War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3067
เก่ออวิ๋นจ้ง นามนี้หากให้มองทั่วองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดแล้วอาจไม่นับเป็นอะไร และคงมีมากมายหลายคนที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนด้วยซ้ำ…
อย่างไรก็ตาม หากไปไถ่ถามจากเหล่านักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสาน…นามเก่ออวิ๋นจ้งนั้น เรียกว่าโด่งดังปานฟ้าร้องเลยทีเดียว!
เพราะในบรรดานักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดนับบไม่ถ้วน มีเพียงแค่ 3 คนเท่านั้นที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏได้ถึง 6 ประการ!
ด้วยเหตุนี้หากนับกันในบรรดานักฆ่าระดับราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรกะโหลกเลือดอย่างเดียว เก่ออวิ๋นจ้ง เป็นดั่งมือดีระดับไพ่ตายขององค์กรเลยทีเดียว!
“มีคนตาย…เป็นเก่ออวิ๋นจ้ง!”
หลังพบว่าเก่ออวิ๋นจ้งตายตก คนขององค์กรกะโหลกเลือดสาขาย่อยก็บังเกิดความรู้สึกแตกตื่นกันไม่น้อย
“เก่ออวิ๋นจ้งผู้นั้นตายแล้ว? มันมิใช่ว่าถูกส่งไปปฏิบัติภารกิจที่เขตคฤหาสน์เฉวียนโยวมิใช่หรือไร หรือมันเอาชีวิตไปทิ้งที่นั่น?”
“หากข้าได้ยินมาไม่ผิด ดูเหมือนมันจะไปรับภารกิจสังหารต่อจากที่นักฆ่าระดับราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด…เป้าหมายนั่น เห็นว่าถึงแม้จะเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แต่กลับฆ่านักฆ่าระดับราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้”
“อะไร? อาศัยเป้าหมายระดับยยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดกลับฆ่านักฆ่าราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดของเราได้? แถมขนาดตัวตนระดับเก่ออวิ๋นจ้งลงมือยังพลาดท่าตายตกอีกรึ? ดูเหมือนเป้าหมายที่ว่าสมควรมีราชาอมตะ 7 ดาราลอบให้ความคุ้มครองอย่างดีสินะ?”
“สมควรเป็นเช่นนั้น…จะอย่างไรเก่ออวิ๋นจ้งก็เป็นยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานขององค์กรเรา มองทั่วเขตคฤหาสน์เฉวียนโยว ไหนเลยจะมีราชาอมตะ 6 ผสานสามารต่อกรมันได้ เช่นนั้นคนที่ฆ่ามันไม่พ้นต้องเป็นสุดยอดฝีมือขอบเขตราชาอมตะ 7 ดาราแน่นอน!”
…
องค์กรกะโหลกเลือดสาขาย่อยที่เก่ออวิ๋นจ้งประจำการอยู่ไม่อาจไม่สะเทือน! จากนั้นระดับสูงๆที่ประจำการที่อยู่ ก็เร่งรายงานเรื่องราวทั้งหมดไปยังสำนักงานใหญ่ขององค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดทันที!!
ภารกิจที่เดิมที่คิดว่าง่ายดายไร้เรื่องราว ที่แท้แล้วกลับยากเย็นกว่าที่คิด!
บัดนี้กระทั่งเก่ออวิ๋นจ้งยังตกตาย!
“นักฆ่าระดับราชาอมตะ 6 ผสานสาขาเจ้า…ก่อนที่มันจะตายมันได้ส่งข้อความมาหรือไม่ ว่าเป็นผู้ใดเข่นฆ่ามัน?”
ไม่นานนัก ระดับสูงขององค์กรกะโหลกเลือดสาขาย่อยที่เก่ออวิ๋นจ้งประจำการอยู่ ก็ได้รับการติดต่อกลับมาจากคนของสาขาหลัก
“ไม่มีเลย…มันสมควรถูกเล่นงานขณะลงมือทำการกิจเป็นแน่ กระทั่งเผลอๆอาจเป็นฝ่ายถูกลอบสังหารเสียเอง ถึงขั้นไม่มีเวลาแม้แต่จะติดต่อกลับมาก่อนตาย”
ผู้ดูแลสาขาย่อยตอบกลับเร็วไว
“เอาล่ะ ทางสำนักงานใหญ่รับทราบเรื่องราวทั้งหมดแล้ว…ต่อไปภารกิจนี้ทางสำนักงานใหญ่จะรับช่วงต่อเอง สาขาเจ้าให้หยุดติดตามภารกิจนี้ทันที”
หลังได้รับข้อความดังกล่าวจากคนของสำนักงานใหญ่ ผู้บริหารสาขาก็อดไม่ได้ที่จะลอบระบายลมหายใจอย่างโล่งอก “ในที่สุดข้าก็หลุดพ้นจากภารกิจไม่ชอบมาพากลนี่ได้เสียที…น่าเสียดายที่เก่ออวิ๋นจ้งต้องมาพลาดท่าตายตกไปอีกคน”
“หากข้ารู้แต่แรกว่าเป้าหมายภารกิจในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่นมันเคี้ยวยากขนาดนี้ ข้าสมควรปฏิเสธแต่แรก…เก่ออวิ๋นจ้งจะอย่างไรก็เป็นดั่งนักฆ่าไพ่ตายขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานสาขาเราแท้ๆ แต่ตอนนี้กลับต้องเอาชีวิตไปทิ้งในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวอย่างน่าเสียดาย”
ผู้บริหารของสาขาย่อยองค์กรกะโหลกเลือดอดไม่ได้ที่จะพึมพำกล่าวออกมาเสียงเข้ม สีหน้ายิ่งมายิ่งกลายเป็นอัปลักษณ์ปั้นยาก
…
ณ มุมหนึ่งของแดนสววรรค์ใต้ พื้นที่อิสระอันเป็นเอกเทศน์จากการปกครองของคฤหาสน์ระดับ 6 ภายในคฤหาสน์หลังโตอันตั้งอยู่ในเมืองขนาดใหญ่เมืองหนึ่ง ปรากฏร่างชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองกำลังนั่งละเลียดชาชั้นดี อย่างสบายอารมณ์ในศาลาชมจันทร์…
หากทว่าชายหนุ่มที่กำลังละเลียดชาที่ว่า อยู่ดีๆมือของมันก็ชะงักไป เนื่องเพราะมันได้รับข้อความหนึ่งส่งตรงมาถึง
และหลังจากที่มันดูเนื้อความแล้ว สีหน้าของมันก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง “อะไรกัน!?”
“ราชาอมตะ 6 ผสานที่เข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลม 6 ประการที่สานต่อภารกิจในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวนั่น…ถูกฆ่าตายไปแล้ว?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีทองหรูหรา ไม่ใช่ใครที่ไหน มันคือ ‘เฉินหลี’ นั่นเอง
เฉินหลี เป็นลูกชายนอกสมรสของ 1 ใน 3 รองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด อีกทั้งมันยังเป็นลูกชายคนเดียวของรองผู้นำที่ว่าอีกด้วย
ด้วยเหตุนี้ มันจึงได้รับความโปรดปรานทั้งเอาใจใส่จากรองผู้นำคนนั้นมาก ทำให้ฐานะของมันในองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดสูงเอาเรื่องทีเดียว
และตอนนี้ ผู้ที่เป็นดั่งมือซ้ายมือขวาของบิดาเฉินหลี อันเป็นชนชั้นอาวุโสคนหนึ่งในองค์กรกะโหลกเลือดสาขาหลัก ก็ได้ส่งข้อความเสียงติดต่อกลับมา
“นายน้อยหลี ผู้ใดเป็นคนออกภารกิจสังหารยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดผู้นั้นกันแน่? ท่านทราบหรือไม่ว่าเพื่อสังหารยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดนั่น ไม่เพียงแต่องค์กรกะโหลกเลือดสาขาย่อยจะเสียนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิดไปแล้วคนนึง บัดนี้ยังต้องมาเสียนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานไปอีกคน”
“ที่สำคัญนักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานที่สาขาย่อยพึ่งเสียไป ยังมิใช่นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานธรรมดาๆ…มันเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งลมถึง 6 ประการแล้ว เรียกว่าเป็นนักฆ่าไพ่ตายของสาขาย่อยนั่นเลยก็ว่าได้”
“และการตายของมัน ก็ทำให้นายน้อยหลีที่เป็นคนรับรองการออกภารกิจ กลายเป็นจุดสนใจของเหล่าผู้บริหารไม่น้อย…ข้าเกรงว่าเรื่องนี้อีกไม่นานต้องลุกลามใหญ่โตแน่”
“ข้ากลัวว่าถึงตอนนั้น ฝ่ายรองผู้นำทั้ง 2 นั่นต้องฉวยโอกาสใช้เรื่องนี้มาสร้างปัญหาให้นายท่าน ผ่านการประเมินทางวินัยเรื่องการใช้สิทธิ์โดยไม่ชอบของนายน้อยหลีเป็นแน่…เพราะสุดท้ายนายน้อยท่าน ก็เป็นผู้ที่รับรองให้ออกภารกิจสังหารดังกล่าว”
ข้อความเสียงที่อาวุโสของสาขาหลักส่งมาดังถึงจุดนี้ก็หยุดลง และไม่ได้ติดต่ออะไรกลับมาอีก
“นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน!? แล้วภารกิจที่ข้ารับรองเล่า…จะหยุดลงแต่เพียงเท่านี้หรือ? ข้าได้รับปากผู้จ้างวานไว้แล้วว่าจะจัดการเป้าหมายให้ลุล่วง! หากมิอาจกระทำได้ มิใช่ว่าชื่อเสียงองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดเราต้องป่นปี้แล้วหรือไร!?”
หลังฟังข้อความที่ส่งมาจบ เฉินหลีก็เร่งบดขยี้ยันต์อมตะสื่อสารทางวิญญาณเพื่อติดต่อกลับไปทันที “อีกทั้งเรื่องที่เป้าหมายยากต่อการจัดการ ไม่ใช่ว่าเป็นความรับผิดชอบของพวกหน่วยข่าวกรองรึไร? ไฉนข้าต้องโดนประเมินทางวินัยอะไรด้วย?”
“อีกทั้งเรื่องนี้ต่อให้ข้าใช้สิทธิ์เป็นผู้รับรองการออกภารกิจด้วยตัวเอง…แต่การตัดสินว่าจะรับงานหรือไม่รับงานขั้นสุดท้าย มันก็อยู่ที่ดุลยพินิจของหน่วยข่าวกรองเหมือนกันไม่ใช่รึไง?”
“ในประวัติศาสตร์องค์กรกะโหลกเลือดเรา เคยมีเรื่องเหลวไหลพรรค์นี้เกิดขึ้นด้วย? ตั้งแต่เมื่อไหร่กันที่ผู้ค้ำประกันต้องเป็นคนรับผิดชอบยามภารกิจล้มเหลว?”
เสียงข้อความท้ายประโยคที่เฉินหลีส่งไป น้ำเสียงยังแฝงความเย้ยหยันไม่น้อย
“ถึงที่ท่านพูดมาจะไม่ผิด แต่นายน้อยหลี ท่านเองก็รู้ดี…เจ้าพวกนั้นมันก็เสมือนคิดหากระดูกในไข่ หมายสร้างปัญหาให้นายท่านมานานแล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้นท่านที่เป็นคนค้ำประกันภารกิจนี้ใช่คนธรรมดาที่ไหน…ท่านเองก็ควรทราบดีว่าหากมิใช่ท่านเป็นบุตรชายของนายท่าน ตัวท่านย่อมไม่มีสิทธิ์มีเสียงใดๆในองค์กรกะโหลกเลือดเลย ทั้งหมดเป็นเพราะทุกคนเห็นแก่หน้านายท่านทั้งสิ้น ถึงยอมหลับตาให้ท่านข้างหนึ่ง”
“แต่ตอนนี้มันต่างออกไป เรื่องราวมันร้อนมาถึงหัวแล้ว…ข้าเกรงว่าต่อให้เป็นนายท่านเองก็ไม่พ้นต้องถูกท่านผู้นำตำหนิแน่”
“และท่านสมควรรู้ดีแก่ใจ ว่าต่อให้เป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องเพียงใด บางทีก็อาจส่งผลกระทบกับการตัดสินใจเลือกตำแหน่งผู้นำคนใหม่ในภายภาคหน้าได้…ท่านก็มิใช่ไม่รู้ว่ารองผู้นำอีก 2 คนนั่น มันจ้องจะจับผิดนายท่านขนาดไหน”
ผู้อาวุโสของสาขาหลักส่งข้อความเสียงตอบกลับเฉินหลี
“พวกบัดซบน่าตายเอ๊ย…เอาล่ะๆ เดี๋ยวข้าจะหารือกับท่านพ่อเองว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง!”
ข้อความเสียงสุดท้ายที่เฉินหลีส่งไปหาอาวุโสสาขาหลัก น้ำเสียงของมันฟังแล้วเห็นชัดว่าหงุดหงิดทั้งไม่พอใจอย่างแรง! อย่างไรก็ตามแม้มันจะหัวเสียแค่ไหน แต่ในใจก็อดไม่ได้ที่จะกังวล…ด้วยไม่รู้จะจัดการปัญหาครั้งนี้อย่างไร
“มารดามันเถอะ ไอ้ศิษ์นิกายอมตะเป้าผู่นามต้วนหลิงเทียนนั่นมันเป็นตัวบัดซบอันใดกันแน่? ไฉนฆ่าไม่ตายเสียที เป็นเพราะมันคนเดียวข้าถึงได้ซวยโดนตำหนิ แถมยังจะเปิดช่องให้ศัตรูเล่นงานท่านพ่ออีก!”
เฉินหลีพึมพำกับตัวอย่างไม่สบอารมณ์ สีหน้าของมันแลดูบิดเบี้ยวน่าเกลียดมาก
ถึงวาจาที่มันกล่าวไป จะถูกต้องทุกอย่างว่ายามภารกิจเกิดเหตุผิดพลาดอะไรขึ้นมา ก็ไม่ใช่อะไรที่ผู้ค้ำประกันต้องรับผิดชอบเลย แต่ทั้งหมดเป็นความบกพร่องของหน่วยข่าวกรอง ที่ไม่อาจหาข้อมูลเป้าหมายได้ละเอียดพอ…
อย่างไรก็ตาม พวกฝ่ายตรงข้ามบิดามันที่สาขาหลัก ก็ไม่พ้นยกอ้างเรื่องหนึ่งขึ้นมาพูด
บิดาของมันใช้อำนาจโดยมิชอบด้วยการให้ท้ายมัน แถมไปค้ำประกันให้ใครที่ไหนก็ไม่รู้ จนเป็นเหตุให้องค์กรต้องประสบกับความสูญเสีย!!
ในเมื่อมันได้ค้ำประกันเรื่องออกภารกิจสังหารคนๆหนึ่ง แต่สุดท้ายดันเกิดปัญหาและความสูญเสียขึ้นมาแบบนี้ ย่อมไม่ต่างอะไรกับเปิดโอกาสให้ฝ่ายตรงข้ามบิดามัน ยกอ้างเรื่องนี้มาเล่นงานบิดาของมัน!
“เจิ้งหงอี้!!”
พอนึกถึงตัวปัญหาของเหตุการณ์ครั้งนี้ขึ้นมา เฉินหลีก็หัวเสียนัก สุดท้ายจึงเลือกจะส่งข้อความเสียงไปด่าเจิ้งหงอี้อย่างสาดเสียเทเสีย
แต่เป็นธรรมดาว่าตามกฏขององค์กรกะโหลกเลือด…เมื่อรับงานมาแล้วก็ต้องฆ่าต้วนหลิงเทียนให้จงได้! อย่าได้พูดถึงเรื่องราชาอมตะ 6 ผสานตายตกเลย ต่อให้ผู้ที่ตายตกจะเป็นราชาอมตะ 10 ทิศ ทางองค์กรก็ไม่อาจล้มเลิกภารกิจได้ เพราะมันกลายเป็นเรื่องที่เกี่ยวพันกับความน่าเชื่อถือของทั้งองค์กรไปแล้ว!
ภารกิจสังหารต้องดำเนินต่อไป!
และคราวหน้า นักฆ่าที่จะส่งไปปฏิบัติภารกิจ ย่อมไม่ใช่นักฆ่าขอบเขตราชาอมตะธรรมดาๆแน่
แต่เป็นธรรมดาว่าทางองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด ไม่คิดส่งนักฆ่าคนใหม่ไปดำเนินภารกิจต่อทันทีอย่างวู่วาม พวกมันจำต้องเก็บข้อมูลของเป้าหมายกันอย่างละเอียดอีกครั้ง
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ข้อมูลใดๆก็ตามของต้วนหลิงเทียนที่พวกมันได้มาก่อนหน้านี้ ไม่อาจใช้อ้างอิงในการตัดสินใจใดๆได้อีกต่อไป!
“หืม? กล้าไม่ตอบข้อความข้างั้นเหรอ!?”
หลังจากรออยู่นานสองนานแต่ทางด้านเจิ้งหงอี้กลับไม่ติดต่อกลับมา ทำให้สีหน้าเฉินหลีมืดดำคล้ำลงปานจะคั้นได้เป็นน้ำหมึก สองตายยังเริ่มฉายเจตนาฆ่าฟันออกมา
อย่างไรก็ตามเฉินหลีไม่ได้รู้เลย…ว่าบัดนี้เจิ้งหงอี้กำลังเผชิญหน้ากับวิฤตการณ์ที่เกี่ยวพันถึงความเป็นตาย+ และหากมันก้าวผิดเพียงก้าวเดียว ก็อาจต้องตายเพราะภัยพิบัติที่มาเยือนถึงตัว!
ภายในเขตปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยว
ณ ถิ่นที่อยู่ขนิกายอมตะเป้าผู่ ภายในบ้านพักส่วนตัวที่ซุนเหลียงเผิงพักอาศัย
ปรากฏร่างหนึ่งคุกเข่าอยู่ในลานด้านหน้า แต่คนหาได้ก้มหัวอันใด ยังเงยหน้าขึ้นมาโต้เถียงอย่างดื้อรั้นไม่ยินยอม เสียงกล่าวของมันแทบจะเป็นการคำรามออกมาจากลำคอ “ต้วนหลิงเทียน ไฉนอยู่ๆเจ้าต้องมาใส่ร้ายข้าด้วย!?”
“หรือทั้งหมดเป็นเพราะวันแรกที่พวกเราพบกัน ข้าเผยท่าทีไม่พอใจเจ้า?”
ผู้ที่คุกเข่าอยู่ในลานด้านหน้าคนดังกล่าว กำลังเงยหน้ามองจ้องชายหนุ่มชุดม่วง 1 ใน 2 ร่างที่ยืนอยู่เบื้องหน้าตาเขม็ง สองตายังฉายชัดถึงความไม่เต็มใจทั้งไม่ยอมแพ้!
เบื้องหน้าชายหนุ่มที่กำลังคุกเข่า นอกจากชายหนุ่มชุดม่วงแล้ว อีกคนก็คือซุนเหลียงเผิงประมุขนิกายอมตะเป้าผู่ ผู้เป็นอาจารย์ของมัน
หลังจากกลบฝังหลิวก่วงหลินด้วยสองมือแล้วเสร็จ ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยกับซุนเหลียงเผิงเสียงแข็ง ว่าการตายของหลิวก่วงหลินต้องมีผู้รับผิดชอบ!!
อีกทั้งก่อนที่หลิวก่วงหลินจะถุกฆ่าตาย อีกฝ่ายก็ได้ส่งเสียงผ่านพลังมาแจ้งให้เขาทราบแล้ว ว่าใครที่อยู่กับมันก่อนที่สติจะดับวูบไป และคนๆนั้นสมควรเป็นผู้ที่พาตัวมันไปส่งถึงมือนักฆ่ากะโหลกเลือดไม่ผิดแน่!
ด้านซุนเหลียงเผิงเอง แม้ก่อนหน้าจะคาดเดาได้แล้วว่าภายในนิกายต้องมีผี เพราะคนนอกไม่มีทางลักพาตัวหลิวก่วงหลินออกไปนอกนิกายโดยที่มันไม่มีทางรู้ได้แน่นอน
ก็แค่ มันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าผีภายในตัวที่ว่า ที่แท้จะเป็น เจิ้งหงอี้ ศิษย์ของมัน!
หลังซุนเหลียงเผิงพาต้วนหลิงเทียนกลับมาจากหุบเขาแล้ว มันก็พาต้วนหลิงเทียนมาที่นี่ จากนั้นก็เรียกเจิ้งหงอี้มาทันที จากนั้นก็ทำการผนึกพลังทั่วร่างทั้งริบแหวนพื้นที่มา ไม่ให้อีกฝ่ายได้มีโอกาสทำอะไรหรือติดต่อกับใคร ค่อยจี้ถามเรื่องนักฆ่ากะโหลกเลือดออกไป
อย่างไรก็ตาม เจิ้งหงอี้ กลับปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา
“ต้วนหลิงเทียน ข้าในฐานะลูกผู้ชายขอให้ฟ้าดินเป็นพยาน…แม้ตัวข้า เจิ้งหงอี้ จะอิจฉาเจ้าที่ได้เป็นศิษย์ที่แท้จริง แต่ข้าไม่เคยคิดฆ่าเจ้าแม้แต่ครั้งเดียว! ข้อกล่าวหาของเจ้า ต่อให้ข้าเจิ้งหงอี้ต้องตายข้าก็ไม่ยอมรับ!!”
“นอกจากนั้นเรื่องที่เจ้าใส่ความว่าข้าเป็นคนจ้างนักฆ่าจากองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดมาฆ่าเจ้า มันจะไม่ฟังดูเหลวไหลไปหน่อยหรือไร? ทุกคนล้วนทราบกันดีอยู่แล้ว ว่าหากคิดจะว่าจ้างงานองค์กรกะโหลกเลือด อย่างน้อยๆผู้ว่าจ้างต้องมีคนค้ำประกัน…”
“เจ้าคิดว่า…ด้วยความสามารถของศิษย์ฝ่ายในตัวเล็กๆเช่นข้า จักมีปัญญาไปหาผู้ใดมาค้ำประกันเพื่อติดต่อว่าจ้างองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือดได้จริงๆหรือ?”
เจิ้งหงอี้มองจ้องต้วนหลิงเทียนตาเขม็ง ลูกตาของมันฉายชัดถึงโทสะและความไม่ยินยอม ราวกับตัวมันได้รับความอยุติธรรมสุดแสน!