War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2570
ตอนที่ 2,570 : ถึงเวลาขึ้นไปแล้ว?
ถึงแม้ว่าหลังออกมาจากแดนลับต่างสวรรค์ได้ไม่ทันไร เซียนหยวนจื่อจะได้รับทราบว่าต้วนหลิงเทียนได้เข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ไป…
แต่มันอย่างไรก็ไม่ได้เห็นด้วยตาตัวเอง
และต่อให้จะเห็นฉากการสังหารจากยันต์เต๋ากระจกเงาทั้งหลายในภายหลัง แต่ความรู้สึกก็คนละเรื่องกับอยู่ในเหตุการณ์…
แต่วันนี้มันได้เห็นต้วนหลิงเทียนบีบคั้นจนบรรพบุรุษตระกูลกงซุน อย่างกงซุนเวิ่นเทียน ยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวงให้ฆ่าตัวตาย อีกทั้งยังได้เห็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อีกคนของตระกูลกงซุนอย่างกงซุนหงถูกฆ่ากับตา!
และฉากสังหารที่ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่นั่น ก็ทำให้เซียนหยวนจือผวานัก!
ตอนนี้ในสายตาของมัน ต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นตัวตนที่ทรงพลังเหนือเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ระนาบโลกียะทั้งมวลไปแล้ว!
ก่อนถึงวันนี้ มันคิดว่าจุดอ่อนเดียวของต้วนหลิงเทียนก็คือระดับพลังวิญญาณต่ำต้อย และยากจะตอแยเหล่าเซียนอมตะเสเพลที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นได้…
ทว่าวันนี้มันได้ประจักษ์ชัดคาตา ว่ากระทั่งเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น ยังไม่อาจใช้อำนาจจิตทำอะไรต้วนหลิงเทียนได้เลย!
กระทั่งอำนาจจิตที่ว่ายังไม่อาจเฉียดใกล้ร่างต้วนหลิงเทียนด้วยซ้ำ!
“น้องหลิงเทียนไฉนเจ้าไม่บอกข้าแต่แรกเล่า ว่าเจ้าไม่กลัวทักษะวิญญาณของกงซุนเวิ่นเทียน…ตอนแรกข้ากลัวแทบตายว่าเจ้าจะต้านทานอำนาจจิตของกงซุนเวิน่เทียนไม่ได้”
หลังออกจากดาราจักรกู่เฉวียนที่ถูกปกครองโดยตระกูลกงซุน เซียนหยวนจื่อก็มองไปยังต้วนหลิงเทียนที่หอบหิ้วซูหลี่พลางกล่าวออกด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ
“อะไรกันพี่จื่อ นี่ท่านไม่เชื่อใจข้าเลยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาด้วยรอยยิ้ม
“นี่ไม่ใช่ว่าข้าไม่เชื่อเจ้า แต่ความรู้ข้ามีจำกัดจึงมิอาจทราบได้จริงๆว่าครึ่งก้าวเซียนอมตะเช่นเจ้าจะต้านรับทักษะวิญญาณของงเซียนอมตะเสเพล 9ทัณฑ์ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นได้แบบนี้”
“จะอย่างไรก็แล้วแต่…ชิ้นส่วนโลหะประหลาดที่เจ้าใช้สกัดอำนาจจิตของกงซุนเวิ่นเทียนนั่นมันคือสิ่งใดกันแน่ ใช่ยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณหรือไม่?”
กล่าวถึงจุดนี้เซียนหยวนจื่อก็เอ่ยถามออกมาด้วยความสงสัย
“ยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณ? มียอดสมบัติอะไรแบบนั้นด้วยเหรอ?”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนแลดูว่างเปล่า ตาปริบๆ
“เอ่อ…เจ้า…ไม่รู้จักงั้นเหรอ…เช่นนั้นชิ้นส่วนโลหะประหลาดนั่นของเจ้ามิใช่ยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณ?”
เมื่อเห็นสีหน้าว่างเปล่าไม่รู้เรื่องราวของต้วนหลิงเทียน เซียนหยวนจื่อก็อึ้งไปเช่นกัน
“ของสิ่งนี้เป็นข้าได้มาโดยบังเอิญ…แต่มันไม่น่าจะใช่ยอดสมบัติสวรรค์”
ต้วนหลิงเทียนหยิบชิ้นส่วนโลหะแตกหักที่มีแสงลี้ลับปกคลุมไว้ออกมา ไม่ว่าจะมองอย่างไรเขาก็ไม่สามารถสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายยอดสมบัติสวรรค์จากมันเลย…
“มันไม่ใช่ยอดสมบัติสวรรค์จริงๆด้วย…แต่ถึงกับมีพลังหยุดอำนาจจิตของเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้แบบนี้…คงไม่อะไรที่ธรรมดาเป็นแน่”
เซียนหยวนจื่ออดถอนหายใจออกมาไม่ได้
ต่อมาคล้ายนึกอะไรได้ออกเซียนหยวนจื่อ จึงขมวดคิ้วกล่าวว่า “จะว่าไปข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่ากงซุนเวิ่นเทียนนั่นจะเลือกให้ความร่วมมือกับเจ้าและฆ่าตัวตายแต่โดยดี…ไม่คิดจะลองสู้กับเจ้าด้วยซ้ำ อย่างไรมันก็เป็นถึงเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์อันดับ 1…”
“มันนับว่าเป็นคนฉลาด”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว “นอกจากนั้นตอนที่ข้าฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์ ภาพเหตุการณ์สมควรถูกบันทึกลงยันต์ แถมยันต์ภาพแบบนั้นก็คัดลอกได้ง่ายๆ กงซุนเวิ่นเทียนจะเคยเห็นตอนข้าลงมือฆ่าบรรพบุรุษวังคลื่นสวรรค์ก็ไม่แปลกอะไร…”
“ไม่งั้นมันคงไม่คิดให้ความร่วมมือแต่โดยดี”
“อีกทั้งให้เทียบกับกงซุนหงที่หนีไปแบบนั้น กงซุนเวิ่นเทียนที่กล้าฆ่าตัวตายเพื่อรับผิดชอบยังน่านับถือมากกว่า…เพราะอย่างน้อยๆมันก็ยอมตายเพื่อรักษาตระกูลกงซุน”
กล่าวถึงประโยคท้ายในแววตาของต้วนหลิงเทียนก็ฉายความเลื่อมไสเบาๆ เป็นการยอมรับกงซุนเวิ่นเทียน
ไม่ว่าก่อนหน้านี้กงซุนเวิ่นเทียนจะลงมือต่ำช้าอย่างไร
แต่ในฐานะบรรพบุรุษของตระกูลกงซุนแล้ว การที่มันเต็มใจตายเพื่อตระกูลแบบนั้น ก็มากพอได้รับความเคารพจากเขา
เพราะสุดท้ายแล้วเรื่องแบบนั้นก็ไม่ใช่ว่าใครหน้าไหนก็ทำได้
ไม่ต้องกล่าวอื่นไกล เอาแค่กงซุนหงที่เป็นบรรพบุรุษอีกคนของตระกูลกงซุนยังทำไม่ได้
“ข้าก็ลืมนึกถึงเรื่องนี้ซะได้…กระทั่งข้ายังเคยเห็นฉากเรื่องราวจากยันต์บันทึกตอนที่เจ้าฆ่าบรรพบุรุษวังคลื่นสวรรค์…แล้วเจ้านั่นจะไม่เห็นได้อย่างไร”
เซียนหยวนจื่อนึกขึ้นได้
“โอ้ อาวุโสซูหลี่…เป็นเช่นไรบ้าง?”
ขณะเดียวกันเซียนหยวนจื่อก็พบว่าซูหลี่นั้นค่อยๆลืมตาขึ้นมา จึงถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
“ยังอีกไกลกว่าจะตาย”
ซูหลี่ส่ายหัวเบาๆ ก่อนที่จะหันมองไปทางต้วนหลิงเทียนพลางฉีกยิ้มบางๆ แต่ไม่ได้กล่าวคำขอบคุณใดๆ
เพราะระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียนไม่จำเป็นต้องพูดวาจาไร้จำเป็นพวกนั้นต่อไป
สหายรู้ใจ ไยต้องมากวาจา
…
หลังจากต้วนหลิงเทียนพาซูหลี่กลับมาถึงวังเซียนหยวนพร้อมเวียนหยวนจื่อแล้ว เขาก็พักอาศัยอยู่ในวังเซียนหยวนชั่วคราว
หลังผ่านไปได้ไม่นานนัก เรื่องราวที่เขาไปกระทำไว้ในดาราจักรกู่เฉวียนที่ถูกปกครองโดยตระกูลกงซุนวันนั้น ก็เริ่มแพร่กระจายออกมา
กระทั่งความเร็วในการแพร่กระจายของเรื่องราคราวนี้ ยังเร็วกว่าตอนที่ต้วนหลิงเทียนฆ่าบรรพบุรุษวังคลื่นสวรรค์เสียอีก!
สาเหตุที่ไฉนเป็นแบบนั้น เพราะเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลกงซุน!
ทั้งกงซุนเวิ่นเทียน ยังเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของระนาบเหยียนหวง!
“เจ้าได้ยินแล้วหรือยัง ต้วนหลิงเทียนจากระนาบเซียนผู้นั้นหลังฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ของวังคลื่นสวรรค์จนเป็นข่าวใหญ่โตในระนาบเหยียนหวงของพวกเรา…ตอนนี้ได้บุกไปถึงถิ่นตระกูลกงซุนในดาราจักรกู่เฉวียน!”
“หือตระกูลกงซุน…ขุมพลังระดับแนวหน้าของระนาบเหยียนหวงเรา ทั้งยังมียอดฝีมืออันดับ 1 ที่บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นอย่างกงซุนเวิ่นเทียนผู้นั้นน่ะรึ…ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่ครึ่งก้าวเซียนอมตะหรือไร นี่ไม่ใช่ไปหาที่ตายเรอะ?”
“นั่นสิ! เท่าที่ข้ารู้มากงซุนเวิ่นเทียนไม่เพียงเป็นเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ที่แข็งแกร่งที่สุด ยังบ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นอีกด้วย…แม้หากสู้กันตามปกติต้วนหลิงเทียนอาจเอาชนะได้ แต่ถ้าเจอทักษะวิญญาณเล่า จะไปรอดได้ยังไง?”
“ไม่ต้องกล่าวถึงเรื่องที่กงซุนเวิ่นเทียนใช้อำนาจจิตรุนแรงใดๆ…เอาแค่เศษพลังวิญญาณเล็กน้อยมันก็ตายแล้ว”
…
พอได้ฟังข่าวช่วงแรก ผู้คนที่ยังไม่ทันรู้อะไรมากมายก็ด่วนสรุปกันไป
ว่าการที่ต้วนหลิงเทียนบุกไปหาเรื่องตระกูลกงซุนถึงถิ่น ทั้งๆที่ตระกูลกงซุนมีบรรพบุรุษอย่างกงซุนเวิ่นเทียนที่ไม่เพียงเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ธรรมดา แต่ยังเป็นผู้บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่น พวกมันก็คิดว่าต้วนหลิงเทียนช่างไปหาที่ตายโดยแท้
จนเมื่อพวกมันได้รับทราบเนื้อข่าวที่เหลือ ต่างก็พากันตกตะลึงครั้งใหญ่
“หา!? ต้วนหลิงเทียนไม่กลัวการโจมตีทางวิญญาณของกงซุนเวิ่นเทียนเลยงั้นเหรอ!?”
“ครึ่งก้าวเซียนอมตะที่อายุไม่ถึงร้อยปี…กลับสกัดอำนาจจิตสังหารที่ร้ายกาจที่สุดของกงซุนเวิ่นเทียนได้ชะงัด ที่แท้เศษเหล็กประหลาดนั่นคืออันใดกันแน่?”
“ใช่ยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณหรือไม่?”
“มีเพียงยอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณเท่านั้น ถึงจะช่วยป้องกันอำนาจจิตสังหารของกงวุนเวิ่นเทียนได้…แต่ข้าคิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะมียอดสมบัติสวรรค์คุ้มกันวิญญาณระดับนั้นไว้ในครอบครอง!”
“แต่ที่น่าเหลือเชื่อก็คือ…ที่ต้วนหลิงเทียนบุกไปหาตระกูลกงซุนคราวนี้ ไม่ใช่เพราะต้วนหลิงเทียนคิดไปมีเรื่องราวอะไรในดาราจักรกู่เฉวียน แต่ทั้งหมดเป็นเพราะบรรพบุรุษทั้ง 2 คนของตระกูลกงซุน คิดละโมบอยากได้ทักษะพิสดารชิงยอดสมบัติสวรรค์ของต้วนหลิงเทียนเสียก่อน จึงใช้วิธีการต่ำช้าจับตัวสหายต้วนหลิงเทียนไป…”
“ข้าเกรงว่ากระทั่งหลับพวกมันก็ไม่อาจฝันถึง…ว่าเพราะความคิดดังกล่าวของพวกมันจะชักนำจุดจบมาสู่ตัว”
…
ที่ใดก็ตามที่ข่าวเรื่องราวแพร่ไปถึง ก็บังเกิดความแตกตื่นกันใหญ่
ยอดฝีมืออันดับ 1 ในระนาบเหยียนหวง กงซุนเวิ่นเทียน กลับตกตายในลักษณะนี้…
ที่สำคัญยังตกตายเพราะครึ่งก้าวเซียนอมตะอายุไม่ถึงร้อยปี!
แน่นอนว่าเรื่องที่ทำให้พวกมันตกใจที่สุด
ก็คือต้วนหลิงเทียนครึ่งก้าวเซียนอมตะอายุไม่ถึงร้อยปีที่ว่า ไม่เกรงกลัวทักษะวิญณาณของกงซุนเวิ่นเทียน สุดท้ายก็สังหารเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ได้ง่ายดาย!
“ต้วนหลิงเทียน…ชื่อนี้ถูกกำหนดให้เป็นตำนานเล่าขานไปชั่วกาลของระนาบเหยียนหวงพวกเราแล้วล่ะ…”
“เป็นเรื่องธรรมดา…กล่าวได้ว่ามันเป็นดาวจรัสแสงที่พัดผ่านระนาบเหยียนหงเราก็ว่าได้..อาศัยพลังฝึกปรือครึ่งก้าวเซียนอมตะ กลับเข่นฆ่าเซียนอมตะเสเพล 9 ทัณฑ์ในระนาบเหยียนหวงเราตกตายไปถึง 3! ซ้ำร้ายหนึ่งในนั้นไม่เพียงเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งยังเป็นผู้บ่มเพาะร่างวิญญาณควบแน่นอีก…”
…
วาจาทำนองังกล่าวแพร่กระจายไปทั่วระนาบเหยียนหวงด้วยความเร็วดั่งไฟลามทุ่ง ยากจะหยุดยั้ง
วังเซียนหยวนที่เก็บตัวอาศัยอยู่ในสถานที่อันไกลห่าง ทำให้ได้ยินข่าวล่าช้ากว่าขุมพลังอื่นๆอยู่บ้าง หากแต่ไม่วายต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินข่าวลือของตัวเองอยู่ดี
เรื่องนี้เขาไม่แปลกใจอะไร ยังคิดไว้แล้วว่าต้องเป็นแบบนี้
เพราะสุดท้ายกงซุนเวิ่นเทียนคนนั้น จะกล่าวอย่างไรมันก็คือตัวตนเคยถูกคนในระนาบเหยียนหวงยอมรับว่าเป็นผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเหยียนหวง
ความตายของมันจะเขย่าระนาบเหยียนหวงได้ก็ไม่แปลก
แน่นอนว่าตัวเขาในฐานะผู้ที่ทำให้อีกฝ่ายต้องตาย ก็เป็นธรรมดาที่จะถูกคนในระนาบเหยียนหวงให้ความสนใจ…
ในวันนี้ต้วนหลิงเทียนก็กำลังนั่งพักอยู่ในห้องตามปกติ ในมือกำลังคลึงชิ้นส่วนโลหะไม่สมบูรณ์อันมีแสงลี้ลับห่อหุ้มอยู่อย่างจนปัญญา เพราหาความลับอะไรไม่เจอ…
ทว่าทันใดนั้นเอง
“หืม?!”
อยู่ๆดีใจต้วนหลิงเทียนพลันสะท้านไป อีกทั้งยังสัมผัสได้ถึงอะไรบางอย่าง ทำให้ลูกตาทั้งสองหดเล็กลงทันใด
เพราะตอนนี้เขารู้สึกได้ชัดเจน
ซัววว!!
ทันใดนั้นเองปรากฏพลังลี้ลับออกมาจากทุกทั่วสารทิศอย่างไร้ซึ่งการแจ้งเตือนใดๆ ห่อหุ้มเขาเอาไว้ทำให้เขารู้สึกแปลกประหลาดนัก!
ทำราวกับมันกำลังจะพาเขาไปที่ไหนสักแห่ง!
ยิ่งไปกว่านั้นพลังลี้ลับดังกล่าว ยังมีกลิ่นอายอันทรงพลังคล้ายกับพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด!
“พลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์?”
ใจต้วนหลิงเทียนนึกถึงเรื่องนี้ก่อนใดอื่น
หาไม่แล้วเขาก็ไม่รู้ว่าจะอธิบายปรากฏการณ์ดังกล่าวอย่างไร
ต้วนหลิงเทียนที่รีบเร่งเร้าพลังในร่างขึ้นมา หมายป้องกันพลังอันน่ากลัวที่รุมล้อมเข้ามาทุกทิศทางตามสัญชาตญาณพลันพบว่า…
พลังลี้ลับที่ว่าไม่เพียงแต่ยิ่งมาจะยิ่งทรงพลังมากขึ้นเรื่อยๆ ยังเพิกเฉยพลังของเขาอย่างสิ้นเชิง!
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าเขาได้จมอยู่ในพลังดังกล่าวโดยสมบูรณ์ และสติเขาก็เริ่มพร่าเลือนราวกับจะดับไป
“ดูเหมือนจะเป็นพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์จริงๆ…ข้ากำลังจะขึ้นไปแล้วงั้นหรือ!?”
เมื่อนึกถึงฉากเรื่องราวตอนที่ถังเซี่ยวเซี่ยวถูกลำแสงพลังสาดส่องลงมาจากฟ้าฉุดหายไป เขาก็ยืนยันได้ทันที
พลังที่กำลังครอบงำร่างเขาอยยู่ตอนนี้ ก็คือพลังเซียนอมตะชักนำขึ้นสวรรค์!