War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2738
ตอนที่ 2,738 : ยันต์เร้นกาย
“ผลึกเทพ!?”
เห็นชายหนุ่มชุดขาวอยู่ๆก็กางม่านพลังปิดกั้นเสียงแบบนี้ เขาก็คิดว่าอีกฝ่ายจะมีเงื่อนไขไม่ธรรมดาอะไร แต่ไม่คิดเลยว่าอีกฝ่ายจะโพล่งเรื่อง ผลึกเทพ ในจี้ห้อยคอฮ่วนเอ๋อออกมาตรงๆ
‘มันรู้ได้ยังไงว่าในจี้ห้อยคอของฮ่วนเอ๋อมีผลึกเทพ’
จังหวะนี้สายตาที่ต้วนหลิงเทียนใช้มองชายหนุ่มชุดขาว ไม่เพียงแต่จะเผยความตกใจเหลือเชื่อ ยังเริ่มฉายแววเยียบเย็นเจือไอสังหาร
เป็นเจตฆานาฆ่าฟันที่เกิดขึ้นจากจิตใต้สำนึก!
ใครก็ตามที่รู้เรื่องผลึกเทพของฮ่วนเอ๋อ ไม่อาจปล่อยให้มีชีวิตรอดไปได้!
ความคิดดังกล่าวเป็นจิตใต้สำนึกต้วนหลิงเทียนไปแล้ว
“ทำไม? อยากฆ่าคน?”
ถึงแม้ว่าเจตนาฆ่าฟันในแววตาต้วนหลิงเทียนจะถูกเก็บซ่อนไปแทบจะทันใด แต่ก็ตกอยู่ในสายตาของชายหนุ่มชุดขาวชัดเจน สีหน้าน้ำเสียงของมันตอนนี้แลดูสนุกสนานนัก
“ไม่ใช่ว่าข้าจะดูถูกเจ้า…อย่าว่าแต่เจ้า ต่อให้เป็นทั้งพื้นที่แดนร้างก็ไม่มีใครมีปัญญาฆ่าข้าได้!”
ในขณะที่ชายหนุ่มชุดขาวกล่าววาจาอหังการนี้ออกมา ไม่ว่าจะแววตาหรือท่าทางก็เปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจอย่างถึงที่สุด พาลให้ผู้คนจำต้องเชื่ออย่างไม่คิดสงสัย
เพราะชายหนุ่มชุดขาวนั้นมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
และในขณะเดียวกันกับีท่ชายหนุ่มชุดขาวกล่าววาจาอหังการดังกล่าวออกมา กลิ่นอายพลังไร้สภาพขุมหนึ่กก็พวยพุ่งออกมาจากร่างชายหนุ่มชุดขาวแผ่วเบาราวหมอกควัน ทว่าฉับไวไร้ประมาณ พริบตาก็ซัดกระแทกเข้ากลางอกต้วนหลิงเทียนอย่างจัง!
ปงงง!!
หลังเสียงพลังซัดกระแทกดังขึ้น ต้วนหลิงเทียนเพียงรู้สึกเสมือนหน้าอกยุบตัว อวัยวะภายในทั้งหมดสั่นสะท้าน เลือดลมในร่างคล้ายปั่นป่วน สุดท้ายก็อดกระอักโลหิตออกมาไม่ได้
และในขณะที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าตัวเองกำลังจะปลิดปิวไปอย่างไม่อาจควบคุม พลังไร้สภาพดั่งเมหหมอกที่ร้ายกาจเมื่อครู่ก็วูบไปหยุดด้านหลัง ดั่งเบาะอ่อนหยุ่นนุ่มยวบ รั้งร่างต้วนหลิงเทียนเอาไว้ไม่ให้กระเด็นไปไหน ทว่าสิ่งนี้ทำให้ต้วนหลิงเทียนจำต้องกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง!
“อั๊ค—!”
โลหิตคำใหญ่พุ่งพรวดออกมา กลายเป็นละอองบุปผาร่างพราวบนพื้น
เรื่องราวทั้งหมดอุบบัติขึ้นในชั่วพริบตาเท่านั้น
อย่างไรก็ตามในชั่วพริบตานี้ ต้วนหลิงเทียนเสมือนเดินอยู่หน้าประตูผี!
“ท่าน…เป็นใครกันแน่?”
มองชายหนุ่มชุดขาวอีกครั้งนอกจากความตื่นตระหนกแล้ว ยังเต็มไปด้วยความหวาดกลัว
เพราะในขณะที่โดนซัดทำร้ายเมื่อครู่ ต้วนหลิงเทียนสังเกตเห็นชัดเจน
แม้เขาจะถึงขั้นกระอักลิตออกมาสองครั้ง แต่องค์ชาย 13 หลงเฟยอวิ๋นที่อยู่นอกม่านพลังกลับไม่ได้มีอาการตอบสนองใดๆ คล้ายจะไม่เห็นทุกเรื่องราวที่เขาโดนชายหนุ่มชุดขาวทำร้าย ยิ่งไม่เห็นฉากที่เขากระอักโลหิต เพียงมองมาทางนี้ด้วยสายตาสงสัยเฉยๆ
หากเห็นเกรงวว่าหลงเฟยอวิ๋นคงไม่อาจเฉยอยู่แบบนี้ได้
จึงทำให้เขารู้ว่า
ม่านพลังที่อีกฝ่ายพึ่งกางกั้น ไม่เพียงแต่จะปิดกั้นเสียง แต่ดูเหมือนจะมีพลังลวงตาบางอย่าง ทำให้ผู้ที่อยู่ด้านนอกอย่างหลงเฟยอวิ๋นไม่ทราบว่าที่แท้เกิดอะไรขึ้น
นอกจากนั้นชายหนุ่มชุดขาวอาศัยเพียแผ่พุ่งพลังออกมาอย่างไร้เรื่องราวจากร่าง ก็เล่นงานเขาได้ง่ายๆ ราวกับหากคิดฆ่าเขาขึ้นมา ก็อาศัยเพียงหนึ่งห้วงคิดเท่านั้น ไหนเยเขาจะยังไม่ตื่นตระหนกทั้งหวาดกลัวได้…
“ข้าเป็นใครมันไม่สำคัญหรอก…”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มชุดขาวพียงเอ่ยตอบอย่างไม่รีบไม่ร้อน “ที่สำคัญก็คือเจ้ายังต้องการ ‘เร้นกลิ่นอาย’ ของข้ารึเปล่า…”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้ตอบคำถามนี้ของชายหนุ่มชุดขาวทันที เลืกจะย้อนถามออกไปเสียงหนัก “อาศัยพลังฝีมือระดับนี้ของท่าน คิดจะชิงผลึกเทพไป พวกเราก็ไม่มีปัญญาหยุดได้…ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นที่จะต้องนำยอดสมบัติสวรรค์ระดับกลางนั่นมาแลกเลยนี่?”
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนไม่ทราบว่าพลังฝีมือของชายหนุ่มชุดขาวร้ายกาจขนาดไหน
อย่างไรก็ตามเขามั่นใจได้เรื่องหนึ่ง
ชายหนุ่มในชุดขาวผู้นี้ร้ายกาจกว่าฮ่วนเอ๋อแน่นอน
ยิ่งไปกว่านั้นความรู้สึกเขายังร้องเตือนชัดเจน ว่าอีกฝ่ายร้ายกาจกว่ายอดฝีมือที่นิกายอมตะสือหังส่งมาฆ่าเขาเสียอีก!
ตัวตนเช่นนี้หากอยากได้ผลึกเทพ ก็คงชิงไปจากฮ่วนเอ๋อโดยตรง ไม่ต้องมาลำบากแลกเปลี่ยนอะไรแบบนี้
“ข้าไม่ได้สนใจผลึกเทพของนังหนูนนั่นหรอก”
ท่ามกลางคำถามเสียงหนักและสีหน้าสงสัยของต้วนหลิงเทียน ชายหนุ่มชุดขาวยักไหล่อย่างไร้แยแสเอ่ยคำตอบันน่าเหลือเชื่อออกมา
คำตอบที่ว่ายังทำให้เขาตะลึงไปอย่างอดไม่ไหว “แล้วทำไมท่าน…”
“ที่ข้าพูดถึงเรื่องผลึกเทพของยัยหนูนั่นขึ้นมา เพื่อจะบอกให้เจ้ารู้…ว่าพวกเจ้าอยู่ในสายตาข้า ทั้งพลังฝีมือข้าเป็นอย่างไร”
ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยอกกเสียงเบาขัดคำต้วนหลิงเทียน
ได้ยินคำกล่าวของชายหนุ่มชุดขาว ต้วนหลิงเทียนอดไม่ได้ที่จะถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันความสงสัยในใจก็หายาไปเรื่องหนึ่ง
เพราะตอนนี้เขาตระหนักได้ชัด ว่าหากอีกฝ่ายคิดอยากได้ผลึกเทพของฮ่วนเอ๋อจริงคงเอาไปนานแล้วว ไม่ต้องมารอจนถึงตอนนี้
‘แต่…มันเป็นใครกันแน่ กระทั่งผลึกเทพที่จะอุบัติขึ้นเพียงชิ้นเดียวในรอบพันปีมันยังไม่สนใจ…’
ในสายตาต้วนหลิงเทียนตอนนนี้ชายหนุ่มชุดขาวคล้ายมีหมอกควันปกคลุม ยิ่งมายิ่งลี้ลับ
ผลึกเทพมีค่าขนาดไหน?
แต่ชายหนุ่มชุดขาวเบื้องหน้าเพียงบอกว่าไม่สนใจ?
“อาวุโสแล้วท่าน…”
ต้วนหลิงเทียนอยากจะถามชายหนุ่มชุดขาวว่าตกลง เพื่อแลกกับ ‘เร้นกลิ่นอาย’ แล้ว เขาต้องทำอะไร ทว่าชายหนุ่มในชุดขาวกลับบขัดจังหวะเขาอีกครั้ง “เจ้าเรียกข้าว่า พี่ใหญ่เผย เหมือนที่เฟยอวิ๋นเรียกเถอะ”
“ได้ พี่ใหญ่เผย”
ต้วนหลิงเทียนรีบขานรับห้วนๆ ค่อยถามต่อว่า “พี่ใหญ่เผย…องค์ชาย 13 บอกข้าว่า เร้นกลิ่นอาย ของท่านมอบให้ข้าก็ได้ แต่ท่านมีเงื่อนไขบางอย่าง…ในเมื่อกระทั่งผลึกเทพท่านยังไม่สนใจ แล้วเงื่อนไขที่ท่านกล่าวถึงคืออะไรกันแน่?”
“ข้าคิดให้เจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง และนำของบางอย่างมาให้ข้า…”
ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าว
“หืม?”
ได้ยินคำตอบขอชายหนุ่มชุดขาว ต้วนหลิงเทียนอดสงสัยไม่ได้ “พี่ใหญ่เผย อาศัยพลังฝีมือระดับนี้ของท่าน คิดอยากได้อะไร ก็คงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับท่านกระมัง?”
“สถานที่ๆข้าพูดถึงมันจำเพาะเจาะจงอยู่บ้าง…คนที่มีอายุเกินร้อยปีจะเข้าไปไม่ได้”
ชายหนุ่มชุดขาวตอบ
“คนที่มีอายุเกินร้อยปีแล้วจะเข้าไปไม่ได้!?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจ
“ใช่”
ชายหนุ่มชุดขาวพยักหน้ารับ ค่อยกล่าวอธิบายต่อว่า “สถานที่ๆข้าพูดถึงง มันก็เกี่ยวข้องกับการประลองใหญ่ในแดนร้างที่ 3 นิกายอมตะใหญ่ร่วมกันจัดนั่นล่ะ…และเหตุผลเดียวที่พวกมันกำหนดอายุขัยของผู้เข้าร่ววมการประลองใหญ่คราวนี้ว่าไม่ให้เกินร้อยปี ก็เพื่อคิดส่งทั้งหมดเข้าไปในสถานที่แห่งนั้น แล้ววนำสมบัติกลับมาให้พวกมัน”
“อย่างอื่นข้าไม่สน แต่มีบางอย่างในสถานที่แห่งนั้นที่ข้าต้องการ”
ชายหนุ่มในชุดสีขาวกล่าว
ลูกตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลงโดยยพลันเมื่อได้ยินคำของชายหนุ่มชุดขาวว
ไม่น่าแปลกใจเลยที่ไฉนหลงเฟยอวิ๋นบอกกับเขาว่า การประลองใหญ่ในแดนร้างที่ทาง 3 นิกายอมตะใหญ่จัดขึ้นคราวนี้มันค่อนข้างแปลก
เพราะในอดีตไม่เคยมีการประลองใหญ่ครั้งไหนจะจำกัดอายุผู้เข้าร่วมประลองแบบนี้ ทว่าคราวนี้กลับกำหนดคุณสมบัติผู้เข้าร่วมอย่างชัดเจนว่าต้องมีอายุไม่เกินร้อยปี
ที่แท้ 3 นิกายอมตะใหญ่ก็มีแผนแต่แรก
ยิ่งไปกว่วานั้นฟังจากถ้อยคำของชายหนุ่มชดขาวเบื้องหน้า 3 นิกายอมตะใหญ่ยังคิดจะใช้งานเหล่ารุ่นเยาว์อายุไม่ถึงร้อยที่เข้าตาในการประลองใหญ่ เพื่อเข้าไปรวบรวมสมบัติในสถานที่แห่งนั้นมาให้พวกมัน
เพราะในสถานที่แห่งนั้น มีเพียงคนีท่อายุต่ำกว่าร้อยถึงจะเข้าไปได้
“พี่ใหญ่เผย เช่นนั้นไยท่านไม่รอให้คนของนิกายอมตะใหญ่ทั้ง 3 ได้ของที่ว่ามา แล้วท่านค่อยเอาไปทีหลังเล่า…ไม่เห็นจำเป็นต้องมาเสีย เร้นกลิ่นอาย เพื่อทำข้อตกลงอะไรกับข้าเลย”
ต้วนหลิงเทียนถาม
เพราะเขายังจำได้ถึงคำที่ชายหนุ่มชุดขาวบอกเขาก่อนหน้า
ในพื้นที่แดนร้างแห่งนี้ ไม่มีใครมีปัญญาฆ่ามันได้
อีกทั้ง ชายหนุ่มชุดขาวยังไม่สนใจผลึกเทพ
พริบตานั้นต้วนหลิงเทียนจึงตระหนักอะไรบางอย่างได้
พลังฝีมือส่วนตัวของชายหนุ่มชุดขาวน่ากลัวจะสูงล้ำสุดที่ 3 นิกายอมตะใหญ่ในแดนร้างจะทาบติด เพราะอย่าว่าแต่นิกายอมตะในแดนร้างแล้ว ต่อให้เป็นนิกายอมตะที่ทรงพลังเหนือกว่านั้น ทว่าเมื่อล่วงรู้เบาะแสผลึกเทพแบบนี้ ไม่พ้นต้องกระเหี้ยนกระหือรืออยากช่วงชิงไปครอง
ต้วนหลิงเทียนเองก็สุดที่จะจินตนาการได้ออกจริงๆ ว่าต้องเป้นตัวตนที่ทรงพลังถึงระดับไหน ถึงไม่เห็นผลึกเทพอยู่ในสายตา
แต่อย่างน้อยๆสิ่งหนึ่งที่ต้วนหลิงเทียนมั่นใจเลยก็คือ ตัวตนระดับนี้ หากคิดจะช่วงชิงของในมือ 3นิกายอมตะใหญ่ในแดนร้าง สมควรง่ายดายไม่หนักแรง
“ข้าคิดจะเอาอะไรจากนิกายอมมตะทั้ง 3 นั่น แน่นอนว่ามันง่ายเพียงพลิกกฝ่ามือ…”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน สองตาชายหนุ่มชุดขาววทอประกายยเรืองขึ้นวูบหนึ่ง มุมปากเริ่มคลี่รอยยิ้มเย้ยหยันออกมาพิกล “แต่นั่นหมายความว่าคนของพวกมัน ต้องมีปัญญารอดชีวิตกลับมาจากสถานที่แห่งนั้นเสียก่อน…”
“สถานที่แห่งนั้น อันตรายมากหรือ”
สีหน้าต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นจริงจังขึ้นมาทันที
“อันตรายกว่าที่เจ้าคิด”
ชายหนุ่มชุดขาวมองจ้องต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาลึกล้ำ พลางกล่าวว่า “ความแข็งแกร่งงของเจ้าแม้จะเป็นชนชั้นต้าหลัวจินเซียนแล้ว…แต่ถ้าเข้าไปก็ต้องตกตายเต็มสิบส่วน!”
ตาบสิบ! ไร้หนทางรอดชีวิต!!
พอวาจานี้ขอชายหนุ่มชุดขาวดังจบคำ สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปทันที
เขารู้ดีว่ายอดฝีมืออย่างชายเบื้องหน้า คงไม่ว่างพอจะมาล้อเขาเล่น
“เช่นนั้นทำไมพี่ใหญ่เผย…”
ในเมื่อชายเบื้องหน้าบอกเองว่าเขาไปก็มีแต่ตายกับตาย ต้วนหลิงเทียนจึงคิดไม่ออกจริงๆ ว่าไฉนอีกฝ่ายยังเอ่ยถึงเรื่องให้เขาเข้าไปหาของอะไรมาให้อีก มันใช่เหรอ?
“เป็นธรรมดาว่าถ้าเจ้าเข้าไปคนเดียวนั้นต้องตายแน่นอน…”
ชายหนุ่มชุดขาวเอ่ยเสียงเบา “แต่ถ้านังหนูข้างกายคนนั้นของเจ้าเข้าไปด้วยเรื่องราวก็ต่างออกไป…อาศัยพลังของนางต่อให้ต้องคอยคุ้มครองเจ้า ก็ยังรับมือภยันตรายใดๆทั้งมวลในนั้นได้แน่นอน”
“ยิ่งไปกว่านั้น ต่อห้ในสถานที่ๆข้าว่าจะไม่มีภยันตรายใดๆ แต่ถ้าไม่มีเบาะแสที่ข้าให้ไปล่ะก็ ไม่มีทางหาสิ่งที่ข้าต้องการได้พบแน่นอน”
ชายหนุ่มในชุดขาวกล่าวรวดเดียวจบ
“ฮ่วนเอ๋อ?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว “พี่ใหญ่เผย เหตุผลเดียวที่ข้าต้องการยอดสมบัติสวรรค์ ‘เร้นกลิ่นอาย’ ที่ท่านมี ก็เพราะข้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าฮ่วนเอ๋อยังมีอายุไม่ถึงงร้อยปี…เพราะตอนนี้มีคนในประเทศอมตะเถิงหลงที่รู้ถึงพลังฝีมือนางไม่น้อยแล้ว”
“พลังฝีมือของนางนั้นทุกคนไม่มีใครคลางแคลงสงสัย…นั่นทำให้หากเรื่องที่อายุนางไม่ถึงร้อยปีเปิดเผยออกมา จะทำให้นางตกที่นั่งลำบาก”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ข้ารับรองได้ว่า ตอนที่นางจะติดตามเจ้าเข้าไปไม่มีใครพบเห็นนางแน่…เพราะถึงตอนนั้นข้าจะมอบ ยันต์เร้นกาย ให้นางใช้”
ชายหนุ่มชุดขาวกล่าว
“ยันต์เร้นกาย?”
ต้วนหลิงเทียขมวดคิ้วอีกรอบ “เท่าที่ข้ารู้มายันต์เร้นกายเป็นยันต์อมตะที่มีแต่ขุนนางอมตะถึงจะจารึกสร้างได้…หากด่านพลังเหนือขุนนางอมตะก็สามารถมองเห็นได้ง่ายๆ กระทั่งตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะถึงแม้ตาจะมองไม่เห็น แต่ถ้าอยู่ในระยะใกล้พอ ก็ยังสัมผัสได้ถึงตัวผู้ใช้อยู่ดี”