War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2693
WSSTH ตอนที่ 2,693 : ปรากฏตัว!
“ที่แท้…รูปโฉมของอาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงเป็นเช่นนี้หรอกหรือ!?”
“ให้ตายเถอะ ตลอดเวลาที่ผ่านมาข้าหลงคิดว่าท่านอาวุโสเป็นผู้ชรามาตลอด…ไม่คิดเลยว่าจะยังแลดูหนุ่มแน่นขนาดนี้!”
“มิคาด…มิคาด…ข้ามิคาดเลยจริงๆ”
……
เหล่าคนของนิกายมังกรบินไม่เว้นหวงกวงจี๋ พากันถอนหายใจออกมาอย่างอดไม่ได้
กระทั่งพวกมัน พอได้เห็นรูปโฉมที่แท้จริงของอาวุโสกิตติมศักดิ์เทียนหลิงของนิกายมังกรบิน พวกมันก็ยังอดอึ้งไปไม่ได้
ตึง!
เสียงดังสนั่นลั่นขึ้น! เป็นต้วนหลิงเทียนกระทืบเท้าส่งร่างให้เหินทะยานขึ้นฟ้าเหินละลิ่วออกไปทางเวทีประลอง
และพริบตาเดียวคนก็มาหยุดลงตรงหน้า พิธีกรผู้ดำเนินการประลอง 16 มณฑล!
“มณฑลจิ่วโยว ต้วนหลิงเทียน…..”
ขณะที่เสียงเรียบสงบของต้วนหลิงเทียนดังขึ้น เจ้าตัวผู้กล่าวที่ลอยกลางฟ้าเหนือเวทีประลองตอนนี้ ก็หันไปมองร่างฉู่เหยียน ไพ่ตายของมฑลหลิวฟงเล็กน้อย!
แต่ต้นจนจบขณะกล่าวเผยตัวตน สีหน้าเขาเฉยเมยไร้อารมณ์นัก ราวต่อให้ไท่ซานถล่มลงตรงหน้าก็ไม่ไหวติง
มณฑลจิ่วโยว ต้วนหลิงเทียน!
เมื่อคำ 6 คำดังออกจากปากต้วนหลิงเทียน มันก็ดังก้องไปทั่ว!
และต่อมาพอผู้คนเห็นผู้กล่าววาจาในชุดสีม่วงที่ลอยเหนือเวทีประลองนั้น…
ทั้งหลายก็พากันตกใจไม่น้อย ถึงกับลุกขึ้นยืนพรวด ทำตาโตปานลูกวัวแรกเกิด เห็นชัดว่าพวกมันตกตะลึงทั้งคิดไม่ถึงขนาดไหน
ส่วนเรื่องชุดสีม่วงนั้น ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนเหินร่างออกมาจากอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลพิเศษ เขาก็ได้ถอดชุดคลุมปรมาจารย์อมตะ แล้วเปลี่ยนไปสวมชุดคลุมสีม่วงแทน
“ต้วนหลิงเทียนมาแล้ว!?”
“นั่น…เจ้านั่นคือต้วนหลิงเทียนงั้นเหรอ!?”
“ตอนแรกข้าคิดว่าการประลอง 16 มณฑลคราวนี้จะจบลงตั้งแต่ที่ฉู่เหยียนเอาชนะหยางจิ้นได้เสียอีก…แต่ไม่คิดเลยว่าพอพิธีกรตอบรับเรื่องขอเวลาของผู้ว่าเถียน จนได้รับเวลามาครึ่งชั่วยามได้ไม่ทันไร ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวขึ้นมาพอดีแบบนี้…”
“ดูเหมือนว่าผู้ว่าเถียนคงมั่นใจมาก ว่าต้วนหลิงเทียนต้องมาแน่…”
“สมควรเป็นเช่นนั้น”
……
รอบๆเวทีประลอง เหล่าผู้ชมทั้งหลายบนอัฒจันทร์ที่นั่งก็สนทนากันดังระงม บรรยากาศกลายเป็นคึกคักขึ้นมาทันตาเห็น
และต่อมาก็มีหลายคนที่ละสายตาออกจากร่างต้วนหลิงเทียน หันไปจับจ้องมองผู้ว่าการมณฑลจิ่วโยวเถียนจี้หวี่
แต่อย่างไรก็ยังมีสายตาอีกมากมายหลายคู่ที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนเขม็ง ราวกับกลัวว่าต้วนหลิงเทียนจะอันตรธานหายไปต่อหน้าต่อตา
“นั่นน่ะเหรอต้วนหลิงเทียนที่โด่งดังไปทั่วเขตวังฉินเมื่อหลายเดือนก่อน…อายุของมันไม่ถึงร้อยปีแต่พลังฝีมือแทบจะทัดเทียมกับต้าหลัวจินเซียน?”
“ในประวัติศาสตร์ของวังฉินพวกเรา…ไม่เคยมีอัจฉริยะท้าทายสวรรค์เช่นนี้ปรากฏตัวขึ้นมาก่อนเลยมิใช่หรือ?”
“ที่สำคัญก็คือ ที่ว่ามันร้ายกาจแทบจะทัดเทียมต้าหลัวจินเซียนนั่น ก็เป็นเรื่องเมื่อเกือบปีก่อนด้วยซ้ำ…ตอนนี้หลังผ่านมาเกือบปี ไม่ทราบพลังฝีมือของมันจะร้ายกาจขึ้นขนาดไหน?”
“ไม่ใช่ว่า…ตอนนี้มันจะกลายเป็นต้าหลัวจินเซียนไปแล้วหรอกนะ?”
“ให้ตายเถอะ ต้าหลัวจินเซียนอายุไม่ถึงร้อย…ตัวตนระดับนี้อย่าว่าแต่วังฉิน หรือกระทั่งประเทศอวิ๋นเหยียนที่เป็นแค่ประเทศอมตะระดับกลางของพวกเราเลย ต่อให้เป็นประเทศอมตะระดับสูง…ตัวตนระดับนี้มิใช่ว่าพันปียังยากจะปรากฏหรอกหรือ?”
……
สายตาร้อนแรงมากมายหลายคู่มองจ้องต้วนหลิงเทียนไม่วางตา นับว่าตอนนี้ต้วนหลิงเทียนได้กลายเป็นจุดศูนย์รวมความสนใจของผู้คนอย่างแท้จริง!
อันที่จริงก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวออกมา หากจะถามว่าในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ผู้คนสนใจอะไรมากที่สุด ก็ย่อมเป็น 1 ใน 13 ไพ่ตาย อย่างต้วนหลิงเทียน
เรียกว่าไม่ทันทีที่ต้วนหลิงเทียนจะมา คนก็พากันพูดถึงเขาแต่แรก ยังกล่าวเป็นเสียงเดียวกันด้วยซ้ำ ว่าถ้าหากเขามาอันดับ 1 ในการประลองคราวนี้…ไม่มีทางเป็นฉู่เหยียนแน่นอน!
ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็มาแล้วจริงๆ!
เช่นนั้นทุกคนก็ให้ความสนใจเขาทันที แทบไม่มีใครสามารถละความสนใจได้เลย
“ต้วนหลิงเทียน!?”
ฉินอวี่ที่นั่งเก้าอีหรูหราอยู่ ถึงกับลุกพรวดขึ้นมา!
ขณะเดียวกัน แม้ใบหน้าของมันจะฉายชัดถึงความดีใจที่เห็นต้วนหลิงเทียนปลอดภัยไม่เกิดเรื่อง ทว่าส่วนหนึ่งก็ฉายชัดถึงความกังวลออกมา ด้วยกลัวว่ายอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนคนนั้นจะมาเพราะต้วนหลิงเทียนสหายมันจริงๆ!
ตั้งแต่ที่มันได้ยินลุงใหญ่กล่าวบอกว่ายอดฝีมือผู้นั้นต่ำๆก็เป็นขุนนางอมตะ มันก็หวาดกลัวจับใจ
นั่นเพราะขุนนางอมตะ เป็นตัวตนที่อยู่เหนือยอดเซียนอมตะอีกที
หากอีกฝ่ายคิดลงมือขึ้นมา น่ากลัวว่าคงล้างบางวังฉินได้ง่ายดาย…
‘ต้วนหลิงเทียนมาถึงขนาดนี้แล้ว…เจ้าจะปรากฏตัวออกมาทำอะไร?’
‘กระทั่งหากจะปรากฏตัวขึ้นมาจริงๆ…ไฉนไม่ติดต่อข้าก่อนเล่า!?’
ในใจของฉินอวี่เริ่มเต็มไปด้วยอารมณ์ขมขื่นทั้งทำอะไรไม่ถูก
และตอนนี้มันก็ไม่คิดจะสื่อสารผ่านพลังกับต้วนหลิงเทียนแต่อย่างใด เพราะมันรู้ดีว่าการที่ต้วนหลิงเทียนเผยตัวออกมาแบบนี้ ไม่ว่ามันจะทำอะไร ทุกประการล้วนสายไปแล้ว…
หากเป้าหมายของยอดฝีมือนิกายสือหังเซียน ตัวตนขอบเขตขุนนางอมตะนั่นเป็นต้วนหลิงเทียนจริงๆ แม้มันจะกล่าวเตือนอะไรต้วนหลิงเทียนตอนนี้ก็ไร้ประโยชน์
และถ้าหากเป้าหมายของยอดฝีมือผู้นั้นไม่ใช่ต้วนหลิงเทียน การที่มันไปเตือนต้วนหลิงเทียนก่อน ก็รังแต่จะสร้างภาระจิตใจ จนต้วนหลิงเทียนต้องงคอยระแวงตลอดเวลา ไม่มีกะใจทำอะไรอื่น…
เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนก็กำลังจะประลองศึกสุดท้ายของการประลอง 16 มณฑล…
‘หวังว่ายอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนคนนั้นจะไม่ได้มาเพราะต้วนหลิงเทียน…’
ฉิอวี่ได้แต่ลอบภาวนาในใจอย่างเงียบงัน
‘แต่คิดไม่ถึงเลยจริงๆว่าต้วนหลิงเทียนจะนั่งแฝงตัวอยู่ในอัฒจันทร์ที่นั่งสำหรับบุคคลสำคัญข้างๆนี่เอง! กล่าวไปห่างจากข้าไม่กี่หมี่ด้วยซ้ำ! เจ้าบ้านี่…จะทักข้าสักคำก็ไม่ได้ ไม่งั้นป่านนี้คงได้ถามให้รู้เรื่องไปนานแล้วว่าใช่ไปมีความแค้นอะไรกับนิกายสือหังเซียนหรือไม่’
ฉินอวี่ลอบทอดถอนในใจ
เมื่อครู่มันก็สังเกตเห็นความเคลื่อนไหววุ่นวายที่อัฒจันทร์พิเศษข้างๆ
หากแต่เพราะว่ามีผู้คนมากมายบังเอาไว้ มันเลยไม่ทันได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของต้วนหลิงเทียนตอนเผยโฉมออกมา และมันก็ไม่ทันตอบสนองสิ่งใดได้ทัน ต้วนหลิงเทียนก็เหินลิ่วไปลอยค้างกลางฟ้านู่นแล้ว…
กว่ามันจะดึงสติกลับมาได้ ต้วนหลิงเทียนก็กล่าวเปิดเผยตัวตน จนทุกผู้คนในงานประลอง 16 มณฑลรับทราบกันถ้วนหน้า!
มณฑลจิ่วโยว ต้วนหลิงเทียน!
“อวี่เอ๋อ…นั่นคือต้วนหลิงเทียนหรือ?”
อ๋องฉินที่นั่งข้างๆ เอ่ยถามออกมา สองตาที่ฉายแวววูบวาบยังคงมองจ้องร่างในชุดสีม่วงกลางฟ้าเหนือลานประลองหลังม่านผ้าไม่วางตา
“ใช่แล้วท่านลุงใหญ่”
ฉินอวี่คลี่ยิ้มเจื่อนๆกล่าวต่อว่า “ข้าไม่คิดเลยว่าสหายผู้นี้ที่แท้จะมาถึงแต่แรก…กระทั่งไม่คิดเลยว่าอยู่ๆจะไปเป็นปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับต่ำของนิกายมังกรบินเสียได้!”
“มันช่างซ่อนตัวเก่งเหลือเกิน…”
ฉินอวี่กล่าวว
ขณะเดียวกันด้านอ๋องฉินที่ได้ฟังคำหลาน ในใจก็เต็มไปด้วยความสงสัยนัก
ในเมื่อต้วนหลิงเทียนมาถึงงานประลอง 16 มณฑลแต่แรก ทำไมไม่ปรากฏตัวออกมา?
ไฉนมาปรากฏตัวเอาป่านนี้?
ต้องทราบด้วยว่าถ้าเมื่อครู่มันไม่เอ่ยปากตอบรับเรื่องที่เถียนจี้หวี่ร้องขอเวลา และให้รอคอยอีกครึ่งชั่วยาม ป่านนี้การประลอง 16 มณฑลก็คงจบลงไปแล้ว!
หากการประลอง 16 มณฑลจบลง ถึงตอนนั้นต่อให้ต้วนหลิงเทียนจะปรากฏตัวออกมาก็ไร้ความหมาย!
ทว่าต้วนหลิงเทียนกลับเลือกจะปรากฏตัวออกมาตอนนี้!
ที่สำคัญเลยก็คือคนไมได้พึ่งมาถึง แต่นั่งแฝงตัวอยู่ในอัฒจันทร์ที่นั่งพิเศษตั้งแต่แรก!!
‘ที่นี่คือวังฉิน ตามเหตุผลแล้วมันสมควรไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวมือสังหารที่อีก 15 มณฑลจ้างมาอีกต่อไป…แต่ไฉนมันกลับเลือกปรากฏตัวเอาป่านนี้ เรียกว่ามันเกือบพลาดการประลอง 16 มณฑลไปแล้วด้วยซ้ำ?’
‘หรือว่า…มันเองก็ทราบดีว่ามียอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนอยู่ด้วย ทั้งรู้ว่าตัวเองตกเป็นเป้าหมาย?’
‘แต่นี่ก็มิอาจกล่าวได้…ในเมื่อมันรู้แล้วว่ายอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียนอาจซ่อนตัวคอยท่ามันอยู่ แล้วไฉนมันถึงยังจะเลือกปรากฏตัวออกมาแบบนี้อีกเล่า?’
‘ถึงต่อให้มันจะไม่แน่ว่าใจว่ายอดฝีมือของนิกายสือหังเซียนมาหรือไม่มากันแน่ แต่มันก็มิน่าจะเลือกเสี่ยงปรากฏตัวออกมามิใช่หรือไร?’
ยิ่งคิดมากเท่าไหร่ อ๋องฉินก็พบว่ามันไม่อาจเข้าใจอะไรได้เลย
ขณะเดียวกันสายตาของอ๋องฉินก็หันมองไปทางอัฒจันทร์ที่นั่งส่วนของมณฑลผิงชานอย่างอดไม่ได้ สายตายังไปหยุดอยู่บนร่างในชุดคลุมสีเทาข้างๆ หวังฉี่หลิง ผู้ว่าการมณฑลผิงชาน
ร่างในชุดคลุมสีเท่าผู้นี้ ก็คือยอดฝีมือจากนิกายสือหังเซียน ยังเป็นถึงชนชั้นอาวุโสหลัก!
“ท่านผู้อาวุโส…ตอนนี้ในเมื่อต้วนหลิงเทียนก็ปรากฏตัวออกมาแล้ว ไฉนท่านยังไม่ลงมือเล่า?”
ด้านผู้ว่าการมณฑลผิงชาน หวังฉี่หลิง พอเห็นต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวออกมาได้สักพักแล้ว แต่ร่างข้างๆมันก็ยังแน่นิ่งไม่คิดลงมือเคลื่อนไหวอะไร จึงทำให้มันอดรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมาไม่ได้
เพราะหากคนข้างๆมันไม่ลงมือ หลังต้วนหลิงเทียนสู้เอาชนะฉู่เหยียนได้ มิใช่ว่าจะได้อันดับ 1 ในการประลอง 16 มณฑลคราวนี้ไปครองหรือไร?
ถึงตอนนั้นมณฑลผิงชานของมัน ก็จะได้รับโอสถต้าหลัวแค่เม็ดเดียวเท่านั้น!
เพราะสุดท้ายแล้ว หยางจิ้นของพวกมันก็ต้องตกไปอยูในอันดับที่ 3 ตามระเบียบ! แล้วโอสถต้าหลัวเม็ดเดียวจะไปพอยาไส้มันที่ไหน!?
เดิมทีหวังฉี่หลิงคิดว่าพอต้วนหลิงเทียนปรากฏตัวปุ๊บ คนข้างๆมันก็จะลงมือปั๊บ ฆ่าต้วนหลิงเทียนทันที!
แต่ไม่คิดเลยว่าจนป่านนี้อีกฝ่ายยังนั่งแช่แน่นิ่ง ไม่คิดเคลื่อนไหวอะไร
“ข้าคิดทำอะไร ยังไม่ถึงตาให้เจ้าสอดปาก!”
เสียงสตรีชราอันเยียบเย็นหนึ่งดังออกมาจากชุดคลุมสีเทา
พอเข้าหูหวังฉี่หลิง ก็ทำให้หน้าขอมันเปลี่ยนเป็นสีซีดทันที มันที่ตื่นตระหนกตกใจได้แต่เร่งก้มหัวขอขมาหน้าเสีย “ขออภัยด้วยผู้อาวุโส ผู้น้อยร้อนใจไปเอง! เป็นผู้น้อยอดไม่ไหว!!”
ถึงแม้หวังฉี่หลิงจะยังไม่รู้ว่าหญิงชราคนนี้ที่แท้มีความเป็นมาอย่างไรกันแน่
ทว่าหลังจากมันได้เห็นการพบปะก่อนหน้าระหว่างอ๋องฉินกับหญิงชราผู้นี้ จึงทำให้มันตระหนักว่า…
ต่อหน้าหญิงชราผู้นี้ กระทั่งอ๋องฉินยังต้องก้มหัว!
และเป็นอ๋องฉินที่แนะให้มันกล่าวว่าหญิงชราเป็นใบ้หูหนวกออกมาด้วยตัวเอง!
หากกระทั่งอ๋องฉินยังต้องหาทางลงให้ตัวเอง เช่นนั้นอีกฝ่ายจะเป็นคนธรรมดาสามัญได้อย่างไร?
เพราะที่อ๋องฉินหาทางลงเช่นนั้น ย่อมเผยให้เห็นว่าตัวอ๋องฉินเองก็ไม่อาจต่อต้านหญิงชรานางนี้ได้!
และในเมื่ออ๋องฉินไม่กล้าแหยม ตัวมันที่เป็นแค่คนใต้อำนาจอ๋องฉินอีกทีมีหรือจะกล้า?
หวังฉี่หลิงมั่นใจได้เต็มสิบส่วน
ถึงหญิงชราจะฆ่ามันทิ้งตอนนี้ มันก็ได้แต่ตายเปล่าเท่านั้น! เพราะอ๋องฉินไม่มีวันล้างแค้นหาความเป็นธรรมให้มันแน่นอน!!
ด้วยเหตุนี้พอได้ยินน้ำเสียงเยียบเย็นของหญิงชราอันเผยให้เห็นถึงความไม่พอใจ จะให้มันไม่หวาดกลัวจนขี้หดตดหายได้อย่างไรไหว?
‘มันน่ะหรือคือต้วนหลิงเทียน…ผู้ที่ทำลายความบริสุทธิ์ของคุณหนูปิงเอ๋อ?’
สายตาอันเย็นชาใต้ชุดคลุมสีเทาของหญิงชรา มองจ้องไปที่ต้วนหลิงเทียนเขม็ง!