้มหัวลงกล่าวออกด้วยความละอายใจ “ตอนนั้นคนที่ไปดาวโลกของระบบสุริยะ คือผมเอง…”
“เป็นเจ้านั่น!”
ในขณะเดียวกัน หลงเจิ้นกั๋วที่ลอยร่างอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียน พอเห็นชายหนุ่มที่เปิดฝาครอบยานบินออกมา ก็ชี้มือพร้อมอุทานออกมาทันที “มันเป็นผู้นำของมนุษย์ต่างดาวที่มาเยือนโลกเราเมื่อหลายสิบปีก่อน และนำอารยธรรมที่ล้ำหน้ากว่าอารยธรรมบนโลกของพวกเราไป 100 ปีมาให้พวกเรา!”
“และเป็นมันกับพวกที่ใช้วิธีการบางอย่างจัดการกับนักวิทยาศาสตร์ และผู้ที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีอวกาศทั้งหมดของโลกเรา!!”