War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2896
ตอนที่ 2,896 : ปีศาจร้าย!
หากเป็นในอดีต ต่อให้จี้ฟ่านจะโดนต้วนหลิงเทียนมองมาด้วยสายตาดุร้ายเอาเรื่อง แต่จี้ฟ่านก็คงไม่ได้หวาดกลัวอะไรต้วนหลิงเทียนแม้แต่น้อย
แต่ตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนมองถามมันมาด้วยรอยยิ้ม ไม่ได้แลดูจะเอาเรื่องอะไรมัน กลับทำให้จี้ฟ่านหวาดกลัวแทบตาย ทั่วร่างสั่นสะท้านไปราวลูกนกตกน้ำ เส้นประสาทยังตึงเครียดราวกับกำลังนั่งอยู่บนเข็มแหลม…
ถึงแม้มันจะไม่อาจแลเห็นสิ่งใดได้เลยว่าอาจารย์ของมันโดนอะไรตายกันแน่ แต่จากสีหน้าท่าทีของคนอื่นรอบๆ ก็ไม่ยากที่มันจะเดาเรื่องราวได้
เป็นต้วนหลิงเทียนลงมือทำอะไรบางอย่าง เข่นฆ่าอาจารย์ของมันได้ในพริบตา!
“ให้ตายเถอะ! การโจมตีด้วยพลังวิญญาณของปรมาจารย์โอสถต้วนไฉนร้ายกาจนักเล่า…ไม่เพียงแต่จะสลายอำนาจจิตของหลี่อันได้อย่างง่ายดาย ยังเหลือพลังอำนาจมากพอจะทำลายดวงจิตหลี่อันได้ในพริบตา!!”
“พลังวิญญาณของหลี่อัน ไม่อาจต้านทานพลังวิญญาณนั่นของปรมาจารย์โอสถต้วนได้เลย…ถูกทำลายลงทันทีราวกับโดนพลังอำนาจที่เหนือกว่าลบทิ้ง!”
“ที่แท้ปรมาจารย์โอสถต้วนบรรลุด่านพลังฝึกปรืออันใดกันแน่…ไฉนพลังวิญญาณถึงได้ทรงพลังขนาดนั้นเล่า?”
“เป็นปรมาจารย์โอสถต้วนซ่อนตัวได้ลึกยิ่ง…ในอดีตข้ารู้เพียงแค่ทักษะความสามารถในการหลอมโอสถของปรมาจารย์โอสถต้วนสูงล้ำสุดที่จะมีใครใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้เทียบได้…แต่ไม่คิดเลยว่ากระทั่งพลังฝีมือยังยอดเยี่ยมไม่แพ้กัน!”
“ตัดสินจากการลงมือเมื่อครู่ของปรมาจารย์โอสถต้วน…ข้าว่ากระทั่งยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศก็คงไม่นับเป็นตัวอะไรต่อหน้าปรมาจารย์โอสถต้วนใช่ไหม?”
“ใช่! ปรมาจารย์โอสถต้วนสมควรเป็นตัวตนขอบเขตราชาอมตะไม่ผิดแน่! หาไม่แล้วคงไม่มีพลังร้ายกาจขนาดนี้!!”
“พลังมหาศาลถึงขั้นย้อมแผ่นฟ้าให้แปรเปลี่ยนเป็นสีม่วง จากนั้นก็จับตัวหลี่อัน บรรพบุรุษนิกายอมตะสราญรมย์ได้ในพริบตา…ตอนแรกข้าหลงนึกว่าเรื่องราวทั้งหมดที่เห็น จะเป็นฝีมือของยอดคนที่เร้นกายลอบให้ความคุ้มครองปรมาจารย์โอสถต้วนอย่างลับๆด้วยซ้ำ! ไม่คิดเลยว่าทั้งหมดจะเป็นการลงมือของปรมาจารย์โอสถต้วนเอง!!”
“ให้ตายเถอะ! ที่แท้ตระกูลต้วนนภาล่องในภาคกลางที่อยู่เบื้องหลังปรมาจารย์โอสถต้วน เป็นตระกูลที่ทรงพลังถึงขนาดไหนกันแน่!?”
“ปรมาจารย์โอสถต้วนยังงมีอายุไม่ถึงร้อยปี แต่พลังฝึกปรือกลับทะลวงถึงขอบเขตราชาอมตะได้แล้ว…ไม่ต้องกล่าวถึงแดนสวรรค์ใต้ของพวกเรา ให้เป็นทั่วทั้งหลิงหลัวเทียน แต่ตัวตนเช่นนี้หมื่นปีก็คงไม่มีปรากฏใช่ไหม?”
“ข้าไม่ทราบ…แต่ข้าไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย ว่าในหลิงหลัวเทียนของพวกเราจะเคยปรากฏราชาอมตะอายุไม่ถึงร้อยมาก่อน แต่นี่อาจเป็นเพราะข้าเป็นแค่กบในกะลาที่ไม่รู้ว่าฟ้าใหญ่ไพศาลเพียงใด ในหลิงหลัวเทียนเราอาจมีตัวตนราชาอมตะที่อายุไม่ถึงร้อยปีอยู่แต่ข้าไม่รู้ก็เป็นได้!!”
…
ในขณะที่สีหน้าจี้ฟ่านกำลังเปลี่ยนไปครั้งใหญ่ เสียงกระซิบกระซาบมากมายก็เริ่มดังเข้าหูของมัน
และเจ้าของเสียงกระซิบเหล่านี้ ก็คือผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะไท่อีทั้งสิ้น
เรียกว่าพอได้ยินเสียงกระซิบของผู้อาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะไท่อีเหล่านี้ ในใจจี้ฟ่านยิ่งมาก็ยิ่งบังเกิดความหวาดกลัวเสียขวัญ!
“ตถาคต…ที่ข้าถามออกไป เป็นเจ้าไม่ได้ยิน หรือทำเป็นไม่สนใจข้ากันแน่ หรือเจ้าไม่คิดจะไว้หน้าข้าเลย?”
ในขณะที่สีหน้าจี้ฟ่านเปลี่ยนสีไปด้วยความหวาดกลัวนั้น มันก็ตื่นตระหนกจนไม่มีสติสตังเหลือพอจะตอบคำถามอะไรของต้วนหลิงเทียนเลย ต้วนหลิงเทียนที่เห็นสภาพอีกฝ่ายก็กล่าวถามออกไปอีกครั้ง ขณะเดียวกันก็สายตาที่ใช้มองจี้ฟ่านก็เริ่มเย็นชาลง
อยู่ๆสายตาต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเปลี่ยนเป็นเย็นชาแบบนี้ ย่อมทำให้จี้ฟ่านหน้าเสียทันใด มันยังรู้สึกคล้ายร่วงตกลงไปในหล่มน้ำแข็ง!
“ไม่…ไม่ใช่…”
ในขณะที่หน้าเปลี่ยนสี จี้ฟ่านก็ไม่กล้าละเลยคำถามต้วนหลิงเทียน เร่งส่ายหัวไปมาระรัว กล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวว่า “ปรมาจารย์โอสถต้วน ข้าจะทำเช่นนั้นได้อย่างไร…ที่ข้าไม่ทันได้ตอบท่าน ไม่ใช่ว่าข้าไม่ไว้หน้าท่าน…”
“แต่เป็นข้า…เป็นข้า…จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เผลอเหม่อลอยไป…ตะ…ต้องขออภัยท่านด้วย ข้าขออภัยท่านด้วย!”
พอกล่าวจบจี้ฟ่านก็เร่งก้มหัวกล่าวคำขอขมาไม่หยุด ท่าทีของมันแลดูกระวนกระวายใจอย่างหนัก ราวกับกลัวต้วนหลิงเทียนจะเอาเรื่องอะไรมัน…
เพราะจี้ฟ่านรู้ดี…ว่าอาศัยพลังที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมา คิดจะฆ่ามันเกรงว่ายังง่ายดายยิ่งกว่าตัดหญ้าฆ่าไก่เสียอีก!
“แล้วตอนนี้ เจ้าจะตอบคำถามของข้าได้รึยัง?”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจอะไรจี้ฟ่านนัก เพียงเลิกคิ้วขึ้นกล่าวถามออกมาอีกครั้งว่า “ตกลงเรื่องที่คิดฆ่าข้า มันเป็นอย่างที่หลี่อันพูดมาจริงๆ…หรือที่แท้ไม่ใช่ความคิดของมันคนเดียว แต่เป็นพวกเจ้านิกายอมตะสราญรมย์เห็นชอบเรื่องฆ่าข้า? อ้อ…แล้วข้าหวังว่าตถาคตจะเป็นคนฉลาด ไม่คิดโกหกอะไรข้าเล่า เพราะเรื่องนี้หากข้าคิดจะตรวจสอบจริงๆ ก็ช่างง่ายดายนัก”
หลังกล่าวจบคำต้วนหลิงเทียนก็มองจ้องจี้ฟ่านตาเขม็ง คล้ายจะเตือนให้จี้ฟ่านรู้ผิดชอบชั่วดี และอย่าได้คิดโกหกอะไรให้เสียเวลา
“ข้าน้อยไม่กล้า…ต่อให้ข้าน้อยจะมีความก้ามากกว่านี้อีกร้อยเท่า ก็ไม่กล้าโกหกอันใดท่านปรมาจารย์โอสถต้วนแน่นอนขอรับ!!”
พอโดนสายตามองเตือนจากต้วนหลิงเทียน จี้ฟ่านก็เริ่งโบกมือทั้งกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงหวาดกลัวนอบน้อม “สำหรับเรื่องสังหารปรมาจารย์โอสถต้วนนั้น เป็นอาวุโสระดับสูงของนิกายอมตะสราญรมย์เห็นพ้องต้องกัน หลังจากที่ได้ตรวจสอบความเป็นมาของปรมาจารย์โอสถต้วนดีแล้ว”
“ทั้งหมดก็เป็นเหตุผลที่ทำให้อาจารย์ข้ากับข้ามาที่นี่…เรื่องราวหลังจากนั้นปรมาจารย์โอสถต้ววนก็คงทราบแล้ว”
จี้ฟ่านกล่าวออกมารวดเดียวจบ
หลังจากที่มันพูดจบแล้วมันก็อดไม่ได้ที่จะมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยความกล้ากลัวๆ “ท่านปรมาจารย์โอสถต้วน…คือว่า…เรื่องที่ท่านอยากรู้ ข้าน้อยก็บอกท่านแล้ว…”
“เช่นนั้น ข้าน้อยไปได้แล้วหรือยังขอรับ…”
ตอนนี้จี้ฟ่านไม่อยากอยู่ที่นี่สืบต่ออีกแม้แต่วินาทีเดียว ยิ่งอยู่นานเท่าไหร่มันก็รู้สึกเสมือนอยู่ใกล้ความตายมากขึ้นเท่านั้น กระทั่งยิ่งย้อนคิดถึงทีท่าไม่เว้นคำพูดคำจาที่เคยใช้กับต้วนหลิงเทียนมันก็ใจเสียจนแทบจะร่ำไห้ออกมาแล้ว!!
“ได้สิ”
ได้ยินคำถามดังกล่าวของจี้ฟ่าน ต้วนหลิงเทียนก็พยักหน้ากล่าวตอบคำเสียงเบา
ด้านจี้ฟ่านพอได้ฟัง ก็ถึงกับระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แต่ทว่าในขณะที่มันหันหลังเตรียมเหินร่างจากไปนั้น เสียงของต้วนหลิงเทียนก็ดังขึ้นอีกครั้ง และทำให้ร่างจี้ฟ่านชะงักค้างกลางอากาศ หน้ายังเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวงอีกรอบ
“ตถาคต พอดีข้าคิดไปเยี่ยมชมนิกายอมตะสราญรมย์ของเจ้าด้วย…เจ้าคงไม่รังเกียจที่จะนำทางทั้งให้ข้าติดสอยห้อยตามไปด้วยสักคนกระมัง?”
นี่คือคำพูดที่ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาก่อนหน้า
ฟังแล้วผิวเผินก็เหมือนอยากจะติดสอยห้อยตามจี้ฟ่านไปนิกายอมตะสราญรมย์ด้วยเฉยๆ
หากทว่าเหตุผลการไปเยือนนิกายอมตะสราญรมย์ของต้วนหลิงเทียนนั้น ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ขอเพียงไม่เคยโดนลาเตะหัวจนสมองกลับ ย่อมเดาได้ทันทีว่าต้วนหลิงเทียนคิดจะไป ‘เยี่ยมชม’ นิกายอมตะสราญรมย์ทำอะไร…
“มารดาเราช่วย…ปรมจารย์โอสถต้วนคิดบุกเข่นฆ่าไปถึงนิกายอมตะสราญรมย์เชียวหรือ!?”
“เอ่อ…เรื่องแบบนี้มัน…ใช่บ้าคลั่งเกินไปหรือไม่?”
“ไม่…ไม่ได้บ้าคลั่งอันใดแม้แต่น้อย…จริงอยู่อาจเป็นเรื่องบ้าคลั่งทั้งโง่เขลาสำหรับคนทั่วไป แต่เท่าที่ข้าเห็น เรื่องนี้สำหรับปรมาจารย์โอสถต้วนแล้ว นับว่าเป็นเรื่องเล็กน้อยนัก!”
“ใช่แล้ว ปรมาจารย์โอสถต้วนเป็นนถึงราชาอมตะอันทรงพลังเชียวนะ!!”
….
คนของนิกาอมตะไท่อีมหลายต่อหลายคนเริ่มกระซิบคุยกันเสียงดังระงม
ตอนนี้กระทั่งศิษย์ของนิกายอมตะไท่อีที่พลังฝีมือยังอ่อนด้อย ก็เริ่มได้รับทราบเรื่องราวจากเหล่าผู้อาวุโส จนได้รู้ว่าที่แท้ปรมาจารย์โอสถต้วนเป็นถึงตัวตนขอบเขตราชาอมตะ ที่ยากจะพบพานได้ใน 6 พื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้!
สำหรับพวกมันแล้ว เรื่องนี้เป็นเรื่องที่น่าตื่นเต้นเหลือเกิน ด้วยไม่คิดฝันเลยว่าพวกมันจะมีวันได้พบพานตัวตนระดับนี้ตัวเป็นๆ
ที่สำคัญราชาอมตะอันทรงพลังที่ได้พบ ยังไม่ใช่คนอื่นคนไกล แต่เป็นอาคันตุกะทรงเกียรติของนิกายอมตะไท่อีพวกมัน!
“ไฉนทำหน้าเช่นนั้นเล่าตถาคต…หรือเจ้าไม่เต็มใจให้ข้าไปด้วยงั้นเหรอ?”
สองตาต้วนหลิงเทียนหดเล็กลง ยังเผยประกายเยียบเย็นออกมา น้ำเสียงเองก็เริ่มเย็นชาลงอย่างเห็นได้ชัด
“ไม่…ไม่ใช่…ข้าพา..ข้าจะพาท่านไป! ยังนับเป็นเกียรติของข้าจี้ฟ่านอย่างยิ่งที่มีโอกาสนำทางปรมาจารย์โอสถต้วน! ยังเป็นพรของข้าจี้ฟ่านไป 3 ชาติภพที่ได้รับใช้ท่านปรมาจารย์โอสถต้วน!!”
พอได้ยินน้ำเสียงเย็นชาของต้วนหลิงเทียน จี้ฟ่านก็แตกตื่นเสียขวัญครั้งใหญ่ เหงื่อกาฬของมันแตกพลั่กๆ หัวเหม่งที่เคยมันวาวสะท้อนแสงวิบวับ บัดนี้เรียกว่าเปียกโชกไปด้วยเหงื่อเย็นแล้ว
ตอนนี้เองต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับประมุขนิกายอมตะไท่อี ไป๋ผิง ว่า “ประมุขไป๋ ข้าคิดยืมตัวอาวุโสเถี่ยไปเที่ยวชมนิกายอมตะสราญรมย์กับข้าสักหน่อย…”
“ไม่ทราบว่า…ได้หรือไม่?”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวถามออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ
และขณะกล่าวถามเรื่อนี้ ต้วนหลิงเทียนยังหันไปมองเถี่ยไท่เหอที่ลอยร่างข้างไป๋ผิงเล็กน้อย
“ย่อมได้!”
ถึงแม้จะไม่รู้ว่าต้วนหลิงเทียนคิดยืมตัวเถี่ยไท่เหอไปนิกายอมตะสราญรมย์ด้วยทำไม แต่ไป๋ผิงก็ไม่อาจปฏิเสธคำขอของต้วนหลิงเทียนได้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผอะไรก็ตาม
ยิ่งไปกว่านั้นคำขอนี้ก็ไม่ได้ทำให้มันเสียหายอะไรแม้แต่น้อย
“ขอบคุณประมุขไป๋”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ จากนั้นก็หันไปมองกล่าวกับเถี่ยไท่เหอ “อาวุโสเถี่ย…ข้าคงต้องรบกวนท่านให้พาพวกเราไปนิกายอมตะสราญรมย์สักหน่อย…”
“เพราะข้าคิดจะใช้เวลาขณะเดินทางตีความวรยุทธ์อมตะกับเวทย์พลังที่ได้มา…”
หลังได้รับคำตอบรับของไป๋ผิง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวกับเถี่ยไท่เหอถึงเหตุผลที่ไฉนเขาถึงคิดขอยืมตัวเถี่ยไท่เหอไปนิกายอมตะสราญรมย์ครั้งนี้
เพราะต้วนหลิงเทียนคิดใช้เวลาให้คุ้มค่า จึงต้องลำบากให้ผู้อื่นพาไป ไม่คิดเดินทางด้วยตัวเอง
“ปรมาจารย์โอสถต้วนกล่าวเกินไปแล้ว ยังถือว่ารบกวนอันใด ก็แค่เรื่องเล็กน้อยเพียงเท่านี้เอง”
เถี่ยไท่เหอกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มที่แลดูไม่แตกต่างจากครั้งก่อนๆ แต่หากมองสังเกตสายตาของมันให้ดีจะพบว่า…
ตอนนี้สายตาที่เถี่ยไท่เหอใช้มองต้วนหลิงเทียนนั้น ได้ทวีความเคารพเลื่อมไสมากขึ้นหลายส่วน!
เหตุผลที่ไฉนมันถึงแลดูเคารพนับถือต้วนหลิงเทียนขึ้นมาก ทั้งหมดเป็นเพราะพลังความแข็งแกร่งที่ต้วนหลิงเทียนเผยออกมาเมื่อครู่!
ในอดีตนั้น สำหรับเถี่ยไท่เหอแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็คือปรมาจารย์หลอมโอสถอมตะระดับสูงที่มีความสามารถโดดเด่นเหนือกว่าปรมาจารยย์หลอมโอสถอมตะระดับขุนนางเสียอีก เช่นนั้นจึงทำให้มันบังเกิดความเคารพนับถือในแง่ความสามารถในการหลอมโอสถ ไม่ได้นับถือในแง่พังฝีมือที่สูงส่งเหนือมัน
ทว่าตอนนี้ ต้วนหลิงเทียนกลับเผยพลังอำนาจของตัวตนขอบเขตราชาอมตะอันทรงพลังออกมา ในโลกที่ผู้เข้มแข็งได้รับความเคารพแล้ว จึงยิ่งทำให้มันเคารพนับถือต้วนหลิงเทียนสุดใจ!
“ฮ่วนเอ๋อ”
หลังได้ยินคำตอบรับของเถี่ยไท่เหอ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองฮ่วนเอ๋อข้างๆ พลางยิ้มกล่าวด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า “เจ้าได้รับบาดเจ็บไม่น้อย เช่นนั้นเจ้าพักรักษาตัวอยู่ที่นี่ดีหรือไม่?”
“พี่หลิงเทียนไปธุระที่นิกายอมตะสราญรมย์ไม่นาน พอเสร็จเรื่องแล้วพี่หลิงเทียนจะ…”
ต้วนหลิงเทียนนั้นเดิมทีคิดให้ฮ่วนเอ๋อพักรักษาตัวที่นิกายอมตะไท่อี ทว่าเขาไม่ทันได้พูดจบคำ ฮ่วนเอ๋อก็กล่าวขัดออกมาเสียก่อน “พี่หลิงเทียนฮ่วนเอ๋อจะไปกับท่านด้วย…ฮ่วนเอ๋อไม่อยากแยกกับท่าน”
“สำหรับเรื่องรักษาตัว…ในเมื่อมีผู้อาวุโสเถี่ยพาพวกเราเดินทาง เช่นนั้นฮ่วนเอ๋อพักรักษาตัวระหว่างทางก็ได้!”
ฮ่วนเอ๋อกล่าวออกมาด้วยสีหน้าจริงจัง น้ำเสียงเต็มไปด้วยความดื้อรั้น
เห็นฮ่วนเอ๋อยืนกรานมาแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แค่ยิ้มเจื่อนๆ ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ “เอาล่ะๆ…ตามใจฮ่วนเอ๋อก็ได้”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนก็หันไปลาไป๋ผิงประมุขนิกายอมตะไท่อี ต่อจากนั้นก็กล่าวบอกให้เถี่ยไท่เหอช่วยหอบหิ้วเขากับฮ่วนเอ๋อเดินทางได้เลย
แน่นอนว่าเถี่ยไท่เหอก็ต้องหอบหิ้วจี้ฟ่านไปด้วยอีกคน และยังต้องพึ่งอีกฝ่ายในการบอกทิศทางที่ตั้งของนิกายอมตะสราญรมย์ เพราะมันเองก็ไม่เคยไปนิกายอมตะสราญรมย์มาก่อน
จนเมื่อพวกต้วนหลิงเทียนเหินร่างลับหายไปจากสายตาแล้ว เหล่าคนของนิกายอมตะไท่อีทั้งหลาย ก็ค่อยๆทยอยกันกลับมารู้สึกตัวอีกครั้ง
แน่นอนว่าหลังจากทุกคนรู้สึกตัว น่านฟ้าของนิกายอมตะไท่อีคล้ายมีตลาดสดพึ่งเปิดก็ไม่ปาน…
“ได้เรื่องแล้วไง…ข้าว่าปรมาจารย์โอสถต้วนไปนิกายอมตะสราญรมย์ครั้งนี้ พวกมันไม่พ้นต้องร่ำไห้กันแน่!”
“แต่หากปรมาจารย์โอสถต้วนแผลงฤทธิ์จนสั่นคลอนถึงรากฐานนิกายอมตะสราญญรมย์ พวกแพะชราขอบเขตกึ่งราชาอมตะของนิกายอมตะสราญรมย์ที่รั้งอยู่ในพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงใต้ จะไม่ออกมาสู้รบกับปรมาจารย์โอสถต้วนหรือไร? ข้าคิดว่าพวกมันคงไม่นิ่งดูดายมองปรมาจารย์โอสถต้วนทำลายนิกายอมตะสราญรมย์กระมัง?”
“เหอะๆ แพะชราเหล่านั้นมันก็แค่กึ่งราชาอมตะ แล้วเจ้าว่าพวกมันจะใช่คู่มือปรมาจารย์โอสถต้วนหรือ?”
“ใช่! ด้วยความแข็งแกร่งที่ปรมาจารย์โอสถต้วนเผยออกมาก่อนหน้า ข้าว่าต่อให้เป็นราชาอมตะทั่วไป ก็เกรงว่าจะสู้ปรมาจารย์โอสถต้วนไม่ได้ด้วยซ้ำ!”
“พวกแพะชรากึ่งราชาอมตะของนิกายอมตะสราญรมย์นั่นไม่ออกมาก็แล้วไป…หากพวกมันออกมา ไม่พ้นปรมาจารย์โอสถต้วนได้ทุบตีพวกมันจนตายไม่เหลือซากแน่!!”
“อั๊ย! ข้ายิ่งมายิ่งอยากรู้แทบตายแล้ว! ว่าที่แท้เป็นตระกูลอันใดที่อยู่เบื้องหลังปรมาจารย์โอสถต้วนกันแน่…แล้วตระกูลนั้นต้องทรงพลังถึงเพียงใด พึงได้เพาะสร้างปีศาจร้ายเช่นปรมาจารย์โอสถต้วนออกมาได้!”
….
เหล่าคนของนิกายอมตะไท่อีพากันจ้อถึงเรื่องราวทำนองนี้ไม่หยุด แต่ละคนมองว่าต้วนหลิงเทียนไม่ใช่แค่อัจฉริยะธรรมดา แต่เป็นดั่งอัจฉริยะปีศาจที่ร้ายกาจผิดมนุษย์มนา! ร้ายกาจจนทำให้ผู้คนตกใจแทบตายแล้ว!!
เพราะสุดท้ายทุกคนก็รู้ดี ว่าต้วนหลิงเทียนยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ
ที่สำคัญเลยก็คือ ไม่มีวิธีไหนจะโกงอายุ ให้ดูเหมือนคนที่อายุไม่ถึงร้อยปีได้เลย!!