War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2657
WSSTH ตอนที่ 2,657 : เบาะแส “เพลิงอมตะ”
ผู้พิทักษ์อันดับ 1 ของจวนผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว โจวทง จบชีวิตลงที่เมืองเฉวี่ยโยว…
ยังตกตายด้วยน้ำมือ หลิ่วเฟิงกู่ เจ้าเมืองเฉวี่ยโยว!
หากเรื่องนี้แพร่ออกไปล่ะก็ ไม่ต้องสงสัยเลยว่ามันต้องเป็นข่าวสะท้านสะเทือนมณฑลจิ่วโยวครั้งยิ่งใหญ่เป็นแน่!
อย่างไรก็ตามด้วยการลงมือจัดการของคนสนิทอย่าง ผู้เฒ่าหง เรื่องราวที่เกิดขึ้นเหนือน่านฟ้าจวนเจ้าเมืองเฉวี่ยโยว ก็มีแค่ผู้เฒ่าหง หลิ่วเฟิงกู่ ต้วนหลิงเทียน แล้วก็ฉินอวี่เท่านั้นที่รับทราบ…
“เฉียนเอ้อ…เจ้าเห็นหรือไม่…อาจารย์ล้างแค้นให้เจ้าแล้ว”
หลังฆ่าโจวทง หลิ่วเฟิงกู่ก็รู้สึกสะทกสะท้อนในใจ หันไปมองขอบฟ้าทิศทางเมืองประจำมณฑล พลางกล่าวพึมพำกับตัวเองอย่างเลื่อนลอย
“เจ้าเมืองหลิ่ว”
พอนึกถึงเรื่องอะไรบางอย่างขึ้นได้ ต้วนหลิงเทียนที่ไม่อยากรบกวนหลิ่วเฟิงกู่ตอนนี้ ก็ได้แต่ต้องกล่าวทักอีกฝ่ายออกไป “ทำไมตอนโจวทงถูกท่านฆ่า ไม่เห็นมีอาคมจากยันต์อมตะเงาลอยทำงานเลยล่ะ?”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนฉายถึงความเคร่งขรึมเล็กน้อย
แม้ตอนนี้ฉากการตายของโจวทง จะไปปรากฏตรงหน้าเถียนจี้หวี่ผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยว ทว่าด้วยคุณค่าของตัวเขาในการประลอง 16 มณฑล เถียนจี้หวี่ย่อมไม่คิดจะเอาเรื่องเอาราวอะไร…
ทว่ากลับหลิ่วเฟิงกู่นั้นต่างกัน!
จริงอยู่หากเขาเอ่ยปาก เถียนจี้หวี่ คงไม่มาหาความับหลิ่วเฟิงกู่อีกในช่วงนี้
แต่หากผ่านไปนานเข้าก็ไม่แน่!
เพราะสุดท้ายแล้วเขาก็ไม่มีทางอยู่ที่มณฑลจิ่วโยวแห่งนี้ได้ตลอด ไหนเลยจะปกป้องหลิ่วเฟิงกู่ได้
“ที่ตัวมันไม่มียันต์อมตะเงาลอยอันใดหรอก ท่านวางใจได้”
ได้ยินคำพูดเป็นกังวลของต้วนหลิงเทียน หลิ่วเฟิงกู่ที่รู้สึกตัวก็กล่าวตอบออกไปทันที
“ไม่มียันต์อมตะเงาลอย?”
ต้วนหลิงเทียนแปลกใจ
“ต้วนหลิงเทียน”
คล้ายเห็นถึงความสงสัยของต้วนหลิงเทียน ฉินอวี่ที่อยู่ข้างๆก็อธิบายออกมาก่อนที่หลิ่วเฟิงกู่จะทันได้ตอบ “ปกติแล้วยันต์อมตะเงาลอยนั้น เป็นอะไรที่ตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขึ้นไปสามารถสกัดกั้นได้…”
“และผู้ที่จะฆ่าโจวทงได้ก็ต้องมีระดับพลังเหนือต้าหลัวจินเซียนอยู่แล้ว…เช่นนั้นเลยไร้ประโยชน์ที่มันจะใช้ยันอมตะเงาลอย”
“บางทีพลังฝึกปรือของเจ้าอาจจะยังไม่บรรลุถึงต้าหลัวจินเซียน แต่ความแข็งแกร่งเจ้าก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าต้าหลัวจินเซียนทั่วไป กระทั่งเหนือกว่าด้วยซ้ำ ไม่งั้นคงยากจะจับเป็นโจวทง…”
“ที่สำคัญก่อนหน้าไม่ใช่เจ้าสามารถสกัดยันต์อมตะสื่อสารมันหรือไร นั่นหมายความว่าถึงโจวทงจะมียันต์อมตะเงาลอยจริง เจ้าก็สามารถสกัดมันได้อยู่ดี…”
ฉินอวี่กล่าวออกมารวดเดียวจบ
“แบบนี้นี่เอง…ข้านึกว่าอาคมของยันต์อมตะเงาลอยจะลึกล้ำจนข้าไม่อาจสัมผัสได้เสียอีก”
พอได้ฟังคำอธิบายของฉินอวี่ ต้วนหลิงเทียนที่เข้าใจก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
ปง!
ขณะเดียวกันนั้นเอง หลิ่วเฟิงกู่ก็ซัดฝ่ามือทำลายร่างไร้วิญญาณของโจวทง กลางหาวคงเหลือแต่แหวนพื้นที่กลางหมอกเลือด
พอหลิ่วเฟิงกู่สะบัดมืออีกครั้งแหวนพื้นที่วงดังกล่าว ก็ถูกพลังไร้สภาพหอบหิ้วไปส่งถึงตรงหน้าต้วนหลิงเทียน
เห็นการกระทำดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็ไม่เกรงใจ รับไว้แต่โดยดี
เพราะเขารู้ว่าเกรงใจไปก็เท่านั้น
ด้วยนิสัยของหลิ่วเฟิงกู่ เป็นไปไม่ได้เลยที่จะเอาของโจวทงไปใช้เอง…เพราะในสายตาหลิ่วเฟิงกู่ นี่คือสินสงครามของต้วนหลิงเทียน
และมันก็เป็นแบบนั้นจริงๆ เขาเลยไม่เกรงใจ
‘แหวนของต้าหลัวจินเซียน…’
พอนึกได้ว่าอย่างไรนี่ก็คือแหวนพื้นที่ของต้าหลัวจินเซียน ในใจต้วนหลิงเทียนจึงอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นและรู้สึกคาดหวังอยู่บ้าง
“ลงไปนั่งคุยกันเถอะ…”
หลังทำลายศพของโจวทงแล้ว หลิ่วเฟิงกู่ก็ชักชวนต้วนหลิงเทียนกับฉินอวี่ให้ไปนั่งคุยในห้องโถงหลักของจวนเจ้าเมือง และยังผายมือให้ต้วนหลิงเทียนนั่งเก้าอี้บนสุด
อย่างไรก็ตามต้วนหลิงเทียนไม่ได้ไปนั่งตำแหน่งนั้น เพียงเลือกหาที่นั่งกลางๆ
ฉินอวี่เองก็ไปหาที่นั่งข้างๆต้วนหลิงเทียน
เห็นแบบนี้หลิ่วเฟิงกู่ก็ไม่ได้นั่งด้านบนสุด แต่ไปนั่งฝั่งตรงข้ามกับทั้ง 2 คนแทน ซึ่งตำแหน่งอยู่ตำกว่าครึ่งศีรษะ
บางทีตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอาจไม่ใช่ต้าหลัวจินเซียน
แต่ในสายตาของหลิ่วเฟิงกู่ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ต่างอะไรจากต้าหลัวจินเซียนเลย ต่อหน้าตัวตนเช่นนี้มันไหนเลยจะกล้าตีตัวเสมอ
ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนพึ่งช่วยล้างแค้นให้มันด้วยซ้ำ
เมื่อหลิ่วเฟิงกู่นั่งลง ก็มีอีกคนเดินเข้ามาในโถงหลัก เป็นผู้เฒ่าหง หัวหน้าองครักษ์งูทองที่พึ่งกลับมานั่นเอง
พอเข้ามาในห้องโถงแล้ว ผู้เฒ่าหงก็เดินไปหยุดยืนอยู่เบื้องหลังหลิ่วเฟิงกู่อย่างเงียบงัน
“ต้วนหลิงเทียน…ท่านนับว่าทำให้ข้าประหลาดใจจริงๆ”
หลังผู้เฒ่าหงกลับมา หลิ่วเฟิงกู่ที่นิ่งมานาน ก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยความรู้สึกยากอธิบาย
“ใช้เวลาไปถึงสองปี…คงทำให้เจ้าเมืองหลิ่วต้องรอนานแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มบางๆ
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ไม่ว่าจะเป็นฉินอวี่ที่นั่งข้างๆ หลิ่วเฟิงกู่ แม้กระทั่งผู้เฒ่าหงก็อดไม่ได้ที่จะคันปากยุบยิบ
ผู้ที่พึ่งขึ้นสวรรค์มายังหลิงหลัวเทียนได้ครึ่งปี จากไปแค่ 2 ปีก็มีพลังฝีมือเข่นฆ่าต้าหลัวจินเซียนได้แล้ว!
หากเรื่องนี้เผยแพร่ออกไป ทั้งหลิงหลัวเทียนต้องสะเทือน!
แต่ต้วนหลิงเทียนกลับพูดออกมาราวกับยังใช้ไม่ได้…
“ต้วนหลิงเทียนท่านคงไม่รู้…เมื่อครึ่งปีก่อนท่านเจ้าเมืองกังวลเรื่องท่านแทบตาย ด้วยกลัวว่าท่านจะถูกโจวทงนั่นเข่นฆ่าตัดไฟเสียตั้งแต่ต้นลม”
ผู้เฒ่าหงมองต้วนหลิงเทียนพลางถอนหายใจ “ใครจะไปคิดว่าหลังจากนั้นผ่านไปแค่ 6 เดือน ท่านจะพาโจวทงมันกลับมาที่นี่ได้ในสภาพสาหัส…ช่วยให้ใต้เท้าเจ้าเมืองฆ่ามันล้างแค้นนายน้อยเฉียน!”
“ถูกโจวทงฆ่าตัดไฟตั้งแต่ต้นลม?”
ได้ฟังคำพูดดังกล่าวของผู้เฒ่าหง ต้วนหลิงเทียนอดเอียงคอด้วยความสงสัยไม่ได้
จากนั้นหลิ่วเฟิงก็เริ่มเล่าเรื่องราวต่อจากผู้เฒ่าหง เขาเลยได้รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นเมื่อ 6 เดือนก่อน
“ที่โจวเฟยมันรู้ว่าข้าเป็นผู้ขึ้นสวรรค์มาเมื่อ 2 ปีครึ่งก่อน…ที่แท้มันมาสืบหาเรื่องราวถึงเมืองเฉวี่ยโยว ยังไปตามเจอเรื่องข้าในค่ายกองทัพมังกรเงิน…”
“แถมโจวทงยัลมือรุนแรงนัก เพื่อปิดปากผู้คน….ถึงขั้นฆ่าล้างกองทัพมังกรเงินแทบหมดสิ้น ไหนจะยังเหล่าคนงานขุดหินอมตะทั้งหลาย..!”
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็เลยได้รู้ว่าไฉนพวกโจวเฟยกับโจวทงถึงรู้เรื่องเขา
ที่สำคัญเรื่องนี้ยัทำให้เขาตกใจไม่น้อย
เพราะเหตุการณ์ดังกล่าว โจวทงถึงกับฆ่าคนกองทัพมังกรเงินกับคนงานแทบหมดสิ้น!
“โจวทงมันโฉดชั่วเช่นนี้มาแต่ไหนแต่ไรแล้ว มันยอมฆ่าคนผิดพันคน ดีกว่าปล่อยให้คนผิดคนเดียวรอดไปได้…ทั้งหมดเพื่อไม่ให้เรื่องที่ท่านขึ้นมาหลิงหลัวเทียนได้แค่ 2 ปีครึ่งแพร่กระจายออกไป”
หลิ่วเฟิงกู่กล่าว
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เขาเองก็เห็นซึ้งเลยทีเดียว
“ผู้เฒ่าหงท่านไปพักก่อนเถอะ…ข้ามีเรื่องจะหารือกับต้วนหลิงเทียนลำพัง”
แม้หลิ่วเฟิงกู่จะเอ่ยชื่อผู้เฒ่าหง หากแต่สายตากลับมองไปยังฉินอวี่ที่นั่งข้างๆต้วนหลิงเทียน
“ทราบแล้วใต้เท้าเจ้าเมือง”
ผู้เฒ่าหงขานรับ
“เจ้าเมืองหลิ่ว ต้วนหลิงเทียน งั้นข้าออกไปเดินเล่นก่อน”
ฉินอวี่ก็ปลีกตัววออกจากห้องโถงอย่างรู้งาน
จากนั้นในห้องโถงหลักอันกว้างใหญ่ของจวนเจ้าเมือง ก็เหลือหลิ่วเฟิงกู่กับต้วนหลิงเทียนแค่ 2 คน
ฟุ่บ!
หลิ่วเฟิงกู่วูบมาดั่งสายลม หยุดยืนเบื้องหน้าต้วนหลิงเทียน จากนั้นก็โค้งศีรษะลงไปแทบเก้าสิบองศา!
“ท่านเจ้าเมืองนี่…”
ต้วนหลิงเทียนสะดุ้งกับการกระทำดังกล่าวของหลิ่วเฟิงกู่ไม่น้อย
“ต้วนหลิงเทียน ครั้งนี้ข้าต้องขอบคุณท่านอย่างยิ่ง”
หลิ่วเฟิงกู่ที่เงยหน้าจากการโค้งคำนับ มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ท่านเจ้าเมืองไม่ต้องขอบคุณแล้ว…นี่คือข้อตกลงระหว่างเรา ข้าช่วยจับโจวทงมาก็เพราะท่านมอบทรัพยากรบ่มเพาะทั้งให้สถานที่บ่มเพาะกับข้าอย่างดีที่สุดเท่าที่ท่านหาได้ พวกเราไม่ถือว่ามีใครติดค้างใคร”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา
“ข้ารู้ว่าพวกเรามีทำข้อตกลงไว้แล้ว…แต่กล่าวไปในระดับหนึ่ง ช่างเป็นข้อตกลงที่ท่านเสียเปรียบนัก!”
หลิ่วเฟิงกู่ส่ายหัวไปมา
“ไม่เสียเปรียบหรอก…ในเมื่อข้ายอมรับข้อตกลงท่านวันนั้น ก็หมายความว่าข้อตกลงของท่านทำให้ข้าพึงพอใจ”
ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัววไปมาเช่นกัน
“อย่างไรเสีย ข้าไม่อาจไม่ขอบคุณท่าน”
หลิ่วเฟิกู่กล่าวออกเสียงหนัก
ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ยิ้มเจื่อนๆอย่างช่วยไม่ได้
“โชคดีที่ก่อนหน้าข้าสัญญากับท่านว่าหลังท่านช่วยข้าล้างแค้นให้ศิษย์ข้าได้แล้ว จะมอบเบาะแสของเพลิงอมตะที่ข้าเคยพบเจอในอดีตให้ท่าน…หาไม่แล้วข้าไม่ทราบจริงๆว่าจะตอบแทนบุญคุณท่านได้อย่างไรไหว”
หลิ่วเฟิงกู่เอ่ยขึ้นอีกครั้ง ก็พูดถึงเรื่องเพลิงอมตะออกมาทันที
คราวนี้ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เกรงใจ หรือปฏิเสธอะไรอีก สองตายังลุกวาวขึ้นมาทันใด
เมื่อ 2 ปีก่อนตั้งแต่ตอนที่ได้ฟังเรื่องของเพลิงอมตะจากหลิ่วเฟิงกู่
เขาก็รู้สึกได้ว่านั่นอาจไม่ใช่เพลิงอมตะระดับต่ำธรรมดา!
“เอาล่ะ ตอนนี้ข้าจะบอกเรื่องสถานที่ๆข้าพบเจอเพลิงอมตะนั่นให้ท่าน…มันเป็นสถานที่ค่อนข้างไกลห่างทั้งไร้สำคัญนัก ไม่น่าจะมีผู้ใดพบเจอตลอดหลายปีที่ผ่าน…”
หลิ่วเฟิงกู่มองต้วนหลิงเทียน พลางกล่าวเสริมว่า “แน่นอนข้าเพียงพูดว่า ‘ไม่น่า’ จะมีใครพบเจอเท่านั้น ท่านเองก็ต้องทำใจเผื่อไว้ด้วยหากมีผู้ใดไปพบเจอมันเข้าแล้ว…”
“ข้าเข้าใจ”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็ได้รับทราบตำแหน่งสถานที่ซ่อนเพลิงอมตะจากปากหลิ่วเฟิงกู่อย่างละเอียด และมันก็อยู่อีกด้านของเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวเลย
หากต้วนหลิงเทียนคิดไปที่นั่น ก็จำต้องผ่านเมืองประจำมณฑลจิ่วโยวก่อน
“ท่านเจ้าเมือง หากท่านไม่มีอะไรแล้ว เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน”
หลังได้รับทราบเบาะแสเพลิงอมตะ ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อยากรั้งอยู่ในเมืองเฉวี่ยโยวต่อ เขาคิดจะเดินทางไปยังสถานที่ซ่อนเพลิงอมตะนั่นทันที ราวกับกลัวจะมีใครไปพบเจอแล้วแย่งชิงตัดหน้า…
“ถนอมตัวด้วย”
หลิ่วเฟิงกู่พยักหน้า มันเองก็เข้าใจความรู้สึกของต้วนหลิงเทียนในตอนนี้ดี
อย่างไรก็ตามก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะจากไปมันยังอดไม่ได้ที่จะกล่าวกำชับด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ต้วนหลิงเทียน ถึงแม้ความแข็งแกร่งของท่านยามนี้จะไม่ได้ด้อยไปกว่าต้าหลัวจินเซียนทั่วไป…แต่ข้าหวังว่าเมื่อท่านไปถึงที่นั่นแล้วจักไม่ฝืนจนเกินไป หากคิดว่าไม่ไหวจริงๆก็ล่าถอยไปก่อนเถอะ เพียงรอให้พลังฝึกปรือก้าวหน้าขึ้นกว่านี้ วันหน้าค่อยไปรับเพลิงอมตะก็ยังไม่สาย…”