War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3192
WSSTH ตอนที่ 3,192 : ฮ่วนเอ๋อลงมือ!
นิกายวิถีวายุอัสนี เป็น 1 ใน 5 นิกายหลักของแดนสวรรค์ใต้ และจัดเป็นขุมกำลังระดับ 5 ของระนาบเทวโลก
ศิษย์หลักของนิกายหลักทั้ง 5 ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นอัจฉริยะทั้งสิ้น ปกติแล้วพวกมันจะเป็นราชาอมตะที่มีอายุไม่ถึง 2,000 ปี
จวินวั่งเฉิน ศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนีคนนี้ ก็เป็นราชาอมตะ 10 ทิศที่พึ่งจะมีอายุแค่พันกว่าปีเท่านั้น และมันก็สามารถเข้าใจความลึกซึ้งของกฏแห่งทองได้ครบทั้ง 9 ประการแล้ว
ถึงแม้ว่าความลึกซึ้งที่มันเข้าใจ จะล้วนเป็นขั้นตอนเบื้องต้นทั้งหมด ไม่มีความลึกซึ้งประการใดที่เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอยู่เลย แต่พลังฝีมือของมันก็ไม่ใช่อะไรที่ใครจะมองข้ามได้ง่ายๆ
อย่างน้อยๆในบรรดาผู้คนที่ซ่อนตัวรอลงมือกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อทั้งหลาย ก็มีไม่น้อยที่อ่อนด้อยกว่าจวินวั่งเฉิน และไม่กล้าออกไปสอดแทรกอะไร
“ไอ้หนู ข้าล่ะเชื่อเลยจริงๆ ว่าเจ้าจะหาญกล้าถึงขั้นไม่เปิดใช้อาคมล่องหนในป้ายหยกประจำตัวจริงๆ!”
จวินวั่งเฉินที่ปรากฏตัวออกมาขวางทางต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนด้วยน้ำเสียงค่อนแคะ มุมปากยังยกยิ้มแสยะเยียบเย็น
อันที่จริง มันจะไม่เปิดใช้อาคมล่องหนออกจากเขตปลอดภัยก็ได้
แต่มันกลัวถูกต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อพบเจอและอีกฝ่ายเลือกจะย้อนกลับเข้ามาในเขตปลอดภัย มันจึงเปิดใช้อาคมล่องหนตั้งแต่ตอนอยู่ในเขตปลอดภัย และเหินร่างติดตามต้วนหลิงเทียนมาถึงที่นี่
และในระหว่างที่ใช้อาคมล่องหน ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะลงมือจู่โจมใส่ผู้อื่น เพราะขณะเปิดใช้อาคมล่องหน รอบกายผู้ใช้จะปรากฏม่านพลังที่ทำให้ผู้อื่นมองไม่เห็นและไม่อาจตรวจสอบใดๆได้ แต่นั่นก็จะจำกัดไม่ให้ผู้ใช้อาคมล่องหนลอบโจมตีคนอื่นหรือถูกโจมตีได้ด้วย
อีกทั้งต่อให้จะผู้ใช้จะยกเลิกอาคมล่องหน ก็ไม่ใช่ว่าจะลงมือจู่โจมได้ทันที เพราะม่านพลังดังกล่าวจะคงอยู่ต่ออีก 3 ลมหายใจ
ในห้วงเวลา 3 ลมหายใจดังกล่าว ตัวตนของผู้ใช้จะถูกเปิดเผยออกมา แต่ทว่าม่านพลังที่ปิดกั้นการโจมตียังคงอยู่ ทำให้ไม่อาจฉวยโอกาสจู่โจมอัศจรรย์ทั้งโดนใครเล่นงานได้ทั้งสิ้น
ม่านพลังปิดกั้นดังกล่าว ถือเป็นม่านพลังที่ทรงพลังมาก
หากเป็นป้ายหยกธรรมดาๆ ย่อมไม่มีทางบรรจุอาคมที่ทรงพลังขนาดนี้ไว้ได้แน่นอน
อย่างไรก็ตามป้ายหยกประจำตัวที่ทุกคนได้รับแจกนั้น จะเชื่อมโยงกับแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงในระดับหนึ่ง จึงทำให้ใช้อาคมอันทรงพลังระดับนั้นได้
“แล้วทำไมข้าถึงจะไม่กล้าล่ะ?”
ต้วนหลิงเทียนมองถามชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยสีหน้าเฉยเมย เขายังจดจำได้ว่าชายหนุ่มเบื้องหน้าเป็นหนึ่งในคนที่กล่าววาจาท้าทายเขา ตอนที่ยังอยู่ในเขตปลอดภัยก่อนหน้านี้
ดูเหมือนว่าอีกฝ่ายจะประกาศตัวว่าเป็นศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี และชื่อจวินๆอะไรสักอย่าง…
“ไอ้หนู จดจำไว้ให้ดี…คนที่ฆ่าเจ้าก็คือ จวินวั่งเฉิน ศิษย์หลักนิกายวิถีวายุอัสนี! และวันนี้ข้าจักให้แม่นางแสนงามข้างกายเจ้าได้รับรู้ ว่าคนอ่อนแอเช่นเจ้าไม่คู่ควรกับนาง!!”
ในขณะที่จวินวั่งเฉินเร่งเร้าพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดออกมาผสานรวมกับพลังธาตุทอง พร้อมประกาศคำอย่างถือดีใส่ต้วนหลิงเทียน มันก็ไม่วายเหลือบไปมองฮ่วนเอ๋อข้างกายต้วนหลิงเทียน อย่างไรก็ตามมันพบว่าแต่ต้นจนจบฮ่วนเอ๋อไม่แม้แต่จะแยแสมันเลย!
จังหวะนี้มันรู้สึกหัวร้อนนัก!
จากนั้นมันจึงเลือกจะเอาโทสะทั้งหมดไปลงที่ต้วนหลิงเทียน แววตาที่ใช้มองจ้องต้วนหลิงเทียน จึงเต็มไปด้วยเจตนาฆ่าฟันอำมหิต!
“ไอ้หนูหน้าขาว! ข้าจะส่งเจ้าไปตามทางบัดเดี๋ยวนี้!!”
สิ้นคำกล่าว จวินวั่งเฉินก็ลงมือฉับไว กระบี่เล่มหนึ่งผุดโผล่จากความว่าง พลางรับมาถ่ายทอดพลังวาบหนึ่งจนตัวกระบี่เปล่งแสงทองสว่างจ้า จากนั้นมันก็ตวัดฟันซัดคลื่นสะบั้นสีทองเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนอย่างอำมหิต!!
“กระบี่จอมราชันรึ?”
เมื่อสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายพลังที่แผ่ซ่านออกมาจากกระบี่ที่เปล่งแสงทองสว่างจ้าในมือจวินวั่งเฉิน ต้วนหลิงเทียนก็ยักคิ้วข้างหนึ่ง เพราะเขาตระหนักได้ว่ากระบี่ในมืออีกฝ่ายเป็นกระบี่อมตะระดับจอมราชัน
“ไอ้หนุ่มชุดม่วงนั่นตายแน่!”
“ถึงจวินวั่งเฉินจะนับเป็นศิษย์หลักที่ค่อนข้างอ่อนด้อยของนิกายวิถีวายุอัสนี แต่พลังฝีมือของมันก็ไม่นับว่าต่ำทรามในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแห่งนี้!”
“จริง ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง…มีไม่ถึงร้อยคนด้วยซ้ำ ที่สามารถเอาชนะจวินวั่งเฉินได้ มันจะถือดีทำราวกับผู้อื่นเป็นสัดใส่ข้าวใช้การไม่ได้กันหมดเช่นนี้ก็นับว่าไม่แปลกอะไร”
“เฮ่อ จวินวั่งเฉินนั่นอย่างไรมันก็ติดอยู่ใน 100 อันดับแรกทุกปี…พลังฝีมือมันมีเท่าไหร่ ร้ายกาจแค่ไหนทุกคนก็รู้ดี”
…
เมื่อจวินวั่งเฉินป้อนกระบวนท่าหมายฆ่าต้วนหลิงเทียน คนที่ซ่อนตัวอยู่ในความมืดก็ดี ผู้ที่ใช้อาคมล่องหนอยู่ก็ดี ล้วนคิดว่าสิบในสิบต้วนหลิงเทียนไม่พ้นต้องถูกจวินวั่งเฉินฆ่าทิ้งแน่นอน!
เพราะในสายตาพวกมัน ต้วนหลิงเทียนเป็นแค่หน้าใหม่ที่ไม่มีใครรู้จัก!
“กล้าคิดร้ายกับพี่หลิงเทียน…ตาย!!”
ในขณะที่คลื่นกระบี่สีทองของจวินวั่งเฉินพุ่งตัดระยะเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียนได้เกือบครึ่งทาง เสียงเย็นชาทว่ารื่นหูหนึ่ง พลันดังขึ้นกึกก้อง!
เป็นฮ่วนเอ๋อที่อยู่ข้างๆกายต้วนหลิงเทียนที่โพล่งคำออกมาอย่างดุดัน!
และหากใครจับตามองนางอยู่แต่แรกจะพบว่า สายตาอ่อนโยนของฮ่วนเอ๋อที่ใช้มองจ้องต้วนหลิงเทียนก่อนหน้า บัดนี้พอหันกลับมามองจ้องจวินวั่งเฉินที่กำลังเข่นฆ่าสังหารเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน มันช่างเย็นชาเหลือเกิน…ราวกับแค่มองก็จะแช่แข็งผู้คนได้!!
พริบตาต่อมา
วูบ!
ร่างฮ่วนเอ๋อวูบไปปรากฏระหว่างคลื่นกระบี่สีทองกับต้วนหลิงเทียนทันที! จากนั้นพลังเซียนอมตะอันผสานกับพลังธาตุมิติของนางก็ระเบิดกลิ่นอายออกมา!!
“ราชาอมตะ 6 ผสาน!?”
“อันใดกัน! โฉมงามไร้คู่เปรียบนางนี้….เป็นราชาอมตะ 6 ผสานงั้นรึ!?”
“บ้าน่า…ต้องทราบด้วยว่านาง…นางยังอายุไม่ถึงร้อยปี! โอทวยเทพ! ราชาอมตะ 6 ผสานอายุไม่ถึงร้อย!? อัจฉริยะปีศาจเช่นนางมาจากที่ใดกัน!?”
“ให้ตายเถอะ…นางยังอายุไม่ถึงร้อยจริงๆ!!”
…
วินาทีแรกที่ฮ่วนเอ๋อลงมือจนกลิ่นอายพลังปะทุออกมา ก็ทำให้ทุกคนตระหนักได้ทันทีว่าระดับพลังบ่มเพาะของนางงคือราชาอมตะ 6 ผสาน ซึ่งไม่น่าจะสู้กับจวินวั่งเฉินได้แน่นอน
ทว่าครู่ต่อมา เมื่อพวกมันบางคนสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายเลือดเนื้อของฮ่วนเอ๋อ พวกมันก็อดไม่ได้ที่จะโพล่งออกมาด้วยความตกตะลึงกันยกใหญ่
“แถมกฏที่นางเข้าใจ…คือกฏมิติ!”
นอกจากนั้นก็มีหลายคนที่ค้นพบเรื่องนี้ ท้ายที่สุดแล้วพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดของฮ่วนเอ๋อก็ได้ผสานรวมกับพลังธาตุมิติชัดเจน ยังเห็นนางใช้เคลื่อนมิติต่อหน้าต่อตาอีกด้วย
“ราชาอมตะ 6 ผสาน?”
ตอนที่จวินวั่งเฉินเห็นว่าฮ่วนเอ๋อวูร่างมาบังขวางให้ต้วนหลิงเทียน คิ้วมันก็ขดย่นเป็นปม แต่พอพบว่าฮ่วนเอ๋อมีระดับพลังฝึกปรือขั้นไหน มันก็แสยะยิ้มออกมาอีกครั้ง!
ราชาอมตะ 6 ผสาน ไม่ใช่ภัยคุกคามสำหรับมัน!
ยิ่งไปกว่านั้น มันยังจะหยอกล้ออะไรกับอีกฝ่ายก็ได้!
ทว่าในขณะที่มันกำลังคิดว่าฮ่วนเอ๋อเป็นดั่งพลับสุกนั้น ดวงตาที่มันใช้มองฮ่วนเอ๋อก็หดเล็กลงทันใด
เพราะจวินวั่งเฉินพลันพบว่า ความว่างเปล่ารอบๆกายมัน อยู่ๆก็คล้ายถูกแช่แข็ง ราวกับห้วงมิติถูกผนึก!!
“ความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติงั้นรึ? แล้วจะอย่างไร…ด้วยพลังของข้า กับอีแค่ทำลายกรงมิติของราชาอมตะ 6 ผสานมันจะไปยากอะไร!!”
เพียงห้วงคิด คลื่นกระบี่สีทองที่จวินวั่งเฉินตวัดฟันออกไป ก็ทอแสงจ้ามากกว่าเดิม มันจ่ายพลังไปหนุนเนืองหมายจะฟันผ่าห้วงมิติกักกันในคราวเดียว!
ครืนนน!!
อย่างไรก็ตามในขณะที่จวินวั่งเฉินเร่งเร้าพลังคลื่นกระบี่ มันก็พบว่าห้วงมิติโดยรอบคล้ายแฝงพลังเคี่ยวกรำทำลายเข้ามาทุกทิศทาง! เป็นพลังจากความลึกซึ้งบิดเบือนที่อยู่ๆก็ปรากฏขึ้น และคิดจะทำลายคลื่นกระบี่ของมัน!!
ทว่าสุดท้ายแล้วพลังจากความลึกซึ้งบิดเบือนก็ทำได้แค่บันทอนพลังทำลายในคลื่นกระบี่มันไปเสี้ยวหนึ่งเท่านั้น!
ปงงงง!!
เมื่อคลื่นกระบี่ปะทะเข้ากับห้วงมิติกักกัน เสียงพลังก็ระเบิดขึ้นดังงสนั่น ห้วงมิติเริ่มสั่นไหวสะท้าน หากทว่ามันสามารถต้านทานคลื่นกระบี่สีทองเอาไว้ได้ ไม่ถูกทะลวงฝ่าออกไป!
“เป็นไปได้ยังไง!?”
ลูกตาจวินวั่งเฉินหยีลงแทบปิด สีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง ‘อาศัยแค่พลังจากราชาอมตะ 6 ผสาน ความลึกซึ้งกักกันนั่น ย่อมไม่มีทางหยุดยั้งคลื่นกระบี่ของข้าได้…’
‘เว้นเสียแต่…’
‘ความลึกซึ้งกักกันของงนาง บรรลุความเข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้ว!!’
ขณะที่จวินวั่งเฉินฉุกคิดถึงเรื่องนี้ได้ออก ทางด้านเหล่าผู้ที่มุงชมเรื่องราวกันอยู่ก็ฉุกคิดได้เช่นกัน และนั่นทำให้ทั้งหมดอดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหวาดกลัวเฮือกหนึ่ง! มองฮ่วนเอ๋อใหม่อีกครั้ง ในแววตาของพวกมันเริ่มฉายความหวั่นหวาดให้เห็น…
ลำพังแค่บรรลุถึงขอบเขตราชาอมตะ 6 ผสานได้ทั้งที่ยังอายุไม่ถึง 100 ปีก็ทำให้พวกมันหวาดกลัวแล้ว
มาตอนนี้ราชาอมตะ 6 ผสานอายุไม่ถึงร้อย ยังสามารถเข้าใจความลึกซึ้งกักกันของกฏมิติถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยอีก!?
วู้มมม!!
ทันทีที่จวินวั่งเฉินตระหนักได้ว่าความลึกซึ้งกักกันที่ฮ่วนเอ๋อใช้ออกบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อย สีหน้ามันก็เปลี่ยนเป็นจริงจังทันที จากนั้นมันก็เริ่มเร่งเร้าพลังถ่ายทอดลงสู่ตัวกระบี่เต็มกำลัง ก่อนจะตวัดฟันออกไปอีกครา!
และคราวนี้กรงมิติอันมองไม่เห็นที่ผนึกกัก ก็ถูกคลื่นกระบี่ผ่าทำลายได้สำเร็จ!
จะอย่างไรด่านพลังของมันก็คือราชาอมตะ 10 ทิศ เหนือกว่าพลังฝึกปรือของฮ่วนเอ๋อถึง 4 ขั้น!
อย่างไรก็ตามคลื่นกระบี่ของมันพึ่งจะทำลายฝ่ากรงมิติได้ไม่ทันไร ถึงขั้นไม่มีเวลาให้มันดีใจอะไรด้วยซ้ำ ร่างบางก็วูบมาปรากฏเบื้องหน้าของมันแล้ว!!
ร่างบางดังกล่าวก็คือฮ่วนเอ๋อนั่นเอง!!
ด้วยความลึกซึ้งเคลื่อนมิติ จึงไม่แปลกอะไรที่ฮ่วนเอ๋อจะวูบร่างมาปรากฏเบื้องหน้าจวินวั่งเฉินได้ในฉับพลัน และพอวูบร่ามาถึง นางก็สะบัดมือออกไปทางจวินวั่งเฉินอย่างไม่รอช้า!
พริบตาต่อมา!
เปรียะ!
เปรียะ! เปรียะ!
ท่ามกลางความว่างเปล่ารอบกายจวินวั่งเฉิน พลันปรากฏรอยแยกมิติ 3 รอย ตำแหน่งปานจุดยอด 3 เหลี่ยม ล้อมกักร่างจวินวั่งเฉินเอาไว้ตรงกลาง
และไม่ทันที่จวินวั่งเฉินจะได้ตอบสนองเรื่องราว ก็ปรากฏคมมีดมิติสีเทาพุ่งเข่นฆ่าสังหารออกมาจากรอยแยกมิติทั้ง 3 ฉับไว!!
คมมีดมิติแต่ละเล่ม เปี่ยมล้นไปด้วยพลังสังหารอันน่าพรั่นพรึงนัก! กลุ้มรุมสังหารเข้าใสจวินวั่งเฉินอย่างอำมหิต!!
ปกติแล้วจวินวั่งเฉินสมควรเร่งเร้าพลังทำลายคมมีดมิติทั้ง 3 ได้ไม่ยากเย็น ไม่มีทางตกอยูในสภาวะอื้ออึงแบบนี้ แต่เพราะมันพึ่งจะเร่งเร้าพลังทั้งหมดถ่ายทอดลงกระบี่ตวัดฟันซัดคลื่นกระบี่ออกไปเมื่อครู่ จึงเป็นไปไม่ได้ที่มันจะรวมรั้งพลังห้วงใหม่ได้มากพอจะทำลายคมมีดมิติทั้ง 3 ได้ทันกาล!!
จังหวะนี้มันทำได้แค่เลือกจะต้านทานเท่านั้น!!
เช่นนั้นมันจึงพยายามเร่งเร้าพลังทั้งหมดที่ก่อเกิดมาใช้ทักษะป้องกันทั้งหมดที่มี ทั่วร่างพลันเปล่งแสงทองสว่างเจิดจ้า จนคนคล้ายกลับกลายเป็นรูปปั้นทองคำ! ยังมีไอพลังสีทองม้วนวนปานพายุคลุมกายเอาไว้อีกชั้น ราวกับจะป้องกันได้ทุกสิ่ง!!
‘บัดซบ! ความลึกซึ้งผ่ามิติของนาง ก็เข้าใจถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยแล้วงั้นเหรอ!?’
ถึงแม้จะสามารถเร่งเร้าพลังใชออกด้วยกระบวนท่าป้องกันได้ทันท่วงที แต่จวินวั่งเฉินก็หาได้รู้สึกปลอดภัยไม่ กระทั่งสีหน้ายังเปลี่ยนไปใหญ่หลวง!
‘หากคมมีดมิติของนางสามารถฝ่าม่านพลังรอบนอกมาได้ง่ายๆ…ข้าจะทำลายป้ายหยกประจำตัวเพื่อหนีไปทันที’
จวินวั่งเฉินเพ่งสำนึกเทวะไปยังคมมีดมิติทั้ง 3 เขม็ง เฝ้าจับตาดูความเปลี่ยนแปลงอย่างไม่ให้คลาดสายตา สีหน้าของมันตอนนี้เคร่งงขรึมจริงจังยิ่งกว่าครั้งใด
“สะ…สามคมมีดมิติ! ความลึกซึ้งผ่ามิติของแม่นางเลอโฉมผู้นั้น กลับบรรลุถึงขั้นตอนความสำเร็จเล็กน้อยเช่นกัน!?”
จังหวะนี้ผู้ที่รับชมเรื่องราวอยู่ รู้สึกเสมือนหัวใจจะหลุดกระดอนออกไปนอกอกให้ได้! พวกมันไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆว่าสตรีที่งดงามไร้คู่เปรียบนางนี้จะนำพาความตื่นตระหนกตกใจมาให้พวกมันครั้งใหญ่!
ที่แท้นางเป็นใครกันแน่!?
“ฮ่วนเอ๋อ ใช้ความลึกซึ้งส่งผ่าน…”
ต้วนหลิงเทียนส่งเสียงผ่านพลังไปชี้แนะฮ่วนเอ๋อทันที เพราะแค่เขาเห็นว่าในแววตาจวินวั่งเฉินมันไร้ความกลัว เขาก็ล่วงรู้ได้ทันทีว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่ เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายกำลังคิดจะทำลายป้ายหยกเพื่อหลบหนี!
ทว่าเขาไม่อยากให้มันหนี!
แทบจะเป็นเวลาเดียวกันกับที่เสียงผ่านพลังกล่าวแนะของต้วนหลิงเทียนดังจบคำ ฮ่วนเอ๋อที่เชื่อฟังต้วนหลิงเทียนเป็นที่สุดอาศัยหนึ่งห้วงคิด คมมีดมิติทั้ง 3 ก็ประหนึ่งวูบผ่านห้วงมิติ ไปผุดโผล่หลังม่านพลังสีทองหน้าตาเฉย และอยู่ห่างร่างจวินวั่งเฉินไม่ถึงก้าว!!
“ไม่–!!”
จังหวะนี้จวินวั่งเฉินไม่มีแม้แต่เวลาจะเรียกป้ายหยกออกมาทำลาย ทำได้แค่หวีดร้องโหยหวนด้วยความแตกตื่นเสียขวัญเท่านั้น! ก่อนที่คมมีดมิติอันถูกความลึกซึ้งส่งผ่านม่านพลังป้องกันเข้ามาจะตกกระทบร่างสีทองของมัน!!
นอกจากนั้นเงาร่างชุดเกราะที่ปรากฏขึ้นมาปานภูตผี ก็ไม่อาจต้านทานคมมีดมิติได้เลย ถูกผ่าเข้ามาได้อย่างง่ายดายปานขวานแกร่งสับลงใบไม้แห้งกรอบ!!
ซูว! ซูว! ซูว!
คมมีดมิติทั้ง 3 หลังพุ่งผ่านร่างจวินวั่งเฉินจนร่งคนขาดเป็นเสี่ยง จากนั้นก็พุ่งหายไปในความว่างเปล่าอย่างเงียบงัน ราวกับไม่เคยปรากฏขึ้นมากอน…
ท่ามกลางสายตามากมายของผู้คนที่ซ่อนตัวชมมองเรื่องราว จวินวั่งเฉินก็ตกตายลงแต่เพียงเท่านี้…
ครู่ต่อมา หลังจากดึงสติกลับมาอยู่กับตัวได้สำเร็จ ทั้งหมดก็อดไม่ได้ที่จะสูดลมหายใจเข้าด้วยความหนาวเหน็บ “ระ…ร้ายกาจนัก! นะ…นางเป็นแค่ราชาอมตะ 6 ผสานจริงๆหรือ!?”