War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3202
WSSTH ตอนที่ 3,202 : จวินชิวเหอ
“ช้าก่อน…เหยียนหรูอวี้ นี่เจ้าจะบอกว่าต้วนหลิงเทียนคนนี้ เป็นคนๆเดียวกับต้วนหลิงเทียนของคฤหาสน์เฉวียนโยวงั้นเหรอ!?”
ได้ยินคำพูดของเหยียนหรูอวี้ สีหน้าโฮ่วตงเฉียนก็ฉายชัดถึงความตกตะลึง แววตาเต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ
คนอื่นๆก็อึ้งไปเพราะคำพูดของเหยียนหรูอวี้ไม่น้อย
“เรื่องจริงหรือเนี่ย?”
“เฮ่ นี่มันจะไม่น่ากลัวไปหน่อยรึไง 30 ปีก่อนเป็นแค่ขุนนางอมตะ 10 ทิศ…แต่ 30 ปีต่อมากลับกลายเป็นราชาอมตะ 3 ศักดิ์ที่ไต่ขึ้นมาถึงอันดับที่ 13 ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเนี่ยนะ!?”
“เหยียนหรูอวี้ นี่เจ้าหลอกพวกเราเล่นรึเปล่า?”
…
จังหวะนี้อีก 7 คนที่เหลือหันไปมองเหยียนหรูอวี้ด้วยสายตาคลางแคลงสงสัย สีหน้าของพวกมันฉายชัดถึงความไม่เชื่อ
“ข้าจะโกหกพวกเจ้าไปให้มันได้อะไรขึ้นมา”
เหยียนหรูอวี้ส่ายหัวไปมา ค่อยกล่าวสืบต่อ “ข้ารับรองได้ตรงนี้เลย…ว่าทุกสิ่งที่ข้าพูดมาล้วนเป็นความจริงทุกประการ วันหน้าหากเจ้ามีโอกาสพบเจอมัน หรือเจอใครที่ถูกมันจัดการ ก็ลองไปถามเพื่อยืนยันได้เลย”
“ให้ตายเถอะ ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก…30 ปีก่อนเลื่องลืออยู่ในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับกลาง 30 ปีต่อมาสร้างชื่อเสียงในแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงแล้ว”
โฮ่วตงเฉวียนระบายลมหายใจออกมาอย่างสะทกสะท้อน
“หึ! ข้าว่ามันไม่พ้นต้องพึ่งอิสตรีข้างกายจนไต่มาถึงอันดับนี้มากกว่า…อาศัยขั้นพลังของมันไหนเลยจะทำให้มันไต่ขึ้นมาถึงอันดับที่ 13 ได้ด้วยตัวเอง?”
ชายหนุ่มในชุดคลุมสีเขียวคนหนึ่งกล่าวสบถออกเสียงเย็น
“หู่เหลย มีคำกล่าวที่ว่าหากเดินไม่ทั่วเล้าไก่อย่าพึ่งนับไข่ในตะกร้า ในเมื่อเรื่องยังไม่แน่ชัด เจ้าก็อย่าได้ด่วนสรุปไป…ข้าบอกเจ้าไว้ตรงนี้เลย ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นไม่ธรรมดาจริงๆ”
เหยียนหรูอวี้ยังคงกล่าวสืบต่อ
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่รู้จักมัน แต่มันเรียกว่ารู้จักต้วนหลิงเทียนตั้งแต่ยังไม่มีชื่อเสียงอะไรจนไต่เต้ามาถึงวันนี้!
“สหายเหยียน แล้วไฉนเจ้าพูดราวกับรู้จักมันดีนักเล่า?”
หู่เหลย ทายาทสายตรงของตระกูลหู่ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่เอ่ยถามเหยียนหรูอวี้ด้วยความสงสัย
“ข้าไม่กล้าบอกว่ารู้จักมันดี…แต่เจ้าว่าคนที่สมควรกลายเป็นเครื่องสังเวยให้ต้นไม้เทพสังเวยสวรรค์ แต่กลับสามารถตอบโต้แผนการของจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดได้สำเร็จ กลับกลายเป็นผู้ชนะคนสุดท้าย จนได้รับผลเทพสังเวสวรรค์มาใช้เอง คิดว่ามันจะเป็นคนธรรมดาได้หรือไม่เล่า?”
เหยียนหรูอวี้มองจ้องหู่เหลย พลางกล่าวเสียงขรึม
“หืม?! ผลเทพสังเวยสวรรค์รึ!?”
พอเหยียนหรูอวี้เอ่ยถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่เพียงหู่เหลยจะตกใจ คนอื่นๆ ก็หันมามองด้วยความตกตะลึงทันที
“ช้าก่อน เจ้าจะบอกว่าข่าวลือหลายปีก่อน เป็นเรื่องจริงงั้นเหรอ?”
“นั่นสิ ข้าเองก็ได้ยินผู้อาวุโสหลายคนพูดถึงอยู่นะ…แต่ข้าคิดว่ามันเป็นแค่เรื่องเหลวไหลมาตลอดเลย”
“ตัวตนที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิด ไหนเลยจะธรรมดาสามัญ สามารถตอบโต้แผนการตัวตนเช่นนี้ ทั้งสามารถช่วงชิงผลเทพสังเวยสวรรค์มาใช้เองได้…ไม่ว่าพวกเจ้าจะเชื่อหรือไม่ แต่ข้าคนนึงล่ะที่ไม่เชื่อ!”
…
หลายคนส่ายหัวไปมา
“มันเป็นเรื่องจริง”
เหยียนหรูอวี้ยังคงกล่าวเสียงขรึม “ข้ามีสหายคนหนึ่ง ที่เป็นลูกชายของ เฉินหยวนซาน รองผู้นำองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด ในอดีตมันเผลอไปค้ำประกันออกภารกิจสังหาร เพื่อตอบแทนบุญคุณศิษย์นิกายระดับ 7 ครั้งหนึ่ง…และเป้าหมายสังหารที่ว่าก็คือต้วนหลิงเทียน”
“ในเวลานั้น ต้วนหลิงเทียนยังเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดคนหนึ่งเท่านั้น”
“อย่างไรก็ตาม แม้มันจะเป็นแค่ยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุด แต่นักฆ่าขององค์กรกะโหลกเลือดที่รับงานไปฆ่ามัน 2 คนแรกที่แข็งแกร่งกว่ามันมาก สุดท้ายกลับตกตายด้วยน้ำมือมัน”
“พวกเจ้าทุกคนสมควรรู้ดี…ว่านักฆ่าขององค์กรมือสังหารระดับนี้ ที่อ่อนด้อยที่สุดก็คือราชาอมตะ 1 ต้นกำเนิด”
“แน่นอนว่ามันไม่ได้พลังพลังฝีมือส่วนตัว ทว่าอาศัยพลังภายนอกในการฆ่านักฆ่านั่น แต่แล้วยังไง? ทั้งหมดก็คือความสามารถของมัน! ที่สำคัญหลังจากนั้นมันยังรอดพ้นเงื้อมมือนักฆ่าจนไปถึงอวี้หวงเทียนได้!!”
“สุดท้ายไม่ว่าเรื่องราวที่แท้จริงระหว่างมันกับจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดเป็นอย่างไร แต่ผลก็คือมันสามารถช่วงชิงผลเทพสังเวยสวรรค์มาได้สำเร็จ และทะลวงจากยอดเซียนอมตะขั้นสูงสุดไปยังขุนนางอมตะ 10 ทิศในเวลาสั้นๆ”
ได้ยินเรื่องราวที่เหยียนหรูอวี้เล่าออกมา สีหน้าท่าทีของ 8 คนที่ฟังอยู่ก็แลดูเคร่งขรึมจริงจังนัก เพราะพวกมันรู้ดีว่าเหยียนหรูอวี้ไม่มีเหตุผลที่ต้องโกหกพวกมันแม้แต่น้อย
“ดูเหมือนต้วนหลิงเทียนผู้นั้น จะไม่ธรรมดาจริงๆ”
“สามารถแย่งผลเทพสังเวยสวรรค์จากปากจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดได้…มารดามันเถอะ! ทำไปได้อย่างไรกัน?! หากเป็นข้า ไม่รู้ว่าจะทำอะไรแบบนั้นได้รึเปล่า…”
“เหอะๆ ตัวตนที่เป็นจักรพรรดิอมตะกลับชาติมาเกิดนั่น ไม่พ้นต้องวางแผนการมาอย่างดี เรื่องผลเทพสังเวยสวรรค์ไม่ใช่เรื่องเล็กๆ ชาติก่อนมันต้องเตรียมการจนมั่นใจแล้วแน่ แม้ในประวัติศาสตร์ของระนาบเทวโลก มีจักรพรรดิอมตะที่วางแผนการเรื่องผลเทพสังเวยสวรรค์มาดิบดี แต่ล้มเหลวเป็นกรณีตัวอย่างเสมือนตัดชุดแต่งงานให้ผู้อื่น ทว่าผู้ที่ชิงผลเทพสังเวยสวรรค์ไปนั่น ก็เป็นจักรพรรดิอมตะที่กลับชาติมาเกิดเหมือนกัน และยังแข็งแกร่งกว่าผู้วางแผนอีกด้วย…”
“ตอนนี้ข้ารู้สึกสนใจมันขึ้นมาแล้ว…หวังว่าวันหน้าจะมีโอกาสได้เจอมัน”
…
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รู้เรื่องเลย ว่า 9 คนที่อยู่ในแดนลับสมบัติระดับ 1 ไม่เว้นเหยียนหรูอวี้ กำลังพูดคุยถึงเรื่องเขากันอย่างออกรส
ตอนนี้เขาก็อยู่ในแดนลับสมบัติระดับ 2 กับฮ่วนเอ๋อ
ตอนนี้รอบๆกายเขากับฮ่วนเอ๋อ ก็มีคนยืนรอคอยอยู่ด้วยกัน 28 คน
แดนลับสมบัติระดับ 2 ที่ว่า เขามองอย่างไรมันก็เป็นห้องโถงกว้างใหญ่ที่ปิดทึบราวกล่องใบหนึ่ง เพราะไม่ว่าจะบนล่างซ้ายขวา ล้วนปิดผนึกแน่นหนา ไม่มีทางออกเลย
‘ดูเหมือนว่าต้องรอเวลาสักพัก….แดนลับสมบัติระดับ 2 ที่แท้จริงถึงจะถูกเปิดอย่างเป็นทางการ’
ก่อนหน้านี้ต้วนหลิงเทียนได้รับทราบเรื่องราวของแดนลับสมบัติระดับต่างๆจากปากของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยมาบ้างแล้ว และรู้ว่าหลังจากถูกอาคมเคลื่อนย้ายมายังแดนลับสมบัติ จะต้องรอเวลาอีกราวๆครึ่งชั่วยาม ก่อนที่แดนลับสมบัติจะเปิดออกอย่างเป็นทางการ
ตอนนี้ในห้องโถงใหญ่ปิดตาย นอกจากเขากับฮ่วนเอ๋อแล้ว ก็มีกลุ่มที่มีกันอยู่ 2-3 คนอีกกลุ่ม ส่วนคนที่เหลือดูเหมือนพยายามเว้นระยะห่างจากผู้อื่น ท่าทางระแวงคนรอบกายไปหมด ทำให้บรรยากาศมันอึมครึมทั้งตึงเครียดอยู่บ้าง
สายตาหลายต่อหลายคู่จับจ้องมองมาที่ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อบ่อยครั้ง เห็นได้ชัดว่าอยากรู้อยากเห็นไม่น้อย
เพราะอย่างไรเสียต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อในตอนนี้ ก็ไม่ต่างอะไรจาก ‘คนดัง’ ของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูงเลย
ท้ายที่สุดแล้ว ก็ไม่ใช่ทุกคนที่เข้ามาในแดนสวรรค์ใต้ระดับสูงเป็นครั้งแรก จะสามารถติดอยู่ใน 20 อันดับแรกได้…
“พี่ชายท่านนี้ พอดีข้าพึ่งเคยเข้ามาแดนลับสมบัติระดับ 2 เป็นครั้งแรก…ก่อนหน้าข้าก็เคยเข้าไปในแดนลับสมบัติระดับ 3 เท่านั้น ไม่ทราบว่าที่นี่มีข้อควรระวังอันใด และต้องใส่ใจอันใดเป็นพิเศษหรือไม่?”
ชายวัยกลางคนผู้หนึ่ง หันไปเอ่ยถามชายวัยกลางคนข้างๆอย่างสุภาพ แลดูสงสัยใคร่รู้นัก
อย่างไรก็ตามชายวัยกลางคนที่ถูกถามเมินมันอย่างสิ้นเชิง เรียกว่าหางตายังไม่เหลียวแล
เห็นฉากดังกล่าวต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ส่ายหัวไปมา
ในแดนลับสมบัติระดับ 2 แห่งนี้ ทุกคนไม่ต่างอะไรจากคู่แข่ง เว้นเสียแต่จะสนิทสนมคุ้นเคยกันจริงๆ ใครจะไปคิดช่วยเหลือผู้อื่น?
ดุจชั่วพริบตา ครึ่งชั่วยามก็ได้ล่วงเลยผ่านไป
ครืนนน!!
กึง! กึง! กึง!
…
เสียงดังสนั่นก้องขึ้นทั่วโถง จากนั้นพบว่าผนังห้องโถงทั้ง 4 ด้าน มีประตูกำลังเปิดอ้าออกรวมทั้งสิ้น 4 บาน
ทันใดนั้นเองร่าง 19 ร่างที่คล้ายล่วงรู้แต่แรก ก็พุ่งออกไปยังประตู 4 บานด้วยความเร็วปานสายฟ้า พริบตาก็แยกย้ายกันข้ามประตูทั้ง 4 บานจนหายลับตาไป
“หืม?”
ครู่ต่อมาต้วนหลิงเทียนพลันพบว่า ผู้ที่ไม่ได้เร่งรีบออกไปไหน อยู่ๆก็หันมามองเขากับฮ่วนเอ๋อ
คนเหล่านี้เดิมทีก็แลดูไม่สุงสิงกัน แยกกันอยู่ตัวใครตัวมัน แต่ไม่ทราบไฉนบัดนี้กลับหันมามองจ้องเขากับฮ่วนเอ๋อเป็นสายตาเดียวกันได้…
ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ! ฟุ่บ!
…
เสียงแหวกฝ่าสายลมฉับไวดังขึ้น คนที่เหลือในโถง 9 คน บัดนี้ได้แยกย้ายยกันมาปิดล้อมต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อเอาไว้ตรงกลาง และจับจ้องมองมาที่พวกเขาไม่วางตา
“นี่พวกเจ้าคิดจะทำอะไรกัน?”
ต้วนหลิงเทียนขมวดคิ้ว เขาไม่รู้จักคนเหล่านี้เลย อีกฝ่ายก็ไม่ได้มีจิตสังหารต่อเขา แต่ไฉนถึงมาปิดล้อมเขากับฮ่วนเอ๋อเอาไว้ก็ไม่ทราบ?
“หากเจ้าจะไปก็เชิญไปเสีย แต่สตรีนางนั้นต้องอยู่ที่นี่!”
สตรีเพียงหนึ่งเดียวในบรรดาคนทั้ง 9 ที่ปิดล้อมเขากับฮ่วนเอ๋อเอาไว้ นางมาในชุดหนังรัดรูปสีแดง แต่ต้นจนจบสองตาเอาแต่มองจ้องฮ่วนเอ๋ออย่างเฉยเมย ก็ได้เหลือบมามองเขาปราดหนึ่ง ค่อยกล่าวด้วยน้ำเสียงไม่แยแส
“หืม?”
พอฮ่วนเอ๋อได้ยินคำพูดของสตรีชุดหนังรัดรูปสีแดงเพลิง นางก็อดไม่ได้ที่จะเอียงคอด้วยความงุนงง สองตากลมใสกระพริบปริบๆมองจ้องอีกฝ่ายด้วยความว่างเปล่า ไม่ทราบว่าไฉนสตรีที่นางไม่เคยพบเคยเจอนางนี้ ถึงต้องมุ่งเป้ามาที่นางด้วย…
“ทำไม?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามเสียงเข้ม ลึกลงไปในแววตายังเผยประกายเย็นชาเรืองขึ้นวูบหนึ่ง
คนพวกนี้หากเพ่งเล็งมาที่เขา ตัวเขาก็คร้านจะแยแส แต่ถ้าหากคิดร้ายกับฮ่วนเอ๋อ เช่นนั้นคงยากที่เขาจะปล่อยพวกมันไป
“เจ้าหนุ่ม…นี่เจ้าไม่รู้หรือ ว่านางเป็นผู้ใด?”
ชายวัยกลางคน 1 ใน 9 คนที่ปิดล้อมมองถามเขาด้วยรอยยิ้มก่อน ค่อยหันไปมองสตรีชุดหนังรัดรูปสีแดง
“นางเรียกว่าจวินชิวเหอ เป็นศิษย์หลักของนิกายวิถีวายุอัสนี…จวินวั่งเฉินที่ถูกสตรีข้างกายเจ้าฆ่าตายไปเมื่อหลายเดือนก่อน เป็นน้องชายแท้ๆของนางเอง”
ชายชราคนหนึ่งกล่าวเสริมออกมาด้วยรอยยิ้ม
“ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง…”
ได้ยินสิ่งที่ชายชรากล่าว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ทันทีว่านี่เป็นเรื่องราวใด
“เจ้านับว่ามีความสามารถไม่เบาเลยทีเดียว ถึงกับจ้างให้คนพวกนี้มาทำงานเพื่อเจ้าได้”
ต้วนหลิงเทียนมองจวินชิวเหอด้วยความประหลาดใจ “จ้างคนพวกนี้ให้มาทำงานได้ ท่าทางเจ้าคงต้องจ่ายออกไปไม่น้อยเลยกระมัง?”
หากมีแค่คนสองคนช่วยจวินชิวเหอ ต้วนหลิงเทียนคงคิดว่าเป็นสหาย
แต่ตอนนี้กลับมีคนที่คอยช่วยจวินชิวเหออยู่ถึง 8 คน และทั้งหมดก็ติดอยู่ใน 30 อันดับแรกของแดนสวรรค์ใต้โบราณระดับสูง ไม่พ้นต้องเป็นจวินชิวเหอจ้างพวกมันมา โดยอาศัยผลประโยชน์เข้าแลกแน่นอน
“ขอเพียงข้าสามารถล้างแคนให้น้องชายคนเดียวของข้าได้ ให้จ่ายออกไปเท่าไหร่มันก็คุ้มค่า”
จวินชิวเหอกล่าวเย้ยหยัน สองตาของนางมองจ้องไปยังฮ่วนเอ๋ออย่างอาฆาต ราวกับแทบทนรอฆ่าฮ่วนเอ๋อให้ตาย เพื่อล้างแค้นให้น้องชายอย่างจวินวั่งเฉินไม่ไหวแล้ว!
“ที่น้องชายเจ้าต้องตาย กล่าวได้ว่ามันทำตัวเองทั้งนั้น…ข้าจะให้โอกาสเจ้าเป็นครั้งสุดท้าย ไปซะ! หาไม่แล้วอย่าได้โทษพวกเราที่ไร้ปราณี!”
ต้วนหลิงเทียนหยีตากล่าวคำเสียงเรียบ ลึกลงไปในแววตายังฉายประกายเยียบเย็นวูบวาบ
“หึ! ข้าอยากจะรู้นัก ว่าไร้ปราณีของพวกเจ้าที่แท้มันเป็นเช่นไร!!”
จวินชิวเหอพ่นลมสบถเย้ยหยันออกมาอีกครั้ง และพอกล่าวจบคำทุกคนก็ลงมือเคลื่อนไหวอย่างพร้อมเพรียง! ประหนึ่งเส้นสายอัสนีวูบวาบ 9 สาย แต่ละคนเพ่งเล็งไปยังฮ่วนเอ๋อทั้งสิ้น!!
และร่างจวินชิวเหอที่ทะยานเข้าใสฮ่วนเอ๋อรวดเร็วกว่าใคร ทั่วกายนางก็ปรากฏเส้นสายอัสนีสีม่วงแล่นวาบแปลบปลาบ จนคนคล้ายกลับกลายเป็นเทพสายฟ้า แลดูทรงพลังทั้งน่าเกรงขามเหลือเกิน!
เห็นได้ชัดว่านางเชี่ยวชาญกฏสายฟ้า!
เผียะ!
ขณะที่จวินชิวเหอโจนทะยานร่างเข้าใส่ ในมือนางปรากฏแส้ยาวเส้นหนึ่งกระชับถือไว้เป็นมั่นเหมาะ ตัวแส้ยาวเป็นสีแดงเพลิง บัดนี้เมื่อถูกถ่ายทอดพลังลงไป ก็ปรากฏอัสนีแลบลั่นแปลบปลาบดั่งอสรพิษน้อยวูบวาบเลื้อยลดไปตามตัวแส้ พอสะบัดฟาดออกมา มวลอากาศก็แทบจะแหลกระเบิดลงตรงนั้น!
ปง! ปง! ปง! ปง! ปง! ปง!
…
หลังเห็นจวินชิวเหอลงมืออย่างดุร้าย อีก 8 คนที่โจนทะยานร่างเข้ามาก็เริ่มเร่งเร้าพลัง ชักอาวุธป้อนกระบวนท่าเข่นฆ่าไปทางฮ่วนเอ๋อเช่นกัน ในเมื่อพวกมันรับเงินจวินชิวเหอมาแล้วก็ต้องลงมือให้สมราคา!
“ฮ่วนเอ๋อ อย่าได้เมตตา”
เมื่อเห็นการกลุ้มรุมจู่โจมเข้ามาของทั้ง 9 ดวงตาต้วนหลิงเทียนก็ฉายให้เห็นจิตสังหารอำมหิต หันไปเอ่ยคำกับฮ่วนเอ๋อเบาๆ จากนั้นพลังเซียนอมตะต้นกำเนิดพลันปะทุออกทั่วร่าง ผสานรวมเข้ากับพลังธาตุมิติฉับไว จนห้วงมิติรอบกายเริ่มสั่นไหวสะท้าน
“เข้าใจแล้วพี่หลิงเทียน”
เมื่อสัมผัสได้ถึงเจตนาฆ่าฟันในน้ำเสียงต้วนหลิงเทียน สีหน้าท่าทีสงบไม่นำพาของฮ่วนเอ๋อก็เริ่มเปลี่ยนเป็นจริงจัง
และพริบตาต่อมา เมื่อกระบวนท่าห่าพลังของทั้ง 9 เจียนบรรลุถึงร่างต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ร่างทั้งคู่ก็อันตรธานหายไปในฉับพลัน!
ปรากฏตัวอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็แยกย้ายกันไปคนละทาง!
“พวกเจ้า 4 คนไปฆ่าไอ้หนุ่มชุดม่วงเสีย…ส่วนพวกเจ้าที่เหลือตามข้าไปฆ่านังสารเลวน้อยนั่น!!”
จวินชิวเหอกวาดตากล่าวแบ่งงานคราหนึ่ง จากนั้นก็เหินร่างนำคนพุ่งทะยานเข่นฆ่าไปทางฮ่วนเอ๋อ แส้ในมือที่อัดแน่นไปด้วยพลังอัสนีสะบัดฟ้าไปทางฮ่วนเอ๋ออย่างดุดัน!!
4 คนพุ่งเข่นฆ่าเข้าใส่ต้วนหลิงเทียน
5 คนรวมถึงจวินชิวเหอ เข่นฆ่าเข้าใส่ฮ่วนเอ๋อ
“ในเมื่อพวกเจ้าวอนตายกันนัก..ข้าจะสงเคราะห์ให้”
เผชิญหน้ากับร่างชายทั้ง 4 ที่โจนทะยานเข่นฆ่าเข้ามา ลูกตาต้วนหลิงเทียนเย็นลงปานจะแช่แข็งผู้คน จากนั้นก็ไม่คิดใช้เคลื่อนมิติหลบหลีกกระบวนท่าสังหารอะไรอีก พลังเซียนอมตะผสานธาตุมิติทั่วร่างพุ่งพล่านขึ้นมาดั่งทะเลเดือด จากนั้นก็กำจายออกไปก่อเกิดเขตแดนในชั่ววพริบตา!
ในห้วงเวลาเสี้ยวพริบตา ร่างทั้ง 4 ก็ตกอยู่ในเขตแดนมิติของเขาเรียบร้อย!
‘กักกัน!’
เพียงหนึ่งห้วงคิด ร่างทั้ง 4 ก็ตกอยู่ในใจกลางกรงมิติลูกบาศก์ ผนังแต่ละด้านลุกโชนไปด้วยเพลิงสีทอง!