War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2958
ตอนที่ 2,958 : เจ้าเมืองน้อย เมืองฟู่เจี้ยน
หลังได้ฟังเรื่องราวจากหวงเจียหลง ต้วนหลิงเทียนก็เข้าใจการเล่น ‘พนันหิน ‘ในระนาบเทวโลกมากขึ้น
การเล่นพนันหินของระนาบเทวโลกนั้น ไม่ได้แตกต่างอะไรจากการเล่นพนันหินในโลกเก่าที่เขาเคยอยู่เมื่อชาติที่แล้วแม้แต่น้อย และเป็นธรรมดาว่าการพนันในรูปแบบนี้ เล่น 10 ครั้งนั้นย่อมเสียไปถึง 9 ครั้ง…แน่นอนว่าการเล่น 10 เสีย 9 ยังมีความหมายในตัวชัดเจนว่า เสียมากกว่าได้!
“หินดิบที่นำมาพนันหินส่วนใหญ่แล้ว ล้วนแล้วแต่เป็นหินดิบไร้ค่า…ยากนักที่จะพบพานหินดิบที่มีสมบัติเลิศล้ำซุกซ่อนอยู่ด้านใน”
“ดังนั้นถึงแม้กล่าวไปผู้ที่มาเล่นพนันหินในระนาบเทวโลกแม้จะไม่น้อย แต่ก็มีคนเพียงหยิบมือที่กลับกลายเป็นเศรษฐีผู้ร่ำรวยในเวลาชั่วข้ามคืน…แน่นอนว่ายังมีบางคนที่นิยมซื้อหินดิบกลับไปเปิดในที่ลับตาไม่ให้ใครรู้”
“เพราะสุดท้ายแล้ว ‘คนไม่ผิด ผิดที่ครอบครองหยก’ ก็เป็นอมตะวาจาไม่เสื่อมคลาย…”
หลังจากเดินกล่าวสนทนากับต้วนหลิงเทียนไปอีกสักพัก หวงเจียหลงก็พาต้วนหลิงเทียนเดินมาถึงย่านซีฟางเรียบร้อย และย่านซีฟางของเมืองหลวงประเทศตันจี้นี้ ต้องบอกเลยว่าแค่ทางเข้าย่านก็มีเสน่ห์ดึงดูดใจผู้คนไม่ธรรมดา
ขณะเดียวกันสายตาต้วนหลิงเทียนก็ล้วนถูกอาคารเคหะสถานและร้านรวงในย่านซีฟานของเมืองหลวงตันจี้ดึงดูดให้ดูชมจนละลานตาอยู่บ้าง
มองไปทางใดก็เห็นแต่ความคึกคักเปี่ยมชีวิตชีวา ร้านรวงมากมาย ก็เต็มไปด้วยเหล่าเซียนอมตะในเมืองหลวงออกมาเดินจับจ่ายใช้สอยกันอย่างสนุก มีเด็กน้อยที่ด่านพลังยังอ่อนด้อยมากมายให้เห็น และร้านที่เห็นมากที่สุดก็คือร้านที่ขายหินรูปร่างประหลาดแลดูแปลกตา ซึ่งหลังจากเขามองผ่านๆก็ไม่เห็นว่ามันจะมีความพิเศษอะไร
“ที่ร้านพวกนั้นขายอยู่…ใช่หินดิบที่ว่าหรือไม่?”
หลังต้วนหลิงเทียนมองไปรอบๆสักพัก เขาก็พบว่ามีร้านมากมายขายหินประหลาดหน้าตาแปลกๆเหล่านี้ บางชิ้นกลมปุ๊กดั่งลูกบอล บ้างก็เป็นรูปปั้นใหญ่โตเท่าตัวคน บ้างก็มีขนาดเหมือนโอ่งไห ที่มีรูปร่างเหมือนหินธรรมดาขนาดต่างๆก็มีไม่น้อย
“ไม่ผิด ที่น้องต้วนเห็นวางขายกันเหล่านี้ ล้วนแล้วแต่เป็นหินดิบทั้งสิ้น”
หวงเจียหลงพยักหน้าตอบคำต้วนหลิงเทียน หลังจากนั้นก็เลือกพาต้วนหลิงเทียนเดินเข้าไปยังอาคารหลังใหญ่ที่สุดเท่าที่ผ่านตามา และจำนวนหินดิบในร้านนี้ก็มีมากมายสุดท้ายร้านรวงเล็กๆที่เดินผ่านมาจะเทียบได้
ถึงแม้ว่าไป๋กังจะติดตามพวกต้วนหลิงเทียนกับหงเจียหลงมาด้วย แต่มันรู้ดีว่าผู้หลานคนนี้ไม่ชอบให้มีผู้อาวุโสอะไรคอยติดตามข้างกาย ไป๋กังจึงเลือกที่จะซ่อนตัวในความมืด อย่างไรก็ตามความสนใจของมันเพ่งเล็งไปที่พวกต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงตลอดเวลา
ตราบใดที่บังเกิดเรื่องผิดแปลกแม้แต่นิดเดียว มันจะปรากฏตัวออกไปเพื่อรักษาความปลอดภัยต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงทันที!
แน่นอนว่าหากเกิดเรื่องอะไรขึ้นกับหวงเจียหลงและต้วนหลิงเทียน จนมีเหตุการณ์จำต้องเลือก 1 สละ 1 มันก็จะเลือกละทิ้งต้วนหลิงเทียน แล้วช่วยชีวิตหวงเจียหลงโดยไร้ซึ่งความลังเลใดๆ ไม่สนว่าฮ่องเต้ฝูชิวจะให้ค่าต้วนหลิงเทียนมากแค่ไหน
เพราะมันรู้แค่ว่า หวงเจียหลง คือลูกชายของผู้ที่มันเห็นไม่ต่างอะไรจากพี่ชายแท้ๆ
และพี่ชายผู้นี้ ในอดีตก็ได้ช่วยชีวิตมันมานับครั้งไม่ถ้วน
เพื่อลูกชายของพี่ชายประเสริฐเช่นนี้ ต่อให้มันต้องสละด้วยชีวิต มันก็ไม่แม้แต่จะกระพริบตา!
“ท่านลูกค้าทั้งสอง ใช่สนใจซื้อหาหินดิบหรือไม่ขอรับ?”
ทันทีที่หวงเจียหลงกับต้วนหลิงเทียนก้าวเท้าเข้าร้านมา ชายวัยกลางคนแต่งตัวภูมิฐานแลดูเรียบร้อยหนึ่งก็ก้าวเข้ามาต้อนรับทักทายด้วยความสุภาพ รอยยิ้มของมันยังสดใสบาดตาผู้คนเหลือเกิน
“ร้านของท่านนับว่ามีหินดิบมากมายทีเดียว แถมดูเหมือนจะมีการจัดแบ่งหมวดหมู่ไว้เป็นพิเศษ ช่วยแนะนำให้พวกเรารับทราบคร่าวๆได้หรือไม่?”
หวงเจียหลงหันไปมองชายวัยกลางคนผ่านๆพลางเอ่ยถามเสียงเบา
“ย่อมได้ท่านลูกข้า”
ชายวัยกลางคนขานรับด้วยท่าทีสุภาพ จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงเดินไปยังแผงขายหินดิบที่ตั้งอยู่ใกล้กับหน้าร้านที่สุดก่อน ด้านต้วนหลิงเทียนระหว่างเดินตามไปก็หันมองชมไปรอบๆและพบว่ามีผู้คนมาจับจ่ายซื้อหินดิบในร้านแห่งนี้หนาตาทีเดียว
และใกล้ๆกับกลุ่มคนที่กำลังเลือกหาหินดิบทั้งหลาย ก็พบว่ามีคนในชุดสุภาพรูปแบบเดียวกับชายวัยกลางคนผู้นี้ติดตามอยู่ต้อยๆ
เห็นได้ชัดว่าคนที่สวมใส่ชุดสุภาพมีรูปแบบเฉพาะนี้ ล้วนเป็นพนักงานในร้านค้าหินดิบที่มีหน้าที่คอยแนะนำและอำนวยความสะดวกให้แขก
“ท่านลูกค้าทั้งสอง นี่คือแผงที่ 36 ของทางร้านเรา…และแผงนี้ยังวางจำหน่ายหินดิบที่มีราคาถูกที่สุดในร้าน ส่วนเหตุผลที่ไฉนมันมีราคาถูกนั้น ก็เพราะขนาดของหินดิบค่อนข้างเล็ก และคงมิอาจมีสมบัติเลิศล้ำอันใดเก็บไว้”
ชายวัยกลางคนที่เดินนำต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงมายังแผงหินดิบใกล้ๆประตูทางออก ก็ผายมือไปยังหินดิบมากมายที่วางกองเรียงรายกันเบื้องหน้า พลางกล่าวแนะนำออกมา
ต้วนหลิงเทียนมองไปก็พบว่าหินดิบที่ตั้งขายในแผงนี้ ที่ใหญ่ที่สุดก็มีขนาดเท่ากำปั้นของเด็กทารกเท่านั้น ที่เล็กที่สุดก็ใหญ่กว่าแหวนพื้นที่กระจึ๋งหนึ่ง…
“แน่นอนว่าถึงมันจักราคาถูกและไม่ได้มีขนาดใหญ่โตอะไร…ทว่าในบรรดาหินดิบเหล่านี้ก็ยังมีความเป็นไปได้ที่จะมีสมบัติชิ้นเล็กๆซุกซ่อนอยู่”
ชายวัยกลางคนเริ่มกล่าวอธิบายสืบต่อ น้ำเสียงยังแฝงความโน้มน้าวล่อลวงไม่น้อย “หากท่านหยิบซื้อหินดิบพวกนี้ไปแล้วพบว่าด้านในกลับมีแหวนพื้นที่ซุกซ่อนอยู่ ไม่แน่ท่านก็อาจจะทำกำไรได้มหาศาล เพราะผู้ใดจะไปล่วงรู้ว่าแหวนพื้นที่วงนั้นอาจเป็นของจอมราชันอมตะ หรือแม้กระทั่งอาจเป็นแหวนพื้นที่ของจักรพรรดิอมตะก็เป็นได้!”
“เหอะๆ ไฉนเจ้าไม่บอกด้วยเล่า ว่าด้านในอาจเป็นแหวนพื้นที่ระดับต่ำ หรืออาจเป็นแหวนพื้นที่ร้ายๆ ที่ถูกคนโยนทิ้งเพราะสภาพไม่ดี…แหวนพื้นที่เหล่านี้ต่อให้พบเจอก็ไร้ราคาค่างวดอันใด และโดยมากด้านในก็ว่างเปล่าไร้สมบัติ…”
หวงเจียหลงเหลือบมองชายวัยกลางคน ด้วยสายตาแหลมคมกล่าวออกเสียงเบา “ยิ่งไปกว่านั้นแหวนที่พบเจอในหินดิบร้อยวง ก็ไม่แน่ว่าจะมีแหวนที่เก็บสิ่งของล้ำค่าเอาไว้…”
“อั้ย ที่แท้ท่านลูกค้ารู้จักหินดิบจำพวกนี้ดีอยู่แล้ว…เป็นข้าน้อยคิดสอนหนังสือมหาปราชญ์โดยแท้”
ได้ยินคำพูดดักทางของหวงเจียหลงเอาไว้ ชายวัยกลางคนก็หน้าม้านไปเล็กน้อย หากแต่ไม่ทันไรความละอายใจดังกล่าวก็มลายหายไปสิ้น ยังคล้ายมันไม่รู้สึกผิดอะไรแม้แต่น้อย
เพราะทุกครั้งที่มันต้องต้อนรับลูกค้า มันก็มักปฏิบัติต่อผู้อื่นราวกับคนไม่รู้ความไว้ก่อน หากอีกฝ่ายไม่ค่อยรู้เรื่องราวมาก ก็ไม่พ้นต้องหยิบควักเงินมากมายมาซื้อหินดิบด้อยค่าเหล่านี้กลับไป ตัวมันเองก็จะได้รับค่านายหน้าจากการขายมากหน่อย!
หากพบเจอกับผู้ที่ช่ำชองหนทางสายนี้และรู้เรื่องราวดี ก็คิดเสียว่าโชคร้ายยากจะหลอกกินเงินได้ง่ายๆ
“น้องต้วน ท่านสนใจซื้อหินดิบแผงนี้ติดไม้ติดมือสักหน่อยไหม?”
หวงเจียหลังหันไปมองถามต้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม
“ขอดูก่อนแล้วกัน…”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา เขาเองก็พึ่งนับเสร็จว่ามีแผงขายหินดิบในร้านนี้ทั้งสิ้น 36 แผง และแผงที่พวกเขากำลังชมดูอยู่ตอนนี้ก็เป็นแผงที่ตั้งติดหน้าร้านมากที่สุด แถมหินดิบที่วางขายก็มีขนาดเล็กสุดเช่นกัน เห็นได้ชัดว่าเป็นหินดิบที่ห่วยสุดในร้าน
‘วิเศษจริงๆ…พลังของหินดิบพวกนี้กลับสามารถปิดกั้นสำนึกเทวะได้ชะงัด!’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
ถึงแม้จะได้รับทราบมาแล้วว่าหินดิบมีพลังอำนาจในการปิดกั้นสำนึกเทวะโดยสมบูรณ์ แต่เขาก็ยังรู้สึกทึ่งอยู่ดีเมื่อได้มาลองเองกับตัว
ท้ายที่สุดแล้วหินดิบเหล่านี้ก็เกิดจากการจับตัวของฝุ่นดินหินทรายหลังผ่านสายธารแห่งกาลเวลามาเนิ่นนานเท่านั้น…
‘ในระนาบเทวโลกไม่มีอะไรธรรมดาจริงๆ กระทั่งฝุ่นดินทั่วไปพอผ่านวันเวลามากมายหน่อย ก็กลับกลายเป็นอะไรที่มีพลังอำนาจน่าทึ่งขนาดนี้ได้…’
คิดถึงจุดนี้ต้วนหลิงเทียนก็ดึงสติกลับมาอยู่กับร่องกับรอย จากนั้นก็หันไปส่ายหน้าให้หวงเจียหลงพลางกล่าว “หินดิบแผงนี้ไม่มีชิ้นไหนถูกใจข้าเลย…พวกเราไปดูหินดิบแผงอื่นกันก่อนเถอะ”
“ได้”
หวงเจียหลงพยักหน้า จกานั้นก็หันไปกล่าวกับชายวัยกลางคนเสียงเรียบ “แนะนำแผงอื่นให้พวกเราต่อเถอะ”
หลังจากนั้นหลังชายวัยกลางคนเริ่มแนะนำแผงขายหินดิบแต่ละแผง ต้วนหลิงเทียนก็พอจะเข้าใจว่าไฉนร้านค้าหินดิบแห่งนี้ถึงได้มีการจัดแบ่งแผงต่างๆเอาไว้
สำหรับหินดิบที่แลดูน่าจะมีของมีค่ามากเท่าไหร่ ราคาก็จะยิ่งสูงมากขึ้นเท่านั้น
หินดิบบางก้อนนั้นมองไปก็เห็นว่ามีลักษณะเป็นอาวุธชัดๆ แต่ยากที่ผู้คนจะระบุได้ว่าอาวุธที่ซุกซ่อนอยู่ภายในนั้นมีระดับใด เพราะด้วยถูกหินดิบปกคลุมเอาไว้จึงเป็นไปไม่ได้เลยที่สำนึกเทวะจะชำแรกไปตรวจสอบระดับของมันได้
และหินดิบที่มีรูปร่างลักษณะเป็นอาวุธทั้งหลาย ก็มีราคาสูงมากกว่าหินดิบชนิดอื่นๆ
“นู่นๆๆ นี่ๆๆแล้วก็นั่น…หินดิบรูปกระบี่พวกนี้ข้าเหมาหมด!”
ทันใดนั้นเองพลันมีเสียงหนึ่งแว่วดังเข้าหูต้วนหลิงเทียน มองไปไม่ไกลก็พบเจ้าของเสียงดังกล่าว
เป็นชายหนุ่มคนหนึ่งในชุดคลุมสีเขียวแลดูหรูหราอู้ฟู่ ลักษณะท่าทางแลดูเย่อหยิ่งไม่เห็นใครอยู่ในสายตา กำลังสะบัดมือเรียกผลึกอมตะระดับสูงออกมามากมาย และกว้านซื้อหินดิบรูปทรงกระบี่กว่า 30 ชิ้น จนหินดิบรูปทรงกระบี่แทบเกลี้ยงร้าน!
หินดิบรูปทรงกระบี่ที่เหลืออยู่นั้นก็มีเพียงแค่ 3 ชิ้นเท่านั้น และหากกะประมาณแล้วไม่พ้นด้านในต้องเป็นอาวุธจำพวกกระบี่หนักหรือไม่ก็ดาบใหญ่มากกว่า ท่าทางจะไม่ถูกจริตของมัน
“จึกๆๆ…เจ้านั่นถึงกับกว้านซื้อหินดิบรูปทรงกระบี่มากมายขนาดนี้ ราคาคงไม่ใช่น้อยๆเลย เท่าที่เห็นก็ต้องมีต่ำๆ 30,000 ผลึกอมตะชั้นสูงเข้าไปแล้ว ท่าทางเจ้านั่นจะมีความเป็นมาไม่ธรรมดา”
หวงเจียหลงเองก็สังเกตเห็นชายหนุ่มในชุดคลุมเขียวแลดูหรูหราเช่นกัน จากนั้นก็เหลือบไปเห็นชายชราท่าทางไม่ธรรมดาที่คอยติดตามอีกฝ่ายดั่งเงาตามตัว
“ท่านลูกค้า แขกท่านนั้นเป็นลูกชายคนเดียวของเจ้าเมืองฝูเจี้ยนในประเทศตันจี้ของเรา เจ้าเมืองน้อยเมืองฝูเจี้ยน หานอวิ๋นเฮ่อ!”
ชายวัยกลางคนที่เป็นพนักงานอำนวยความสะดวกของต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลง กล่าวบอกอัตลักษณ์ความเป็นมาของชายหนุ่มชุดหรูให้ต้วนหลิงเทียนกับหวงเจียหลงฟังเสียงเบา
“เจ้าเมืองน้อย เมืองฝูเจี้ยน?”
คิ้วหวงเจียหลงเลิกขึ้น กล่าวออกเสียงเบา “เช่นนั้นก็ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนมันถึงกว้านซื้อหินดิบรูปทรงกระบี่ไปทั้งหมด…ที่แท้มันเป็นลูกชายของเจ้าเมืองฝูเจี้ยน และจวนเจ้าเมืองฝูเจี้ยนก็ล้วนมีแต่ผู้ฝึกกระบี่มือดีทั้งนั้น…”
แคร่กก!!
ในขณะเดียวกับที่หวงเจียหลงกล่าว เจ้าเมืองน้อยเมืองฝูเจี้ยนก็ใช้พลังป่นหินดิบรูปทรงกระบี่ที่ซื้อมาทิ้งก้อนหนึ่ง หินดิบที่ปกคลุมอยู่ก็เริ่มแตกสลายกลับกลายเป็นฝุ่นดินร่วงพื้น จากนั้นสิ่งที่เหลืออยู่ก็คือกระบี่สีดำสนิทเล่มหนึ่ง
“กระบี่อมตะระดับสูง…ขาดทุนแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนกับพนักงานวัยกลางคนข้างๆหวงเจียหลงกล่าวอย่างทอดถอนใจ
“หินดิบรูปทรงกระบี่แค่ชิ้นเดียวก็มีราคานับพันผลึกหินอมตะระดับสูง…ไม่ตองพูดถึงกระบี่อมตะระดับสูงด้วยซ้ำ ต่อให้เป็นกระบี่อมตะระดับสูงสุดก็ยังขาดทุนครั้งใหญ่! เพราะสุดท้ายแล้วกระบี่อมตะระดับสูงสุดก็มีราคาแค่ 10 ผลึกหินอมตะระดับสูงเท่านั้น และหากเป็นกระบี่อมตะระดับสูงสุดที่หลอมออกมาดีหน่อย จนเกือบทัดเทียมกับกระบี่อมตะรดับขุนนาง ก็มีราคาแค่ราวๆ 20-30 ผลึกอมตะระดับสูงเท่านั้น”
หวงเจียหลงกล่าว
แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก! แคร่ก!
…
ท่ามกลางสายตาของผู้คนในร้านหินดิบ นายน้อยเมืองฝูเจี้ยนก็เลือกจะทำลายหินดิบรูปทรงกระบี่อีก 20 ชิ้นในพริบตาเดียว เปิดเผยกระบี่ที่ซุกซ่อนอยู่ด้านในออกมาให้เห็นอย่างพร้อมเพรียง
ภายในหินดิบรูปทรงกระบี่นั้น กระบี่ที่มีระดับต่ำที่สุดก็คือกระบี่อมตะระดับกลาง ส่วนที่มีจำนวนมากสุดก็เห็นจะเป็นกระบี่อมตะระดับสูง ส่วนกระบี่อมตะระดับสูงสุดนั้นมีให้เห็นแค่สองสามเล่มเท่านั้น
“อั้ย ขาดทุนแทบตายแล้ว…”
“เหอะๆ พริบตาเดียวผลึกอมตะระดับสูงสองสามหมื่นกลับอันตรธานหายไปกับสายลม…นี่หรือรสชาติชีวิต”
“เฮ่อ พนันหินนี่มันช่างชวนให้ใจระทึกยิ่งนัก!”
“เหอๆ จับจ่ายคราวเดียวสองสามหมื่นผลึกอมตะระดับสูง…หากไม่ใช่ลูกคนมีอันจะกินไหนเลยจะเล่นใหญ่ได้ขนาดนี้!”
“แต่แม้จะเสียผลึกอมตะระดับสูงไปมากขนาดนั้น ทว่าเจ้าเมืองน้อยฝูเจี้ยนผู้นี้ยังไม่แม้แต่จะกระพริบตา จิตใจช่างน่านับถือยิ่งนัก สมแล้วที่เป็นบุตรชายของเจ้าเมืองฝูเจี้ยน บิดาพยัคฆ์ไม่มีลูกสุนัขจริงๆ!”
…
เหล่าผู้มี่ดูชมกาลงมือทำลายหินดิบของเจ้าเมืองน้อยเมืองฝูเจี้ยนอดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ
แคร่กก!
ครู่ต่อมาเจ้าเมืองน้อยฝูเจี้ยนที่ไม่คล้ายจะไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับการขาดทุน ก็เริ่มป่นหินดิบรูปทรงกระบี่ไม่กี่ชิ้นที่ยังเหลืออยู่ และหลังจากที่ป่นทำลายหินดิบรูปทรงกระบี่ชิ้นหนึ่งแล้วเสร็จ ก็ปรากฏแสงสีเขียวลี้ลับหนึ่งเรืองรองออกมา จนทุกผู้คนในร้านค้าหินดิบแลเห็นกันชัดถนัดตา
“กระบี่อมตะระดับราชา!”
ต้วนหลิงเทียนกล่าออกด้วยความประหลาดใจ ด้วยไม่คิดว่าหานอวิ๋นเฮ่อผู้นี้กลับได้รับกระบี่อมตะระดับราชาจากหินดิบรูปทรงกระบี่จริงๆ!
และตราบใดที่มันเป็นกระบี่อมตะระดับราชาที่ไม่มีความเสียหาย ราคาของมันอย่างน้อยๆก็ต้องมี 100,000 ผลึกอมตะระดับสูง!