War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2553
ตอนที่ 2,553 : วันแห่งการต่อสู้มาถึงแล้ว!
วันเวลาผ่านพ้น ดั่งอาชาขาวทะยานข้ามทุ่งขจี…
พริบตาเดียว ครึ่งเดือนก็ล่วงเลยผ่านไป…
ภายใต้ความวาดหวังไม่ว่าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจทั้งหมดในภูมิภาคเบื้องบนของดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋า ในที่สุดวันที่ต้วนหลิงเทียนประกาศท้าไว้เมื่อ 1 เดือนก่อน ว่าจะสู้กับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเผาปีศาจก็ได้มาถึง…
ณ ภาคกลาง ห่างออกไปทางตอนเหนือจากนครแห่งบาป 1,000 ลี้…
ปกติแล้วไม่ว่าสถานที่ใด หากพบเห็นมนุษย์กับเผ่าปีศาจอยู่ด้วยกัน ล้วนต้องเห็นฉากนองเลือดและการเข่นฆ่าสังหารกันให้ตายไปข้าง…
หากทว่าวันนี้ราวกับมนุษย์และปีศาจเหล่านี้ได้เจรจาหย่าศึกกันมาก็ไม่ปาน! ทั้งหมดลอยร่างค้างกลางหาวอย่างเรียบๆร้อยๆ ไม่มีใครกล้าลงมือลงไม้ทำอะไรวุ่นวาย!!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
เสียงสายลมกรรโชกพัดแรงหลากสำเนียงแว่วดังมาแต่ไกลไม่หยุดหย่อน เหล่ามนุษย์และเหล่าปีศาจที่พึ่งมาถึง เพียงกวาดตามองทั่วๆเล็กน้อย ก็เหินบินไปอยู่รวมกลุ่มกับเผ่าพันธุ์ของตัวเองดั่งกาเข้าฝูงกาหงส์เข้าฝูงหงส์
เรียกว่าตอนนี้บรรดาผู้ฝึกตนมนุษย์กับเผ่าปีศาจได้แบ่งแยกออกชัดเจน และ 2 ฝั่งยังตั้งค่ายเผชิญหน้าเข้าหากันประหนึ่งทัพใหญ่ 2 ทัพเตรียมปะทะรบพุ่ง!
เวลายังคงไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน เสียงแหวกฟ้ายังคงแว่วดังไม่หยุด ราวจั๊กจั่นเรไรร่ำร้องขับขาน
จนเมื่อเวลาล่วงเลยมาจนย่างเที่ยงวัน ผู้ฝึกตนมนุษย์รวมทั้งเผ่าปีศาจที่เดินทางมาถึงก็ค่อยๆน้อยลงเรื่อยๆ
และตอนนี้จำนวนมนุษย์กับเผ่าปีศาจที่มารอคอยกันอยู่ ก็มหาศาลจนน่ากลัว!
หากมองมาแต่ไกล ก็เห็นเพียงเงาดำทะมึนปานจะคลุมปิดฟ้าทั้ง 2 ฟาก!
“ไฉนคนยังไม่มา?”
“รีบร้อนไปใย…ต้วนหลิงเทียนเพียงนัดหมายประลองกับยอดฝีมือที่แข็งแกร่งที่สุดของเผ่าปีศาจวันนี้เท่านั้น หากแต่มิได้ระบุเวลา นี่ก็ยังไม่ทันเที่ยงวันที อดทนรอไปเถอะ…”
“ฮึ! พวกเจ้ายังกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะไม่มาอีกหรือ? อย่าได้ลืมว่าการนัดหมายประลองวันนี้เป็นมันท้าผู้อื่นเขา!”
“ข้าได้ยินมาว่าพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนจะอย่างไรก็ทัดเทียมเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์…เช่นนั้นต่อให้ไม่อาจเอาชนะยอดฝีมือของเผ่าปีศาจได้ก็ตาม แต่หากอีกฝ่ายคิดจะเอาชนะต้วนหลิงเทียนก็ไม่ใช่เรื่องง่ายใช่หรือไม่?”
“ใช่แล้ว ด้วยพลังฝีมือต้วนหลิงเทียนที่ร่ำลือในกาลก่อน เกรงว่าต่อให้เป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจอย่างดีก็ทำได้แค่เสมอกับต้วนหลิงเทียนเท่านั้น”
…
ในฝั่งค่ายผู้ฝึกตนมนุษย์ เริ่มบังเกิดเสียงซุบซิบสนทนาดังระงม
ผู้ที่พวกมันพากันกล่าวถึงก็ไม่ใช่ใครอื่น เป็นหนึ่งในตัวเอกของวันนี้ ต้วนหลิงเทียน! และยังเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของมนุษย์อีกด้วย!!
ความจริงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนสู้เสมอกับประมุขเผ่ามังกรวันนั้น ได้แพร่ออกไปทั่วทั้งดินแดนเทพยุทธ์เซียนเต๋าแล้ว
ดังนั้นผู้ฝึกตนมนุษย์จึงรู้ดีว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะเป็นครึ่งก้าวเซียนอมตะ แต่ก็แข็งแกร่งทัดเทียมกับเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์!
“เพ่ย! ให้ต้วนหลิงเทียนกับยอดฝีมืออันดับ 1 ของเผ่าปีศาจเสมอกันแล้วจะอย่างไร? อย่าได้ลืมไปว่าเมียของต้วนหลิงเทียนผู้นั้น นางตบเปรี๊ยงเดียวประมุขเผ่ามังกรที่ว่าแน่ก็หายไปไม่เหลือซากในชั่วพริบตา!”
ไม่นานก็มีคนโพล่งคำออกมาอย่าคึกคัก
และวาจาของมันก็สร้างแรงกระเพื่อมครั้งใหญ่ให้ผู้ฝึกตนมนุษย์ทั้งหมดทันที ต่างพากันบังเกิดความฮึกเหิมไม่น้อยเมื่อได้ยิน!
“ใช่! ภรรยาของต้วนหลิงเทียนถึงกับฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ในชั่วพริบตา! วันนี้ขอเพียงนางลงมือล่ะก็ ต่อให้ยอดฝีมืออันดับ 1 ของเผ่าปีศาจจะเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่ร้ายกาจแค่ไหน ก็ต้องตายแน่นอน!!”
“ข้ากลัวก็แต่เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจจะไม่มาน่ะสิ…เพราะอย่างไรมันก็ต้องเคยได้ยินถึงความร้ายกาจของภรรยาต้วนหลิงเทียนมาแล้วแน่นอน”
“หากมันไม่มา เช่นนั้นวันนี้เผ่าปีศาจไม่เพียงแต่จะเสียหน้า แต่ยังจะเดินเข้าสู่หนทางแห่งความล่มสลายอีกด้วย…เพราะอย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนก็ลั่นวาจาไว้แล้วว่า ถ้าวันนี้มันไม่มา…เขาจะฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจทั้งแดนดิน…”
“ช่างครอบงำนัก! ครอบงำเกินไป!!”
…
พอกล่าวถึงจุดนี้เหล่าผู้ฝึกตนมนุษย์ก็อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความภาคภูมิใจประการหนึ่ง
ท้ายที่สุดแล้วต้วนหลิงเทียนก็คือยอดฝีมืออันเป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์มนุษย์ เป็นดั่งความภาคภูมิใจของมวลมนุษย์!
(คิดถึงราชันแห่งมวลมนุษย์ผู้ถล่มมารดาเจ้าจัง…)
ขณะเดียวกันก็ยังเป็นความหวังเดียวของเผ่าพันธุ์มนุษย์ ที่จะขับไล่เหล่าปีศาจให้ล่าถอยกลับแดนเนรเทศ หรือฆ่าล้างพวกมัน!!
“อย่างไรก็ตาม…ข้าไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าต้วนหลิงเทียนคนนั้นที่ค่อยๆมีชื่อเสียงเลื่องลือในลัทธิบูชาไฟในกาลก่อน วันนี้กลับประสบความสำเร็จเลิศล้ำเช่นนี้ได้”
“จริง ไม่กี่ปีก่อนข้าเพียงจำได้ว่ามีคนจากภูมิภาคเบื้องล่างคนหนึ่ง สามารถสร้างชื่อในภูมิภาคเบื้องบนได้อย่างรวดเร็วจนน่าตกใจเท่านั้น…กล่าวไปตอนนั้นพวกเราหลายคนประเมินเขาต่ำไปจริงๆ ที่คิดว่าคงโด่งดังได้ไม่นาน”
“แล้วผู้ใดจะไปคิดได้เล่า…ว่าชายหนุ่มจากภูมิภาคเบื้องล่างสามารถประสบความสำเร็จอย่างเลิศล้ำดั่งวันนี้ได้ทั้งๆที่มีอายุไม่ถึงร้อยปี!”
“จะอย่างไรก็แล้วแต่…มนุษย์เรามีเขาอยู่ ก็นับว่าเป็นความโชคดีของพวกเราอย่างถึงที่สุด!!”
“ใช่”
…
พอเริ่มกล่าวถึงเรื่องราวในอดีตของต้วนหลิงเทียน หลายคนก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาด้วยมวลอารมณ์ซับซ้อน
เพราะสุดท้ายแล้วกล่าวไป การเติบโตขึ้นของต้วนหลิงเทียน พวกมันเสมือนได้ติดตามรับรู้ทุกย่างก้าว
“คราวนี้ขอเพียงต้วนหลิงเทียนสามารถขับไล่เผ่าปีศาจให้ย้อนกลับที่ของพวกมันได้ล่ะก็…เขาจะกลายเป็นตัวตนที่ทุกคนต้องรู้จักไปชั่วกาล! เป็นตำนานดั่งเซียนกระบี่ฟงชิงหยางในยุคนั้น!!”
“ไม่ใช่แค่นั้นหรอก! หากเขาขับไล่เผ่าปีศาจให้ย้อนกลับแดนเนรเทศได้จริง เขาจะเป็นตำนานที่ยิ่งใหญ่กว่าเซียนกระบี่ฟงชิงหยางเสียอีก! เพราะไม่เพียงแต่พลังฝีมือจะทัดเทียมเซียนกระบี่ฟงชิงหยางในปีนั้น ยังสร้างคุณงามความดีให้เผ่ามนุษย์เราอย่างใหญ่หลวง!!”
“ใช่แล้ว หากวันนี้กระทำสำเร็จ ผลงานอันยิ่งใหญ่ที่สามารถช่วยเหลือมนุษย์ชาติได้…เป็นอะไรที่ยิ่งใหญ่จนเซียนกระบี่ฟงชิงหยางในยุคนั้นก็เทียบไม่ติด!!”
…
ตอนนี้หลายคนคล้ายได้เห็นฉากเรื่องราว ตอนที่ต้วนหลิงเทียนขับไล่เหล่าปีศาจให้ล่าถอยกลับแดนเนรเทศได้สำเร็จแล้วก็ไม่ปาน
แตกต่างจากความตื่นเต้นคึกคักทั้งฮึกเหิมของฝั่งมนุษย์
ด้านคนของเผ่าพันธุ์ปีศาจตอนนี้ล้วนชักสีหน้าอึมครึมมืดมนทั้งสิ้น
“มู~ เจ้าว่า…เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจเราจะมาหรือไม่?”
สมาชิกเผ่าปีศาจวัวตนหนึ่งเอ่ยถามสหายที่หัวเป็นเสือข้างๆ ด้วยท่าทางหม่นหมอง
“เรื่องนี้มันก็บอกยาก…”
“มู~ นั่นสิ หากเป็นข้าๆคงไม่มาหรอก…เพราะสุดท้ายแล้วอย่างดีก็แค่สู้เสมอต้วนหลิงเทียน แต่สุดท้ายก็ถูกภรรยาต้วนหลิงเทียนฆ่าเอาได้ง่ายๆ!”
“รู้ว่าต้องตายแน่แล้ว ยังจะมาทำอะไร…”
“พวกเจ้าก็ว่าไปนั่น แต่อย่างไรข้ายังหวังให้ใต้เท้ามา…เพราะสุดท้ายแล้วหากใต้เท้าไม่มา พวกเราก็ไม่พ้นเป็นเหยื่ออารมณ์ต้วนหลิงเทียนกับพวกมนุษย์อ่อนแอนั่น…”
“ใช่ ข้าเองก็หวังให้ใต้เท้าของพวกเรามาเช่นกัน…เหตุผลเดียวที่ตอนนี้ข้ายังอยู่ที่นี่และมิได้หนีกลับระนาบที่ถูกทอดทิ้งบ้านเกิดของพวกเรา เพราะข้าหวังจะได้เห็นใต้เท้าของพวกเราต่อสู้อย่างห้าวหาญ อีกทั้งต่อให้พวกเราจะหนีกลับระนาบที่ถูกทอดทิ้ง แต่ต้วนหลิงเทียนก็ไม่แน่ว่าจะปล่อยปละละเว้นพวกเรา…”
“ใช่แล้ว ด้วยพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนกับภรรยา หากคิดตัดรากถอนโคนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ปีศาจของพวกเราจริง จะอยู่ที่นี่หรือกลับไปยังบ้านเกิด ก็เหลือแค่หนทางตายสายเดียว…”
…
ถึงแม้เผ่าปีศาจส่วนใหญ่จะคิดว่า มีโอกาสสูงที่ยอดฝีมืออันดับ 1 ของพวกมันจะไม่มาปรากฏตัวที่นี่วันนี้
แต่ในดวงตาของพวกมันก็อดไม่ได้ที่จะฉายแววคาดหวังออกมา
พวกมันยังคงมีความหวัง…ความหวังว่าใต้เท้าเผ่าปีศาจของพวกมันจะมีชัยและปกป้องพวกมันได้…!
และในขณะเดียวกันกับที่คนของเผ่าปีศาจกำลังเฝ้ารอใต้เท้าเผ่าปีศาจของมันด้วยใจวาดหวังนั้น ส่วนหนึ่งในใจของมันก็อดไม่ได้ที่จะถูกความวิตกกังวลกัดกิน กระทั่งหวาดกลัวอย่างยิ่งว่าใต้เท้าเผ่าปีศาจของพวกมันจะไม่มา…
หากเป็นแบบนั้นจริง วันนี้ก็คงเป็นวันตายของพวกมัน!
อย่างไรก็ตามยังมีคนของเผ่าปีศาจบางส่วนที่ยังคงสงบใจอยู่ได้
และคนของเผ่าปีศาจที่ว่า ล้วนแล้วแต่เป็นสมาชิกของเผ่าปีศาจมนุษย์ทั้งสิ้น
“น้องหลิงเทียน…ใกล้มาถึงแล้วรึยังนะ?”
ในบรรดาคนของเผ่าปีศาจมนุษย์ สหายเก่าของต้วนหลิงเทียนอย่าง หวงฉี่หลิง ศิษย์วังเซียนสัญจรเองก็ลอยล่องรอคอยอยู่เช่นกัน
นอกจากนั้นในแววตาของมันยังเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นและความคาดหวัง
“น่าเสียดายที่ศิษย์น้องหญิงเหวินจิ้งไม่มาด้วย…”
เมื่อคิดถึงศิษย์น้องหญิงที่ไม่อยากมาที่นี่ หวงฉี่หลิงอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง
เป็นธรรมดาว่ามันรู้ดีว่าไฉนอีกฝ่ายถึงไม่อยากมาที่นี่
เพราะสุดท้ายแล้วครั้งนี้ก็เป็นต้วนหลิงเทียนนัดหมายประลองกับยอดฝีมือของเผ่าปีศาจ และเป็นไปไม่ได้ที่จะมาตัวคนเดียว ไม่พ้นต้องพาภรรยาทั้งหลายมาด้วยแน่นอน…
“นายท่าน…ในที่สุดก็จะปรากฏตัวแล้วหรือ?”
จ้าววังเซียนสัญจร อวี่เหวินฮ่าวเฉิน เองก็ลอยร่างรอคอยด้วยสองตาลุกวาว มันเองก็คาดหวังกับการปรากฏตัวของต้วนหลิงเทียน นายท่านมันไม่น้อย
นอกจากนี้ยังมีหน้าเดิมๆจาก 3 วัง 6 ตำหนักของเผ่าปีศาจมนุษย์ที่มาเฝ้ารออยู่ที่นี่ด้วย
“มาแล้ว!!”
ทันใดนั้นเองไม่ทราบว่าเป็นใครหูตาว่องไวโพล่งดังขึ้น ดึงทุกสายตาและความสนใจของทั้งมนุษย์และปีศาจไปทันที
เรียกว่าวินาทีนี้หัวใจของเหล่ามนุษย์และเผ่าปีศาจถึงกับเต้นรัวขึ้นมาทันใด!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ครู่ต่อมาก็ปรากฏเสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไวมาแต่ไกลดังเข้าหูชัดเจน ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะหันขวับไปจับจ้องทิศทางต้นเสียงพร้อมๆกัน
เสียงดังกล่าวดังขึ้นจากทิศเหนือ
และบริเวณขอบฟ้าทิศเหนือยามนี้ ปรากฏร่าง 8 ร่างที่กำลังเหินทะยานข้ามฟ้ามาด้วยความเร็วอันน่าเหลือเชื่อ!
เป็นธรรมดาว่าด้วยความเร็วของร่างทั้ง 8 มีเพียงเซียนอมตะเสเพลระดับยอดฝีมือไม่กี่คนในที่นี้เท่านั้นที่สามารถมองเงาร่างทั้งหมดได้รางๆ
“ใต้เท้าอู๋จี๋มาแล้ว!”
เซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ตนหนึ่งของเผ่าปีศาจอุทานออกมาด้วยความตื่นเต้น
“เป็นใต้เท้าอู๋จี๋จริงๆด้วย! ใต้เท้าอู๋จี๋มาถึงแล้ว!!”
ไม่ทันไรเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจอีกตนก็โพล่งตามมาติดๆด้วยความตื่นเต้นดีใจ
“ใต้ท้าอู๋จี๋!?”
พอได้ยินเสียงอุทานด้วยความตื่นเต้นของเซียนอมตะเสเพล 7 ทัณฑ์ทั้งคู่ คนของเผ่าปีศาจส่วนใหญ่ก็อดไม่ได้ที่จะสับสน
แต่หลังจากนั้นไม่นานพวกมันก็ได้รับทราบจากเซียนอมตะเสเพลระดับสูงๆของเผ่าปีศาจ จนได้รู้ว่าใต้เท้าอู๋จี๋ที่ว่าคือใคร…
“ใต้เท้าอู๋จี๋…เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ หนึ่งเดียวของเผ่าปีศาจพวกเราในตอนนี้หรือ!?”
“ใต้เท้า…มาถึงแล้ว?”
“ข้าว่าแล้ว! เผ่าพันธุ์ปีศาจเรายิ่งใหญ่เกรียงไกรถึงเพียงใด ไหนเลยยอดฝีมืออันดับ 1 ของพวกเราจะยอมแพ้ทั้งๆที่ไม่ได้สู้!!”
…
จังหวะนี้เหล่าปีศาจมากมายเริ่มกล่าวกันอย่างตื่นเต้นคึกคัก
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ร่าง 8 ร่างพลันวูบมาปรากฏขึ้นกลางอากาศว่างเปล่าต่อหน้าต่อตาเผ่าปีศาจและมนุษย์ทั้งมวลปานภูตผี!
ร่างทั้ง 8 นี้นำมาโดยชายชราผู้หนึ่ง
ชายชราผู้นี้หน้าตาแลดูธรรมดาๆไร้ใดโดดเด่น หากเดินปะปนมากับฝูงชน เกรงว่าคงยากจะระบุตัวมันได้…
อย่างไรก็ตาม ชายชราที่หน้าตาแลดูสามัญธรรมดาดังกล่าว วินาทีนี้มันได้กลายเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของคนทั้งหมด!
“ชายชราผู้นี้น่ะเหรอ…ยอดฝีมืออันดับ 1 ของเผ่าปีศาจ เซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์?”
เมื่อเห็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจปรากฏตัวขึ้น เหล่าผู้ฝึกตนมนุษย์ในที่นี้แม้จะเต็มไปด้วยความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนกับภรรยา หากแต่พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะลอบสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แววตาที่ใช้มองชายชรายังเต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก
เพราะสุดท้ายแล้วต้วนหลิงเทียนก็ยังไม่มา!
เช่นนั้นเกิดชายชราผู้นี้คุ้มคลั่ง หรือนึกเฮี้ยนอยากฆ่าคนขึ้นมา…พวกมันจะทำอย่างไรกันเล่า?
อาศัยพลังฝีมือของพวกมัน ไม่พ้นต้องฝังร่างลงในถิ่นธุรกันดารแห่งนี้แน่แท้!!
“ต้วนหลิงเทียน ไฉนยังไม่มาอีกเล่า?”
“ข้าไม่หวังอะไรมาก ขอเพียงเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ของเผ่าปีศาจผู้นี้ ไม่เอาโทสะมาลงกับพวกเราเพราะคำท้าของต้วนหลิงเทียนก็พอ…”
“ท่านต้วนหลิงเทียน พี่ใหญ่ต้วนหลิงเทียน ข้าเรียกท่านว่าท่านปู่ต้วนหลิงเทียนก็ได้…รีบมาเร็วๆเถอะ!”
…
พอพบว่านี่มันก็จวนจะเที่ยงวันอยู่รอมร่อ แต่ต้วนหลิงเทียนยังไม่มาเสียที เหล่าผู้ฝึกตนมนุษย์บางส่วนก็เริ่มร้อนรนกังวลใจขึ้นมา…