War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3165
“หลิวจี๋!”
เห็นร่างที่มาปรากฏตัว ต้วนหลิงเทียนก็จดจำได้ทันที ว่ามันคือหลิวจี๋ที่เขากำจัดไปเมื่อเดือนก่อน
อย่างไรก็ตาม ตอนเขาจัดการหลิวจี๋เมื่อเดือนก่อน เขาไม่ได้ใช้พลังของเทพแห่งธาตุทั้ง 5 ในร่างเลย อาศัยพลังของความลึกซึ้งที่มีเท่านั้น
และยังลงมือจบเรื่องราวได้ในชั่วพริบตา
แน่นอน ว่าที่เขาสามารถจัดการหลิวจี๋ได้ในชั่วพริบตานั้น ทั้งหมดเป็นเพาะหลิวจี๋ประมาทเลินเล่อเอง! คิดว่าอาศัยแค่การโจมตีส่งๆก็จัดการเขาได้ ทำให้พอเขาสวนไปมันก็ตั้งตัวไม่ทัน สุดท้ายจำต้องบดขยี้ป้ายหยกหลบหนีไป
“หลิวจี๋?”
เมื่อพบว่าต้วนหลิงเทียนหยุดลงกลางหาว หว่านชิงชิงก็หยุดร่างลงเช่นกัน และด้วยความที่นางอยู่ห่างจากต้วนหลิงเทียนรวมถึงหลิวจี๋ไม่ได้ผ่านมาทางนาง อีกฝ่ายจึงไม่พบนาง
อย่างไรก็ตาม แม้จะอยู่ห่างกันพอสมควร แต่นางก็ได้ยินวาจาเมื่อครู่ของหลิวจี๋ชัดเจน
“ฆ่าต้วนหลิงเทียน?”
และวาจาดังกล่าวขอหลิวจี๋ ก็ทำให้หว่านชิงชิงพูดไม่ออกอยู่บ้าง เพราะความแข็งแกร่งของหลิวจี๋นั้นอ่อนด้อยกว่านางทุกทางด้วยซ้ำ แต่กระทั่งนางยังไม่กล้าพูดเลยว่าจะจัดการต้วนหลิงเทียนได้!
หากนางมีความสามารถพอจะจัดการต้วนหลิงเทียน ไหนเลยจะทำได้แค่ยืนมองเหิงเฟิงถูกต้วนหลิงเทียนจัดการ?
“ดูเหมือนข่าวที่ลือกันจะเป็นจริง…หลิวจี๋ผู้นี้สันดารเสียและจิตใจคับแคบจนแม้แต่คนของคฤหาสน์หานชิงเอง ก็ไม่มีผู้ใดคบมัน เรื่องที่พวกเราร่วมมือกัน ไม่เว้นเรื่องที่เจ้าจัดการถานหยวนกับอวิ๋นเหยียน สมควรรู้กันหมดแล้ว แต่เห็นได้ชัดว่ามันไม่รู้อะไรเลย”
หว่านชิงชิงส่งเสียงผ่านพลังไปถึงต้วนหลิงเทียน
นางจะสรุปได้แบบนี้ก็ไม่แปลก
เพราะท้ายที่สุดแล้ว หากหลิวจี๋ล่วงรู้เรื่องที่นางพูดมาสักเรื่องไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม อีกฝ่ายคงไม่กล้ามาทำตัวจองหองอะไรแบบนี้ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนแน่นอน!
“เช่นนั้นก็ให้ข้าดูหน่อย…ว่าเจ้าจะฆ่าข้ายังไง?”
เผชิญกับหลิวจี๋ที่เต็มไปด้วยจิตสังหาร สีหน้าท่าทีต้วนหลิงเทียนยังคงนิ่งสงบไม่แปรเปลี่ยน
และแววตาท่าทางสบายๆราวไม่เห็นมันอยู่ในสายตาแบบนี้ ทำให้หลิวจี๋ยิ่งเดือดดาลหนักข้อ “เฮอะ! เจ้าคิดจริงๆหรือว่าเดือนนี้เจ้าจักโชคดีเหมือนเดือนก่อน!?”
กล่าวจบคำ ทั่วร่างหลิวจี๋ก็ระเบิดพลังสีครามออกมาจนมวลอากาศสั่นไหว คนโจนทะยานเข้ามาปานนกเหยี่ยว จากนั้นห้วงอากาศโดยรอบก็เริ่มส่งเสียงคำราม สายลมควบรวมก่อเกิดคมมีดไม่หยุด!
ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง! ชิ้ง!
…
ร่างหลิวจี๋โจนทะยานเข้ามาด้วยความเร็วจนเห็นเป็นเงาเลือนปานภูตผี คมมีดสายลมมหาศาลที่ก่อเกิดขึ้นมามากมาย ก็แหวกฟ้าส่งเสียงเสียดหู ร้อยเรียงเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนปานห่ากระสุน!
จากกลิ่นอายพลังที่กำจายออกมาบีบคั้นในบรรยากาศ เรียกว่าทันทีที่หลิวจี๋ลงมือ มันก็ผสานใช้ออกด้วยความลึกซึ้งของกฏแห่งลมทั้งหมดที่เข้าใจ
กลับกัน ต้วนหลิงเทียนไม่ได้เร่งเร้าพลังดุร้ายอะไร เพียงยกมือขึ้นมาสะบัดส่งๆ
พริบตาต่อมา
เปรียะ!
ความว่างเปลาข้างกายต้วนหลิงเทียนปรากฏรอยแตกหนึ่งขึ้น
ซัว!
หลังปรากฏรอยแยกมิติแล้ว คมมีดมิติสีเทาหนึ่งก็พุ่งออกมาจากรอยแยกฉับไว มันพุ่งมาวนรอบต้วนหลิงเทียนที่เปิดใช้เขตแดนมิติบิดเบือนได้ไม่กี่รอบ แสงพลังสีเทาก็ยิ่งสว่างเจิดจ้าปานเพลิงไฟได้รับอากาศ!
ขณะเดียวกันกับที่คมมีดมิติเพิ่มพูนพลังอานุภาพ ก็อุบัติเพลิงพลังสีทองหนึ่งแผ่ซ่านปกคลุมไปทั่วตัวคมมีดดังกล่าว
ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม! ซู่ม!
…
ในขณะเดียวกัน คมมีดสายลมก็พุ่งเข้ามาจนห่างตัวต้วนหลิงเทียนไม่ถึง 10 หมี่แล้ว เรียกว่ามันบุกทะลวงเข้าสู่เขตแดนมิติบิดเบือนของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย!
และถึงแม้เขตแดนมิติบิดเบือนของต้วนหลิงเทียน จะผสานไว้ด้วยพลังจากความลึกซึ้งเขตแดนกับบิดเบือนของกฏมิติ แต่ทว่าก็ยังไม่อาจหยุดยั้งคมมีดสายลมของหลิวจี๋ได้ ทำได้แค่ลดทอนพลังสภาวะของห่าคมมีดที่ร้อยเรียงเข้ามาไปกว่าครึ่งเท่านั้น
เมื่อตระหนักได้ถึงเรื่องนี้ หลิวจี๋ที่โจนทะยานตามเข้ามาปานนกเหยี่ยว ก็แสยะยิ้มที่มุมปากอย่างมีชัย
ราวกับหลิวจี๋แลเห็นฉากต้วนหลิงเทียนตกตายคาคมมีดสายลมที่มันจู่โจมนำออกไป!
“ไป!”
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่คมมีดสายลมอันหลงเหลือพลังอานุภาพเกือบครึ่ง กำลังจะถล่มเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนนั้นเอง ต้วนหลิงเทียนพลันสะบัดมือส่งๆอีกครั้ง ทันใดนั้นคมมีดมิติสีเท้าที่ห้อมล้อมไปด้วยเพลิงพลังสีทองก็พุ่งวาบออกไปปานอัสนีฟาดผ่า!
ซัว!!
อัสนีสีเทาเพลิงพุ่งออกไปรวดเร็วเหลือเกิน ห้วงมิติรอบๆยังบิดเบี้ยวไปเป็นทาง เรียกว่าไม่เพียงมีพลังอานุภาพผ่าทำลายอันน่ากลัว แต่ยังสร้างห้วงมิติอันตรายล้อมรอบเป็นการป้องกันอีกด้วย! หนึ่งคมมีดมิติจี้ตรงเข้าใส่ห่าคมมีดสายลมอย่างไร้ครั่นคร้าม!!
หลังจากนั้นฉากเรื่องราวอันน่ากลัวก็อุบัติขึ้น
หนึ่งคมมีดมีติสีเทา ได้ตะลุยฝ่าห่าคมมีดสายลมที่ประดังเข้ามาอย่างเกรี้ยวกราด ที่พร่องไปก็มีแต่เพลิงพลังสีทองที่ฉาบหุ้มเท่านั้น พลังสภาวะคมมีดมิติยังเปี่ยมล้นไปด้วยพลังทำลายอันน่ากลัว!
คมมีดสายลมที่เหลือไม่พอจะลดทอนพลังทำลายคมมีดมิติได้แม้ครึ่งส่วนด้วยซ้ำ! ไม่ต่างใดจากตั๊กแตนคิดหยุดรถม้าแม้แต่น้อย!!
เห็นฉากดังกล่าว ลูกตาหลิวจี๋ก็หดเล็กลงแทบปิด ใบหน้าฉายชัดถึงความตกใจและไม่อยากจะเชื่อ ยังอดไม่ได้ที่จะโพล่งอุทานออกมาโดยไม่รู้ตัว “เป็นไปไมได้!!”
อย่างไรก็ตาม คมมีดมิติสีเทาฉับไววปานสายฟ้านั่น ได้พุ่งทำลายคมมีดสายลมจนเข่นฆ่าเข้ามาถึงเบื้องหน้าแล้ว ต่อให้หลิวจี๋ไม่อยากยอมรับความจริงมากแค่ไหน มันก็ได้แต่ต้องยอมรับ พลังเซียนอมตะต้นกำเนิดทั้งพลังธาตุลมที่รวมรั้งหมายออกกระบวนท่าเข่นฆ่าสังหารต้วนหลิงเทียนซ้ำ จำต้องแปรเปลี่ยนเป็นพลังจุดระเบิด เพื่อใช้ในการเคลื่อนร่างหลบหนีในบัดดล!!
ซู่มมมม! ปงงง!!!
…
ร่างหลิวจี๋พุ่งฉากออกไปปานสายลมกรรโชก มวลอากาศยังแตกระเบิดส่งเสียงดังสนั่นลั่นก้อง หลบคมมีดมิติสีเทาออกไปได้อย่างหวาดเสียว!
ซูว!
หลังหลบคมมีดมิติอันตรายได้อย่างฉิวเฉียดแล้วหลิวจี๋พึ่งจะสูดลมหายใจเข้าด้วยความตื่นตระหนกได้ไม่ทันไร สีหน้ามันก็จำต้องแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
เนื่องเพราะมันสัมผัสได้ว่า ด้านหลังมันห่างออกไปไม่ถึง 10 หมี่นั้น อยู่ๆก็ปรากฏกลิ่นอายพลังหนึ่งขึ้นในฉับพลัน และเป็นร่างต้วนหลิงเทียนที่พึ่งจะวูบร่างผ่านห้วงมิติมาผุดโผล่ด้านหลังหลิวจี๋ปานภูตผี!!
“กักกัน!”
และไม่ทันที่หลิวจี๋จะตอบสนองกับการปรากฏตัวในฉับพลันของต้วนหลิงเทียน ด้านต้วนหลิงเทียนก็ได้ใช้ความลึกซึ้งกักกัน ผนึกห้วงมิติรอบกายหลิวจี๋เอาไว้แล้ว!
“คิดว่าจะขังข้าได้อีกครั้งงั้นรึ! ฝันไปเถอะ!!”
อย่างไรก็ตาม แม้จะถูกต้วนหลิงเทียนใช้พลังกักร่างเอาไว้ แต่สีหน้าท่าทีของหลิวจี๋ก็หวนคืนสู่ความปกติเร็วไว ยังยกยิ้มแสยะเย็นชา ตะคอกคำอย่างมั่นใจ จากนั้นมวลพลังสีครามทั่วร่างของมันก็ปะทุลุกโชนขึ้นมาอีกครา ก่อเกิดเป็นคมมีดสายลมอันทรงพลังส่งเสียงหวีดหวิวแหวกฟ้าอีกครั้ง!!
อย่างไรก็ตาม คมมีดสายลมพุ่งจะพุ่งทำลายออกไปไม่ทันไร! อยู่ๆความว่างเปล่ารอบกายหลิวจี๋ ก็อุบัติม่านเพลิงสีทองปกคลุมห้อมล้อมเอาไว้ เผยให้เห็นเค้าโครงคุกมิติชัดเจน!!
บัดนี้หลิวจี๋เสมือนถูกขังในคุกรูปเหลี่ยมปานผลึกเพชรอะไรสักอย่างที่ก่อเกิดจากเพลิงสีทอง! และดูจากสภาพแล้วคงไม่อาจฝ่าทะลวงออกมาได้โดยง่าย!!
และถึงจะมีม่านเพลิงปกคลุมหลิวจี๋เอาไว้ เป็นการกั้นขวางระหว่างมันกับต้วนหลิงเทียน แต่ม่านพลังเพลิงสีทองที่ว่าก็โปร่งแสง ทำให้ต้วนหลิงเทียนกับหลิวจี๋ยังแลเห็นกันชัดเจน
“จบแล้วสินะ”
เมื่อเห็นว่าห้วงมิติที่ล้อมกักหลิวจี๋เต็มไปด้วยเพลิงพลังสีทอง หว่านชิงชิงก็รู้ได้ทันทีว่าการต่อสู้ครั้งนี้รู้ผลแพ้ชนะแล้ว นางจึงปรากฏตัวออกมาลอยร่างข้างๆต้วนหลิงเทียนทันที
“หว่านชิงชิง!?”
ก่อนที่คมมีดสายลมจะกระทบ หว้งมิติกักกันที่ฉาบไว้ด้วยเพลิงพลังสีทอง หลิวจี๋พลันสังเกตเห็นว่าข้างกายต้วนหลิงเทียน อยู่ๆก็ปรากฏร่างบางขึ้นมาร่างหนึ่ง
จังหวะนี้สีหน้าหลิวจี๋ได้แปรเปลี่ยนไปโดยสมบูรณ์
เรื่องนี้หมายยความว่าอะไร ขอเพียงมันไม่โง่ก็ย่อมรู้ได้ทันที
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
ขณะเดียวกัน หลิวจี๋ก็ตระหนักได้ว่าคมมีดสายลมที่ใช้ออกด้วยพลังทั้งหมดของมัน ไม่อาจทำลายกรงมิติที่ฉาบไปด้วยเพลิงพลังสีทองได้ง่ายๆ!
กระทั่งได้ใช้พลังจู่โจมออกเต็มกำลังยังจุดเดียวแล้วแท้ๆ แต่ยังไม่มีวี่แววว่าจะฝ่ากรงมิติออกไปได้เลย!!
‘นี่มันเป็นไปได้อย่างไรกัน!?’
‘ตัวบัดซบต้วนหลิงเทียน…ไฉนมันถึงแข็งแกร่งขนาดนี้เล่า!?’
สีหน้าหลิวจี๋เปลี่ยนไปครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยไม่คิดเลยว่าต้วนหลิงเทียนที่มันคิดฆ่าเพื่อล้างความอัปยศที่แท้จะร้ายกาจสุดที่มันจะคาดคิดได้ถึง!
หากมันรู้แต่แรกว่าต้วนหลิงเทียนร้ายกาจขนาดนี้ล่ะก็ ต่อให้มันจะเกลียดชังทั้งคับแค้นต้วนหลิงเทียนที่ทำให้มันรู้สึกอัปยศเมื่อเดือนก่อนมากแค่ไหน มันก็ไม่กล้ามาโวยวายใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างจองหองลำพองแน่นอน!!
กระทั่งมันยังจะฝังความแค้นเอาไว้ให้ลึกสุดใจด้วยซ้ำ!
“ถานหยวนของคฤหาสน์หั่วหลียังไม่มีปัญญาทำลายห้วงมิติกักกันของข้าได้ด้วยซ้ำ…เจ้าคิดว่าการโจมตีของเจ้าทรงพลังกว่ามันรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนที่เหลือบมองหลิวจี๋ด้วยสายตาเฉยเมย กล่าวถามออกไปด้วยน้ำเสียงไร้แยแส
ถานหยวน?
ได้ยินวาจาดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน หลิวจี๋ก็หน้าเสียไปอีกรอบ ร่างยังแข็งทื่อไปดื้อๆ “เจ้า…เจ้า…หรือว่าเจ้าเอาชนะถานหยวนได้?”
ถานหยวน เป็นศิษย์ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางของคฤหาสน์หั่วหลี ตัวมันเองก็ได้พบเจออีกฝ่ายหลายครั้งแล้ว และเป็นมันที่แพ้พ่ายถานหยวนทุกรอบ
ถึงมันจะเร็ว แต่ถานหยวนก็เร็วพอๆกับมัน และในด้านอื่นๆถานหยวนก็ทรงพลังกว่ามันทุกทาง อีกฝ่ายจึงเอาชนะมันได้ง่ายๆ!
“นี่เจ้าไปอยู่ที่ไหนมา…คงไม่ได้อยู่ในหุบเขาเปลี่ยวร้างหรือพึ่งออกจากการปิดด่านหรอกนะ? เพราะตอนนี้คฤหาสน์อมตะระดับ 6 ทั้งหลาย เกรงว่าคงไม่มีที่ไหนไม่รู้เรื่องที่ข้ากำจัดถานหยวนกระมัง? ไม่มีใครบอกเจ้าเลยรึไง?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามออกไปด้วยท่าทีประหลาดใจ “นี่เจ้า…อย่าบอกนะว่าไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้ข้าอยู่ในอันดับ 8 และมีคะแนนสะสม 300 กว่าแต้มแล้ว?”
ทุกครั้งที่ต้วนหลิงเทียนพูดอะไรออกมา สีหน้าของหลิวจี๋ก็ยิ่งปั้นยากมากขึ้นทุกขณะ
และในขณะที่สีหน้ามันกลายเป็นอัปลักษณ์ดูไม่ได้ มันก็ไม่ทันรู้ตัวเลยว่าพลังของห้วงมิติกักกันรอบตัวมันได้อ่อนโทรมลงไปอย่างมาก…
“ตอนนี้ต้วนหลิงเทียนอยู่ในอันดับ 8 ส่วนข้าอยู่ในอันดับ 7…และที่ข้าไต่มาถึงอันดับนี้ได้ ก็ล้วนต้องขอบคุณต้วนหลิงเทียนคนเดียว ด้วยมีเขาร่วมมือกับข้า พวกเราจึงจัดการอวิ๋นเหยียนของคฤหาสน์โหมอวิ๋นได้โดยที่ไม่ต้องเหนื่อยแรงด้วยซ้ำ”
ตอนนี้เองหว่านชิงชิงที่อยู่ข้างๆต้วนหลิงเทียน ก็กล่าวเสริมออกมาอย่างประจวบเหมาะ
จังหวะกล่าวเสริมของหว่านชิงชิง นับว่ามาได้พอดีมากจนต้วนหลิงเทียนอดแปลกใจไม่ได้
เพราะหลังงจากที่รู้จักกันมาสักพัก เขาก็รู้ว่าหว่านชิงชิงทั้งเย็นชาทั้งไม่สนใจใคร แต่ไม่คิดเลยว่านางจะช่วยกล่าวเสริมออกได้เหมาะเจาะแบบนี้
นี่ไม่เหมือนกับหว่านชิงชิงเลยย
และพอเสียงกล่าวหว่านชิงชิงดังจบคำ หลิวจี๋ก็เลิกดิ้นรนและสะบัดมือฉับไวปานสายฟ้า เรียกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมา!
ทว่าในขณะที่หลิวจี๋กำลังจะบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนน เพื่อออกจากแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลางนั้นเอง
ฟุ่ฟฟ!!
เงาเลือนรางสีเขียวหนึ่งพลันพุ่งทะลวงความว่างเปล่ามาฉับไวสุดที่มันจะตอบสนองใดๆได้ทัน
เรียกว่ารวดเร็วเสมือนห้วงเวลาของหลิวจี๋ถูกหยุด!
จากนั้นเงาเลือนรางสีเขียวดังกล่าว ก็ฉกป้ายหยกสะสมคะแนนออกมาจากมือหลิวจี๋หน้าตาเฉย!
ฟุ่ฟ!!
เรียกว่าก่อนที่ภาพติดตาเงาเลือนรางสีเขียวจะหายไปจากสายตาหลิวจี๋ ร่างหว่านชิงชิงก็กลับมาอยู่จุดเดิมแล้ว และในมือนางก็มีป้ายหยกเพิ่มขึ้นมาหนึ่งแผ่น
เป็นป้ายหยกสะสมคะแนนของหลิวจี๋!
ตั้งแต่ก่อนที่หว่านชิงชิงจะปรากฏตัวออกมา ต้วนหลิงเทียนก็ได้ส่งเสียงผ่านพลังไปนัดแนะนางเอาไว้แต่แรกแล้ว ว่าให้นางจับตาดูความเคลื่อนไหวหลิวจี๋เอาไว้ หากมันคิดจะบดขยี้ป้ายหยกสะสมคะแนนเมื่อไหร่ นางจะต้องแย่งป้ายนั่นมาให้ทัน!
ด้วยความที่หว่านชิงชิงไม่มั่นใจว่าจะสามารถแย่งป้ายหยกสะสมคะแนนของหลิวจี๋ได้ทันหากอยู่ห่างไกล เช่นนั้นนางจึงเลือกจะมาปรากฏตัวข้างๆต้วนหลิงเทียน เมื่อเห็นว่าหลิวจี๋ถูกจับได้แล้ว
ด้วยระยะทางห่างไม่ถึง 10 หมี่แบบนี้ นางมั่นใจเต็ม 10 ส่วน ว่าต่อให้หลิวจี๋จะมือไวแค่ไหน ก็ไม่มีทางไวกว่าการพุ่งไปฉกป้ายของนางแน่!
และตั้งแต่ที่ปรากฏตัวออกมายืนข้างต้วนหลิงเทียน นางก็จับจ้องหลิวจี๋ตาเขม็ง สุดท้ายจึงฉกป้ายได้สำเร็จ!