War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3304
WSSTH ตอนที่ 3,304 : วันแห่งการต่อสู้
“หานอวิ๋นจิ่น?”
ได้ยินข้อความของฉือหล่าง เหลยอิงก็อดไม่ได้ที่จะงุนงง เร่งส่งข้อความถามกลับทันที “เจ้าแน่ใจหรือ?”
“เหลยอิงเจ้ากับข้าพวกเรารู้จักกันมากี่ปีแล้ว? เจ้าเองก็น่าจะพอรู้นิสัยข้ากระมัง…ข้าเป็นคนชอบพูดเล่นรึไง”
ฉือหล่างกล่าว
“หานอวิ๋นจิ่นที่ว่า…คนที่จะขึ้นประลองเป็นตายกับศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าหลังจากนี้อีก 1 ปีน่ะหรือ?”
เหล่ยอิงถาม
“มิผิด ข้าคาดว่ามันคงไม่มั่นใจว่าจะชนะเจ้า 7 ได้ จึงเลือกที่จะใช้วิธีนี้”
ฉือหล่างกล่าว
…
ขณะที่ติดต่อกับฉือหล่าง แววตาของเหลยอิงก็เปลี่ยนไปเรื่อย สุดท้ายอยู่ๆก็ส่ายหัวไปมา
“ท่านแม่ มีเรื่องอะไรงั้นหรือ?”
เหลยจวิ้นที่บังเอิญอยู่ข้างๆเหลยอิงพอดี พอเห็นท่าทางผิดแปลกไปของมารดา จึงอดถามออกมาไม่ได้
อันที่จริงตอนนี้เหลยจวิ้นอยู่ในช่วงอารมณ์ขุ่นมัวนัก เพราะทราบเรื่องที่ตู๋กูเหวินตกตายไปเมื่อไม่กี่เดือนก่อน
ไฉนมันจึงรู้ ทั้งหมดก็เพราะลูกแก้ววิญญาณของตู๋กูเหวินที่มันแลกมาได้แตกเป็นเสี่ยงไปแล้ว
“แม่พึ่งคุยกับฉือหล่างมันเสร็จ เมื่อไม่กี่เดือนก่อนพวกฉือหล่างถูกจักรพรรดิอมตะร้อยเปลี่ยน ตู๋กูเหวิน กับจักรพรรดิอมตะไม่ดับสูญ ตู๋กูหวู่ ดักเอาไว้ขณะเดินทางงกลับจากวิหารเฟิงฮ่าว…”
เหลยอิงกล่าว “เห็นว่าทั้งคู่นั้นมีเป้าหมายคือการสังหาร ต้วนหลิงเทียน ศิษย์คนที่ 7 ของฉือหล่าง…ทำให้พวกฉือหล่างสงสัยว่าอาจจะเป็นหานอวิ๋นจิ่นที่ไปจ้างวานทั้ง 2 ให้ลงมือ”
เหลยจวิ้นเป็นลูกชายคนเดียวของเหลยอิง เช่นนั้นกับเหลยจวิ้น เหลยอิงก็ไม่คิดปิดบังอะไร
เหลยอิงก็ไม่ทันได้สังเกตเลย ว่าในขณะที่นางกล่าวทำนองฉือหล่างสงสัยว่าหานอวิ๋นจิ่นเป็นผู้จ้างวาน ลูกตาของเหลยจวิ้นพลันหดแคบลงโดยไม่ทันรู้ตัว
“แล้วนี่พวกฉือหล่างหนีมาได้อย่างไร?”
เหลยจวิ้นเอ่ยถามด้วยความสงสัย
ตอนแรกมันคิดว่าตู๋กูเหวินสมควรประสบอุบัติเหตุอะไรบางอย่าง จนตกตายก่อนที่จะได้ลงมือกับต้วนหลิงเทียน แต่ไม่คิดเลยว่าที่แท้ตู๋กูเหวินจะตายหลังพบเจอพวกต้วนหลิงเทียน!
ทันใดนั้นใจมันก็ดิ่งลงทันที
“ทั้งหมดต้องกล่าวว่าศิษย์คที่ 7 ของฉือหล่างโชคดีนัก เพราะวันนั้นจักรพรรดิอมตะขุนเขาทองแดงเจิ้งอวี้อี้ที่เป็นสหายเก่าของฉือหล่างก็บังเอิญพาศิษย์คนเล็กไปทดสอบรับสมญานามเช่นกัน และตอนเกิดเรื่องก็พึ่งแยกกันไปไม่นาน เจิ้งอวี้อี้ที่ได้รับข้อคววามขอความช่วยเหลือ จึงย้อนกลับมาช่วยฉือหล่างได้ทัน”
เหลยอิงกล่าว “นอกจากนั้น จักรพรรดิอมตะสมญานามอีกคนที่กำลังจะพาหลานไปทดสอบที่วิหารเฟิงฮ่าว พอเห็นตู๋กูเหวิน กับตู่กูหวู่กำลังสู้กับพวกฉือหล่าง มันก็พุ่งเข้ามาช่วยพวกฉือหล่างรับมือตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ทันที เพราะคนในตระกูลของจักรพรรดิอมตะสมญานามคนนั้น ก็เคยตกตายเพราะพวกตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่มาก่อน…เรียกว่าเสมือนฟ้าช่วยพวกฉือหล่างเอาไว้จริงๆ”
“เพราะเดิมทีฉือหล่างกับเจิ้งอวี้อี้ก็รับมือตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ไม่ค่อยไหว ใกล้จะเพลี่ยงพล้ำเต็มแก่ จนเมื่อได้จักรพรรดิอมตะสมญานามที่ผ่านมาผู้นั้นยื่นมือเข้าช่วย จึงสามารถพลิกสถานการณ์ได้ และสามารถล้อมฆ่าตู๋กูเหวินได้ในที่สุด”
“ทว่าตู๋กูหวู่ที่พลังฝีมือกล้าแข็งกว่า สามารถหลบหนีไปได้…”
เหลยอิงกล่าวออกมารวดเดียวจบ
“เช่นนั้น…ต้วนหลิงเทียนผู้นั้นก็โชคดีจริงๆ”
ขณะกล่าว ลึกลงไปในแววตาของเหลยจวิ้นก็ปรากฏแสงเย็นชาเรืองขึ้นวาบหนึ่ง ก่อนจะหายไปเร็วไว
“อืม เจ้าหนุ่มนั่นโชคดีจริงๆ”
เหลยอิงพยักหน้า “หาไม่แล้วจักรพรรดิอมตะสมญานาม 2 คนก็ไม่อาจช่วยชีวิตมันได้…อย่างไรเสียเรื่องนี้ก็ยากจะจัดการ ต่อให้พวกมันจะสงสัยหรือปักใจเชื่อไปแล้วว่าเป็นฝีมือหานอวิ๋นจิ่น แต่พวกมันก็ไม่มีหลักฐานที่ม้ำหนักมากพอ”
“อย่างไรก็ตาม ฟังจากที่ฉือหล่างกล่าว เห็นว่ามันจะพยายามหาหลักฐานมัดตัวหานอวิ๋นจิ่นให้ได้…ข้าล่ะคิดไม่ถึงจริงๆ ว่าหานอวิ๋นจิ่นผู้นั้นจะไร้ซึ่งความมั่นใจในตัวเอง ถึงขั้นต้องไปจ้างคนมาฆ่าต้วนหลิงเทียนแบบนี้”
กล่าวถึงประโยคท้ายเหลยอิงก็อดส่ายหน้าไปมาอีกครั้งไม่ได้ ในแววตายังเผยความดูแคลนออกมาให้เห็น
“ท่านแม่ เรื่องนี้ก็ไม่แน่ว่าจะเป็นฝีมือหานอวิ๋นจิ่นเสียหน่อย สุดท้ายก็ไม่ใช่ว่าพวกมันแค่สงสงสัยไปกันเองหรือ?”
เหลยจวิ้นกล่าว
“ไม่ได้สงสัยไปเองหรอก”
เหลยอิงกล่าวต่อ “ฉือหล่างกล่าวว่า หลังจากที่ร่วมมือกับจักรพรรดิอมตะสมญานามที่บังเอิญผ่านมาฆ่าตู๋กูเหวินได้แล้ว พวกมันก็มอบแหวนพื้นที่ของตู๋กูเหวินให้อีกฝ่ายไป”
“อย่างไรก็ตาม ฉือหล่างขอให้จักรพรรดิอมตะสมญานามผู้นั้นนำลูกแก้ววิญญาณในแหวนของตู๋กูเหวินออกมาให้หมด เพื่อดูว่าจะมีลูกแก้ววิญญาณของหานอวิ๋นจิ่นหรือไม่”
“จักรพรรดิอมตะสมญานามผู้นั้นก็ไม่ขัดคำขอ นำลูกแก้ววิญญาณออกมาจากแหวน 3 ลูกชมดู…และพอดี 1 ในนั้นถูกศิษย์คนที่ 4 ของฉือหล่างจดจำกลิ่นอายได้ และนางก็ยืนยันด้วยความมั่นใจ ว่าเป็นของหานอวิ๋นจิ่นไม่ผิดแน่!”
“เจ้าเองก็สมควรรู้ว่าศิษย์คนที่ 4 ของฉือหล่าง เวิ่นหว่านเอ๋อนั้นเคยเป็นคู่รักกับหานอวิ๋นจิ่น ถึงแม้จะยังมิได้ตบแต่งเป็นสามีภรรยากัน แต่หลังอยู่ด้วยกันมานาน นางย่อมคุ้นเคยกับกลิ่นอายวิญญาณของหานอวิ๋นจิ่นดี”
เหลยอิงกล่าว
“ลูกแก้ววิญญาณ?”
ลูกตาของเหลยจวิ้นหดเล็กลงโดยพลัน มันรู้ดีว่า 1 ใน 3 ลูกแก้ววิญญาณที่ว่า ต้องมีของมันรวมอยู่ด้วยแน่!
เพราะตอนนั้น มันก็ได้เป็นฝ่ายแลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับตู๋กูเหวินเอาไว้เป็นคนแรก
ต่อมาหานอวิ๋นจิ่นก็คิดว่ามันอาจจะต้องติดต่อสอบถามเรื่องราวกับตู๋กูเหวิน ดังนั้นจึงส่งลูกแก้ววิญญาณไปให้ตู๋กูเหวินเช่นกัน ก่อนที่จะแยกย้าย
“มีอะไรหรือ?”
เหลยอิงสังเกตเห็นว่าสีหน้าของลูกชายผิดแปลกไปเล็กน้อย จึงอดไม่ได้ที่จะเอ่ยยถามออกมาด้วยสงสัย
“ไม่มีอะไรหรอกท่านแม่”
เหลยจวิ้นส่ายหัวไปมา หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆ มันก็ร่ำลาเหลยอิงทันที “ท่านแม่ ลูกพึ่งนึกออกว่ามีเรื่องต้องไปจัดการ…เช่นนั้นขอตัวก่อน”
กล่าวจบเหลยจวิ้นก็เหินร่างจากไปทันที ไม่รอให้เหลยอิงพูดตอบอะไร
ขณะจากไป มันก็เร่งส่งข้อความไปหาหานอวิ๋นจิ่นทันที “หานอวิ๋นจิ่น ตู๋กูเหวินได้ไปปรากฏตัวต่อหน้าต้วนหลิงเทียนแล้ว แต่กลับลงมือไม่สำเร็จ…กระทั่งยังตกตายไปต่อหน้าต้วนหลิงเทียน”
“พวกเราล้วนเดาผิด…ตู๋กูเหวินไม่ได้เกิดเรื่องอะไรจตกตายก่อนเจอต้วนหลิงเทียน”
ได้ยินข้อความของเหยจวิ้น หานอวิ๋นจิ่นก็สับสนอยู่บ้าง “เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ในเมื่อตู๋กูเหวินเจอต้วนหลิงเทียนแล้ว ไฉนมันถึงฆ่าต้วนหลิงเทียนไม่ได้ แถมยังตกตายไปเองอีกเล่า?”
“ทั้งหมดเป็นเพราะ…”
จากนั้นเหลยจวิ้นก็เล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เหลยอิงเล่าให้ฟังออกไป
หลังจากหานอวิ๋นจิ่นได้รับทราบเรื่องราว มันก็เงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะส่งข้อความกลับมาว่า “ถึงแม้พวกมันจะพบว่าในแหวนตู๋กูเหวินมีลูกแก้ววิญญาณของข้า และอาจเดาได้ว่าเข้าไปจ้างวานตู๋กูเหวินกับตู๋กูหวู่ แต่พวกมันก็ไม่อาจใช้สิ่งนี้เป็นหลักฐานมาเล่นงานข้าได้…”
“เรื่องนี้ข้ารู้…ตอนนี้ที่ข้ากำลังกังวลก็คือลูกแก้ววิญญาณของข้าจะตกอยู่ในมือพวกมันด้วยรึเปล่า”
เหลยจวิ้นกล่าว “ที่ลูกแก้ววิญญาณของเจ้าถูกจำได้ เพราะเวิ่นหว่านเอ๋อคุ้นเคยกับกลิ่นอายวิญญาณเจ้า สำหรับลูกแก้ววิญญาณข้า พวกฉือหล่างไม่น่าจะมีใครจดจำได้แน่นอน…”
“หากไม่ตกไปอยู่ในพวกมือมันก็แล้วไป…แต่ถ้าตกไปอยู่ในมือพวกมันจริงๆ ข้าเกรงว่าไม่นานเรื่องนี้ต้องถูกเปิดเผยแน่”
เหลยจวิ้นกล่าวต่อเสียงเครียด
“เปิดเผยแล้วจะอย่างไร? พวกมันรู้แล้วจะทำอะไรได้ อาศัยหลักฐานเช่นนี้ไหนเลยจะมาหาความพวกเราได้!”
หานอวิ๋นจิ่นกล่าวออกด้วยน้ำเสียงเฉยเมยทำราวกับ ‘หมูตายไม่กลัวน้ำเดือด’
“หานอวิ๋นจิ่น ข้าไม่เหมือนเจ้า…”
เหลยจวิ้นกล่าว “หากศิษย์น้องฮ่วนเอ๋อรู้เรื่องนี้ ด้วยความเอาใจใส่ที่นางมีต่อต้วนหลิงเทียน ต่อให้วันหนึ่งต้วนหลิงเทียนจะตายตกไปแล้ว แต่นางก็อาจจะไม่ยอมรับข้า…”
“เช่นนั้นเรื่องที่ข้ามีส่วนจ้างคนไปฆ่าต้วนหลิงเทียนให้ตาย…ไม่อาจให้นางล่วงรู้ได้เด็ดขาด! เจ้าเข้าใจหรือไม่?!”
เหลยจวิ้นเผยความกังงวลออกมา
“เอาล่ะๆ ข้าเข้าใจแล้ว ก็แค่สตรีคนเดียวไม่ใช่หรือไร? อีก 1 ปีหลังจากนี้ ขึ้นสังเวียนอัจฉริยะเมื่อไหร่ ข้าจะฆ่าต้วนหลิงเทียน ขจัดมารหัวใจเจ้าให้เอง”
หานอวิ๋นจิ่นกล่าว “ว่าแต่ในเมื่อพวกมันลงมือล้มเหลวแบบนี้ พวกเราจะไปทวงค่าจ้างที่จ่ายไปจากตู๋กูหวู่ที่รอดตายได้รึเปล่า?”
“เจ้าฝันอยู่รึไง?”
เหลยจวิ้นหัวเราะประชด ก่อนจะส่งข้อความต่อ “เจ้าคิดว่าเรื่องนี้มันเป็นไปได้ด้วยหรือ? ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ค่าจ้างที่พวกกเราจ่ายไปอาจจะยังอยู่ในแหวนตู๋กูเหวิน และสมควรถูกจักรพรรดิอมตะสมญานามที่มาช่วยฆ่าตู๋กูเหวินเอาไปแล้ว”
“ต่อให้จะไม่ถูกคนเอาไปและเป็นตู๋กูหวู่ที่เก็บไว้…แต่ในเมื่อตู๋กูเหวินตกตายไปทั้งคน เจ้ายังกล้าไปทวงของคืนจากตู๋กูหวู่ที่เสียพี่น้องไปหรือไร? หรือเจ้าไม่กลัวตู๋กูหวู่มันเอาโทสะมาลงกับเจ้าจนตาย?”
ได้ยินคำพูดของเหลยจวิ้น สีหน้าหานอวิ๋นจิ่นก็มืดลงทันที “เช่นนั้นพวกเราคงไม่ได้ของคืนแน่แล้ว…แต่อย่างน้อยๆพวกเราก็ต้องไปถามมันไม่ใช่รึไง ว่ามันจะเอาอย่างไรต่อ จะลงมือหรือจะเลิกล้ม?”
“เหอะๆ ต่อให้เจ้าอยากไปถามมันแค่ไหน เจ้าก็ทำได้แค่รอ…เพราะตอนนี้เจ้าสมควรตกเป็นเป้าการจับตาของฉือหล่างแล้ว”
เหลยจวิ้นกล่าว
“หากรอต่อไป…วันประลองระหว่างข้ากับต้วนหลิงเทียนก็มาถึงก่อนพอดี”
หานอวิ๋นจิ่นเอ่ยออกเสียงขรึม
“ไม่มีทางเลือกใดอื่น..นอกเสียจาก เจ้าอยากจะรีบตายก่อนประลอง! เพราะถ้าเจ้าไปหาตู๋กูหวู่ตอนนี้ และโดนฉือหล่างจับได้ เจ้าได้ถูกฉือหล่างฆ่าตายก่อนจะทันได้สู้กับต้วนหลิงเทียนแน่!!”
“สมคบคิดคนนอกล้างผลาญคนใน เป็นความผิดที่ร้ายแรงที่สุดในวังเทียนฉือ…หากเจ้าโดนข้อหานี้จริง ต่อให้เป็น จักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับอาจารย์เจ้า ก็ไม่มีปัญญาช่วยเจ้าได้”
ขณะส่งข้อความประโยคนี้ เสียงกล่าวของเหลยจวิ้นยังเย็นชาถึงขีดสุด
เนื่องเพราะหากหานอวิ๋นจิ่นทำอะไรโง่งมไปรนหาที่ตาย ไม่พ้นอีกฝ่ายต้องสร้างปัญหาให้มันแน่นอน
อย่างไรเสียตอนนี้ที่มันกังวลที่สุดก็คือลูกแก้ววิญญาณของมันอาจถูกพวกฉือหล่างพบเจอไปแล้ว และหากหานอวิ๋นจิ่นถูกจับได้ ไม่แน่ว่าอาจจะสารภาพผิดออกมาทั้งหมดโดยซัดทอดมาที่มัน เพื่อพยายามลดโทษของตัวเอง
ได้ยินคำกล่าวของเหลยจวิ้น หานอวิ๋นจิ่นก็เงียบไปพักหนึ่ง จากนั้นค่อยส่งข้อความตอบกลับว่า “ข้ารู้ขอบเขตดี…หากไม่มั่นใจว่าจะไม่ถูกจับได้ ข้าก็ไม่คิดออกจากวังเทียนฉือช่วงนี้หรอก”
หลังลั่นวาจาประโยคนี้ออกไป หลังจากนี้ตลอดปีหานอวิ๋นจิ่นก็อยากย้อนกลับมาตบปากตัวเองจริงๆ
เพราะทุกครั้งที่มันจะลอบออกจากวังเทียนฉือ มันก็พบว่าหากไม่ใช่ฉือหล่างมาเอง ก็มีศิษย์ของฉือหล่างมาเดินป้วนเปี้ยนผ่านหน้ามันไปมาตลอด…
นอกจากเวิ่นหว่านเอ๋อและศิษย์คนโตของฉือหล่างแล้ว ศิษย์ในด่านของฉือหล่างเหมือนจะผลัดกันแวะเวียนมาจับตาดูมันตลอด…
เห็นสิ่งนี้ หานอวิ๋นจิ่นย่อมไม่กล้าออกไปไหนสุ่มสี่สุ่มห้า
สุดท้ายมันก็ได้แต่ยอมแพ้
เพราะตอนนี้ก็เหลือเวลาอีกแค่ 2 เดือนเท่านั้น ก่อนที่มันจะต้องขึ้นไปเข่นฆ่ากับต้วนหลิงเทียนให้ตายกันไปข้างบนสังเวียนอัจฉริยะ
อย่างไรก็ตามหานอวิ๋นจิ่นยอมแพ้ แต่ศิษย์ของฉือหล่างไม่ยอมแพ้
ทั้งหมดยังตามเฝ้าจับตามองหานอวิ๋นจิ่นตลอด
เรียกว่าจับตาดูตลอดเวลา…จนกระทั่งถึงวันที่หานอวิ๋นจิ่นต้องขึ้นไปตัดสินกับต้วนหลิงเทียนบนสังเวียนอัจฉริยะ ว่าใครจะอยู่ใครจะตาย!!
แน่นอนว่าในช่วงเวลา 2 เดือนสุดท้ายก่อนการประลอง ก็มีแต่หูเหมย โอวหยางฉีเฟย และหงเฟยเท่านั้นที่มาจับตามองหานอวิ๋นจิ่น ส่วนต้วนหลิงเทียนถูกทุกคนไล่ให้ไปเตรียมตัวประลอง
ถึงแม้ทุกคนจะมั่นใจในความร้ายกาจของต้วนหลิงเทียน อย่างไรก็ตามบนสังเวียนอัจฉริยะไม่อาจใช้มังกรชั่วร้ายทั้ง 2 ได้
ดังนั้นทั้งหมดจึงหวังต้วนหลิงเทียนจะควบคุมร่างอวตารกฏของต้นไม้เทพสนหลิวให้คล่องที่สุดเท่าที่จะทำได้ กระทั่งหวังให้เผชิญหน้ากับหานอวิ๋นจิ่นในสภาพที่เตรียมพร้อมที่สุด
ในวันที่ต้วนหลิงเทียนกับหานอวิ๋นจิ่นต้องขึ้นไปชี้เป็นชี้ตายบนสังเวียนอัจฉริยะนั้น ตั้งแต่รุ่งสางก็มีศิษย์วังเทียนฉือมากหน้าหลายตาแห่กันมารวมตัวที่สังเวียนอัจฉริยะ
“ในที่สุดวันที่ข้าเฝ้ารอคอยก็มาถึงเสียที…ไม่ทราบว่าหลังพ้นวันนี้ไป จักเป็นศิษย์คนที่ 7 ของจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีฉือหล่าง ต้วนหลิงเทียน หรือศิษย์คนโตของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ หานอวิ๋นจิ่น กันแน่! ที่จะรอดชีวิตเป็นคนสุดท้าย!!”
“ต้วนหลิงเทียนผู้นั้น เห็นว่าพึ่งเข้าร่วมกับวังเทียนฉือเราหยกๆ อายุก็ยังไม่ถึง 300 ปีด้วยซ้ำ แต่พลังฝีมือกลับร้ายกาจเกินตัวนัก”
“เหอะๆ ลองมันกล้าขึ้นไปเข่นฆ่ากับหานอวิ๋นจิ่นได้ อย่างน้อยๆก็ต้องมีพู่กันสองด้าม”
“นั่นก็ไม่แน่นักหรอก ครั้งสุดท้ายที่ทั้งคู่ตกลงขึ้นไปสู้กันไม่ตายไม่เลิกราข้าก็อยู่ในเหตุการณ์ และแลแล้วไม่แน่ว่าต้วนหลิงเทียนจะอยากขึ้นไปประลองกับหานอวิ๋นจิ่นจริงๆ เพียงแค่จะทำขวัญกล้าท้าให้หานอวิ๋นจิ่นหวาดกลัวไม่กล้าสู้เท่านั้น แต่ไม่คิดว่าสุดท้ายหานอวิ๋นจิ่นจะถูกบีบให้ตอบรับคำท้าประลองในที่สุด ไปๆมาๆก็เหมือนไล่เป็ดขึ้นคอนเสียอย่างนั้น…”
“เอาล่ะ ผู้ใดจะแน่กว่ากัน แล้วใครจะเป็นฝ่ายชนะเดี๋ยวการประลองวันนี้ก็บอกพวกเราเอง!”
“เฮ่ย พวกเจ้ารู้ยังทางนั้นมีคนรับแทงแน่ะ พวกเจ้าไม่ไปแทงดูเล่า? ถึงแม้อัตราต่อรองของหานอวิ๋นจิ่นจะค่อนข้างต่ำ แต่หากแทงมากๆแล้วมันชนะก็พอได้อยู่ ข้าเองก็จัดหนักไปแล้ว!”
“อัยยะ เห็นนิ่งๆที่จริงพี่ท่านไวใช้ได้เลย! แต่ข้าก็ไปแทงหานอวิ๋นจิ่นมาแล้วเหมือนกัน…”
…
เรียกว่ารอบสังเวียนอัจฉริยะยามรุ่งสางวันนี้ มันคึกคักมีชีวิตชีวาไม่ต่างอะไรจากตลาดสดยามเช้าเลยจริงๆ