War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2730
ตอนที่ 2,730 : องค์ชาย 13 อยากพบ
ก่อนหน้านี้ ตอนที่ต้วนหลิงเทียนเปิดประมูลไปด้วยราคาขั้นต่ำ 10,000 หินอมตะระดับสูงสุดนั้น ก็มีคนในโถงรวมของโรงประมูลสกุลเหนียนประกวดราคาแข่งกับเขาเป็น 15,000 หินอมตะระดับสูงสุด
หลังจากนั้นต้วนหลิงเทียนก็เพิ่มราคาเป็น 20,000 หินอมตะ ทว่าก็มีคนในโถงประมูลรวมอีกคน เสนอราคา 25,000 หินอมตะระดับสูงสุดออกมา
แต่พอทั้งคู่ไม่เห็นว่ามีห้องส่วนตัวห้องไหนจะประกวดราคาแข่งกับต้วนหลิงเทียนเลย หน้าพวกมันก็เริ่มเปลี่ยนสีไปทันที เหงื่อเย็นยังผุดซึมออกมาไม่หยุด
ด้วยเกรงว่าหลังงานประมูลย่อยสิ้นสุดลงแล้ว แขกในห้องปฐพีหมายเลข 1 อาจจะมาหาเรื่องพวกมัน!
หลังจากทั้งหมดแล้ว
แขกในห้องปฐพีหมายเลข 1 ไม่ธรรมดาอย่างเห็นได้ชัด!
ล้อกันเล่นเหรอ!?
หากเป็นคนธรรมดา จะทำให้คนในห้องส่วนตัวทั้งหลายพร้อมใจกันเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้งั้นเหรอ?
ขณะเดียวกัน ทางด้านคนในห้องส่วนตัวระดับมนุษย์ที่เดิมทีคิดจะสู้ราคากับต้วนหลิงเทียน ก็พร้อมใจกันปิดปากสนิท ไม่กล้าเอ่ยคำอะไรออกมา
คนที่อยู่ในห้องส่วนตัวระดับมนุษย์นั้น แม้จะมีพื้นเพเหนือกว่าคนที่อยู่ในโถงประมูลรวม หากแต่ก็ยังไม่แข็งแกร่งเท่าคนในห้องส่วนตัวระดับปฐพี
ระดับชั้นนั้น ล้วนถูกจัดตามพื้นเพความเป็นมารวมถึงพลังฝีมือ ดั่งกาเข้าฝูงกาหงส์เข้าฝูงหงส์
เช่นนั้นแล้วพอคนในห้องส่วนตัวชั้นมนุษย์เห็นว่าคนนในห้องส่วนตัวชั้นปฐพีไม่มีใครกล้าประกวดราคาประมูลแข่ง พวกมันก็ไม่กล้าประมูลแข่งแม้ครึ่งคำ!
“ตอนนี้เคล็ดอมตะขั้นลี้ลับ ‘ทมิฬลี้ลับรวมผสาน’ ได้ถูกแขกผู้มีเกียรติในห้องปฐพีหมายเลข 1 เสนอราคาอยู่ที่ 30,000 หินอมตะระดับสูงสุด…ยังมีผู้ใดคิดเสนอราคาสูงกว่านี้ไหมคะ?”
เสียงไพเราะของพิธีกรสาวทรงเสน่ห์อวบอิ่มเริ่มดังขึ้นก้องไปทั้งโถงโรงประมูล
“30,000 หินอมตะระดับสูงสุด ครั้งที่ 1…”
“30,000 หินอมตะระดับสูงสุด ครั้งที่ 2…”
หลังจากที่พิธีกรสาวเอ่ยคำครั้งที่ 2 ออกมา หากไม่มีใครเสนอราคาประมูลแข่งจนถึงตอนที่นางนับเป็นครั้งที่ 3 ล่ะก็ เคล็ดอมตะ ‘ทมิฬลี้ลับรวมผสาน’ ก็จะตกเป็นของต้วนหลิงเทียนทันที
“หืม? ดูนั่นสิ ดูเหมือนในห้องนภาหมายเลข 1 ก็มีคนอยู่ด้วย!”
“จริงด้วย ลองหน้าต่างชั้นนอกเปิดออกแบบนี้ต้องมีใครใช้ห้องอยู่เป็นแน่! ไม่ทราบว่าท่านอ๋องหรือองค์ชายองค์ใดในประเทศอมตะเถิงหลงเราเสด็จมากันแน่”
“อาศัยงานประมูลย่อย คงยากที่ตัวตนระดับอ๋องจะแวะเวียนผ่านมา…สมควรเป็นองค์ชายที่มาเที่ยวเล่นมากกว่า”
“เห็นด้วย และข้าคิดว่าองค์ชายที่มาเข้าร่วม สมควรเป็นองค์ชายที่ไม่โดดเด่นอันใดมากมาย…แต่ต่อให้ไม่โดดเด่น ถ้ามาเพียงคนเดียวก็ไม่ต้องกลัวว่าจะไม่ได้ใช้ห้องนภาหมายเลข 1”
“ไม่รู้ว่า…องค์ชายที่อยู่ห้องนภาหมายเลข 1 จะร่วมประมูเคล็ดอมตะขั้นลี้ลับด้วยรึเปล่า?”
…
ในขณะที่มีคนตาดี สังเกตเห็นว่าหน้าต่างชั้นนอกสุดของห้องนภาหมายเลข 1 เปิดอยู่ หลายคนในโถงรวมก็เงยหน้าขึ้นไปดูทันที จับจ้องไปยังห้องนภาหมายเลข 1 เป็นสายตาเดียวกัน
‘ห้องนภาหมายเลข 1 มีคนอยู่หรือ?’
‘ปกติแล้วงานประมูลย่อยแบบนี้ ไม่ค่อยมีคนในราชวงศ์มานี่นา?’
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินเสียงในโถงประมูลรวมด้านล่าง ก็อดแปลกใจไม่ได้
อย่างไรก็ตามเขาไม่ได้สนใจอะไรมากนัก ใครจะมาก็ช่าง หากคิดจะแข่งประมูลก็เชิญ เขาก็ไม่ใช่ว่าจะไม่มีเงิน พร้อมสู้ราคาเพื่อช่วงชิงเคล็ดอมตะลี้ลับนี้เช่นกัน
แต่เป็นธรรมดาว่าเขาจะอั้นไว้ที่ 100,000 หินอมตะระดับสูงสุด
หากมากกว่านั้นก็ไม่คุ้มแล้ว
‘แต่ไม่คิดเลย…ว่าการฆ่าสารเลวนั่นระหว่างทางมาโรงประมูล จะทำให้คนจากโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนไม่กล้าประกวดราคาแข่งด้วย…’
กับเรื่องนี้ต้วนหลิงเทียนเองก็รู้สึกเหนือความคาดหมายอยู่บ้าง
เช่นนั้นพอได้ยินเสียงฮือฮาจากด้านล่างว่าในห้องนภาหมายเลข 1 มีคน เขาก็เลยสงสัยว่าอีกฝ่ายจะแข่งขันกับเขารึเปล่า
อย่างไรก็ตาม หลังจากผ่านไปสักพัก แม้พิธีกรสาวทรงเสน่ห์จะประวิงเวลามามากแล้ว แต่คนในห้องนภาหมายเลข 1 ก็ยังเงียบอยู่
“30,000 หินอมตะระดับสูงสุด ครั้งที่ 3!”
เมื่อเห็นว่าตัวเองได้ดึงเวลามามากเกินพอแล้ว พิธีกรสาวก็ไม่คิดจะล่าช้าอะไรอีก จึงกล่าวประกาศราคาครั้งที่ 3 ออกมาทันที จากนั้นก็กล่าวปิดประมูลว่า “ขอแสดงความยินดีกับแขกผู้มีเกียรติในห้องปฐพีหมายเลข 1 ด้วยค่ะ! เคล็ดอมตะขั้นลี้ลับ ทมิฬลี้ลับรวมผสาน บัดนี้ได้เป็นของท่านแล้ว!”
เคล็ดอมตะขั้นลี้ลับในราคา 30,000 หินอมตะระดับสูงสุด!
ต้องกล่าวเลยว่าครั้งนี้ต้วนหลิงเทียนได้กำไรแล้วจริงๆ!
“อ่าว…ไม่ประมูลแข่งหรอกหรือ…”
หลายคนในโถงประมูลรวมอดไม่ได้ที่จะงงเล็กน้อย
“ไม่แข่งก็มิใช่ว่าเป็นเรื่องปกติหรือไร? ด้วยฐานะคนในตระกูลราชวงศ์ไหนเลยจะสนใจเคล็ดอมตะขั้นลี้ลับกันเล่า…กับอีแค่เคล็ดอมตะขั้นลี้ลับต่อให้จะนำไปทำกำไรในตลาดมืดได้ แต่คนในตระกูลราชวงศ์ใครบ้างขาดเงิน ไหนเลยจะลดตัวมาแย่งชิง…”
“ก็จริงของเจ้า”
“ไม่รู้จริงๆ ว่าในห้องนภาหมายเลข 1 เป็นองค์ชายองค์ไหนกันแน่?”
…
ในขณะที่ความสนใจของผู้คนในโถงรวมกลับไปอยู่ที่คนในห้องนภาหมายเลข 1 อีกครั้ง
ทางด้านห้องนภาหมายเลข 1 องค์ชาย 13 ‘หลงเฟยอวิ๋น’ ที่นั่งอยู่ ใบหน้าของมันก็อดฉายถึงความประหลาดใจไม่ได้
‘มัน…สนใจเคล็ดอมตะขั้นลี้ลับด้วย?’
‘ศิษย์จากนิกายอันทรงพลังนอกแดนร้าง…ไฉนมาสนใจอะไรกับเคล็ดอมตะขั้นลี้ลับได้?’
‘หรือว่าที่แท้…มันจะไม่ใช่ศิษย์จากนิกายทรงพลังนอกแดนร้าง?’
ในใจหลงเฟยอวิ๋นเริ่มคาดเดาเรื่องราวไปมากมาย นิ้วที่วางบนโต๊ะหยก เริ่มเคาะดังปึกๆ
กระทั่งงานประมูลประจำปีของโรงประมูลสกุลเหนียนมันยังไม่เห็นอยู่ในสายตา นับประสาอะไรกับงานประมูลย่อยแบบนี้ ที่มันมาที่นี่หาใช่เพราะเรื่องประมูลอะไรทั้งสิ้น แต่คิดมาพบเจอคน!
มันมาหาต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ
ถึงแม้ว่าตระกูลเหนียนจะมีสัมพันธ์แน่นแฟ้นกับองค์ชาย 7 ทว่าผู้ดูแลโรงเตี๊ยมสกุลเหนียนนั้น…เป็นคนของมัน!
เช่นนั้นมันจึงได้รู้เรื่องราวการพบปะระหว่างต้วนหลิงเทียนกับองค์ชาย 4 เร็วกว่าองค์ชาย 7 ด้วยซ้ำ!
เพราะเหตุนี้มันจึงรู้สึกสนใจในตัวต้วนหลิงเทียนไม่น้อย เลยมาปรากฏตัวที่นี่
การประมูลยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ
และสิ่งของที่นำขึ้นประมูลในภายหลัง ต้วนหลิงเทียนก็ไม่ได้รู้สึกสนใจอะไร
จุดประสงค์ในการมาที่นี่ของเขาวันนี้ ได้ลุล่วงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
หลังจากนั้นเมื่อเวลาผ่านไปอีกสักพัก ในที่สุดงานประมูลก็ถึงกาลสิ้นสุด ต้วนหลิงเทียนก็เตรียมตัวออกจากโรงประมูลเพื่อกลับโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน และขากลับก็เหมือนกับขามา จะมีคนคุ้มกันเขาเดินทางกลับโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าจะกลับเองก็ไม่มีปัญหา
“ท่านแขกผู้มีเกียรติ”
ทว่าทันใดนั้นเอง พลันมีเสียงเรียกดังขึ้นมาหน้าห้อง
“คุณชายต้วน เป็นผู้ดูแลโรงประมูลสกุลเหนียนของพวกเรา ท่านผู้เฒ่าอวี้เจ้าค่ะ”
พอได้ยินเสียงเรียกดังขึ้นจากหน้าห้อง สาวใช้ที่คอยบริการก็กล่าวบอกตัวตนของคนด้านนอกประตูให้ต้วนหลิงเทียนรู้
“ผู้ดูแลโรงประมูลสกุลเหนียนงั้นเหรอ?”
ต้วนหลิงเทียนเลิกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัยเล็กน้อย ว่าอีกฝ่ายมาหาเขาทำไม
“เจ้าไปเปิดประตูเถอะ”
เพื่อสนองความอยากรู้ ต้วนหลิงเทียนก็ให้สาวใช้ไปเปิดประตู
หลังได้รับคำสั่ง สาวใช้ก็ก้าวอาดๆไปเปิดประตูห้องปฐพีหมายเลข 1 ทันที ยังโค้งคารวะผู้ที่มารอด้านนอกด้วยความเคารพ “ท่านผู้เฒ่าอวี้…”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนมองสำรวจชายชราที่ก้าวเข้ามาในห้อง ด้านชายชราก็เข้ามาโค้งให้ต้วนหลิงเทียนเบาๆ พลางยิ้มกล่าวออกมาว่า “ท่านแขกผู้มีเกียรติ ข้าคือผู้ดูแลโรงประมูลสกุลเหนียนหลังนี้…ตอนนี้องค์ชาย 13 คิดพบปะสนทนากับท่านสักครา มิทราบท่านเห็นเป็นอย่างไร?”
“องค์ชาย 13?”
ดวงตาต้วนหลิงเทียนทอประกายเรืองขึ้นวูบหนึ่ง
นั่นเพราะเขาก็พอรู้มาบ้างว่าองค์ชาย 13 คนนี้เป็นอย่างไร เรียกว่าในแง่ของความสามาถรแล้ว ผู้คนในประเทศอมตะเถิงหลงยอมรับว่ามันโดดเด่นไม่แพ้องค์ชาย 4 กับองค์ชาย 7 เลย กระทั่งยังมองว่าเหนือกว่าทั้งคู่ด้วยซ้ำ!
หากไม่ใช่เพราะฮ่องเต้เถิงหลงไม่ดูดำดูดีล่ะก็ องค์ชาย 4 กับองค์ชาย 7 คงหมดหวังเรื่องช่วงชิงตำแหน่งองค์ชายรัชทายาทไปนานแล้ว
‘ดูเหมือนว่า คนในห้องนภาหมายเลข 1 ที่แท้จะเป็นองค์ชาย 13 คนนั้น’
ต้วนหลิงเทียนพลันเดาเรื่องนี้ได้ทันที
“ได้”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้ชายชราเบาๆ
หลังได้รับบคำตอบแล้ว ชายชราก็เร่งเดินออกจากห้องปฐพีหมายเลข 1 ก่อนที่จะไปหยุดด้านข้างประตู พลางผายมือเชื้อเชิญ กล่าวคำกับชายหนุ่มหล่อเหลาที่ยืนรออยู่นอกห้องด้วยกริยานอบน้อม “องค์ชาย 13 เชิญด้านนี้”
จากนั้นต้วนหลิงเทียนก็ได้เห็นร่างองค์ชาย 13 ก้าวอาดๆเข้ามา และนับว่าสมคำร่ำลือที่ดังกระหึ่มประหนึ่งฟ้าร้องไม่มีผิด หน้าตาขององค์ชายผู้นี้ช่างหล่อเหลาเอาเรื่องจริงๆ!
จากนั้น ต้วนหลิงเทียนก็เริ่มมองสังเกตชายวัยกลางคนที่เดินตามหลังองค์ชาย 13 เข้ามาในห้อง
ชายวัยกลางคนผู้นี้แลดูหน้าตาธรรมดา มาในชุดจอมยุทธ์เรียบง่ายไร้ลวดลาย แต่ให้ความรู้สึกสุขุมหนักแน่นแก่ผู้มอง
ยิ่งไปกว่านั้นทั่วร่างของมันคล้ายแผ่กลิ่นอายลี้ลับออกมาประการหนึ่งจางๆ ถึงแม้จะยากสัมผัส แต่ต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกได้ทันที
และสาเหตุที่ไฉนเขารู้สึกถึงมันได้ทันทีนั้น
เพราะเขาเคยสัมผัสกลับกลิ่นอายเช่นนี้ระยะประชิดมาแล้ว และทำให้เขาประทับใจไม่รู้ลืม!
‘กลิ่นอายลักษณะนี้…เหมือนกับกลิ่นอายจากร่างมู่หรงปิงจริงๆ’
กลิ่นอายลี้ลับที่ว่า ต้วนหลิงเทียนเคยสัมผัสมาแล้วจาก มู่หรงปิง ศิษย์ของนิกายอมตะสือหัง ที่เขาประกาศไว้ว่านางต้องแต่งกับเขาคนเดียวเท่านั้น แน่นอนว่าไม่ใช่กลิ่นอายอะไรอื่น มันคือกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกมาจากด่านพลังเป็นธรรมชาติ
“ข้าเรียกว่า หลงเฟยอวิ๋น เป็นองค์ชาย 13 ของประเทศอมตะเถิงหลงแห่งนี้…มิทราบน้องชายท่านนี้เรียกว่าอะไรหรือ?”
หลังจากที่องค์ชาย 13หลงเฟยอวิ๋นเข้ามาในห้องแล้ว มันก็ทักทายต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
“ข้าแซ่ต้วน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้าให้องค์ชาย 13 จากนั้นค่อยผายมือไปทางโต๊ะ “องค์ชาย 13 เชิญนั่งลงก่อน”
ได้ยินคำเชิญของต้วนหลิงเทียน หลงเฟยอวิ๋นก็ไม่คิดเกรงใจ เดินไปนั่งลงทันที จากนั้นก็หันไปมองผู้ดูแลโรงประมูลสกุลเหนียน และกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยว่า “พาคนของเจ้าออกไปก่อน ข้ามีเรื่องจะหารือกับน้องต้วนเป็นการส่วนตัว”
“ขอรับ องค์ชาย 13”
ผู้ดูแลโรงประมูลสกุลเหนียนกล่าวตอบอย่างนอบน้อม จากนั้นก็พาสาวใช้ก้าวอาดๆ เดินออกจากห้องปฐพีหมายเลข 1 ไป
“น้องต้วน เมื่อไม่กี่วันก่อนข้าได้ยินเรื่องท่านมาบ้าง…เห็นว่าท่านจัดการคุณหนู 4 สกุลโจวที่ร้ายกาจผู้นั้นเสียอยู่หมัด! นับว่าในประเทศอมตะเถิงหลงของเรา มีท่านปราบพยศนางได้สำเร็จเป็นคนแรกจริงๆ”
พอกล่าวคำออกมาอีกครั้ง สีหน้าท่าทางของหลงเฟยอวิ๋นก็แลดูเป็นกันเองสบายๆ ราวกับมันกำลังสนทนากับคนคุ้นเคย
“ดูเหมือนว่าในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนจะมีคนขององค์ชาย 13 อยู่ด้วย”
ต้วนหลิงเทียนมองหลงเฟยอวิ๋นด้วยสายตาลึกล้ำ กล่าวคำแฝงความนัยประการหนึ่ง
ถึงแม้ว่าเรื่องราวที่เขาจัดการปราบคุณหนู 4 สกุลโจวกลางถนนจะไม่ใช่ความลับอะไร แต่ทว่ามีน้อยคนนักที่จะล่วงรู้ว่าเขาพักอยู่ในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียน ยิ่งมีน้อยคนนักที่จะรู้จักหน้าค่าตาเขา
ไม่ต้องกล่าวถึงอื่นใด เอาแค่แขกที่พักในโรงเตี๊ยมหลิวเหนียนเหมือนกับเขา ที่เดินมาโรงประมูลด้วยกัน
ในบรรดาพวกมันต้องมีหลายคนที่รู้เรื่องระหว่างเขากับคุณหนู 4 สกุลโจวแน่นอน แต่ทว่าไม่มีใครจำเขาได้สักคน!