War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2956
ตอนที่ 2,956 : พนันหิน?
10 วันต่อมา
เมืองขนาดใหญ่ที่ไม่ได้ด้อยไปกว่าเมืองหลวงของประเทศฝูชิว ก็ค่อยๆปรากฏให้ต้วนหลิงเทียนเห็นเบื้องหน้า
ผู้เฒ่าโม่ย่อมลดความเร็วลงแล้วเป็นธรรมดา
หาไม่แล้วด้วยระดับสายตาของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน หากผู้เฒ่าโม่ไม่เริ่มชะลอความเร็วคงเป็นไปไม่ได้เลยที่จะแลเห็นทัศนียภาพโดยรอบได้ชัดถนัดตา
“เบื้องหน้าพวกเราก็คือเมืองหลวงของประเทศตันจี้…งานประมูลของตระกูลราชวงศ์จะมีขึ้นในอีก 5 วันหลังจากนี้ และราชวงศ์ตันจี้ก็เลือกจะจัดการประมูลขึ้นในพระราชวังหลวง”
เมื่อเห็นเมืองใหญ่เบื้องหน้ากำลังใกล้เข้ามามากขึ้นเรื่อยๆ หวงเหยี่ยนเฟยก็กล่าวออกมาอย่างประจวบเหมาะ
ครู่ต่อมา ทุกคนก็เริ่มหันไปมองเมืองใหญ่เบื้องหน้า เมืองหลวงของประเทศตันจี้!
เมืองหลวงของประเทศตันจี้มีลักษณะผังเมืองคล้ายคลึงกับเมืองหลวงของประเทศฝูชิวอยู่บ้าง สภาพที่ทางภายในเมืองตามถนนสายหลักล้วนเนืองแน่นไปด้วยผู้คน มองไปทางใดก็เห็นหัวหงอกหัวดำสัญจรไปมาราวธารน้ำไหล
ก่อนที่จะเข้าเมือง ผู้เฒ่าโม่ก็หยุดลง จากนั้นก็เริ่มจำแลงกายเป็นมนุษย์ ร่างชายชราผ่ายผอมแก้มตอบในชุดดำสนิทจึงปรากฏให้เห็นอีกครั้ง
ต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆ นำโดยหวงเหยี่ยนเฟยก็ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองได้อย่างราบรื่นไร้ปัญหา จากนั้นมันก็พาทุกคนมุ่งหน้าไปยังพระราชวังหลวงของประเทศตันจี้ก่อนใดอื่น
“ข้าคือ ‘หวงเหยี่ยนเฟย’ เจ้าเมืองตู้อวิ๋นแห่งประเทศฝูชิว มาที่นี่เพื่อเข้าร่วมการประมูลที่ทางราชวงศ์ของประเทศตันจี้จะจัดขึ้นในอีก 5 วันหลังจากนี้”
เมื่อมาถึงประตูหน้าพระราชวัง หวงเหยี่ยนเฟยก็ประกาศตัวตนและจุดประสงค์การมาเสร็จสรรพ ทหารเฝ้าประตูหน้าวังพอได้ยินก็เร่งรุดเข้าไปรายงงานโดยไม่กล้ารอช้า จากนั้นไม่นานก็มีคนเร่งก้าวอาดๆเดินเข้ามาทักทายต้วนหลิงเทียนกับพวก
“ฮ่าๆๆๆ…เจ้าเมืองหวง ที่แท้เป็นท่านจริงๆ ครั้งสุดท้ายที่ข้าได้เจอท่านมันเมื่อใดกันนะ 10 ปีได้แล้วใช่หรือไม่?”
คนที่ก้าวอาดๆออกมาจากด้านในแล้วมาทักทายต้วนหลิงเทียนกับพวก เป็นชายวัยกลางคนในชุดเกราะสีเงินรูปร่างค่อนข้างสูงใหญ่แลดูบึกบึนไม่ต่างอะไรกับไป๋กังเลย
“ผู้ตรวจการเหอ นี่ท่านถึงกับออกมาต้อนรับด้วยตัววเองเชียวหรือ ข้าผู้แซ่หวงช่างได้รับเกียรติยิ่งนัก!”
หวงเหยี่ยนเฟยก็กล่าวทักทายพลางยื่นมือไปจับมืออีกฝ่าย
“ผู้เฒ่าโม่ก็มาด้วยกันหรือ!?”
ในขณะที่หวงเหยี่ยนเฟยทักตอบด้วยรอยยิ้ม ผู้การเหอที่ว่าก็เหลือบไปเห็นคนที่มาพร้อมหวงเหยี่ยนเฟย และยังสะดุดตาไปที่ชายชราร่างผอมแก้มตอบในชุดดำเป็นพิเศษ
เพราะมันรู้ดีว่าชายชราผู้นี้ไม่เพียงมีภูมิหลังความเป็นมายิ่งใหญ่ แต่อีกฝ่ายยังเป็นราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดอีกด้วย!
“เฮ่ๆ เหอเฟิง เมื่อ 10 ปีก่อนพวกเรายังไม่รู้แพ้รู้ชนะ…คราวนี้พวกเรามาต่อยตีกันให้สาสมใจเลยดีไหม?”
ไป๋กังที่อยู่ข้างๆผู้เฒ่าโม่ ก็เห็นได้ชัดว่ารู้จักผู้ตรวจการหวงคนนี้เช่นกัน จึงทักทายออกไปด้วยรอยยิ้ม
และฟังจากคำทักของไป๋กัง ที่แท้ผู้ตรวจการเหอผู้นี้ ก็ชื่อแซ่เต็มๆว่าเหอเฟิงนั่นเอง
“ไป๋กัง แม้ตอนนั้นพวกเราจะเสมอกัน แต่เพราะมันเป็นแค่ประลองวัดฝีมือ หาได้เข่นฆ่ากันให้ตายไปข้าง…หากพวกเราคิดสู้กันให้ตายไปข้าง ผู้ชนะย่อมเป็นเจ้าแน่ ข้ายอมรับว่าสู้เจ้าไม่ได้”
เหอเฟิงหลังได้ยินคำพูดของไป๋กัง มันก็หันไปมองกล่าวกับไป๋กังด้วยรอยยิ้มแหยๆ
“อั้ย! ที่เจ้าพูดมาข้าก็รู้…แต่นี่มันผ่านไป 10 ปีแล้วไง เจ้าสมควรก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย พวกเราก็ไปต่อยตีกันสักยกเถอะ ข้าเดินทางมาตั้งไกลเชียวนา!”
ไป๋กังมองกล่าวกับเหอเฟิงอย่างคึกคัก ในลูกตายังฉายถึงจิตต่อสู้อันกระเหี้ยนกระหือรือออกมา
“ได้! ในเมื่อเจ้าอยากสู้จริงๆ ไว้จบงานประมูลของตระกูลราชวงศ์ก่อนพวกเราค่อยไปตีกันนอกเมือง…คราวนี้เจ้าก็ไม่ต้องออมมือให้ข้าแล้ว เจ้าคืนร่างจริงมาฉะกับข้าให้สมใจสักคราเถอะ”
หลังได้ยินคำพูดรบเร้าของไป๋กัง ครู่ต่อมาลูกตาของเหอเฟิงก็ลุกวาวขึ้นมาด้วยจิตต่อสู้เช่นกัน เห็นได้ชัดว่ามันบ้าจี้ไปกับไป๋กังจนคึกอยากจะสู้ขึ้นมาบ้างแล้ว
“ฮ่าๆๆ…ประเสริฐ! ดูเหมือน10 ปีที่ผ่านผู้แซ่เหอเจ้าจะก้าวหน้าขึ้นไม่น้อย! เพราะหากเป็นเมื่อ 10 ปีก่อนเจ้าไม่กล้าพูดแน่ว่าจะให้ข้าคืนร่างจริงมาสู้!”
ไป๋กังหัวเราะออกมาอย่างร่าเริง มันไม่ได้มีความหวั่นกลัวใดๆทั้งสิ้นกับท่าทางคึกคักของเหอเฟิง จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ยิ่งมายิ่งลุกโชนปานเพลิงไฟ
“เอาล่ะๆ พวกท่านทั้ง 2 คิดจะต่อยตีฟาดปากกันก็เอาไว้หลังจากนี้เถอะ…ท่านผู้ตรวจการเหอนี่คือลูกชายคนนที่ 4 ของข้า หวงเจียหลง ที่ท่านเคยเห็นครั้งก่อน”
เมื่อเห็นว่าไป๋กังและเฟิงคุยกันไปคุยกันมาก็ยิ่งคึก คล้ายร่างกายอยากปะทะเต็มที หวงเฟยเหยี่ยนก็รีบกล่าวเปลี่ยนเรื่องเร็วไว โดยผายมือไปทางหวงเจียหลงก่อน จากนั้นค่อยผายมือไปทางต้วนหลิงเทียน
“ส่วนทางด้านนี้เป็นสหายของลูกชายข้า ต้วนหลิงเทียน คราวนี้ที่ฝ่าบาทให้ข้ามาประมูลไส้เดือนฝอยทอง ก็เพื่อช่วยให้เขาทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด”
หวงเหยี่ยนเฟยกล่าว
เหอเฟิงเองก็มองไปทางหวงเจียหลง และในขณะที่มันกำลังจะทักกทายหวงเจียหลง ก็พอดีกับที่หวงเหยี่ยนเฟยผายมือไปทางต้วนหลิงเทียนและกล่าวแนะนำออกมาเสียก่อน มันจึงหันขวับไปทางต้วนหลิงเทียนฉับไวปานสายฟ้า
“เจ้า…เจ้าคือต้วนหลิงเทียนหรือ!?”
ขณะที่เหอเฟิงมองต้วนหลิงเทียนน ลูกตามันยังหรี่ลงเล็กน้อย จากกนั้นก็มองขึ้นๆลงๆสำรวจต้วนหลิงเทียนตั้งแต่หัวจรดเท้า ราวกับจะมองว่าต้วนหลิงเทียนที่แท้ไม่ธรรมดาอย่างไร
เนื่องจากประเทศตันจี้ก็เป็นประเทศเพื่อนบ้านของประเทศฝูชิว เช่นนั้นเมื่อภายในประเทศฝูชิวปรากฏอัจฉริยะที่เป็นที่กล่าวขานถึงไปทั้งเมืองหลวง ประเทศตันจี้เองก็พลอยโดนหางมรสุมไปด้วยเช่นกัน
อายุไม่ถึงร้อยปี กลับเอาชนะหวงเจียหลง เจ้าเมืองน้อยแห่งเมืองตู้อวิ๋นได้ง่ายดาย!
คนอื่นนั้นอาจไม่ล่วงรู้ว่าหวงเจียหลงมากพรสวรรค์เพียงใด แต่มันนั้นรู้ดี ด้วยเหตุนี้จึงอดไม่ได้ที่จะตกใจกับพลังฝีมือของผู้ที่เอาชนะหวงเจียหลงมาได้!
โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากที่รู้ว่าคนที่เอาชนะหวงเจียหลงได้นั้น ที่แท้ยังมีอายุไม่ถึงร้อย มันก็ยิ่งตกใจมากขึ้นไปอีก!
“ช้าก่อน…”
ทว่าก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะทันได้ตอบคำเหอเฟิง สีหน้าเหอเฟิงก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย เร่งหันไปมองถามหวงเฟยเหยี่ยนด้วยความตกใจว่า “เจ้าเมืองหวงท่าน…ท่านพึ่งบอกว่าจะมาประมูลไส้เดือนฝอยทอง เพื่อช่วยให้สหายน้อยผู้นี้ทะลวงถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดหรือ?”
“ท่าน…ท่านหมายความว่าตอนนี้สหายน้อยผู้นี้ยังเป็นเพียงยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์งั้นรึ?”
เหอเฟิงหันถึงกับต้องหันมามองต้วนหลิงเทียนใหม่ สายตาของมันยังทำราวกับเห็นผีกลางวันแสกๆ
หรือนี่จะเป็นอัจฉริยะปีศาจอีกคน ที่เหมือนกับอัจฉริยะปีศาจจากประเทศตงหมิงผู้นั้นที่เข้าถึงพลังอำนาจแห่งกฏแล้ว?
อายุไม่ถึงร้อยปี อาศัยด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ กลับเอาชนะหวงเจียหลงที่เป็นยอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดได้ในกระบวนท่าเดียว…
ในสายตาของมัน หากยังไม่เข้าถึงพลังแห่งกฏ ย่อมไม่มีทางกระทำเรื่องพรรค์นี้ได้เลย!
“ฮ่าๆๆๆ…อะไรๆๆ เหอเฟิงเจ้ากลัวแล้วหรือ!?”
เมื่อเห็นสีหน้าหวั่นหาดของเหอเฟิง ไป๋กังอดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมาด้วยความสนุกสนาน “ไดข่าวว่าในบรรดาอัจฉริยะทั้ง 9 ของประเทศตันจี้เจ้าก็มีปีศาจน้อยอยู่คนหนึ่งมิใช่หรือไร?”
“ฮึ่ม!”
เหอเฟิงเหลือบมองไป๋กังด้วยสายตาระอา แค่นคำสบถเสียงเย็นกล่าวค่อนแคะออกมาว่า “ไป๋กัง ข้ากริ่งเกรงสหายน้อยผู้นี้ไม่ใช่เจ้า…เจ้าจะมาผยองทำซากอันใด?”
พอกล่าวกับไป๋กังจบ เหอเฟิงก็อดไม่ได้ที่จะหันมองมาทางหวงเฟยเหยี่ยนกล่าวออกเสียงอ่อนว่า “ข้าก็ว่าแล้วเชียวว่าไฉนงานประมูลครานี้ทางฝูชิวถึงส่งเจ้าเมืองหวงมาด้วยตัวเอง…ที่แท้ประเทศฝูชิว กลับพบเจอคนที่ไม่ด้อยไปกว่าปีศาจร้ายของตงหมิงผู้นั้น…”
กล่าวจบเหอเฟิงก็พึ่งตระหนักได้วว่ามายืนคุยกับพวกหวงเหยี่ยนเฟยหน้าประตูวังพระราชวังหลวงแบบนี้คงไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ จึงรีบผายมือกล่าวเชิญทั้งหมดให้เข้ามาก่อน
“เจ้าเมืองหวงผู้เฒ่าโม่คุณชายต้วนแล้วก็หลานเจียหลงเชิญเข้ามาด้านในก่อน…”
เหอเฟิงนั้นกล่าวเชิญพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 อย่างมีมารยาทแต่ไม่ได้สนใจอะไรไป๋กัง ด้านไป๋กังก็ไม่ได้สนใจอะไรเช่นกันเพียงก้าวอาดๆตามทุกคนไปด้วยสีหน้าลำพอง ระหว่างทางยังหันไปยักคิ้วใส่เหอเฟิงอย่างท้าทาย
พระราชวังหลวงของประเทศตันจี้นั้น นอกจากอาณาบริเวณกว้างใหญ่เหมือนพระราชวังหลวงของประเทศฝูชิวแล้ว อาคารที่ทางล้วนเป็นสถาปัตยกรรมวิจิตรงดงาม ลักษณะแตกต่างไปจากของประเทศฝูชิวอยู่บ้าง
ฮ่องเต้ฝูชิวนั้นชมชอบนิยามของเขาว่าเรียบง่ายแต่หรูหรา ธรรมดาแต่สง่างามโอ่อ่า…หากทว่าด้านประเทศตันจี้นั้นที่ทางล้วนประดับประดาไปด้วยมุกมณีล้ำค่า สมบัติหายากใดๆล้วนตั้งประดับอวดความสวยงามจนแลดูละลานตาอยู่บ้าง
“น้องต้วน ท่านนี้คือผู้ตรวจการเหอ เรียกว่าเหอเฟิง นอกจากเป็นผู้ตรวจการณ์แล้วยังพ่วงสถานะผู้นำหน่วยราชองครักษ์ของฮ่องเต้ตันจี้อีกด้วย แถมยังเป็นยอดฝีมือขอบเขตขุนนางอมตะ 10 ทิศที่พลังฝีมือร้ายกาจ…”
“เมื่อ 10 ปีก่อนผู้ตรวจการเหอได้รับคำสั่งฮ๋องเต้ตันจี้ให้เดินทางไปยังประเทศฝูชิวของพวกเราเพื่อติดต่อการค้า…ผู้ตรวจการเหอก็ได้แวะไปยังเมืองตู้อวิ๋นของพวกเราเช่นกัน จึงได้รู้จักท่านพ่อ และพวกอาไป๋”
“ท่านอย่าได้เห็นว่าผู้ตรวจการเหอคล้ายทะเลาะกับอาไป๋ อันที่จริงเพียงแค่ผิวเผินเท่านั้น…กล่าวไปมิตรภาพระหว่างผู้ตรวจการเหอกับอาไป๋ยังแน่นแฟ้นกว่าท่านพ่อเสียอีก”
หลังเดินเข้ามาในพระราชวังหลวงของประเทศตันจี้ได้สักพัก หวงเจียหลงก็ส่งเสียงผ่านพลังมาถึงหูต้วนหลิงเทียนเพื่อแนะนำเหอเฟิงโดยละเอียด
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะได้ยินวาจาท้ากันไปมาระหว่างไป๋กังและเหอเฟิง จนทราบว่าพลังฝีมือของเหอเฟิงผู้นี้ไม่น่าจะอ่อนด้อย และสิบในสิบก็สมควรเป็นขุนนางอมตะ 10 ทิศ
อย่างไรก็ตามเขาเองก็คิดไม่ถึงว่าเหอเฟิงผู้นี้จะมีตำแหน่งใหญ่โตไม่น้อย เป็นถึงผู้นำหน่วยราชอค์รักษ์แห่งพระราชววังหลวง!
ในประเทศฝูชิวนั้น มีอยู่สองคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นมือซ้ายกับมือขวาของฮ่องเต้ฝูชิว
หนึ่งในนั้นก็คือหวงเฟยเหยี่ยนเจ้าเมืองตู้อวิ๋น ส่วนอีกคนก็เป็นผู้นำหน่วยราชองค์รักษ์ของพระราชวังหลวง
ในเมื่อเหอเฟิงผู้นี้ไม่เพียงมีตำแหน่งผู้ตรวจการณ์แต่ยังควบตำแหน่งหัวหน้าหน่วยราชองค์รักษ์ของพระราชวังหลวงประเทศตันจี้ได้ ไม่พ้นต้องเป็นคนสนิทและคนที่ฮ่องเต้ตันจี้ไว้ใจเช่นกัน
ก่อนจะเดินทางไปถึงสถานที่พักภายในพระราชวังหลวงของประเทศตันจี้ ที่ได้ถูกตระเตรียไมว้ให้อย่างดี เหอเฟิงก็มีลอบมองมาทาต้วนหลิงเทียนเป็นระยะๆ ในแววตายังทอประกายวับวาวประหลาด ไม่ทราบว่าที่แท้กำลังคิดสิ่งใดอยู่
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะสัมผัสได้ถึงสายตาดังกล่าว แต่เขาก็ไม่ได้สนใจอะไร
ไม่นานก็มาถึงที่พักที่ทางตระกูลราชงศ์ตันจี้จัดไว้ให้ มันเป็นวังใหญ่หลังหนึ่ง และนอกจากตัวโถงวังหลักแล้วยังมีบ้านลาน 6 หลังที่หันหน้าเข้าหากัน ฟากหนึ่งมี 3 อีกฟากก็มี 3 กั้นขวางไว้ด้วยถนนทางเดินรอบโถงวังหลัก
“เจ้าเมืองหวง ท่านเดินทางมาไกลคงเหน็ดเหนื่อยไม่น้อย เช่นนั้นท่านก็พักผ่อนก่อนเถอะ…หลังจากนี้อีก 5 วันข้าจะมารับพวกท่านไปเข้าร่วมการประมูลด้วยตัวเอง”
หลังจัดการพาต้วนหลิงเทียนกับพวกเข้าที่พักแล้ว เหอเฟิงก็กล่าวนัดแนะกับหวงเหยี่ยนเฟย ก่อนที่จะลาจากไป
“ท่านพ่อ!”
อย่างไรก็ตามหวงเจียหลงไม่คิดจะพักผ่อนอะไร หันไปมองกล่าววับหวงเหยี่ยนเฟยด้วยรอยยิ้มว่า “ข้าคิดไปเดินเล่นที่ย่านซีฟางกับน้องต้วน…ท่านให้ผู้เฒ่าโม่หรืออาไป๋ไปกับพวกเราได้ไหม?”
หวงเจียหลงไม่ใช่คนโง่งม ที่นี่ไม่ใช่ประเทศฝูชิวถิ่นมัน หากไปเดินเที่ยวเล่นโดยไร้ยอดฝีมือคุ้มกัน ไม่แน่ว่าอาจโดนดีได้
“ย่านซีฟาง?”
หวงเหยี่ยนเฟยได้ยยินคำขอลูกชาย ก็มองจ้องอีกฝ่ายตาเขม็ง “เท่าที่ข้ารู้มาดูเหมือนย่านซีฟางของเมืองหลวงตันจี้ที่ว่า จะมีชื่อเสียงเรื่องพนันหินไม่น้อย…นี่เจ้าคิดพาเสี่ยวเทียนไปเล่นพนันหินงั้นรึ?”
“แหะๆ…”
หวงเจียหลงคลี่ยิ้มแต่ไม่ได้ปฏิเสธอะไรออกมา เพราะมันรู้ดีว่าถึงจะปฏิเสธไปก็ไม่มีประโยชน์เพราะบิดามันมิใช่ตะเกียงประหยัดน้ำมัน
“พนันหิน?”
ต้วนหลิงเทียนถึงกับอึ้งไปอยู่บ้าง ในระนาบเทวโลกมีพนันหินด้วยเหรอ?
ในชาติที่แล้วตอนยังอยู่ที่โลกมนุษย์ เขาเองก็เคยได้ยินเรื่องราวการพนันหินมาบ้าง ก็คือการซื้อหินที่แลดูว่าน่าจะมีหยกอยู่ภายในนั้น แล้วถ้าหากนำไปตัดออกมาแล้วเจอหยกล้ำค่าอะไรเข้าก็ชีวิตเปลี่ยน
ถ้าตัดไม่เจออะไร ก็เสียเงินเปล่า
‘การพนันหินบนระนาบเทวโลก ไม่รู้จะแตกต่างจากที่โลกยังไง…’
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“เหยี่ยนเฟย ข้าจะไปเอง”
ไป๋กังเสนอตัวทันที