War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2612
ตอนที่ 2,612 : ปะทะเหมียวไหลหลง!
สถานที่ตั้งค่ายของกองทัพมังกรเงินนั้น อยู่ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเมืองเฉวี่ยโยว
หากเดินทางออกจากค่างกองทัพมังกรเงินนั้น ไม่ว่าจะไปยังเมืองเฉวี่ยโยว หรือว่าจะผ่านเมืองเฉวี่ยโยวไปยังค่ายกองทัพมังกรดำที่ตั้งอยู่ทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองเฉวี่ยโยว ทั้งหมดอยู่ในเส้นทางเดียวกัน
เส้นทางดังกล่าวยังเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุด หากจะเดินทางจากค่ายทัพมังกรเงินไปยังเมืองเฉวี่ยวโยวหรือค่ายทัพมังกรดำอีกด้วย
โดยปกติแล้วไม่ว่าผู้ใดก็ต้องใช้เส้นทางดังกล่าว เว้นเสียแต่อยากจะอ้อม
และในเส้นทางดังกล่าว บัดนี้ก็มีร่างในชุดสีม่วงหนึ่งลอยล่องกลางหาว สายตาจับจ้องมองตรงไปยังขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนืออย่างสงบ ทำราวกับบางสิ่งที่เขากำลังเฝ้ารออยู่ จะปรากฏขึ้นบนเส้นขอบฟ้าทิศตะวันออกเฉียงเหนือ…
ร่างสีม่วงนี้ไม่ใช่ใครอื่น แต่เป็นต้วนหลิงเทียนที่ได้ปลีกตัวออกมาจากทหารทั้ง 10 ของกองทัพมังกรดำใต้บัญชา และเหินร่างย้อนกลับไปในทิศทางที่ตั้งเมืองเฉวี่ยโยว
แน่นอนว่าแม้ต้วนหลิงเทียนจะเหินร่างผ่านเมืองเฉวี่ยโยว แต่เขาก็ไม่ได้แวะเข้าไปในเมืองแต่อย่างไร!
เขาเหินร่างข้ามเมืองเฉวี่ยโยวไปอย่างไม่สนใจก่อนที่จะมาหยุดอยู่กลางฟ้าระหว่างทางไปยังค่ายกองทัพมังกรเงินอย่างเงียบงัน
ทำราวกับเฝ้ารออะไรบางอย่างอยู่…
หรือไม่ก็เฝ้ารอใครสักคน…
ราวๆ 2 เค่อต่อมา
‘มาแล้ว’
ดั่งสายฟ้าแลบลั่นในห้วงคิด ต้วนหลิงเทียนที่ลอยร่างรอคอยกลางหาวไม่ไหวติงมาราว 2 เค่อ อยู่ๆคิ้วก็โค้งขึ้น ลอบกล่าวในใจ
ซู่ม!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ เสียงแหวกอากาศฉับไวหนึ่งก็แว่วดังเข้าหูพอดี ก่อนที่จะปรากฏบางสิ่งเหินบินมาจากเส้นขอบฟ้าเร็วไว ไม่ทันไรก็เหินเข้ามาจนห่างจากต้วนหลิงเทียนไม่ถึง 2 ลี้!
“หืม?”
เจ้าของเสียงแหวกฝ่าอากาศฉับไวนั่น เป็นร่างของคนผู้หนึ่งที่กำลังเดินทางข้ามฟ้าด้วยความเร็วสูง จนเมื่อมันสังเกตเห็นต้วนหลิงเทียนจึงค่อยๆชะลอความเร็วลง
จนเมื่อร่างมันหยุดกึก คนก็ห่างจากต้วนหลิงเทียนเพียงร้อยหมี่
และสาเหตุที่มันหยุดลง เพราะมันพบว่า…
ต้วนหลิงเทียนได้มองจ้องมาที่มันตั้งแต่ที่มันปรากฏตัวขึ้น ทำให้มันรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนกำลังเฝ้ารอมันอยู่
“ผู้บัญชาการของกองทัพมังกรเงิน เหมียวไหลหลง?”
มองสำรวจไปยังชายสูง 2 หมี่เบื้องหน้า ต้วนหลิงเทียนโค้งคิ้วขึ้นเล็กน้อยค่อยถามออกเสียงเบา
ชายร่างสูงใหญ่แลดูบึกบึนล่ำสันเบื้องหน้า กับเหมียวไหลเฟิ่งสตรีร่างยักษ์เจ้าของเหลาอาหารไหลเฟิ่งและเป็นภรรยาของหยางกงผิงนั้น มีลักษณะเค้าโครงใบหน้าคล้ายกันราวๆ 7-8 ส่วน!
ดังนั้นจึงไม่ยากที่เขาจะคาดเดาได้
ว่านี่คือคนที่เขากำลังเฝ้ารอ
ผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงินเหมียวไหลหลง!
“เจ้าเป็นใคร?”
เมื่อเห็นชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้าเอ่ยชื่อมันได้ถูกต้อง คิ้วหนาของเหมียวไหลหลงก็ยกขึ้นทันที พอเปิดปากเสียงดังกังวาลปานระฆังก็ดังขึ้น ทรมานแก้วหูผู้คนแทบแตก!
“ที่เจ้ารีบร้อนออกจากค่ายกองทัพมังกรเงินมานี่ ไม่ใช่เพราะข้ารึไง?”
หลังได้ยินคำถามขอเหมียวไหลหลง ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวตอบออกไปอย่างใจเย็น
ซูว!
และแทบจะทันทีที่เสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สีหน้าเหมียวไหลหลงก็เปลี่ยนไปอย่างมาก สองตากลมใหญ่ของมันบัดนี้หดเล็กลงอย่างเร็ว “เจ้า…เจ้าคือแม่ทัพคนใหม่ของกองทัพมังกรดำ ต้วนหลิงเทียน!?”
วันนี้ตอนที่เหล่าทหารใต้บังคับบัญชาทั้ง 10 ของต้วนหลิงเทียนไปคุยกันในเหลาอาหารนั้น พวกมันไม่เพียงแต่พูดถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนกระทำในหุบเขาเทพสงครามเท่านั้น พวกมันยังเอ่ยนามต้วนหลิงเทียนออกมาด้วย
ดังนั้นแทบทุกคนที่อยู่ในเหตุการณ์จึงรู้จักต้วนหลิงเทียนดี เป็นธรรมดาว่าผู้บัญชาการของกองทัพมังกรเงินอย่างเหมียวไหลหลงที่คิดมาทวงแค้นก็ต้องรู้ด้วย!
เสียงกล่าวของเหมียวไหลหลงพอดังจบคำ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดในร่างของมันประหนึ่งม้าหลุดคอก พวยพุ่งออกมาปกคลุมไปทั่วผิวกาย มองไปคล้ายร่างกายของมันมีเปลวเพลิงลุกโชนขึ้นมาอย่างโชติช่วง กลิ่นอายทรงพลังอันน่ากลัวเริ่มแผ่กำจายออกไปทั่วๆ
ขณะเดียวกันสองตากลมใหญ่ของมันก็ถลึงมองต้วนหลิงเทียนอย่างดุร้าย แววตาของมันยังประหนึ่งมีเพลิงไฟลุกไหม้อยู่!
เป็นเพลิงโทสะอันเกรี้ยวกราดถึงขีดสุด! ปานพร้อมจะแผดเผาสรรพสิ่งให้วอดวาย!!
ใบหน้าดุดันที่เผยความสงสัยเมื่อครู่ มาบัดนี้เริ่มสั่นเทิ้มด้วยโทสะ!
ต้วนหลิงเทียนพูดถูก
ที่เหมียวไหลหลงเร่งรีบเดินทางออกจากค่ายกองทัพมังกรเงิน เหาะมาตามเส้นทางไปเมืองเฉวี่ยโยวกับค่ายกองทัพมังกรดำครานี้ เป็นเพราะเขาจริงๆ!
เมื่อครู่น้องสาวของมันได้อุ้มสามีพิการไปเข้ามาหามันที่ค่ายกองทัพมังกรเงิน ยังร่ำไห้ออกมาน้ำตาแทบเป็นสายเลือดราวเด็กน้อยต่อหน้าต่อตามันขณะเล่าความ นี่ทำให้เหมียวไหลหลงโกรธมากและให้คำมั่นต่อน้องสาวมันว่า…
มันจะจับต้วนหลิงเทียนบัดซบที่ว่ามาวางอยู่เบื้องหน้านาง และให้นางจัดการได้ตามใจชอบ!
จากนั้นมันก็หอบหิ้วโทสะอันเดือดดาลปานภูเขาไฟใกล้ระเบิด พุ่งทะยานข้ามฟ้ามาด้วยความเร็วสูง หมายมุ่งหน้าไปบุกจับตัวต้วนหลิงเทียนถึงค่ายกองทัพมังกรดำ!
อย่างไรก็ตาม มันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ
ว่าหลังจากที่มันพึ่งเดินทางออกจากค่ายกองทัพมังกรเงินได้ไม่ทันไร มันกลับได้พบเข้ากับต้วนหลิงเทียน! ที่สำคัญยังเป็นต้วนหลิงเทียนที่มาเฝ้ารอมันที่นี่!!
“ข้าเอง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบออกไปอย่างไม่รีบไม่ร้อน ใบหน้ายังคงสงบไร้คลื่นอารมณ์ใดๆ แม้เบื้องหน้าเขาก็คือผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน!
เพราะในสายตาของเขา
ผู้บัญชาการกองทัพมังกรเงิน ก็คงไม่แตกต่างอะไรจากผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำมากนัก
และทั้งสองคน ไม่ใช่คู่มือของเขา!
“เจ้ามารอข้าอยู่เช่นนั้นหรือ?”
หน้าเหมียวไหลหลงจมลงโดยพลัน ขณะเดียวกันมันก็เริ่มหันรีหันขวางมองไปรอบๆ ทำราวกับจะตรวจสอบว่าต้วนหลิงเทียนใช่นำผู้ช่วยอะไรมาหรือไม่
“ไม่ต้องลำบากหาหรอก…ข้ามาคนเดียว”
ต้วนหลิงเทียนราวกับอ่านใจเหมียวไหลหลงออก เอ่ยขึ้นเสียงเบา
“เฮอะ! คิดว่าข้าจะเชื่อเจ้ารึ?”
หากแต่เหมียวไหลหลงเพียงแค่นคำเย้ยเยาะ จากนั้นก็เริ่มแผ่สำนึกเทวะออกไปสำรวจสภาพแวดล้อมโดยรอบอย่างละเอียด
“ไม่น่าแปลกใจเลยที่ข้ามักได้ยินมาว่าเจ้าเมืองเฉวี่ยโยวนั้นให้ความสำคัญกับผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำ ‘เฉินเฉวียนป้า’ มากกว่าเจ้า…ก่อนหน้านี้ข้าไม่เคยเห็น เหมียวไหลหลง เจ้ามาก่อนจึงยังไม่อาจตัดสินได้ แต่ตอนนี้พอเห็นเจ้าแล้ว ข้าก็บอกได้ทันที่ว่าเจ้ามันเทียบเฉินเฉวียนป้า ผู้บัญชาการกองทัพมังกรดำของเราไม่ได้จริงๆ…”
ต้วนหลิงเทียนพูดจบก็หัวเราะออกมาทันที
“เจ้าพ่นคำบัดซบอะไร!?”
วาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียนยังต่างอะไรกับโรยเกลือลงแผลของเหมียวไหลหลง? ทำให้มันมีโมโหขึ้นมาทันที ยังโกรธถึงขั้นรั้งสำนึกเทวะทั้งหมดกลับและมองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง! ลึกลงไปในแววตายังเผยเจตนาฆ่าฟันอันเกรี้ยวกราด!!
“นี่เจ้ายังได้ยินที่ข้าพูดไม่ชัดอีกหรือ”
รอยยิ้มแสยะพลันคลี่กางบนใบหน้าต้วนหลิงเทียน
“สารเลวหาที่ตาย!!”
รอยยิ้มแสยะบนหน้าต้วนหลิงเทียน พอตกลงสู่สายตาของเหมียวไหลหลง ก็ทำให้ลูกตาของมันเปล่งแสงวูบวาบ จังหวะนี้มันทนไม่ไหวอีกต่อไป ลืมเลือนเรื่องจับคนกลับไปเป็นๆเสียสิ้น! ร่างมันสั่นไหววูบหนึ่งก่อนที่คนจะกระโจนออกไปอย่างเกรี้ยวกราด!!
ประหนึ่งพยัคฆ์ลงภู กระโจนตะครุบเหยื่อ!
ซู่มม!!
ในขณะที่เหมียวไหลหลงโจนทะยานเข้ามา พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั่วร่างของมันก็เริ่มเปล่งกลิ่นอายพลังที่รุนแรงขึ้นกว่าเดิม 2-3 ขั้น!
‘สมแล้วที่เป็นตั่วตนขอบเขตพลังจินเซียนที่ได้บ่มเพาะพลังด้วยเคล็ดวิชามีระดับ…ด้วยเวทย์พลังสนับสนุนของมัน ทำให้ระดับพลังฝึกปรือเพิ่มพูนขึ้นสองขั้น อีกทั้งผลกระทบนั่นก็ไม่ได้อ่อนด้อยไปกว่าเวทย์พลังสนับสนุนอย่างปฐมเวทย์กลืนกินของข้าเลย!’
ในขณะที่เหมียวไหลหลงโจนทะยานโถมเข้ามา ต้วนหลิงเทียนก็สังเกตเห็นเรื่องนี้ได้ไม่ยาก
‘ได้ยินถงเจิ้งบอกมาว่า…ผู้บัญชาการงกองทัพมังกรเงินคนนี้มีระดับพลังฝึกปรืออยู่ที่ จินเซียนตะวันเขียว! พอมันใช้เวทย์พลังสนับสนุน ระดับพลังของมันจึงพุ่งไปอยู่ที่จินเซียนตะวันครามทันที!’
ในห้วงเวลาชั่วพริบตาดุจละอองไฟวาบ ในหัวต้วนหลิงเทียนก็มีเรื่องราวมากมายแล่นพล่าน ส่วนเหมียวไหลหลงนั้นก็กระโจนฝ่าระยะมาทางเขากว่าครึ่งทางแล้ว
วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม! วู้ม!
…
เสียงพลังกู่ร้องหนึ่งงดังขึ้น
เป็นเหมียวไหลหลงที่ไม่ทราบชักดาบใหญ่ขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่ บัดนี้ตัวดาบปกคลุมไปด้วยพลังเซียนอมตะต้นกำเนิด จนเปล่งแสงดาบออกมาฉาบคลุม มองไปเห็นเป็นแสงดาบยาวกว่า 10 ฉื่อ ทรงพลังราวกับมีอำนาจผ่าโลก!
และเมื่อแสงดาบกว่า 10 ฉื่อปรากฏออกมา ก็ปรากฏรังสีดาบขนาดเล็กจำนวนนับไม่ถ้วนพวยพุ่งออกมาราวกับบุปผานับร้อยที่เบ่งบานขึ้นพร้อมกัน แลดูงดงามไม่ธรรมดา
“ต้วนหลิงเทียน ข้าได้ยินน้องสาวบอกมาว่าเจ้าแข็งแกร่งไม่น้อยไปกว่าแม่ทัพอันดับ 1 แห่งกองทัพมังกรดำเหอจิ้งคุน…แต่อย่าได้หวังว่าวันนี้เจ้าจะรอดพ้นมือข้าไปได้!!”
สิ้นเสียงตะโกนอันเกรี้ยวกราดของเหมียวไหลหลง แสงดาบที่ฉาบคลุมดาบเล่มใหญ่ของเหมียวไหลหลง ก็เปล่งแสงสว่างจ้า ก่อนที่มันจะเงื้อดาบขึ้นเหนือหัวค่อยตวัดฟันลงอย่างดุดัน!
ซู่มมม!!
แสงดาบอำมหิตฟาดลงไปยังต้วนหลิงเทียนด้วยพลังอำนาจปานจะสับผ่าขุนเขาลำน้ำ! หมายผ่าร่างต้วนหลิงเทียนให้เป็นสองเสี่ยง!!
“หึ!”
เผชิญหน้ากับดาบที่ฟาดลงมาด้วยอำมหิตของเหมียวไหลหลง ต้วนหลิงเทียนหยีตาลงเล็กน้อยสบถคำเสียงเบา และทันใดนั้นเอง
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
เผชิญหน้ากับดาบที่ฟาดลงมาอย่างอำมหิตของเหมียวไหลหลง พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดที่ต้วนหลิงเทียนเตรียมไว้แต่แรก ระเบิดปะทุออกมาก่อเกิดรังสีกระบี่นับพันในชั่วพริบตา ก่อนรังสีกระบี่นับพันจะพุ่งเข้าหากันควบรวมก่อเกิดค่ายกลกระบี่รูปลักษณ์กระบี่เล่มเขื่อง!
ขณะเดียวกันนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนก็เรียกกระบี่เซียนอมตะออกมา ก่อนที่จะควบคุมให้มันลอยไปผสานอยู่ในค่ายกลกระบี่เบื้องหน้า ทำให้กระบี่เล่มเขื่องอันเป็นค่ายกลกระบี่ที่ก่อเกิดจากรังสีกระบี่นับพันยิ่งมาก็ยิ่งเปล่งแสงพลังสว่างเจิดจ้า!!
แน่นอนว่ากระบี่เซียนอมตะเล่มนี้ไม่ใช่อุปกรณ์เทพอย่างกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนที่ผสานอยู่ในร่างของต้วนหลิงเทียน
ถึงกระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยนจะสูญเสียจิตวิญญาณกระบี่ และลดหลั่นลงมาจนพลังอำนาจไม่ได้สูงถึงขั้นอุปกรณ์เทพอีกต่อไป แต่มันก็ยังทรงพลังเทียบได้กับยอดสมบัติสวรรค์ระดับสูงสุด!
แต่จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนคิดว่าไม่จำเป็นต้องใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน
ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ! ฟั่ฟ!
…
เพียงใจคิด ค่ายกลกระบี่ที่เรียงตัวราวกับกระบี่เล่มเขื่องก็ตวัดฟันออกไปฉับไว เตรียมพร้อมรับดาบเปี่ยมสภาวะแข็งกร้าวของเหมียวไหลหลงอย่างไร้หวั่นหวาด!
กระบี่เล่มเขื่องจากค่ายกลกระบี่ทอประกายเจิดจ้าพร้อมปะทะกับดาบแสง!
ด่านพลังของเหมียวไหลหลงนั้นเดิมอยู่ในขอบเขตจินเซียนนตะวันเขียว เมื่อมันใช้เวทย์พลังหนุนเสริมระดับพลังจึงเพิ่มพูนขึ้น 2 ขั้น นอกจากนี้มันยังใช้ดาบเซียนอมตะ วรยุทธ์อมตะและเวทย์พลังจู่โจม…
ทำให้พลังความแข็งแกร่งของมันยามนี้เหนือกว่าระดับพลังของขอบเขตจินเซียนตะวันเขียวถึง 5 ขั้น
ส่วนระดับพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนนั้นอยู่ในขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงิน หลังใช้ปฐมเวทย์กลืนกินพลังในร่างเขาก็เพิ่มพูนขึ้น 2 ขั้น และด้วยพลังของชีพจรสวรรค์ทั้ง 99 สาย พวกมันก็เสริมระดับพลังให้เขาอีก 2 ขั้น ส่วนยอดใจกระบี่นั้นมอบพลังความแข็งแกร่งให้เขาเพิ่มถึง 3 ขั้นเช่นเดียวกับเวทย์พลังโจมตีอย่าง 13 กระบี่บงกชฟ้าที่บรรลุขั้นตอนไร้ตำหนิ สุดท้ายก็กระบี่เซียนอมตะที่มอบพลังให้เขาเพิ่มอีก 1 ขั้น…
กล่าวได้ว่าการลงมือของเขาตอนนี้ มันเหนือกว่าระดับพลังของเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงินถึง 11ขั้น…
และระหว่างจินเซียนตะวันเขียวกับเซียนอมตะสวรรค์จันทร์น้ำเงินนั้น มีความต่างกันอยู่ 6 ขีดขั้น
หากคำนวณตามนี้ จึงกล่าวได้ว่าพลังที่บรรจุไว้ในค่ายกลกระบี่ที่ก่อลักษณ์เป็นกระบี่เล่มใหญ่ของต้วนหลิงเทียน ก็เทียบได้กับพลังที่บรรจุไว้ในดาบอันฉาบไว้ด้วยแสงพลังของเหมียวไหลหลง!
อย่างไรก็ตามเนื่องจากมีความแตกต่างกันอย่างมากระหว่างขอบเขตเซียนอมตะสวรรค์กับขอบเขตจินเซียน
เช่นนั้นในความเป็นจริงพลังของต้วนหลิงเทียนจึงด้อยกว่าอยู่เล็กน้อย!