War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 2996
ตอนที่ 2,996 : บางคนสุข บางคนทุกข์
ในช่วงเวลาแค่สั้นๆ กลับได้รับมา 2 คะแนนติดๆกัน
ย่อมมีความเป็นไปได้เพียงประการเดียว
นั่นคือหลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้เข่นฆ่ายอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด 2 คนในช่วงเวลาไล่เลี่ยกัน จึงได้รับคะแนนของแต่ละคนมาครอง!
“สังหารยอดฝีมือ 2 คนติดๆ…พลังฝีมือของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้ไม่ใช่ชั่วเลยจริงๆ”
“มิผิด จะอย่างไรเสียยอดเซียนอมตะที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครานี้ ก็ล้วนแล้วแต่เป็นสุดยอดฝีมือของในแต่ละขุมกำลัง…การที่มันสามารถเข่นฆ่ายอดฝีมือดังกล่าวได้ถึง 2 คนในเวลาไล่เลี่ยกัน ไม่ว่าจะด้วยพลังฝีมือก็ดีหรือโชคก็ดี ล้วนบ่งบอกว่ามันไม่ธรรมดาจริงๆ”
“ข้าไม่ทราบว่าขุมกำลังต้นสังกัดของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นี้เป็นขุมกำลังใด”
“หลิงเจวี๋ยอวิ๋นคนนี้ข้าเคยได้ยินข่าวลือเรื่องมันมาอยู่บ้าง เห็นว่ามันเป็นผู้ฝึกตนอิสระที่อยู่ๆก็ปรากฏตัวขึ้นในการประลองสวรรค์ใต้ของประเทศตงหมิง อีกทั้งพลังฝีมือของมันนั้น…แม้ด่านพลังจะรั้งอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ แต่กระทั่งให้ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดอีก 8 คนที่เหลือของประเทศตงหมิงผนึกกำลังกัน ยังมิอาจสู้มันได้!”
“มันกลับร้ายกากจถึงเพียงนั้นทั้งๆที่มันยังอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสรรค์งั้นเหรอ? หรือที่แท้มันจะเข้าใจพลังแห่งกฏแล้ว?!”
“มิผิด…ที่สำคัญกฏที่มันเข้าใจยังมิใช่กฏทั่วๆไป แต่เป็นถึง 1 ใน 4 กฏสูงสุด…กฏแห่งความตาย!!”
“อะไร!? กฏแห่งความตายงั้นเรอะ?!”
…
หลังจากที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นแซงขึ้นไปเป็นอันดับ 1 ในเวลาอันสั้น ทำให้หลายๆคนเริ่มกล่าวขานถึงทันที ไม่นานเหล่าผู้ที่ล่วงรู้ก็เริ่มเล่าสิ่งที่มันรู้ออกมาให้ทุกคนรับฟัง
หลังจากที่ความเป็นมาของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นปรากฏ ทั้งเรื่องกฏที่อีกฝ่ายเข้าใจได้กลับเป็นถึง กฏแห่งความตาย 1 ใน 4 กฏสูงสุด ก็ก่อให้เกิดความโกลาหลขึ้นมาท่ามกลางฝูงชนทันที!
และเป็นธรรมดาว่า มีหลายคนที่เร่งรุดเข้าไปแสดงความยินดีกับฮ่องเต้ประเทศตงหมิงเร็วไว
“ผู้ฝึกตนอิสระคนหนึ่ง สามารถสยบปราบยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดของประเทศระดับ 8 ที่ร่วมมือกันได้แม้จะรั้งอยู่ในขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์?”
“กฏแห่งความตาย?”
5 ผู้นำของ 3 นิกาย 2 ตระกูล อดไม่ได้ที่จะบังเกิดความสนใจในตัวหลิงเจวี๋ยอวิ๋นขึ้นมา เมื่อพวกมันได้ยินเรื่องราวความเป็นมาและความสำเร็จของหลิงเจวี๋ยอวิ๋น
“ไม่คิดเลยว่าคนที่สองที่ปรากฏตัวในตารางจัดอันดับ ที่แท้จะเป็นชายหนุ่มที่โดดเด่นถึงเพียงนี้…”
จ่างซุนฉงฉี อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลจ่างซุนที่นำพาคนของตระกูลจ่างซุนมาในครั้งนี้ อดไม่ได้ที่จะกล่าวออกมาพลางทอดถอนใจ
หากทว่ามันพึ่งจะถอนหายใจไปได้ไม่ทัน อีกเสียงหนึ่งพลันแว่วดังเข้าหูมันว่า “ว่ากันว่าหลิงเจวี๋ยยอวิ๋นผู้นั้น ยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีด้วยซ้ำ!”
“อะไรนะ!? มันยังมีอายุไม่ถึงร้อยปีเช่นนั้นรึ?!”
พอได้ยินวาจาดังกล่าว กระทั่งปี้ไห่หมิงเฟิง ประมุขลำดับที่ 3 ของนิกายอมตะเหอฮวน ยังอดไม่ได้ที่จะถูกกระตุ้นความสนใจ “แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครานี้…กลับมีอัจฉริยะเช่นนั้นปรากฏตัวขึ้นจริงๆ?”
เข้าใจกฏแห่งความตาย!
อาศัยด่านพลังยอดเซียนอมตะขั้นสวรรค์ แต่กลับสยบปราบยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดทั้ง 8 ของประเทศตงหมิงได้…
แม้ว่าความสำเร็จดังกล่าวจะถือว่าไม่ธรรมดาอยู่บ้าง แต่ในบรรดาเหล่าอัจฉริยะของคฤหาสน์เฉวียนโยวหลายต่อหลายคนก็ล้วนกระทำเช่นนี้ได้ไม่ยากเย็น
อย่างไรก็ตามหากมีอีกถ้อยคำแปะตามหลังผู้ที่ประสบความสำเร็จเช่นนี้อย่างคำว่า ‘อายุไม่ถึงร้อยปี’ เรื่องราวก็แปรเปลี่ยนกลับกลายครั้งยิ่งใหญ่แล้ว!
“ข้าต้องการชายหนุ่มผู้นี้ ส่วนคนอื่นๆข้าไม่คิดจะแข่งกับพวกท่าน”
ปี้ไห่หมิงเฟิงถึงกับกวาดตามองไปยังจ่างซุนฉงฉีและคนอื่นๆอีก 3 คนพลางกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง
อย่างไรก็ตาม ได้ยินวาจาดังกล่าวของปี้ไห่หมิงเฟิง ทั้ง 4 พลันส่ายหัวไปมาทันทีโดยที่ไม่เสียเวลาคิดแม้แต่นิดเดียว
“ขอท่านประมุขปี้ไห่โปรดอภัยให้ข้าด้วยที่ข้าไม่อาจตกลงกับท่านเรื่องนี้ได้…ไม่ต้องกล่าวถึงว่าข้าตกลงกับท่านในเรื่องนี้แล้วคงยากที่ข้าจะไปอธิบายให้ท่านประมุขเข้าใจได้ แต่ดูเหมือนกฏที่คฤหาสน์เฉวียนโยวกำหนดไว้ เรื่องตกลงกกันไว้ก่อนเช่นนี้ ดูเหมือนจะไม่ได้รับอนุญาตไม่ใช่หรือ?”
ชายชราในชุดนักพรตผู้ที่นำกลุ่มคนของนิกายอมตะเป้าผู่ ‘จางกวงเจิ้ง’ กล่าวบอกปัดอย่างตรงไปตรงมา พลางชี้แจงเหตุผลออกมาเป็นคนแรก
“ท่านประมุขปี้ไห่ ขออภัยด้วยแต่อาตมาเองก็ไม่อาจเห็นด้วยกับท่านในเรื่องนี้…”
หลวงจีนชราในชุดจีวรสีทองของนิกายอมตะอวิ๋นไถ ‘เหิงฉาน’ เอง ก็กล่าวปฏิเสธออกมาตามติด
นิกายอมตะอวิ๋นไถนั้น ผู้ที่ดำรงตำแหน่งประมุขก็คือผู้ที่มีฐานะสูงส่งที่สุด
รองจากประมุขแล้ว นอกจากผู้พิทักษ์ 2 คน ตัวตนที่มีสถานะสูงสุดก็คือ ผู้นำโถงอรหันต์ของนิกายอมตะอวิ๋นไถ
ผู้นำโถงอรหันต์ของนิกายอมตะอวิ๋นไถ ยังเป็นตัวตนที่แข็งแกร่งที่สุดรองจาก 3 คนที่ว่า…
เช่นนั้นจึงกล่าวได้ว่าในนิกายอมตะอวิ๋นไถแล้ว นอกจากประมุขกับผู้พิทักษ์อีก 2 คน ‘เหิงฉาน’ ผู้นี้ก็มีพลังฝีมือไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าผู้ใดเลย
“ประมุขปี้ไห่ ขอท่านอย่าทำให้ข้าต้องลำบากใจในเรื่องนี้เลย…”
ผู้เฒ่ากงหยางอวี่ของตระกูลกงหยาง กล่าวด้วยรอยยิ้มเหยเก เทียบกับเหิงฉางและจางกวงเจิ้งแล้ว มันแลดูลำบากใจไม่น้อย คล้ายกับขาดความมั่นใจในตัวเอง
“ประมุขปี้ไห่ ข้าว่ารอให้เจ้าหนูนั่นมันรอดกลับออกมาก่อน แล้วให้มันเลือกตามใจของมันเถิด…”
จ่างซุนฉงฉี อาวุโสลำดับที่ 2 ของตระกูลจ่างซุนกล่าวปิดท้าย แม้น้ำเสียงจะฟังดูสงบราบเรียบ แต่ถ้อยคำที่ใช้กลับแฝงความนัยเป็นการปฏิเสธปี้ไห่หมิงเฟิงโดยอ้อมอย่างรักษาน้ำใจ
ได้ยินคำตอบของทั้ง 4 ลูกตาของปี้ไห่หมิงเฟิงหยีลงเล็กน้อย ยังฉายแววแหลมคมออกมาวาบหนึ่ง หากแต่มันก็ไม่คิดจะพูดอะไรออกมาสืบต่อ
อาศัยพลังฝีมือของมันตอนนี้ ต่อให้ทั้ง 4 คนเบื้องหน้าจะผนึกกำลังร่วมมือกัน มันก็สามารถเข่นฆ่าได้ไม่ยากเย็น
แต่ปัญหาก็คือเบื้องหลังของทั้ง 4 ยังมีขุมกำลังระดับ 7 ที่ไม่ยิ่งหย่อนไปกว่านิกายอมตะเหอฮวนของมันหนุนหลังอยู่ แน่นอนว่าทั้งหมดล้วนมีความเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์เฉวียนโยวด้วยกันทั้งสิ้น!
เป็นเรื่องง่ายหากคิดเข่นฆ่าทั้ง 4 แต่ปัญหาก็คือ ไม่ง่ายเลยที่มันมจะจัดการเรื่องราวหลังจากนั้น
ขุมกำลังของทั้ง 4 อย่างไรก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับคฤหาสน์เฉวียนโยวโดยตรง ต่อให้มันจะดำรงตำแหน่ง 1 ใน 10 ผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยว แต่ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ไม่มีทางปล่อยให้มันตั้งตัวเป็นศัตรูกับขุมกำลังทั้ง 4 แน่นอน…
“มีปรากฏขึ้นอีกชื่อแล้ว!”
“ชื่อที่ 4 ก็มา!”
“นั่น ไม่ทันไรชื่อที่ 5 ก็มาเช่นกัน!!”
……
หลังจากที่หลิงเจวี๋ยอวิ๋นได้ 2 คะแนนติดๆ และแซงขึ้นไปรั้งอันดับ 1 ได้ไม่นาน ก็เริ่มมีรายชื่อทยอยกันปรากฏขึ้นบนม่านแสงที่เป็นดั่งตารางจัดอันดับเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
อย่างไรก็ตามมองจากรายชื่อผู้ที่ติดอันดับ และรับทราบตัวคนของพวกมันแล้ว คนเหล่านี้อย่างดีก็เป็นยอดฝีมือในบรรดาตัวตนขอบเขตยอดเซียนอมตะทั่วๆไป
พลังฝีมือของพวกมัน ยังนับว่าห่างไกลเกินกว่าจะเทียบกับหลิงเจวี๋ยอิ๋นได้
และแค่พริบตาเดียว วันเวลาก็ได้ล่วงเลยไปอีก 10 วัน
และบัดนี้ในตารางจัดอันดับก็มีรายชื่อเรียงกันนับพันกว่าชื่อ ที่สำคัญอันดับที่ 1 ก็ไม่ได้เป็นของหลิงเจวี๋ยอวิ๋นอีกต่อไป เพราะหลิงเจวี่ยอวิ๋นถูกบีบให้ตกไปอยู่ในอันดับที่ 2 แทน
ส่วนผู้ที่รั้งอันดับ 1 คนปัจจุบันของอันดับรายชื่อเรียกว่า ‘เหยาเวย’ และมันก็เป็นคนของขุมกำลังระดับ 7 คนหนึ่ง วัตถุประสงค์ในการเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำของมันหาใช่เพื่อเข้าร่วมกับ 3 นิกาย 2 ขุมกำลังไม่ แต่หมายใช้ 3 นิกาย 2 ตระกูลเป็นดั่งแท่นกระโดดเพื่อเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยว!
“เหยาเวยผู้นี้ถึงกับมี 8 แต้มแล้ว…มันเป็นผู้ใดกันแน่ ยังร้ายกาจกว่าปีศาจเยี่ยงหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นอีกรึ?”
“สหายนี่ท่านไม่รู้จักเหยาเวยหรอกรึ? เหยาเวยผู้นี้มาจากตระกูลที่เป็นขุมกำลังระดับ 7 ตระกูลหนึ่งเรียกว่าตระกูล เหยา ยังลือกันหนาหูว่ามันคืออัจฉริยะในรอบหมื่นปีของตระกูลเหยา…อายุไม่ถึง 200 มันก็บรรลุถึงยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดแล้ว แถมยังเข้าถึงพลังแห่งกฏโดยการเข้าใจความหมายเบื้องต้นของกฏแล้วด้วย!”
“ฟังจากที่สหายท่านนี้กล่าวมา…หมายความว่าพลังฝีมือของเหยาเวยผู้นี้ ก็มินับว่ายิ่งหย่อนไปกว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นน่ะสิ?”
“ไม่! ข้าเชื่อว่าหากต้องประมือกันจริงๆ หลิงเจวี๋ยอวิ่นผู้นั้นสมควรมีภาษีดีกว่า…ท่านอย่าได้ลืมไปว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นผู้นั้นได้เข้าใจกฏแห่งความตายอันเป็น 1 ใน 4 กฏสูงสุดแห่งสรรค์และโลก ส่วนเหยาเวยผู้นั้นเห็นว่ากฏที่มันเข้าใจเป็นเพียงกฏแห่งน้ำเท่านั้น ”
“แทบทุกครั้งที่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำเปิดออก มีขุมกำลังระดับ 7 ไม่น้อยที่มาเข้าร่วมสนุก…พวกมันคิดจะสร้างชื่อเสียงเพื่อเข้าสู่คฤหาสน์เฉวียนโยวโดยคิดใช้ 3 นิกาย 2 ตระกูลต่างหินรองเท้า แต่จะมีสักกี่คนเชียวที่ประสบความสำเร็จ?”
“จริง…มีขุมกำลังระดับ 7 กี่ขุมกำลังแล้วที่หวังให้ลูกหลานทั้งทายาทอันใดสร้างผลงานเลิศล้ำในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำให้เป็นที่ประจักษ์ แต่สุดท้ายพวกมันก็เป็นอันต้องผิดหวัง ไม่เพียงยอดฝีมือในขุมกำลังจะล้มเหลวใน
บททดสอบผู้ตรวจการของคฤหาสน์เฉวียนโยว แต่อัจฉริยะในตระกูลก็ล้มเหลวในการเข้าร่วมกับคฤหาสนน์เฉวียนโยว”
“เฮ่อ ข้าล่ะไม่เข้าใจเลยจริงๆ ว่าไฉน 3 นิกาย 2 ตระกูลต้องยอมรับคนพวกนี้เข้าร่วมด้วยทั้งๆที่รู้ว่าพวกมันล้วนแล้วแต่คิดจับหมาป่ามือเปล่า หมายใช้ขุมกำลังตัวเองต่างหินรองเท้าทั้งสิ้น…”
“เหอะๆ…พี่ชายท่านนั้น ไหนเลย 3 นิกาย 2 ตระกูลจะเต็มใจยอมรับพวกมันเล่า? หากแต่นี่เป็นคำสั่งของคฤหาสน์เฉวียนโยวต่างหาก พวกมันก็ได้แต่ต้องปฏิบัติตามคำสั่งอย่างเคร่งครัด!”
…
หลังวันเวลาได้ล่วงเลยผ่านไปแล้ว 20 กว่าวัน ในตารางจัดอันดับก็มีรายชื่อผู้คนนับพันๆติดโผอยู่ อันดับที่ 1 นั้นมีคะแนนสะสมอยู่ 8 แต้ม ส่วนใหญ่ในพันรายชื่อที่เหลือ ล้วนแล้วแต่มีคะแนนสะสมแค่ 2 แต้มเท่านั้น
สำหรับหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ก็ยังคงรั้งอยู่ในอันดับ 2 ด้วยคะแนนสะสม 7 แต้ม
“ฉีเอ๋อ!!”
ทว่าทันใดนั้นเอง เสียงโศกเศร้าปานใจจะขาดรอนๆหนึ่งพลันดังขึ้น ดึงดูดความสนใจของทุกคนให้หันไปชมมองต้นเสียงทันที
จากนั้นทุกคนจึงพบว่าเป็นชายชราผู้หนึ่ง ในมือที่สั่นเทาถือไว้ด้วยกองเศษซากลูกแก้ววิญญาณกองหนึ่ง ร่างชรายังงสั่นระริก สองตาเริ่มแดงรื้นไปด้วยน้ำตา…
“นั่นมัน…ฮ่องเต้ของประเทศอวิ๋นเซียน ราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด หยางจี้ มิใช่หรือ…ดูจากสภาพมันตอนนี้ หรือหลานชายหัวแก้วหัวแหวนของมันที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณระดับต่ำครั้งนี้ด้วยจะตกตายไปแล้ว?”
“สมควรเป็นเช่นนั้น…เพราะเมื่อครู่มันร่ำร้องเรียกหาออกมาว่า ‘ฉีเอ๋อ’ และถ้าข้าจำไม่ผิดหลานหัวแก้วหัวแหวนของมันก็เรียกว่า หยางฉี”
“หยางฉีผู้นั้น มองไปในบรรดายอดฝีมือขอบเขตยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดก็นับว่าไม่ใช่ชนชั้นต่ำทรามอันใด ในเมื่อมันด่วนตายตกไปรวดเร็วเพียงนี้ น่ากลัวจะไปปะทะเข้ากับตัวที่ทรงพลังกว่ามันเข้าให้…”
“และตัวตนที่ทรงพลังกว่ามันผู้นั้น ยังร้ายกาจถึงขั้นทำให้มันไม่อาจหลีกหนีได้พ้น…เพราะถ้าพลังฝีมือพอๆกัน อย่างน้อยๆ มันก็ยังสามารถจะหลบหนีได้ กระทั่งหากอีกฝ่ายด้อยกว่าในเรื่องความเร็วสักเล็กน้อย มันก็สมควรหนีพ้น”
“ในที่สุดก็ปรากฏคนตายคนแรกให้เห็นแล้ว…ไม่ทราบอีกนานหรือไม่กว่าผู้ที่ตกตายคนอื่นๆจะเริ่มปรากฏให้พวกเราล่วงรู้?”
…
ในขณะที่ทุกคนกำลังมองจ้องไปยังชายชราที่กำลังโศกเศร้าเสียใจ หลาคนก็เริ่มสนทนากันด้วยน้ำเสียงวิตกกังวล ด้านชายชราหลังจากสะอื้นไห้อยู่พักหนึ่ง มันก็เริ่มมองจ้องไปยังตารางจัดอันดับเขม็ง คล้ายพยายามมองหาฆาตกรฆ่าหลานชายของมันให้จงได้!
อย่างไรก็ตาม ต่อให้ยอดฝีมือที่จะเข่นฆ่าหลานชายของมันจะมีแค่ 1 ใน 10 ก็ตามที แต่นั่นหมายความว่าคนที่มีโอกาสฆ่าหลานชายของมันได้นั้น กลับมีอยู่ถึงร้อยกว่าคน…
เว้นเสียแต่ผู้ที่ลงมือเข่นฆ่าหลานชายมันจะรอดกลับออกมา และกล่าวคำสารภาพออกมาจากปากด้วยตัวเอง หรือมีพยานที่เห็นเหตุการณ์และบังเอิญรู้จักหลานชายมันรอดกลับมาชี้ตัวฆาตกรให้มันรู้…
หาไม่แล้วมันจะหาตัวฆาตกรฆ่าหลานชายของมันเจอได้อย่างไร?
“หยวนเอ๋อ!”
“เซียวไค่!!”
“โม่จู๋!!”
…
หลังจากที่มีลูกแก้ววิญญาณลูกแรกแตกออก ดั่งชนวนความตายถูกจุดก็ไม่ปาน ลูกแก้ววิญญาณในมือของใครหลายๆคนก็เริ่มแตกตัวกันระนาว สีหน้าของผู้ที่ถือเศษซากลูกแก้ววิญญาณเอาไว้ ก็อัปลักษณ์เกินดูชม
การที่มันจะมีลูกแก้ววิญญาณของผู้ที่เข้าสู่แดนสวรรค์ใต้โบราณเก็บไว้ได้ หมายความว่ามันย่อมมีความสัมพันธ์ต่อกันในระดับหนึ่ง
บ้างก็เป็นญาติสนิท…
บ้างวิตกกังวล บ้างมีความสุข…
หลายคนที่ลูกแก้ววิญญาณของคนสนิทยังไม่แตกออก ก็เอาแต่มองจ้องตารางจัดอันดับด้วยสายตาคาดหวัง หมายอยากเห็นรายชื่อบางรายชื่อปรากฏขึ้นมา
“ตอนนี้เจียหลงก็มีรายชื่อติดอยู่ในตารางจัดอันดับแล้ว กระทั่งจี้หย่งเองก็ติดอันดับแล้วเช่นกัน…แล้วต้วนหลิงเทียนไปอยู่ที่ไหนกันเล่า ป่านนี้ไฉนยังไม่ติดอันดับอันใดอีก เรื่องราวมันไม่สมควรเป็นเช่นนี้นี่นา…”
หูหลินอี้กวาดตามองราชื่อแรกจรดรายชื่อสุดท้ายที่มีนับพันๆรายชื่อบนตารางจัดอันดับอย่างคาดหวังอีกรอบ แต่มันกลับหาชื่อต้วนหลิงเทียนไม่พบเลย…
“เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียง 2 ประการเท่านั้น…หนึ่งคือต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้ลงงมือเคลื่อนไหว อีกประการที่เป็นไปได้ก็คือ…ต้วนหลิงเทียนถูกผู้ใดฆ่าตายไปแล้ว!”
พอคิดถึงจุดนี้ สำนึกเทวของหูหลินอี้ก็แผ่เข้าไปส่องภายในแหวนพื้นที่ทันที
จากนั้นจึงพบว่าลูกแก้ววิญญาณของต้วนหลิงเทียน ยังคงตั้งอยู่ในแหวนอย่างเงียบงันด้วยสภาพสมบูรณ์เหมือนเดิม
มันจึงพอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอกทันที
อย่างไรก็ตาม พอมันเหลือบไปกองลูกแก้ววิญญาณที่อยู่ไม่ห่างมากนัก สีหน้ามันก็เปลี่ยนไปทันใด เพราะมันพบว่ามีลูกแก้ววิญญาณลูกหนึ่งแตกสลายลงเสียแล้ว
อีกทั้งเจ้าของลูกแก้ววิญญาณลูกนี้ ยังเป็นยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดที่พลังฝีมือจัดว่าค่อนข้างดีในบรรดายอดเซียนอมตะทั้ง 9 ที่มันพามาเข้าร่วมแดนสวรรค์ใต้โบราณรอบนี้
แน่นอนว่าต่อให้พลังฝีมือค่อนข้างดีในบรรดาคนทั้ง 9 ของประเทศฝูชิวมัน แต่ให้เทียบกับยอดเซียนอมตะทั้งหมดที่มาเข้าร่วม ก็ยังจัดอยู่ในเกณฑ์ค่อนข้างต่ำ…
แต่ถึงกระนั้น หูหลินอี้ก็รู้สึกใจคอไม่ค่อยจะสู้ดีขึ้นมา…