War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3245
ตอนที่ 3,245 : นิกายกระบี่หมื่นหายนะ
“มังกรชั่วร้าย 2 ตัวนั่นอยู่ที่ใดแล้วเล่า?”
หลังกลับออกมาจากแดนลับทวยเทพได้สักพัก เหล่าอัจฉริยะก็เริ่มเอะใจเรื่องที่มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 หายตัวไปแล้ว คงเหลือเพียงร่องรอยโซ่ที่ถูกทำลายเท่านั้น…
ต่อมา ไม่ทันที่ทุกคนจะได้คิดอะไร ประตูสู่แดนลับทวยเทพกับโซ่ที่ถูกทำลายที่ว่า ก็ค่อยๆกลายเป็นเงาพร่าเลือนต่อหน้าต่อตาทุกคน จนในที่สุดก็อันตรธานหายไปในความว่างเปล่า
“ศิษย์น้องเยว่ ศิษย์น้องเหลิ่ง และศิษย์น้องหวังอยู่ที่ใด?”
ด้านเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์เองก็ตระหนักได้ว่า คนของเผ่ามันหายไป 3 คน
ส่วนคนอื่นๆที่เข้าไปในแดนลับทวเทพนั้น ไร้แม้แต่อาการบาดเจ็บ ร่างกายไม่บุบสลายใดๆ
มีแต่คนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ของพวกมันเท่านั้นที่หายไป
เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้เพียงประการเดียว….
3 คนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ไม่พ้นตกตายภายในแดนลับทวยเทพ หาไม่แล้วก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะไม่กลับออกมา!
ด้วยเหตุนี้ เฉวียนคง จึงเร่งตรววจสอบลูกแก้ววิญญาณของทั้ง 3 ในแหวนพื้นที่ทันที จึงพบว่าลูกแก้ววิญญาณได้แตกไปแล้วจริงๆ!
“ในซากปรักหักพังของระนาบเทพ ไร้สิ่งใดทำอันตรายศิษย์น้องทั้ง 3 ได้…เช่นนั้นก็เหลือความเป็นไปได้แค่ประการเดียวเท่านั้น ศิษย์น้องทั้ง 3 ถูกคนฆ่าตาย!!”
คิดถึงจุดนี้ เฉวียนคงก็กวาดสายตาเยียบเย็นมองไปยังเหล่าอัจฉริยะที่ลอยร่างอยู่โดยรอบทันที สีหน้ายังเริ่มกลายเป็นมืดมน แววตาเยียบเย็นนัก
“พวกเจ้ามีผู้ใดเห็นคนเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ของข้าถูกฆ่าหรือไม่?”
เสียงเฉวียนคงดังก้องให้ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ได้ยินชัดถนัดหู “หากผู้ใดพบเห็นเรื่องราวการตายของคนเผ่าข้าทั้ง 3 เพียงส่งเสียงผ่านพลังบอกมา…ข้ารับรองว่าเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ของข้าไม่เอาเปรียบผู้ใดแน่นอน!”
จังหวะนี้เหล่าอัจฉริยะที่พึ่งกลับออกมาโดยรอบ ค่อยตระหนักได้ว่าคนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์หายไป 3 คน “คนเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ตกตายในแดนลับทวยเทพ 3 คนงั้นรึ?”
“ในแดนลับทวยเทพไร้อันตรายใดๆ…เว้นเสียแต่พวกมันเลือกจะไม่กลับออกมาเอง เช่นนั้นก็คงถูกคนฆ่าตายไปแล้วแน่นอน!”
“ข้าล่ะไม่ทราบจริงๆ ว่าผู้ใดเข่นฆ่าคนเผ่าวิฬารทมิฬทั้ง 3”
…
เหล่าอัจฉริยะโดยรอบเริ่มซุบซิบกันทันที อยากรู้อยากเห็นเรื่องราวไม่น้อย
“ตอนข้าอยู่ในแดนลับทวยเทพ ข้าเจอหนูสกปรก 3 ตัวซุ่มโจมตี…สุดท้ายพวกมันก็เป็นฝ่ายตกตายทั้งหมด”
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองเฉวียนคงผ่านๆ พลางกล่าวด้วน้ำเสียงไร้แยแส
ซูว!
และพอเสียงพูดต้วนหลิงเทียนดังจบคำ สีหน้าของเฉวียนคงก็เปลี่ยนไปทันที “เป็นเจ้างั้นเรอะ!?”
“ไฉนเจ้าต้อฆ่าคนเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ทั้ง 3 ของข้าด้วย!”
เฉวียคงถลึงตามองต้วนหลิงเทียนอย่างเอาเรื่อง น้ำเสียงยังฉายความเอาเรื่องไม่น้อย
“อ้อ ที่แท้ก็เป็นคนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ของเจ้านี่เอง”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาเร็วไว “พวกเจ้าเป็นคนเผ่าพันธุ์วิฬารแน่รึ? ไฉนข้าถึงรู้สึกว่ามันเหมือนมุสิกขลาดเขลาที่ทำได้แค่ซุ่มโจมตีผู้อื่นมากกว่าเล่า…จึกๆๆ ช่างร้ายกาจจริงๆ”
“เป็นไปไม่ได้!”
เฉวียนคงได้ฟัง ก็แย้งออกมาเสียงดัง “หากพวกมันเห็นว่าเป็นเจ้า ย่อมไม่…ไม่มีทางลงมือกับเจ้าแน่นอน!”
เดิมทีเฉวียนคงกำลังจะพูดว่า ‘ย่อมไม่กล้า’ ลงมือกับต้วนหลิงเทียนแน่นอน เพียงแค่ฉุกคิดได้ว่ากล่าวแบบนี้มันน่าอายไม่น้อย จึงรีบเปลี่ยนคำพูดเร็วไว
“หากพวกมันไม่ซุ่มโจมตีข้าก่อน ข้าจะไปฆ่าพวกมันทำอะไร?”
ต้วนหลิงเทียนยิ้ม “เจ้าเองก็น่าจะรู้ว่าข้า ต้วนหลิงเทียน ไม่เคยมีความแค้นใดๆกับคนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์…”
“ต้วนหลิงเทียน ข้ารู้ว่าเจ้าเก่งทั้งยังเป็นอัจฉริยะที่มีพรสวรรค์สูงล้ำจนน่ากลัว…แต่หากเจ้าไม่อาจเติบโตได้ ไม่ว่าพรสวรรค์เจ้าจักเลิศล้ำสูงส่งเพียงใด มันก็เท่านั้น!”
สองตาเฉวียนคงฉายประกายเยียบเย็นออกมาวูบวาบ น้ำเสียงไม่ขาดการข่มขู่แม้แต่น้อย
“โฮ่! เรื่องนี้เกรงว่ายังไม่ถึงตาให้เผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ต้องเป็นกังวลหรอก!”
กงซุนจิ้งพลันโพล่งเย้ยออกมา “ต้วนหลิงเทียนจะเติบโตได้อย่างราบรื่นหรือไม่ มันมิใช่เรื่องที่เผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ของพวกเจ้าจะมีปัญญาควบคุมได้!”
“พวกเราไป!”
เห็นกงซุนจิ้งออกหน้าปกป้องคนอีกครั้ง สองตาเฉวียนคงก็ฉายแววเย็นชาอีกวาบ แต่มันก็ไม่พูดอะไรอีก เพียงหันไปสั่งทุกคนให้จากไปเท่านั้น
พลังฝีมือมันไม่เท่าผู้อื่น แถมภูมิหลังก็แข็งแกร่งไม่สู้ผู้อื่น เช่นนั้นมันรั้งอยู่สืบต่อ ก็ไม่ต่างอะไรจากตัวตลกที่เล่นจำอวดให้ผู้อื่นขบขันเท่านั้น
“อัจฉริยะรากหญ้าคนใดที่สามารถทิ้งชื่อไว้ในตารางจัดอันดับของยอดเขาแรงโน้มถ่วงหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลหรือสถานที่ทดสอบอื่นๆได้ หากคิดเข้าร่วมเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ของข้า ก็ติดตามข้ามาได้เลย”
เฉวียนคงที่นำคนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์จากไป ฉุกคิดถึงภารกิจที่เผ่ามอบบให้ได้ออก จึงหยุดร่างลง และหันกลับมากล่าวคำกับอัจฉริยะทั้งหลายเร็วไว
และในขณะที่มีอัจฉริยะรากหญ้าบางคนสนใจ อัจฉริยะของตระกูลถัวปา รวมถึงอัจฉริยะจากนิกายจ้าวมังกรสัประยุทธ์ก็ไม่ลืมโฆษณาออกมาเช่นกัน
ทันใดนั้นเหล่าอัจฉริยะรากหญ้าทั้งหลายก็เริ่มคึกคักกันขึ้นมาทันที และไม่มีใครคิดจะตามเผ่าวิฬารทมิฬไปเลย
เพราะสุดท้ายแล้ว การเหินร่างติดตามเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ไปตอนนี้ มันก็แลดูน่าอายไม่น้อย
ท้ายที่สุดแล้ว ตอนนี้คนของเผ่าวิฬารทมิฬไร้ลักษณ์ก็ไม่ต่างอะไรจากกำลังจะหนีหน้าเพราะความอับอาย!
นอกจากนั้นคนของนิกายมรรคฟ้าลึกล้ำอย่างเอี้ยอู๋เต้า ไม่เว้นไป๋หลี่หงเฟยของตระกูลไป๋หลี่ รวมถึงเฟิ่งชีชีจากเผ่าหงส์ฟ้าโบราณก็เริ่มประกาศรับคนออกมาเช่นกัน
อย่างไรก็ตามเมื่อเทียบกับตระกูลถัวปา กับนิกายจ้าวมังกรสัประยุทธ์แล้ว ขุมกำลังทั้ง 3 มีเงื่อนไขในการเข้าร่วมสูงกว่าไม่น้อย
“สำหรับผู้ใดที่มีรายชื่อติดอยู่ใน 20 อันดับแรกของยอดเขาแรงโน้มถ่วงหรือหอคอยจิตวิญญาณค่ายกล รวมถึงติด 10 ของสถานที่ทดสอบอื่นๆ สามารถเข้าร่วมกับนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราได้”
ในเวลาเดียวกัน อวี่เทียนสิง แห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็เอ่ยเงื่อนไขในการรับคนออกมเช่นกัน
“ต้วนหลิงเทียน พวกเราไปเดินเล่นในนี้ต่อเถอะ…พอหมดเวลาเมื่อไหร่ ข้าจะพาเจ้าไปนิกายกระบี่หมื่นหายนะเอง”
ซูหลี่หันไปกล่าวคำกับต้วนหลิงเทียยน
ในขณะที่อวี่เทียนสิงกกำลังประกาศรับคน ซูหลี่ก็จากไปพร้อมต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ
กงซุนจิ้งที่เห็นทั้ง 3 กำลังจะจากไป ก็ร้องทักออกมา “เฮ่ ซูหลี่ ต้วนหลิงเทียน รอข้าด้วย!”
ตอนนี้เหมือนกงซุนจิ้งถือว่าตัวเองเป็นสมาชิกในกลุ่มเล็กๆของต้วนหลิงเทียนเรียบร้อย ไม่ได้กลับมารวมตัวกับพวกอวี่เทียนสิงอีก
…
วันเวลาก็ล่วงเลยไปอย่างรวดเร็ว ดุจชั่วพริบตา ก็มาถึงวันที่ทางออกแดนลับอัจฉริยะเปิดออกแล้ว
ก่อนที่แดนลับอัจฉริยะจะถึงเวลาเปิดออก ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อรวมถึงซูหลี่กับกงซุนจิ้งก็เดินทางท่องไปทั่วแดนลับอัจฉริยะ แม้จะมีเก็บเกี่ยวอะไรได้บ้าง แต่ให้เทียบกับสิ่งที่ได้จากแดนลับทวยเทพแล้ว ก็กลายเป็นเล็กน้อยไปถนัดตา
เมื่อถึงกำหนดเวลาที่ทางออกแดนลับอัจฉริยะปรากฏขึ้น ต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็เดินทางไปยังนิกายกระบี่หมื่นหายนะภายใต้การนำทางของซูหลี่และกงซุนจิ้ง
นิกายกระบี่หมื่นหายนะเป็น 1 ใน 3 ขุมกำลังระดับ 1 ที่แข็งแกร่งที่สุดในแดนทักษินยุทธ์ ถิ่นฐานนิกายนั้นตั้งอยู่เหนือเมฆ และหากมองจากไกลๆ ก็เสมือนหมู่เกาะที่ลอยล่องอยู่บนทะเลเมฆหมอกไม่มีผิด
หมู่เกาะลอยเหล่านี้ ให้สภาวะแหลมคมประหนึ่งกระบี่ชี้ตระหง่านแทงขึ้นฟ้า ที่สำคัญเกาะลอยยังมีเป็นหมื่นๆเกาะ เรียกว่าแรงกดดันที่แผ่ออกมายามรวมตัวกัน ทำให้ผู้คนอดได้ที่จะบังเกิดความกลัวเพียงแค่จ้องมอง
อย่างไรก็ตาม ท่ามกลางเกาะลอยนับหมื่น ปรากฏเกาะลอยมหึมาปานทวีปย่อมๆอยู่ 10 เกาะ และนั่นก็คือเกาะที่ตั้งของ 10 สายย่อยในนิกายกระบี่หมื่นหายนะ!
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าเห็นเกาะใหญ่ๆทั้ง 10 นั่นหรือไม่ นั่นก็คือสถานที่ตั้งของ 10 สายแห่งนิกายกระบี่หมื่นหายนะเรา…สำหรับเกาะลอยอื่นๆนับหมื่นนั้น พวกมันมีไว้เพื่อปกป้องทั้ง 10 เกาะนั่นเท่านั้น”
กงซุนจิ้งชี้มือชี้ไม้ไปยังหมู่เกาะลอยเบื้องหน้า พลางกล่าวอธิบายสถานการณ์ให้ต้วนหลิงเทียนฟัง
“หืม? มีเกาะลอยเป็นหมื่นๆเกาะเพื่อปกป้องนิกายหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนประหลาดใจเล็กน้อย แต่ก็ตระหนักอะไรได้ “หมายความว่าหมู่เกาะนับหมื่นนี่เป็นค่ายกลบางประการเพื่อรวมพลังกันปกป้อง 10 เกาะหลัก? มหาค่ายกลแบบนี้ให้เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามหลายคนก็ยากจะทำลายได้กระมัง?”
“ต้วนหลิงเทียนเจ้าผิดแล้ว”
กงซุนจิ้ม ยิ้มกล่าว “ถึงแม้นิกายกระบี่หมื่นหายนะเราในปัจจุบันจะถือว่าตกต่ำลง อย่างไรก็ตามมหาค่ายกลพิทักษ์ที่เจ้าเห็นอยู่ตอนนี้ เป็นบรรพบบุรุษของพวกเราจ่ายราคาไปมหาศาลเพื่อสร้างขึ้น…ไม่ต้องกล่าวถึงจักรพรรดิอมตะสมญานามหายคน ให้มีหลายสิบกระทั่งหลายร้อยคนก็ยากจะทำลาย!”
“จักรพรรดิอมตะสมญานามหลายสิบกระทั่งหลายร้อยยากทำลาย!?”
จังหวะนี้ต้วนหลิงเทียนตกตะลึงไปแล้วจริงๆ เขาพอเข้าใจได้ ว่าการรวมพลังกันของจักรพรดริอมตะสมญานามนับร้อยมันน่าพรั่นพรึงขนาดไหน
“ต่อให้เป็นมหาค่ายกลพิทักษ์ขุมกำลังสวรรค์ ที่เป็นรองก็แต่ขุมกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบเทวโลกอย่าง พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ ก็ไม่น่าจะทรงพลังไปกว่านี้กระมัง…”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวอย่างทอดถอน
“ต้วนหลิงเทียนย มหาค่ายกลพิทักษ์นิกายกระบี่หมื่นหายนะเรา ก็ถูกจัดตั้งขึ้นด้วยมาตรฐานเดียวกันกับมหาค่ายกลพิทักษ์ของขุมกำลังระดับสวรรค์ที่เจ้าพูดถึงนั่นล่ะ…”
ขณะกล่าวประโยคนี้ออกมา สองตากงซุนจิ้งฉายให้เห็นถึงความปรารถนาไม่น้อย “ข้าไม่ทราบว่า วันใดที่นิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราจะหวนกลับสู่ความรุ่งโรจน์ดั่งในอดีต กลับมาเป็นขุมกำลังระดับสวรรค์อีกครั้ง…”
“ขุมกำลังระดับสวรรค์!?”
ต้วนหลิงเทียนที่ได้ยินก็เอ่ยทวนออกมาด้วยความแปลกใจ ที่แท้นิกายกระบี่หมื่นหายนะแห่งนี้เคยเป็นถึงขุมกำลังระดับสวรรค์เชียวหรือ?
ต้องทราบด้วยว่าจะในระนาบเทวโลกใดๆขุมกำลังระดับสวรรค์ ก็คือขุมกำลังที่เป็นรองแค่ขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์เท่านั้น ตัวตนขอบเขตจักรพรรดิอมตะมีมากดั่งหมู่เมฆ!
กระทั่งจำนวนของจักรพรรดิอมตะสมญานาม เมื่อเทียบกับขุมกำลังของจักรพรรดิสวรรค์แล้ว ก็ไม่ได้น้อยไปกว่ากัน
“ใช่”
กงซุนจิ้งพยักหน้า “เจ้าเองก็กำลังจะเข้าร่วมกับนิกายกระบี่หมื่นหายนะของพวกเราแล้ว หลังเข้าร่วมเจ้าก็ไปวิหารปัญญา เพื่อหาบันทึกเรื่องราวในอดีตอ่านดูได้เลย ที่นั่นก็มีประวัติศาสตร์นิกายกระบี่หมื่นหายนะเราบันทึกเอาไว้ทั้งหมด”
“อ่า”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า ก่อนจะมองไปยัง 10 เกาะเบื้องหน้าที่เด่นสะดุดตาและให้ความรู้สึกดั่งกระบี่คมตระหง่านแทงฟ้ามากกว่าใคร “นิกายกระบี่หมื่นหายนะมีทั้งสิ้น 10 สาย ข้ารู้แค่ซูหลี่อยู่สายเฉิงหยิ่ง ส่วนท่านคือสายซวนหยวน และอวี่เทียนสิงอยู่สายท่ายอา ไม่ทราบสายอื่นที่เหลือคืออะไรบ้าง”
“ทั้ง 10 สายของนิกายกระบี่หมื่นหายนะเรา ก็มี ซวนหยวน จ้านลู่ ซื่อเซียว ท่ายอา ชีซิงหลงยวน…”
กงซุนจิ้งเริ่มกล่าวออกมา แต่ทว่าไม่ทันได้กล่าวจบคำ ก็ถูกต้วนหลิงเทียนแทรกขึ้นเสียก่อน “ต่อมาก็เป็นก้านเจี้ยง ม่อเหยีย อวี๋ฉาง ฉุนจวิน และเฉิงหยิ่งใช่หรือไม่?”
“เจ้าทราบแล้วรึ?”
กงซุนจิ้งแปลกใจเล็กน้อย
“อ่า…”
ต้วนหลิงเทียนขานรับด้วยรอยยิ้มเจื่อนๆ ต้องทราบด้วยว่าชื่อสายทั้ง 10 ในนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้น มันไม่ต่างอะไรกับชื่อ 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานที่บ้านเกิดของเขาบนโลกมนุษย์เลย…
ก่อนหน้านี้ตอนเขาได้ยินคนพูดว่าอวี่เทียนสิงอยู่สายท่ายอาของนิกากระบี่หมื่นหายนะ ซูหลี่อู่สายเฉิงหยิ่ง และกงซุนจิ้งอยู่สายซวนหยวน เขาก็เอะใจสงสัยอยู่แต่แรกแล้ว ว่าไฉนมันช่างคุ้นหูนัก
ในที่สุดเขาก็รู้ว่าที่เขาคุ้นหูมันไม่ใช่เพราะใดอื่น แต่ชื่อ 10 สายของนิกายกระบี่หมื่นหายะนะมันไปพ้องกับชื่อของ 10 สุดยอดกระบี่ในตำนานที่บ้านนเกิดเขานั่นเอง
‘ดูเหมือนนิกายกระบี่หมื่นหายนะจะมีความเกี่ยวข้องกับระนาบเหยียนหวง ไม่เว้นโลก…’
ต้วนหลิงเทียนลอบกล่าวในใจ
โลก หรือที่เรียกว่า ดาวเคราะห์เหยียนหวง นั้นเป็นดั่งต้นกำเนิดผู้ฝึกตนของระนาบเหยียนหวง
“แล้วพวกเราจะไปไหนกันก่อนรึ?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปถามซูหลี่กับกงซุนจิ้งด้วยความอยากรู้ ตอนนี้เขามาถึงนิกายกระบี่หมื่นหายนะแล้ว แต่อย่างไรก็ต้องมีที่อยู่เป็นหลักแหล่งใช่ไหม?
“เมื่อครู่ข้าส่งข้อความไปถึงท่านประมุขแล้ว…เช่นนั้นพวกเราไปหาประมุขนิกายกันก่อนเถอะ”
กงซุนจิ้งกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียน ท่านประมุขอยากรู้จักเจ้ามาก เพราะเจ้าสามารถทำลายสถิติที่ท่านประมุขสร้างทิ้งไว้เมื่อ 20,000 ปีก่อนบนยอดเขาแรงโน้มถ่วงกับหอคอยจิตวิญญาณค่ายกลได้สำเร็จ”
“ท่านประมุขนั้นรักถนอมอัจฉริยะมาโดยตลอด เจ้าที่เข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะเรา ไม่เพียงท่านประมุขจะไม่ละเลยเจ้า…ตัวเจ้ายังจะเหมือนซูหลี่ ที่ได้รับการดูแลอย่างดี”
ขณะกล่าวถึงประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ในแววตาน้ำเสียงของกงซุนจิ้งก็เผยความชื่นชมออกมาอย่างเห็นได้ชัด
กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังพบว่าแววตาซูหลี่ก็ฉายความเคารพนนับถือออกมาเช่นกัน จึงทำให้เขาบังเกิดความอยากรู้มากขึ้นเรื่อยๆ ว่าที่แท้ประมุขนิกายกระบี่หมื่นหายนะเป็นอย่างไร