War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2566
ตอนที่ 2,566 : ขู่!
“เจ้า…”
ได้ยินคำของกงซุนเวิ่นเทียน หน้าเซียนหยวนจื่อก็เริ่มบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ แววตายังเย็นลงปานจะแช่ผู้คนให้เป็นน้ำแข็ง
ด้านต้วนหลิงเทียนที่ลอยอยู่ข้างๆเซียนหยวนจื่อ พอได้ยินคำพูดกงซุนเวิ่นเทียน โทสะบนใบหน้าพลันมลายหาย กลับกลายเป็นความสงบราวลมคล้อยเมฆเคลื่อน มองกงซุนเวิ่นเทียนด้วยสายตาไร้อารมณ์อย่างใจเย็น
ราวกับไม่เพียงแต่จะไม่ได้รับผลกระทบอะไรจากคำพูดของกงซุนเวิ่นเทียน แต่ยังสงบลงประหนึ่งทะเลไร้คลื่นลมอย่างประหลาด
ทว่าสองตาเฉยเมยไร้อารมณ์นั่นกลับมองจ้องกงซุนเวิ่นเทียนไม่วางตา ราวกับโลกหล้าเหลือเพียงแค่มัน
ห้วงเวลาคล้ายหยุดลงในฉับพลัน
กงซุนเวิ่นเทียนที่รู้สึกว่าเรื่องราวทุกอย่างล้วนอยู่ในกำมือ ยังอดไม่ได้ที่จะผงะไปเล็กน้อย เมื่อถูกต้วนหลิงเทียนใช้สายตาสงบดังกล่าวมองมา
ก่อนที่มันจะปรากฏตัวออกมา มันดีดลูกคิดรางแก้วมาอย่างดี ก็พบว่าเมื่อมีซูหลี่ไว้ใช้ข่มขู่ต้วนหลิงเทียนแบบนี้ อย่างไรก็ต้องซื้อเวลาให้มันตีกรอบต้วนหลิงเทียนได้แน่นอน สุดท้ายไม่พ้นอีกฝ่ายต้องยอมแพ้มอบทักษะช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ผู้อื่นอันพิสดารนั่นให้มันแน่…
อย่างไรก็ตาม พอเห็นว่าต้วนหลินกลับยังสงบสติอารมณ์อยู่ได้ทั้งๆที่ได้ยินคำพูดของมันแล้ว ในใจของมันก็บังเกิดสังหรณ์อัปมงคลหนึ่งขึ้นมาทันที…
เพียงเพราะต้วนหลิงเทียนสงบเกินไป เฉยเมยเกินไป! ราวกับไม่ได้หวั่นหวาดอะไรแม้แต่น้อย นี่ทำให้มันรู้สึกเสมือนเรื่องราวอยู่เหนือความควบคุมอยู่บ้าง!
หากต้วนหลิงเทียนเผยทีท่าเดือดดาลและถลึงตามองมันปานจะเฉือนร่างมันสักสามพันแผล มันคงไม่คิดอะไรมากแบบนี้….
ทว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนกลับมองมันด้วยสายตาที่ทำราวกับไม่เห็นว่ามัน กงซุนเวิ่นเทียน จะนับเป็นตัวอะไรได้…
สายตาเช่นนี้ตั้งแต่มันบรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ มันก็ไม่เคยพบเจออีกเลย…
ทว่าก่อนที่มันจะบรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์นั้น มันเคยถูกตัวตนที่ทรงพลังเหนือกว่ามัน ใช้สายตาแบบเดียวกันนี้ มองจ้องมาที่มัน!
เป็นสายตาที่ผู้เข้มแข็ง มองไม่เห็นหัวผู้อ่อนแอ!
เมื่อเผชิญหน้ากับผู้อ่อนแอ ผู้เข้มแข็งย่อมมีทีท่าเฉยเมยไม่แยแสราวเหลือบแลมดปลวก!
ดุจเดียวกับมัน เมื่อมันมองไปยยังผู้ที่อ่อนแอ มันก็มักเผยทีท่าสายตาเช่นนี้เป็นประจำ!
‘แสแสร้ง…มันไม่พ้นวางมาดเสแสร้งทำเป็นลึกลับ!’
ถึงแม้ใจกงซุนเวิ่นเทียนจะกระตุกไปเล็กน้อย และบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลขึ้นมาประการหนึ่ง แต่พอตระหนักได้ว่าอย่างไรซูหลี่ก็อยู่ในกำมือ มันก็ฟื้นความฮึกเหิมมั่นใจได้ง่ายๆ
เพราะสุดท้ายแล้วมันก็ยังมีไพ่ตายอย่างซูหลี่ถือไว้ในมือ! ให้ต้วนหลิงเทียนแน่นักแล้วอย่างไร? มันยังสามารถใช้ซูหลี่เป็นเกราะกำบังได้อยู่ดี!!
ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่เผลอๆพลังฝีมือของต้วนหลิงเทียนอาจจะยังไม่ร้ายกาจทัดเทียมตัวตนขอบเขตจินเซียนของระนาบเทวโลกด้วยซ้ำ ต่อให้ต้วนหลิงเทียนร้ายกาจทัดเทียมขอบเขตจินเซียนจริงๆ มันก็มั่นใจว่าสามารถฆ่าวูหลี่ให้ตายก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ลงมือกับมันแน่นอน!!
ด้วยมีซูหลี่อยู่ในมือ เท่ากับมันอยู่ในสถานะไร้พ่าย!
เพราะต้วนหลิงเทียนย่อมบังเกิดอาการคิดเขวี้ยงมุสิกกริ่งเกรงภาชนะเสียหาย! เว้นเสียแต่ไม่สนเรื่องที่ซูหลี่ต้องตาย!!
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
ในขณะเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนมองจ้องกงซุนเวิ่นเทียนด้วยสายตาสงบ เวลาก็ค่อยๆไหลผ่านไปอย่างเงียบงัน และในระหว่างนั้นก็เริ่มมีผู้คนทยอยกันเหินร่างขึ้นมาเรื่อยๆ
คนเหล่านี้เป็นคนของตระกูลกงซุนที่คิดมารับชมเรื่องราวสนุกสนาน
หลังจากนั้นสักพัก เหล่าคนของขุมพลังอื่นๆ ก็เริ่มทยอยกันเดินทางมาถึง ผู้ฝึกตนอิสระจำนวนนับไม่ถ้วนก็ลอยร่างขึ้นมาชมดูเรื่องราวนอกชั้นบรรยากาศเช่นกัน
“พี่ชาย ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้น่ะเหรอ ต้วนหลิงเทียนที่กำลังดัง?”
“ใช่แล้วน้องชาย ข้าเคยซื้อป้ายหยกบันทึกภาพจากคนของวังคลื่นสวรรค์มาชมดู…ชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้นเป็นต้วนหลิงเทียนที่ฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ไม่ผิดแน่!”
“ให้ตายเถอะ แลดูยังเยาว์นัก!”
“ไม่ใช่แค่รูปลักษณ์นะ พวกเจ้าลองสัมผัสกลิ่นอายเลือดเนื้อดูเถอะ…อายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ!”
“หา!? ไม่ถึงร้อยปี พี่ท่านกล่าวล้อเล่นรึเปล่า?”
“สหายผู้นั้นไม่ได้ล้อเล่น! ต้วนหลิงเทียนผู้นี้อายุไม่ถึงร้อยปีจริงๆ ที่สำคัญได้รับการยืนยันมาแล้วว่าต้วนหลิงเทียนมิใช่คนในระนาบเหยียนหวงของพวกเรา แต่มาจากระนาบโลกียะขนาดย่อมที่เรียกว่าระนาบเซียน…และสาเหตุที่ไฉนเดินทางมาที่นี่ได้ เพราะใช้ช่องทางแดนลับต่างสวรรค์!”
“ใช้ช่องทางแดนลับต่างสวรรค์!? เช่นนั้นก็ยืนยันได้ทันทีว่าเขาอายุมิถึงร้อยปีจริงๆ…เพราะสุดท้ายแล้วผู้ที่จะเข้าแดนลับต่าสวรรค์ได้ หากมิใช่เป็นผู้ที่มีอายุน้อยกว่าร้อยปี ก็ต้องเป็นเซียนอมตะเสเพลถ่ายเดียว!”
…
เหล่าผู้คนที่ลอยร่างขึ้นมาร่วมสนุก ไม่ว่าจะมาจากตระกูลกงซุนหรือขุมพลังใด ตอนนี้ทั้งหมดก็มองไปยังร่างต้วนหลิงเทียนด้วยความสนใจ ทั้งเริ่มสนทนาถกกันเรื่องต้วนหลิงเทียนอย่างออกรส
“ท่านผู้เฒ่า…แล้วชายชรา 2 คนด้านนั้น คือบรรพบุรุษทั้ง 2 ของตระกูลกงซุนที่บรรลุขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์เช่นนั้นหรือ?”
ขณะเดียวกันก็มีหลายคนให้ความสนใจชายชรา 2 คนที่หนึ่งในนั้นหอบหิ้วซูหลี่เอาไว้ เพราะพวกมันเองก็ไม่เคยเห็นตัวตนระดับนี้มาก่อน
“ทั้ง 2 ท่าน เป็นท่านบรรพบุรุษของตระกูลกงซุนพวกเราหรือ?”
กระทั่งศิษย์สาวกบางคนของตระกูลกงซุนที่ไม่เคยเห็นบรรพบุรุษมาก่อน ก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองกงซุนเวิ่นเทียนกับชายชราอีกคนด้วยความสนใจ แววตายังมากล้นไปด้วยความเคารพบูชา
“ท่านบรรพบุรุษของตระกูลกงซุนหนึ่งมีนามว่า กงซุนหง ส่วนอีกหนึ่งเรียกว่า กงซุนเวิ่นเทียน…ทั้งสองล้วนเป็นตัวตนขอบเขตเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ ทั้งกงซุนเวิ่นเทียนยังเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวง”
เมื่อมีผู้รู้กล่าวออกมา ไม่เพียงแต่เหล่าผู้ฝึกตนอิสระรวมถึงผู้ฝึกตนจากขุมพลังต่างๆจะได้ล่วงรู้ กระทั่งคนของตระกูลกงซุนเองที่ฐานะไม่สูงพอจะได้เห็นตัวตนดั่งเทพผู้พิทักษ์ของพวกมันมาก่อน ก็ได้รับทราบเรื่องราวด้วยทันที
“ท่านผู้นั้น…ก็คือท่านบรรพบุรุษกงซุนเวิ่นเทียนของตระกูลกุงซุนเราจริงๆ!”
ยังมีคนของตระกูลกงซุนบางคนที่เคยพบเคยเจอบรรบุรุษทั้ง 2 มาก่อน ก็ช่วยยืนยันให้สมาชิกตระกูลที่ไม่เคยเจอบรรพบุรุษทั้ง 2 ได้มั่นใจ
เรียกว่าจังหวะนี้คนของตระกูลกงซุนทั้งหลายที่ไม่เคยพบเจอชายชราทั้ง 2 มาก่อน ก็ได้ทราบทันทีว่านั่นคือบรรพบุรุษทั้ง 2 ของพวกมัน และหนึ่งในนั้นก็คือยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวง กงซุนเวิ่นเทียน!
ชายชราชุดเขียวที่หอบหิ้วร่างอิดโรยหน้าซีดหาสีเลือดไม่เจอทั้งร่างยังสั่นสะท้านเปลือกตากระตุกไม่หยุดนั่น!
“ว่าแต่ร่างชายหนุ่มใกล้ตายที่ท่านบรรพบุรุษหอบหิ้วอยู่เป็นผู้ใดกัน?”
“หรือจะเป็น ซูหลี่ ที่ต้วนหลิงเทียนเรียกร้องให้ตระกูลกงซุนของเราส่งมอบออกไป?”
“ไม่ผิดแน่ ต้วนหลิงเทียนพึ่งเอาคนชื่อซูหลี่มาขู่ตระกูลกงซุนของพวกเรา…ยังกล้ากล่าวว่าหากไม่พบเจอซูหลี่ที่มีสภาพสมบูรณ์ภายในหนึ่งเค่อ มันจะทำลายตระกูลกงซุนของพวกเราให้ราบ!”
“จริงด้วย ก่อนหน้ามันประกาศกร้าวออกมาแบบนั้นจริงๆ”
…
เมื่อนึกย้อนไปถึงเสียงประกาศดังไปทั้งดาวของต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า ผู้คนทั้งหลายก็เดาได้ทันทีว่าชายหนุ่มที่กงซุนเวิ่นเทียนหอบหิ้วอยู่ สมควรเป็นเป้าหมายการมาครั้งนี้ของต้วนหลิงเทียน!
“ว่าแต่มีผู้ใดรู้บ้างว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“ซูหลี่ผู้นี้ที่แท้เป็นใครกันแน่ ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงต้องมาตามหาตัวมันด้วย?”
“อีกทั้งดูแล้ว…ซูหลี่ผู้นี้สมควรไม่ใช่คนของตระกูลกงซุนแน่ๆ หาไม่แล้วทางตระกูลกงซุนคงไม่ทรมานมันแบบนั้น”
…
หลายคนเริ่มหันมองถามคนข้างๆด้วยสายตาสงสัย หากแต่ที่ทั้งหมดได้รับก็คือการส่ายหน้าไปมาด้วยท่าทางว่างเปล่า บ่งบอกว่าไม่มีใครรู้เรื่องราวใดๆเลย และทั้งหมดก็ได้แต่พากันสงสัยนัก ว่าไฉนยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวงต้องจับชายหนุ่มผู้นั้นด้วย…
เพราะมองจากสภาพและท่าทีแล้ว ทำราวกับกำลังใช้ชายหนุ่มผู้นั้นเป็นตัวประกันเพื่อข่มขู่ต้วนหลิงเทียน!
แน่นอนว่าคนที่สงสัยและไม่เข้าใจเรื่องนี้ไม่ใช่แค่คนนอกเท่านั้น
กระทั่งเหล่าสมาชิกของตระกูลกงซุนเองก็พากันหันรีหันขวางถามไถ่กันใหญ่ ด้วยไม่ทราบว่านี่มันเรื่องอะไรกันแน่…
“ตกลง…นี่มันเรื่องอะไรกันแน่?”
“นั่นสิ เกิดเรื่องใดขึ้น แล้วซูหลี่ผู้นี้เป็นใคร?”
“ผู้ใดก็ได้บอกข้าที…ว่าเรื่องราวเป็นมาอย่างไร…”
…
เหล่าคนของตระกูลกงซุนไม่น้อยได้แต่หันรีหันขวางถามไปทั่ว สุดท้ายเหล่าอาวุโสฝ่ายในบางคนที่รับทราบเรื่องก็เริ่มเปิดเผยเรื่องราวออกมา
ทำให้หลังจากนั้นไม่นานเหล่าคนของตระกูลกงซุนรวมถึงคนนอกก็เริ่มรับทราบ ว่าที่แท้เรื่องราวเบื้องหน้ามันมีความเป็นมาอย่างไร
“ที่แท้เป็นตระกูลกงซุนได้เห็นวิธีการลงมืออันน่าทึ่งของต้วนหลิงเทียน ที่สามารถช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ของผู้อื่นได้….จึงไปจับตัวซูหลี่สหายของต้วนหลิงเทียนมา หมายใช้บีบคั้นให้ต้วนหลิงเทียนส่งมอบทักษะดังกล่าว..”
“ไม่คิดเลย…ไม่คิดเลย…ข้าล่ะไม่คิดเลยจริงๆว่าที่แท้ต้นสายปลายเหตุจะเป็นเช่นนี้!!”
“ข้าดันหลงคิดว่าต้วนหลิงเทียนถือดีว่าพลังฝีมือของตัวเองสูงส่งจึงคิดท้าทายตระกูลกงซุนเพื่อสร้างชื่อเสียง…แต่นึกไม่ถึงจริงๆว่าเขาเพียงมาที่นี่เพื่อช่วยเหลือสหายเท่านั้น…”
“เอ่อ ตระกูลกงซุนทำเช่นนี้…ดูเหมือนจะไม่ถูกมิใช่หรือ?”
…
เหล่าคนนอกที่ไม่ใช่สมาชิกตระกูลกงซุนอดไม่ได้ที่จะกระซิบคุยกันเสียงเบากับสหายเมื่อรับทราบความจริง
พวกมันทำได้แค่กระซิบเสียงเบา ไม่ก็ส่งเสียงผ่านพลังเท่านั้น เพราะกลัวว่าหากคนของตระกูลกงซุนได้ยินแล้วพวกมันจะถูกเอาเรื่อง…
เหล่าสมาชิกที่ค่อนข้างสัตย์ซื่อและมีคุณธรรมของตระกูลกงซุนทั้งหลายพอได้ทราบเรื่องราว ทั้งหมดก็กำหมัดแน่น ก้มหน้าลง นิ่งไปไร้คำพูด…
ถึงแม้ในใจพวกมันจะไม่เห็นด้วยกับการกระทำต่ำช้าดังกล่าวของบรรพบุรุษ แต่พวกมันก็รู้ดีว่าต่อให้พวกมันคัดค้านออกไปก็ไม่เกิดผล จึงได้แต่หลับตาข้างหนึ่งอย่างค้านความรู้สึกตัวเอง…
แน่นอนว่ายังมีสมาชิกตระกูลกงซุนไม่น้อยที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลุกวาวเปี่ยมความโลภ!
เพราะสุดท้ายแล้วหากตระกูลกงซุนได้ทักษะสุดพิสดารนั่นของต้วนหลิงเทียนมาครองล่ะก็ วันหน้าจะน้อยจะมากแต่พวกมันก็ถือว่ามีโอกาสได้ฝึกปรือ!
และพอจินตนาการว่าวันหนึ่งพวกมันได้รับเคล็ดววิชาดังกล่าว และสามารถใช้ช่วงชิงยอดสมบัติสวรรค์ของคนอื่นได้ง่ายๆ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะตื่นเต้น ยังคึกคักอักโขนัก
จิตใจคนเรานั้นล้วนมีความโลภด้วยกันทั้งสิ้น…
หาไม่แล้วเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของตระกูลกงซุนคงไม่กระทำต่ำช้าอย่างจับซูหลี่มาใช้บีบคั้นต้วนหลิงเทียนให้ยอมจำนนและส่งมอบทักษะพิสดารชิงอาวุธแบบนี้…
“ต้วนหลิงเทียน!”
ท่ามกลางสายตาที่มองมาของทุกผู้คน กงซุนเวิ่นเทียนที่เผชิญหน้ากับต้วนหลิงเทียนตรงๆอย่างเงียบงันกว่า 2 เค่อ ก็เป็นฝ่ายทำลายความเงียบ และกล่าวกับต้วนหลิงเทียนออกมาเสียงหนักว่า
“จุดมุ่งหมายของข้า เจ้าคงได้รับทราบจากเซียนหยวนจื่อมาแล้ว…”
“เช่นนั้นวันนี้ตราบใดที่เจ้ากล่าวคำสาบานต่อทัณฑ์สวรรค์เก้าเก้า ว่าจะส่งมอบทักษะที่สามารถใช้ปล้นยอดสมบัติสวรรค์ผู้อื่น และคอยชี้แนะลูกหลานตระกูลกงซุนของข้าชุดหนึ่งให้สำเร็จทักษะดังกล่าว รวมทั้งจะไม่เป็นศัตรูกับตระกูลกงซุนของข้าไม่ว่าทางใดก็ทางหนึ่งล่ะก็…ข้า รับปากว่าจะไม่ฆ่าเจ้า! รวมถึงจะปล่อยตัวซูหลี่ไปแต่โดยดี!!”
“หาไม่แล้วอย่าได้โทษข้าที่จำต้องฆ่าเจ้ากับซูหลี่ทิ้ง!”
สองตากงซุนเวิ่นเทียนที่มองสบตาต้วนหลิงเทียนอยู่นั้น เริ่มฉายแววโหดเหี้ยม “เจ้าสมควรรู้แล้วว่าข้าเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น หากต้องการข้าอาศัยเพียงห้วงคิดเดียวก็ใช้ทักษะวิญญาณฆ่าเจ้าได้ง่ายๆ..”
“และตั้งแต่ที่ข้าปรากฏตัวออกมาจนถึงวินาทีนี้ ข้าก็มีโอกาสนับร้อยนับพันครั้งที่จะฆ่าเจ้า…ข้าเชื่อว่าเจ้าเองก็คงรู้เรื่องนี้ดีอยู่แล้ว”
กงซุนเวิ่นเทียนยังคงกลาวขู่ออกมาไม่หยุด “แน่นอนว่าเจ้าสามารถลองลงมือจู่โจมข้าดูได้…แต่ข้ารับรองได้เลยว่าก่อนที่เจ้าจะทันได้ฆ่าข้าตาย ซูหลี่มันต้องตายก่อน!!”
“กระทั่งเจ้าเองก็ไม่มีทางรอดพ้นทักษะวิญญาณที่ข้าใช้ก่อนที่ข้าจะตกตายได้!!”