War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3248
ตอนที่ 3,248 : กลับคฤหาสน์เฉวียนโยว
สุดท้ายต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ ก็เลยเข้าร่วมกับสายก้านเจี้ยงและสายม่อเหยียตามลำดับ
แน่นอนว่าแม้สายก้านเจี้ยงกับสายม่อเหยียจะเป็นถึง 2 สาย แต่ทว่านับรวมจำนวนผู้คนของทั้ง 2 สายแล้วก็มีกันอยู่แค่ 4 คนเท่านั้น ได้แก่ต้วนหลิงเทียน ฮ่วนเอ๋อ จูเก่อฟงและจูเก่ออวิ๋น…
“ผู้นำฟง ข้ากับฮ่วนเอ๋อคิดไปสะสางเรื่องราวที่หลิงหลัวเทียนก่อน”
ทันทีที่ทั้ง 4 ออกจากยอดเขาท่ายอา ต้วนหลิงเทียนก็หันไปกล่าวกับจูเก่อฟง
ตอนนี้ก็สมควรแก่เวลาแล้วที่เขาจะย้อนกลับไปยังหลิงหลัวเทียน เพื่อสะสางเรื่องราวความแค้นความบาดหมางระหว่างตัวเขากับองค์กรมือสังหารกะโหลกเลือด รวมถึงเรื่องราวความแค้นของเจ้าวังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย
วันที่เขาตัดสินใจออกจากหลิงหลัวเทียน เขาก็ไม่คิดไม่ฝันด้วยซ้ำว่าตัวเองจะครอบครองพลังความแข็งแกร่งเท่าที่มีในปัจจุบันได้ในเวลาไม่กี่ทศวรรษ
“พวกเจ้าคิดไปทำอะไรที่หลิงหลัวเทียนกันหรือ?”
จูเก่ออวิ๋นเอ่ยถามด้วยความสงสัย
“ข้าคิดไปสะสางเรื่องราวความแค้นน่ะ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ
“ความแค้น?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน สองตาของจูเก่ออวิ๋นก็เปลงประกายสว่างจ้า ฉายแววสนุกสนานออกมาทันที “สิ่งที่ข้าชอบที่สุดคือการสะสางเรื่องราวความแค้นและความคับข้องใจ…จะว่าไปข้ากับพี่ฟงก็ว่างไม่มีอะไรทำพอดี งั้นพวกเราไปด้วยกันเลยเถอะ”
“เอ่อ นี่จะไม่รบกวนเวลาฝึกปรือของพวกท่านผู้นำหรือ?”
ได้ยินจูเก่ออวิ๋นออกปากว่จะไปด้วย ลูกตาต้วนหลิงเทียนก็ทอแสงขึ้นมาวาบหนึ่ง เพราะหากมีทั้งคู่ติดสอยห้อยตามไปด้วย ยังต่างอะไรจากพาขาใหญ่ไปด้วย?
ยิ่งไปกว่านั้นเมื่อขาใหญ่ทั้ง 2 ร่วมมือกัน พลังต่อสู้ยังกลายเป็นร้ายกาจถึงขั้นฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามได้!
“ไม่รบกวน”
จูเก่อฟงกล่าว
“ตกลงตามนี้ล่ะ! พวกเราจะไปกับเจ้าและฮ่วนเอ๋อ”
จูเก่ออวิ๋นกล่าวด้วยความตื่นเต้นคึกคัก “จะว่าไปข้าเองก็ไม่ได้ออกจากอวี้หวงเทียนมาหลายปีแล้ว…นับจากเวลา อย่างน้อยๆก็ต้องมีหมื่นปีเห็นจะได้ ใช่ไหมพี่ฟง?”
ตอนนี้จูเก่ออวิ๋นแลดูคึกคักราวเด็กน้อยจะได้ไปเที่ยว
ในฐานะที่เป็นถึงนิกายอันดับ 1 ในแดนทักษินยุทธ์ ภายในนิกายกระบี่หมื่นหายนะย่อมมีค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกจัดตั้งเอาไว้ด้วย
เป็นธรรมดาว่าสถานที่จัดตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก ก็ไม่ได้ตั้งอยู่ในเกาะหลักทั้ง 10 แต่อยู่บนยอดเขาของเกาะแห่งหนึ่งที่เป็นดั่งตลาดกลางของทั้ง 10 สาย
และด้วยมีจูเก่อฟงกับจูเก่ออวิ๋นนำทาง ไม่ทันไรต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อก็มาถึงสถานที่ตั้งค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกอย่างราบรื่น
“ข้าน้อยขอคารวะท่านผู้นำสายทั้งสอง”
ผู้อาวุโสคนหนึ่งของนิกายกระบี่หมื่นหายนะที่รับหน้าที่ดูแลการใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลก เมื่อเห็นพี่น้องจูเก่อมาถึงก็รีบแจ้นมาคารวะทักทายด้วยความสุภาพมากเคารพทันที
“พวกเรา 4 คนคิดใช้ค่ายกลเคลื่อนย้ายสักหน่อย”
ต่อหน้าผู้อาวุโสของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ จูเก่ออวิ๋นก็แลดูเป็นผู้ใหญ่มากบารมี กล่าวกับอาวุโสเบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงไร้แยแส หากแต่เต็มไปด้วยความน่าเกรงขาม
พอกล่าวจบ นางก็หันมามองถามต้วนหลิงเทียนรอยยิ้ม “ต้วนหลิงเทียน ว่าแต่เจ้าจะไปดินแดนไหนในหลิงหลัวเทียนหรือ?”
ค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกนั้น สามารถส่งผู้คนไปยังแดนใดแดนหนึ่งในระนาบเทวโลกทั้งหลายได้อย่างแม่นยำ
“เป็นแดนสวรรค์ใต้ ของหลิงหลัวเทียน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“ได้ยินแล้วกระมัง?”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวตอบ จูเก่ออวิ๋นก็หันไปเอ่ยถามอาวุโสดูแลค่ายกลเบื้องหน้าด้วยน้ำเสียงเฉยเมยอีกครั้ง
“ได้ยิน ข้าน้อยได้ยินแล้ว”
อาวุโสเฝ้าค่ายกลของนิกายกระบี่หมื่นหายนะเร่งพยักหน้าขานรับซ้ำๆ ขณะเดียวกันก็อดไม่ได้ที่จะมองไปยังต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อด้วยความประหลาดใจ
สำหรับมันแล้ว ทั้งสองเป็นหน้าใหม่ที่มันไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลย แต่ในเมื่อทั้งคู่มาอยู่กับปรมาจารย์ทั้งคู่ ที่เป็นผู้นำสายก้านเจี้ยงกับม่อเหยียได้ อย่างน้อยๆก็เป็นตัวตนที่มันไม่อาจตอแยล่วงเกินได้เลย
มันเลือกจะสลักรูปร่างหน้าตาของหน้าใหม่ทั้งคู่เอาไว้ในใจไม่ให้ลืมเลือน ตั้งใจว่าวันหน้าจะไม่ทำให้อีกฝ่ายขุ่นเคืองเด็ดขาด
วู้มมม!!
เมื่อค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกทำงาน ร่างพวกต้วนหลิงเทียนทั้ง 4 ก็ถูกแสงสว่างปกคลุม ก่อนที่จะถูกส่งตัวออกจากนิกายกระบี่หมื่นหายนะในอวี้หวงเทียน มาปรากฏตัวในเขตคฤหาสน์เฉวียนโยวของแดนสวรรค์ใต้ หลิงหลัวเทียนทันที
สถานที่ๆทั้ง 4 ปรากฏตัว ก็เป็นค่ายกลเคลื่อนย้ายรับตัวนอกเมืองที่อยู่ใต้การปกครองของคฤหาสน์เฉวียนโยวแห่งหนึ่ง
อย่างไรก็ตามทั้ง 4 ไม่คิดเข้าเมืองแต่อย่างใด ต้วนหลิงเทียนได้นำทุกคนไปยังคฤหาสน์เฉวียนโยวทันที
ด้วยความเร็วของทั้ง 4 ย่อมสุดที่ใครในคฤหาสน์เฉวียนโยวจะตอบสนองได้ทัน
อย่างไรก็ตาม ค่ายกลพิทักษ์คฤหาสน์เฉวียนโยวย่อมทราบถึงการบุกรุกเข้ามาของคนทั้ง 4
เมื่อค่ายกลเริ่มต้นการทำงาน เหล่ายอดฝีมือของคฤหาสน์เฉวียนโยวก็เร่งรุดเหินร่างแหวกฟ้าติดตามผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวมาดูสถานกาณร์เร็วไว ก่อนที่ทั้งหมดจะอดตกตะลึงไม่ได้ เมื่อเห็นว่าผู้ที่บุกเข้ามาคือต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋อ
“ต้วนหลิงเทียน?”
ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวรู้สึกอื้ออึงอยู่บ้าง “เจ้า…กลับมาแล้วรึ?”
ถึงแม้มันจะไม่อาจมองด่านพลังฝึกปรือของต้วนหลิงเทียนได้ออก แต่ต้วนหลิงเทียนที่อยู่เบื้องหน้ากลับให้ความรู้สึกลึกล้ำยากหยั่งถึงแก่มัน
โดยเฉพาะชายหนุ่มหญิงสาวแปลกหน้า 2 คนที่มากับพวกต้วนหลิงเทียน ทำให้มันรู้สึกกดดันอย่างหนัก!
“ใช่”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มบางๆ “ผู้นำคฤหาสน์ ข้ากลับมาหาผู้อาวุโสแล้ว…”
“ส่วนทั้ง 2 ท่านด้านนี้เป็นผู้อาวุโสของข้าในอวี้หวงเทียน…ทั้งคู่ก็คือประมาจารย์กระบี่ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะที่ข้าเข้าร่วม”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
ในสายตาของต้วนหลิงเทียน ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวไม่น่าจะล่วงรู้เรื่องราวใดๆของแดนทักษินยุทธ์ในอวี้หวงเทียน และไม่น่าจะรู้จักนิกายกระบี่หมื่นหายนะได้ เขาจึงกล่าวแนะนำออกไปอย่างไม่คิดอะไรมาก
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ทำให้เขาต้องประหลาดใจก็คือ สีหน้าของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวพลันเปลี่ยนไปใหญญ่หลวงเมื่อได้ยินคำพูดเขา ยังเร่งรีบประสานมือโค้งคารวะอย่างนอบน้อมถึงขีดสุด “ผู้น้อยขอคารวะผู้นำสายทั้ง 2 ท่าน”
“ข้าน้อยไม่ทราบว่าผู้นำสายทั้ง 2 จักมาเยือน จึงมิได้เตรียมการต้อนรับพวกท่านแต่แรก หวังว่าผู้นำสายทั้ง 2 จักอภัยให้ผู้น้อยด้วย”
ขณะกล่าวถึงจุดนี้ หน้าผากของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวก็ปรากฏเม็ดเหงื่อเยียบเย็นผุดซึมเต็มไปหมด ขณะเดียวกันยังส่งเสียงผ่านพลังมาโอดครวญกับต้วนหลิงเทียนว่า “โอย ต้วนหลิงเทียน ไฉนเจ้าจะพาผู้ยิ่งใหญ่มาแต่ไม่แจ้งข้าล่วงหน้าเล่า!?”
“เอ๋ ผู้นำคฤหาสน์รู้จัก ผู้นำสายของนิกายกระบี่หมื่นหายนะด้วยหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนตกใจ
“ข้าจะไม่รู้จักได้อย่างไรเล่า! นิกายกระบี่หมื่นหายนะ เคยเป็นขุมพลังระดับสวรรค์ที่สะท้านสะเทือนไปทั่วระนาบเทวโลกทั้งมวล ยอดฝีมือในนิกายคนหนึ่งยังเกือบจะเอาชนะจักรพรรดิสวรรค์ของอวี้หวงเทียนได้ด้วยซ้ำ!”
ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวกล่าว “ถึงแม้ตอนนี้นิกายกระบี่หมื่นหายนะจะถอนตัวออกจากเวทีช่วงชิงอำนาจของอวี้หวงเทียน และย้ายถิ่นฐานออกจากแดนอวี้หวงแล้ว แต่ขุมพลังก็ยังสูงล้ำไม่ใช่ชั่ว”
“ในแดนทักษินยุทธ์ เนื่องจากการดำรงอยู่ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ จึงไม่มีจักรพรรดิอมตะสมญานามคนใดสามารถปกครองที่นั่นได้!”
ได้ยินคำพูดด้วยการส่งเสียงผ่านพลังของผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักว่าอีกฝ่ายรู้จักนิกายกระบี่หมื่นหายนะดีทีเดียว อย่างน้อยๆก็รู้ว่านิกายยกระบี่หมื่นหายนะอยู่ในแดนทักษินยุทธ์
“ในบรรดาสายทั้ง 10 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ชนชั้นผู้นำสายนั้น…ไม่ว่าผู้ใดล้วนแล้วแต่เป็นจักรพรรดิอมตะอันทรงพลังทั้งสิ้น…ยังไม่ใช่จักรพรรดิอมตะธรรมดาๆ ล้วนแล้วแต่เป็นชนชั้นยอดฝีมือ!!”
ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวยังคงส่งเสียงผ่านพลังโอดครวญกับต้วนหลิงเทียน “จักรพรรดิอมตะมาเยือน แต่เจ้ากลับไม่เตือนข้า…หากทั้งคู่ไม่พอใจอะไรข้าขึ้นมา ข้ายังจะรอดเห็นวันพรุ่งได้หรือ?”
“ผู้นำคฤหาสน์ท่านไม่ต้องเครียดขนาดนั้นหรอก อาวุโสทั้ง 2 ไม่ค่อยสนใจเรื่องหยุมหยิมอะไรแบบนั้นหรอก”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมา และยังคงส่งเสียงผ่านพลังสืบต่อ “ผู้นำคฤหาสน์ข้ามาครั้งนี้ เพราะคิดจะไปตระกูลเหอ 1 ใน 10 ตระกูลใหญ่ของหลิงหลัวเทียน”
ผู้นำตระกูลเหอคนปัจจุบัน ก็คือคนที่สังหารอดีตผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนก่อนของคฤหาสน์เฉวียนโยว และยังเป็นบิดาแท้ๆของจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนปัจจุบันอีกด้วย
เป็นธรรมดาว่าต้วนหลิงเทียนล่วงรู้แค่เรื่องแรก แต่ไม่รู้เรื่องหลัง
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่รู้ ไม่ใช่ว่าผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวจะไม่รู้
“ข้าจะรีบแจ้งท่านบรรพจารย์เดี๋ยวนี้!!”
ผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยวสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ ขณะที่ส่งข้อความไปแจ้งจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย มันยังตื่นเต้นยินดีจนออกหน้าออกตา
พอจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยได้รับข้อความจากผู้นำคฤหาสน์เฉวียนโยว และได้รับทราบว่ามีจักรพรรดิอมตะสองคนจากนิกายกระบี่หมื่นหายนะมาเยือนถึงคฤหาสน์เฉวียนโยว มันก็เร่งรุดมาคารวะทักทาทั้งคู่ด้วยความตื่นเต้นทันที
“ข้าน้อยขอคารวะใต้เท้าจักรพรรดิอมตะทั้งสอง”
จ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อย ในรูปลักษณ์ชายชรา แลดูลนลานอยู่บ้างยามพบเจอจักรพรรดิอมตะทั้งสอง
ขณะเดียวกันก็ยังเห็นต้วนหลิงเทียนกับฮ่วนเอ๋ออีกด้วย และรู้ว่าการมาของจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 จากนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ล้วนเกี่ยวข้องกับต้วนหลิงเทียนอย่างแยกไม่ออก
“พวกเรามาเที่ยวพร้อมกับต้วนหลิงเทียนและฮ่วนเอ๋อเฉยๆ…พวกเจ้าไม่ต้องสนใจพวกเรามากหรอก”
จูเก่ออวิ๋นยิ้มบางๆ
“ผู้อาวุโส ท่านนำพวกเราไปตระกูลเหอเลยเถอะ…วันนี้ปีหน้าจะเป็นวันครบรอบวันตายของผู้นำตระกูลเหอแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนหันไปมองกล่าวกับชายชราด้วยรอยยิ้ม
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ชายชราก็ตื่นเต้นทั้งคึกคักนัก ใบหูมันแดงก่ำ เร่งรุดเหินร่างนำทางไปยังตระกูลเหอทันที
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่เหินร่างนำทาง มันยังอดไม่ได้ที่จะส่งเสียงผ่านพลังถามไถ่ต้วนหลิงเทียนด้วยความอยากรู้ “ต้วนหลิงเทียน ไฉนเจ้าไปอยู่กับจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะได้เล่า?”
“ผู้อาวุโส พอดีหลังข้ากับฮ่วนเอ๋อไปถึงอวี้หวงเทียน ไปๆมาๆก็ได้เข้าร่วมนิกายกระบี่หมื่นหายนะ…จากนั้นผู้นำทั้ง 2 สายพอรู้ว่าพวกเราจะกลับมาสะสางเรื่องราวที่หลิงหลัวเทียน จึงนึกสนุกและติดตามมาเที่ยวด้วย”
ต้วนหลิงเทียนตอบกลับ
“ต้วนหลิงเทียน ขอบคุณเจ้ามาก!”
ชายชรากล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง “หากเจ้าไม่นำพาจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 มาล้างแค้นให้บิดาข้า เช่นนั้นก็ไม่รู้ว่าเมื่อใดจักสามารถล้างแค้นให้บิดาของข้าตาแก่คนนี้ได้แล้ว”
ชายชรากล่าวถึงจุดนี้เสียงก็สั่นไปไม่น้อย
“บิดาหรือ?”
ต้วนหลิงเทียนอึ้ง
“ข้ายังไม่ได้บอกเจ้า…แต่ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยรุ่นก่อนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเป็นบิดาแท้ๆของข้า”
ระหว่างเล่าถึงจุดนี้ สองตาชายชราก็ชายจิตฆ่าฟันอันอำมหิตนัก “ด้วยเหตุนี้เมื่อข้าไต่เต้ามาจนกลายเป็นจ้าววังผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้ ข้าจึงตั้งกฏให้ผู้ที่คิดจะเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยว ต้องรับปากเรื่องล้างแค้นให้ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยรุ่นก่อน”
“ข้ารู้ตัวเองดีว่าความสามารถของข้ามีจำกัด และคงยากจะล้างแค้นได้ในชีวิตนี้ ข้าจึงฝากความหวังทั้งหมดไว้กับผู้ที่จะเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนต่อไป…อนิจจาข้าเฝ้ารออย่ามีความหวังมาเนิ่นนานกว่า 20,000 ปี จวบจนคนแซ่เหอผู้นั้นกลายเป็นผู้นำตระกูลไปแล้ว ก็ไร้วี่แววผู้ใดจักเป็นผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยของคฤหาสน์เฉวียนโยวได้…”
“จนเมื่อเจ้าปรากฏตัวขึ้นมา…”
หลังจากที่ชายชราเล่าเรื่องราวให้ฟัง ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนกได้ทันทีว่าไฉนอีกฝ่ายถึงพยามเรื่องนี้นัก ที่แท้อีกฝ่ายก็คือลูกชายแท้ๆของผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยคนนั้นนั่นเอง
เขาจึงเข้าใจได้ทันทีว่าไฉนชายชราถึงจดจ่อกับการล้างแค้นนัก ทั้งหมดเพราะนี่เป็นหนี้เลือดของบิดามารดา!
“ผู้อาวุโส มีเรื่องนึงที่ท่านเข้าใจผิด”
ต้วนหลิงเทียนมองชายชราพลางกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ผู้นำสายทั้ง 2 ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะไม่ได้มาเพื่อออกหน้าลงมือ แต่มาเพราะตามข้ากับฮ่วนเอ๋อมาเที่ยวเฉยๆ”
“วันนี้เป็นข้า ต้วนหลิงเทียน ที่จะล้างแค้นให้ผู้พิทักษ์คฤหาสน์น้อยรุ่นก่อนของคฤหาสน์เฉวียนโยวเอง”
ผู้นำตระกูลเหออาจจะร้ายกาจ
อย่างไรก็ตาม เมื่อเทียบกับเขาในตอนนี้ อีกฝ่ายไม่แม้แต่จะอยู่ในสายตาเลย
“เจ้า!?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ชายชราก็ได้แต่มองจ้องเขาด้วยความสงสัย เห็นได้ชัดว่าไม่เชื่อ
และมีเหตุผลที่ทำให้มันไม่เชื่อ
สุดท้ายแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็พึ่งจากไปกี่สิบปีเอง?
ในเวลาไม่กี่สิบปี ต้วนหลิงเทียนสามารถทะลวงถึงจอมราชันอมตะ 1 ต้นกำเนิดได้ก็หรูแล้ว หากคิดจะฆ่าผู้นำตระกูลเหอ ยังเป็นเรื่องที่ค่อนข้างห่างไกลความจริงอยู่มาก
“ต้วนหลิงเทียน เรื่องนี้อย่าได้ล้อเล่นเลย…”
ชายชราส่ายหัวพลางยิ้ม เห็นได้ชัดว่ามันเข้าใจว่าต้วนหลิงเทียนกำลังล้อเล่นกับมัน