War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2716
ตอนที่ 2,716 : ประเทศอมตะ เถิงหลง
หลังรับแหวนพื้นที่จากบรรพบุรุษตระกูลลู่มาชมดูของข้างในสักพัก ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้าเบาๆ
หินอมตะระดับสูง 800,000 ก้อนครบถ้วน
นอกจากนี้ยังมียันต์อมตะเก็บความทรงจำแผ่นหนึ่ง
‘หืม แผนที่…รูปแบบยันต์อมตะเก็บความทรงจำงั้นเหรอ?’
สองตาต้วนหลิงเทียนทอแสงจ้าขึ้นวาบหนึ่ง จากนั้นก็หยิบยันต์อมตะเก็บความทรงจำดังกล่าวออกมาทันที
หลังถ่ายทอดพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดลงไปในยันต์อมตะเก็บความทรงจำแล้ว ข้อมูลที่ทางต่างๆทั้งแผนที่ขนาดใหญ่ก็ผุดขึ้นในใจต้วนหลิงเทียน
แผ่นที่ดังกล่าวยังครอบคลุมทั้งประเทศอวิ๋นเหยียนและประเทศอมตะระดับกลางในละแวกใกล้เคียง แม้กระทั่งพื้นที่อื่นๆที่อยู่ห่างออกไป
‘ตอนนี้ตำแหน่งในปัจจุบันของข้า…สมควรเป็นเมืองฉีลู่ตรงนี้…’
‘เมืองฉีลู่แห่งนี้ อย่างจากเมืองหลวงประเทศอวิ๋นเหยียนแค่ 200,000 กว่าลี้เท่านั้น’
‘ส่วนเมืองของวังฉินอยูห่างกับเมืองหลวงของประเทศอวิ๋นเหยียนล้านลี้เศษ…’
‘ในแผนที่ยังระบุเมืองประจำมณฑลจิ่วโยว หืม…กระทั่งเมืองเล็กๆในมณฑลอย่างเมืองเฉวี่ยโยวก็มีรายละเอียดด้วย…’
…
หลังใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำแล้ว ข้อมูลแผนที่ขนาดใหญ่และข้อมูลของเมืองต่างๆ กระทั่งฉากการเดินทางไปไหนต่อไหนก็แล่นผานในใจต้วนหลิงเทียน ทั้งยังสลักลึกลงไปอย่างยากจะลืม
และข้อมูลที่ว่าก็บอกให้ต้วนหลิงเทียนรู้ตำแหน่งในปัจจุบันว่าเขาอยู่ที่ไหน ขณะเดียวกันก็รู้ว่าสถานที่ๆต้องการจะไปมันห่างไกลเพียงใด
“หากจำไม่ผิด ยันต์อมตะที่กักเก็บข้อมูลสถานที่และแผนที่ขนาดใหญ่แบบนี้เอาไว้ สมควรมีค่าไม่น้อย…พวกเจ้าสกุลลู่นับว่าจริงใจไม่เบา”
เมื่อยันต์อมตะเก็บความทรงจำในมือต้วนหลิงเทียนเริ่มสลายหายไปหลังหมดหน้าที่ของมันแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ฟื้นขึ้นมา จากนั้นก็มองไปยังบรรพบุรุษตระกูลลู่ด้วยสายตาลึกซึ้ง
ในระนาบเทวโลกนั้น แผนที่ก็จะแบ่งออกเป็นแผ่นที่แบบทั่วๆไปที่ต้องคลี่กางอ่านทิศ กับอีกแบบคือมาในรูปของยันต์อมตะเก็บความทรงจำแบบนี้!
อย่างหลังนั้นย่อมมีค่ามากกว่า เพราะมีแค่ไม่กี่คนที่เต็มใจจะสิ้นเปลืองเรี่ยวแรงเหินร่างตระเวนไปยังประเทศและเมืองต่างๆ เพื่อกักเก็บฉากเรื่องราวการเดินทางเอาไว้เป็นความทรงจำในยันต์อมตะเก็บความทรงจำ ยังไม่ต้องกล่าวถึงระยะเวลาที่ต้องใช้ในการดำเนินการด้วยซ้ำ…
ด้วยสิ้นเปลืองทั้งเวลาและเรี่ยวแรงของผู้สร้างแบบนี้ ส่วนใหญ่แล้วจึงไม่มีใครคิดจะทำ และเลือกเอาเวลามหาศาลที่ต้องเสียไปจากการทำแผ่นที่ไปใช้กับการบ่มเพาะพลังมากกว่า…
ก็จริงที่ผลกำไรในการจัดทำแผนที่แบบนี้ มีมากคุ้มค่าเหนื่อย…
แต่เป็นธรรมดาว่าเรื่องแบบนี้ไม่ใช่ว่าทุกคนจะยินดีกระทำ ต่อให้จะได้ค่าแรงคุ้มเหนื่อยจริง แต่ไม่ใช่ทุกคนที่อยากจะสิ้นเปลืองกำลังและเรี่ยวแรงไปกับการทำแผนที่…
กลับกัน ก็ยังมีพวกที่ว่างจัดและไม่มีอะไรทำ จึงเลือกจะหากินด้วยอาชีพนี้อยู่!
หาไม่แล้ว ไหนเลยต้วนหลิงเทียนจะมีโอกาสได้ใช้ยันต์อมตะเก็บความทรงจำที่เป็นแผนที่แบบนี้
เพราะบางครั้งเหล่าเซียนอมตะทั้งหลายที่ติดจุดรอคอยมาเนิ่นนาน ยากจะบุกฝ่าไปได้ เมื่อคิดประกอบอาชีพสักอย่างเพื่อหาหินอมตะใช้และไม่มีปัญหาเรื่องการใช้เวลา ก็สามารถใช้มันไปกับการสร้างยันต์อมตะเก็บความทรงจำเรื่องที่ทางดั่งแผนที่ใหญ่เช่นนี้ได้ เพราะผลตอบแทนมันสูงจริงๆ…
ด้วยเหตุนี้ต้วนหลิงเทียนจึงบอกได้ทันทีว่า แผนที่ในรูปแบบยันต์อมตะเก็บความทรงจำมีค่าขนาดไหน
“ใต้เท้าพึงพอใจก็ดีแล้ว…”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน บรรพบุรุษตระกูลลู่ก็เร่งตอบคำด้วยรอยยิ้มทันที
ตั้งแต่ที่ต้วนหลิงเทียนเอ่ยปากออกมาว่า เขาเป็นคนฆ่าต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลฉีด้วยตัวเอง บรรพบุรุษของตระกูลลู่ ก็คาดว่าต้วนหลิงเทียนน่าจะเป็นตัวตนขอบเขตต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอดไม่ผิดแน่! มันจึงบังเกิดความยำเกรงต่อต้วนหลิงเทียนไม่น้อย…
แน่นอนว่าถึงจะไม่มีเรื่องนี้ แต่มันก็ยังต้องยำเกรงฮ่วนเอ๋อข้างๆต้วนหลิงเทียนอยู่ดี เช่นนั้นไหนเลยมันจะกล้าอวดดีต่อหน้าต้วนหลิงเทียนได้?
อย่างมากก็คงทำได้แค่ไม่เห็นต้วนหลิงเทียนอยู่ไหนสายตา
“ฮ่วนเอ๋อ เมื่อพวกเราได้ของที่ต้องการแล้ว…ก็ได้เวลาออกจากเมืองนี้กันเสียที”
หลังต้วนหลิงเทียนเก็บแหวนพื้นที่ไปแล้ว เขาก็หันไปยิ้มกล่าวกับฮ่วนเอ๋อที่ตอนนี้ได้สวมผ้าปิดหน้าอีกครั้ง
“เอ๋? ออกจากเมืองนี้หรือ?”
ได้ยินคำของต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อก็ดึงชายเสื้อต้วนหลิงเทียน กล่าวออกด้วยสีหน้าเว้าวอน “พี่หลิงเทียนข้ายังเที่ยวไม่ทั่วเลยนี่นา…พวกเราเที่ยวเล่นให้ทั่วก่อนแล้วค่อยไปไม่ได้หรือ?”
เห็นท่าทางดังกล่าวของฮ่วนเอ๋อ คนของตระกูลลู่อดอึ้งไปไม่ได้
นี่…ใช่ตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะที่อาศัยเพียงโบกมือเบาๆ ก็กุมชีวิตพวกมันไว้ในกำมือ ถึงขั้นจะบีบก็ตายจะคลายก็รอดเมื่อ 3 วันก่อนจริงหรือ?
ไฉนแลแล้วไม่ต่างอะไรจากเด็กน้อยยังไม่โต?
“ฮ่วนเอ๋อเจ้าไม่อยากไปแน่นะ…แต่อย่าได้โทษพี่หลิงเทียนทีหลังว่าไม่ได้บอกเจ้าเล่า ว่าสถานที่ๆพวกเรากำลังจะไปตอนนี้สนุกกวว่าที่นี่มาก”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ กล่าวออก
“เอ๋ สนุกกว่าที่นี่อีกหรือ?”
ลูกตาฮ่วนเอ๋อเปล่งแสงสว่างจ้าวับวาว จากนั้นนางก็โบกมือคราหนึ่ง ปรากฏพลังไร้สภาพอ่อนโยนห่อหุ้มร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้! ด้านคนของสกุลลู่ไม่ทันได้รู้สึกตัวอะไร เพียงสัมผัสได้ถึงสายลมหอบหนึ่งเท่านั้น ร่างฮ่วนเอ๋อกับต้วนหลิงเทียนก็อันตรธานหายไปจากหน้าประตูใหญ่ตระกูลลู่เสียแล้ว…
“พี่หลิงเทียน สถานที่ๆท่านว่ามันอยู่ทางไหนหรือ? พวกเรารีบไปกันเถอะ!”
คงเหลือแต่เพียงเสียงใสไพเราะดังกล่าว ที่ดังเข้าหูคนของตระกูลลู่…
หลังจากนั้นคนของตระกูลลู่ก็ได้แต่หันหน้ามองตากัน ก่อนที่ทั้งหมดจะแลเห็นถึงความตกตะลึงทั้งประหลาดใจในแววตากันและกัน
สตรีนางนั้นเป็นตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะจริงๆหรือ?
ไฉนฟังเสียงคึกคักนั่นแล้ว เสมือนเด็กน้อยขี้เล่นไม่รู้จักโต?
“ท่านบรรพบุรุษ…ท่านคิดว่าชายหนุ่มชุดม่วงนั่น ใช่เป็นยอดเซียนอมตะด้วยหรือไม่?”
ผู้นำตระกูลลู่อดไม่ได้ที่จะหันไปถามบรรพบุรุษด้วยความสงสัย
“ข้าเองก็ไม่รู้ว่ามันจะเป็นยอดเซียนอมตะด้วยหรือไม่…แต่ฟังจากที่มันกล่าวว่า มันเป็นคนสังหารต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลฉีด้วยตัวเอง เช่นนั้นข้าคิดว่าอย่างน้อยๆมันก็ต้องบรรลุถึงต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอด”
บรรพบุรุษตระกูลลู่กล่าว
“และสิ่งที่สำคัญที่สุดเลยก็คือ…”
ทันใดนั้นคล้ายจะนึกอะไรได้ออก ลูกตาของบรรพบุรุษตระกูลลู่หดหยีลงโดยพลัน “เมื่อสามวันก่อนนั้น ตอนที่ข้าเผลอใช้สำนึกเทวะแผ่ไปสำรวจกลิ่นอายพวกมันโดยไม่รู้ตัว…ข้าสัมผัสได้ชัดเจนว่ากลิ่นอายเลือดเนื้อของพวกมันเยาว์วัยยิ่ง! แม้ไม่ทราบอายุที่แน่ชัด…แต่อย่างน้อยๆก็ต้องไม่ถึงร้อยปีแน่นอน!!”
อายุไม่ถึงร้อย!
ทันทีที่บรรพบุรุษตระกูลลู่เอ่ยถึงเรื่องนี้ออกมา บริเวณประตูใหญ่ตระกูลลู่ก็ตกอยู่ในความเงียบบงันทันที
“เรื่องเช่นนั้นมัน…จริงหรือ?!”
“ตัวตนที่อย่างน้อยๆกก็ต้องเป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอดกับยอดเซียนอมตะ…อายุยังไม่ถึงร้อยปี?”
…
คนในตระกูลลู่ที่อยู่บริเวณประตูใหญ่อดไม่ได้ที่จะกล่าวถามกันออกมาด้วยความเหลือเชื่อ และบางคนก็ไม่เชื่อเลยว่าชายหญิงน่ากลัวนั่น จะมีอายุไม่ถึงร้อยปี
“3 วันก่อน ข้าคิดว่าตัวเองรู้สึกผิดไปเองเสียอีก…แต่ดูเหมือนที่แท้พวกมันจะอายุไม่ถึงร้อยปีกันจริงๆ!”
ขณะเดียวกัน บิดาของลู่เฉียน ซึ่งเป็นผู้นำตระกูลลู่รุ่นก่อน และยังเป็นต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์อีกคนของตระกูลลู่นอกจากบรรพบุรุษตระกูลลู่ หลังได้ยินคำกล่าวของบรรพบุรุษตระกูลลู่ มันก็กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ…
และเสียงถอนหายใจเฮือกใหญ่ของมัน ก็ปัดเป่าความสงสัยแคลงใจของผู้อื่นไปทันที!
หากมีแค่บรรพบุรุษตระกูลลู่ของพวกมันคนเดียวรู้สึกเช่นนั้น พวกมันยังพอกล่าวได้ว่าบางทีบรรพบุรุษอาจสัมผัสผิดพลาด และรู้สึกผิด คิดไปเอง…
แต่ทว่ามาตอนนี้กระทั่งอดีตผู้นำตระกูลลู่ยังกล่าวแบบนี้อีกคน!
เช่นนั้นพวกมันจึงทำได้แค่เชื่อ!!
“สวรรค์! ต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอดกับยอดเซียนอมตะอายุไม่ถึงร้อย…ทั้งคู่เป็นผู้ใดมาจากไหนกันแน่!?”
“สมควรเป็นคนที่มีความเป็นมายิ่งใหญ่สุดที่พวกเราจะคาดคิด…ไม่ต้องกล่าวถึงยอดเซียนอมตะอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ กับอีแค่ต้าหลัวจินเซียนขั้นสุดยอดอายุไม่ถึงร้อย อย่าว่าแต่ประเทศอวิ๋นเหยียนของเราที่เป็นเพียงประเทศอมตะระดับกลางเลย! ต่อให้เป็นประเทศอมตะระดับสูงก็ไม่มี!!”
“ข้าก็คิดเช่นนั้น…ทั้งคู่สมควรเป็นรุ่นเยาว์ของมหาอำนาจยักษ์ใหญ่ใด หรือไม่ก็เป็นสุดยอดอัจฉริยะของขุมกำลังที่อยู่เหนือประเทศอมตะระดับสูงเป็นแน่! กล่าวไปการที่ตระกูลลู่ของพวกเราได้พบพวกมัน ทั้งสามารถรวบรวมเมืองลู่ให้เป็นของพวกเราได้ นับว่าเป็นวาสนาประการหนึง!”
“ช่างน่ากลัวสุดหยั่งถึงนัก…รุ่นเยาว์อายุไม่ถึงร้อย แต่พลังฝีมือกลับสูงส่งถึงขั้นเข่นฆ่าล้างตระกูลลู่ของพวกเราที่สืบทอดมรดกต่อกันมาหลายพันปีได้ง่ายๆ ไม่ทราบจริงๆว่าขุมกำลังของพวกมันที่แท้ยิ่งใหญ่ปานใด…”
…
หลังต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อจากไป คนของตระกูลลู่ก็พากันระบายลมหายกันยกใหญ่
และสุดท้ายพวกมันก็คาดเดาไปในแนวทางเดียวกันว่า…
ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ สมควรมาจากขุมกำลังที่ทรงพลังอำนาจเหนือกว่าประเทศอมตะระดับสูงแน่นอน!
และขุมกำลังเหล่านั้น สำหรับพวกมันแล้ว…ก็ทรงพลังสุดที่จะหยั่งถึง!
กล่าวไปไม่ต้องพูดถึงตระกูลลู่ของพวกมันด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นตระกูลราชวงศ์ที่ทรงพลังที่สุดในประเทศอวิ๋นเหยียน ก็ไร้รุ่นเยาว์คนไหนสามารถเทียบเทียมทั้ง 2 ได้ เรียกว่าเป็นขุมกำลังคนละชั้น ไม่ได้อยู่ในระดับเดียวกันเลย!
“แต่ที่ข้าสงสัยและขบคิดเท่าไหร่ก็ไม่ออกก็คือ…ไฉนอยู่ๆทั้งคู่จึงต้องเข่นฆ่าคนของตระกูลฉี เป็นการช่วยพวกเราแบบนี้ด้วย?”
บรรพบุรุษตระกูลลู่กล่าวพลางทอดถอนใจ
หลังจากนั้น ภายสายตาของทุกคนที่หันมาให้ความสนใจ บรรพบุรุษตระกูลลู่ก็กล่าวออกมาต่อว่า “พวกเจ้าลองคิดดู…ทั้งคู่ฆ่าคนของตระกูลลู่พวกเราก่อน จากนั้นจึงตามคนของตระกูลฉีไปเยือนตระกูลฉี…เช่นนั้นข้าดูแล้ว ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่คนตระกูลฉีจะไม่ตรวจสอบพวกมัน…”
“เมื่อพวกตระกูลฉีสามารถตรวจพบความไม่ธรรมดาของทั้งคู่ได้ เช่นนั้นอย่างไรก็ต้องต้อนรับทั้งคู่ดั่งแขกผู้มีเกียรติสูงสุดเป็นแน่! และตอนนั้นตระกูลลู่ของพวกเราที่หอบความแค้นไปคิดหาความจากอีกฝ่าย ก็สมควรเป็นผีโง่งมที่ตกตายอย่างไม่รู้เรื่องราวด้วยซ้ำ…”
“ถึงตอนนั้น ตระกูลฉีก็คงได้ครองเมืองฉีลู่แทน…”
“แต่ปัญหาก็คือ…ก่อนที่พวกเราจะไปถึงตระกูลฉี ทั้งคู่กลับลงมือเข่นฆ่าต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลฉีทิ้งไปเสียอย่างนั้น! หรือพวกสกุลฉีนั่นจักมีตาแต่ไร้แวว ไปสร้างความขุ่นเขืองอันใดให้ทั้งคู่จึงต้องตาย?”
“ข้ายิ่งคิดเท่าไหร่ ก็รู้สึกว่าเรื่องนี้สมควรมีลับลมคมในอันใดบางอย่าง…เรื่องราวอาจมิได้ง่ายดายอย่างที่ตาเห็น เพราะอย่างไรเสีย ทั้ง 2 คนนั่นของตระกูลฉีก็ห่างไกลจากคำว่าตัวโง่งมทำอะไรวู่วาม…”
ยิ่งพูดเรื่องนี้ออกมาเท่าไหร่ บรรพบุรุษตระกูลลู่ก็ยิ่งสงสัย ด้วยไม่อาจทำความเข้าใจได้
ตัวมันนั้นมีเรื่องกับตระกูฉีมาชั่วชีวิต โดยเฉพาะกับต้าหลัวจินเซียนขั้นสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลฉี ก็เรียกว่าขับเคี่ยวลอบกัดกันมานนับพันๆปี มันจึงรู้ดีว่าอีกฝ่ายก็ไม่ใช่ชนชั้นโง่เขลาทำอะไรวู่วาม
ด้วยเหตุนี้มันจึงอดไม่ได้ที่จะสงสัย ว่าเหตุไฉนชายหนุ่มหญิงสาวที่มีความเป็นมาลึกลับยากหยั่งถึงนั่น อยู่ๆถึงได้เข่นฆ่าต้าหลัวจินเซียนระดับสวรรค์ทั้ง 2 ของตระกูลฉีทิ้ง จนทำให้ตระกูลลู่ของมันกลายเป็นยืนหนึ่งในเมืองนี้?
“กล่าวไป…ก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ”
“นั่นสิ…เรื่องนี้ไม่สมเหตุสมผลยิ่ง”
…
หลังบรรพบุรุษตระกูลลู่กล่าวกระตุ้นความคิดขึ้นมา คนของตระกูลลู่ก็เริ่มรู้สึกถึงความผิดปกติ…
อย่างไรก็ตามพวกมันไม่แม้แต่จะฝันถึง…
ครั้งนี้สาเหตุที่ตระกูลฉีถูกทำลาย จนตระกูลลู่ของพวกมันได้ขึ้นแท่นปกครองเมืองฉีลู่แต่เพียงผู้เดียวนั้น…ไม่ใช่อะไรอื่น! ทว่าทั้งหมดเป็นเพราะคนของตระกูลฉีได้ล่วงรู้ถึงบางเรื่องที่พวกมันไม่สมควรรู้!!
หาไม่แล้วก็ไม่พ้นเป็นตระกูลฉีที่จะได้เป็นผู้ครองเมืองฉีลู่แห่งนี้แทน…
และตอนนี้คำว่าเมืองฉีลู่ก็ได้กลายเป็นอดีตไปแล้ว ตอนนี้มันคือเมืองลู่!
…
“พี่หลิงเทียน ว่าแต่สถานที่ๆสนุกยิ่งกว่าที่ท่านว่านั้น มันอยู่ที่ใดหรือ?”
หลังจากที่ฮ่วนเอ๋อพาต้วนหลิงเทียนออกจากเมืองมา พวงแก้มใต้ผ้าปิดหน้าก็เต็มไปด้วยความรีบร้อนไม่น้อย ราวกับนางทนรอไม่ไหว ใจยังอยากให้แผ่นหลังมีปีกงอกเงยขึ้นมาอีกสักคู่ จะได้ไปถึงสถานที่ๆต้วนหลิงเทียนว่าเร็วๆ
“ฮ่วนเอ๋อ สถานที่ๆพวกเรากำลังจะไปคือประเทศอมตะ เถิงหลง”
ต้วนหลิงเทียนยิ้มบางๆกล่าวว่า “และหากจะพูดให้ชัด สถานที่ๆพวกเราจะไปก็คือเมืองหลวงของประเทศอมตะเถิงหลง”
ประเทศอมตะเถิงหลงนั้น เป็นประเทศอมตะที่มีระดับสูงกว่า ประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนขั้นหนึ่ง…ประเทศอมตะระดับสูง!
เหตุผลที่ไฉนต้วนหลิงเทียนถึงกำหนดเป้าหมายต่อไปเป็นประเทศอมตะเถิงหลงนั้น เป็นเพราะเขาไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้แล้ว เพราะประเทศอมตะระดับสูงที่ใกล้เคียงกับประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนในรัศมี 3 ล้านลี้ ก็มีแต่ประเทศอมตะเถิงหลงประเทศเดียวเท่านั้น…
ส่วนประเทศอมตะระดับกลางหรือระดับต่ำที่อยู่ใกล้ๆประเทศอมตะอวิ๋นเหยียนนั้น ต้วนหลิงเทียนไม่เหลียวแลและไม่คิดจะไปเลย