War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3325
ตอนที่ 3,325 : ผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกร
“ไม่ทราบว่าอีกนานเท่าไหร่ ผู้อาวุโสฟงชิงหยางจึงจะรับรู้ถึงข้อความที่อาวุโสเมิ่งชวนติดต่อไป…”
“แต่ถึงท่านจะรับรู้เกรงว่าท่านคงจะไม่ใส่ใจอะไรข้า”
“ด้านมารดาส่วนเอ๋อดูสภาพแล้วก็มักจะถูกทรมานบ่อยครั้ง กระทั่งบิดาฮ่วนเอ๋อเองก็ไม่พ้นต้องทรมานใจอย่างสาหัส”
“ส่วนเอ๋อเองที่รออยู่ในระนาบเซียนก็เช่นกัน”
“ถึงแม้นางจะบอกไว้แล้วว่าหากข้าไม่มั่นใจก็อย่าเสี่ยง ดูท่าหากข้าเกิดเรื่องอะไร….นาง ก็คงต้องเสียสติแล้วบุกมาตายไปกับข้าแน่ แต่จะให้ข้ากลับไปหานางมือเปล่าได้อย่างไร?
หลังสูดลมหายใจเข้าลึกๆไม่กี่ครั้ง สองตาต้วนหลิงเทียยกส่องแสงจ้า ราวแสงตะวันลอดผ่านช่องเล็กๆในห้องหับ
ครู่ต่อมาประกายในแววตาต้วนหลิงเทียนยิ่งมากยิ่งแหลมคม เขาเริ่มคิดหาวิธีแล้ว
ราวๆ 1 เค่อต่อมา สองตาต้วนหลิงเทียนก็สว่างวาบอีกครั้ง “ดูเหมือนมีแต่ต้องทําแบบนี้เท่านั้น…”
“ผู้อาวุโสเมิ่งชวน”
ต้วนหลิงเทียนส่งข้อความติดต่อไปหาเมิ่งชวนทันที “หลังจากนี้สักระยะข้ารบกวนให้ท่านช่วยอยู่ใกล้ๆวังเทียนฉือ…และราวๆครึ่งปีให้หลัง ข้าหวังว่าท่านจะช่วยถ่วงรั้งโหวเพิ่งอวจ้าวตําหนักเทียนฉือผู้นั้น”
“เจ้าโหยวเชิงอวี้นั่นให้ข้าสู้พัวพันรั้งมันไว้ไม่มีปัญหา…แต่เจ้าแน่ใจหรือว่าเจ้าจะหาคนมาช่วยเจ้าได้?”
เมิ่งชวนถาม
“หากข้าไม่มั่นใจในระดับหนึ่ง ข้าก็คงไม่คิดรบกวนอาวุโสเมิ่งชวน”
ต้วนหลิงเทียนกล่าว
“เอาล่ะ เช่นนั้นข้าจะอยู่อู๋หยาเทียนไม่ไปไหน ยังจะรอหน้าวังเทียนฉือสักครึ่งปีตามเจ้าว่าเถอะ”
เมิ่งชวนกล่าวตกลง
เหตุผลที่ไฉนเมิ่งชวนตอบรับง่ายนัก เพราะมันเห็นแก่หน้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ มันเองก็รู้ดีว่าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของมันไม่ใช่คนที่ไปทิ้งมรดกเรี่ยราด!
เนื่องจากชายหนุ่มนาม ต้วนหลิงเทียนผู้นี้ได้รับมรดกจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ วันหน้าไม่พ้นต้องได้กลายเป็นศิษย์อย่างเป็นทางการของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์แน่!
เป็นธรรมดาว่ายังมีความเป็นไปได้อื่นอยู่
ต้วนหลิงเทียนคนนี้ก็คือทายาทลึกลับ ที่พี่ชายของมันเผลอหลุดปากออกมาว่า ใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์กําลังลอบหาตัวเป็นการลับ
หากต้วนหลิงเทียนเป็นคนผู้นั้นจริงๆ และถ้าต้วนหลิงเทียนใจกว้างสกหน่อย มันก็เสมือนได้ลาภก้อนใหญ่กําไรบานเบอะ!
เป็นธรรมดาว่าเรื่องของเรื่องก็คือ เมิ่งชวนนั้นรู้ดีว่าถึงมันจะไม่ใช่คู่ต่อสู้ของจ้าววังเทียนฉือ โหยวเฟิงอวี้แต่อีกฝ่ายก็ไม่มีทางฆ่ามันแน่นอน!
กระทั่งต่อให้จักพรรดิสวรรค์แห่งอู๋หยาเทียนมาเอง ก็ไม่กล้าฆ่ามันด้วยซ้ำ
….
ณ ว่านโชาวเทียน
ว่านโช่วเทียน ก็มีขุมกําลังระดับสวรรค์มากมาย และเนื่องจากสิ่งมีชีวิตกว่า 99 ใน ร้อยส่วนของว่านโชาวเทียนเป็นสัตว์อมตะ เช่นนั้นขุมกําลังเหล่านี้ก็คือขุมกําลังของเหล่าสัตว์อมตะนั่นเอง
เผ่ามังกร รวมถึงเผ่ามังกรโลหิตก็จัดเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ของว่านโช่วเทียน
หุบจันทร์โลหิตเองก็จัดเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ของว่านโช่วเทียนเช่นกัน สถานที่ตั้งของหุบเขาแห่งนี้ อยู่ในสถานที่อันเงียบสงบวังเวงแห่งหนึ่งของว่านโช่วเทียน มีหมอกสีเลือดลอยต่ำปกคลุมตลอดทั้งปี โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน หากแหงนมองจันทราบนฟ้า ในหุบจันทร์โลหิตก็จะเห็นเป็นจันทราสีเลือด
นาม หุบจันทร์โลหิต ก็ได้มาเพราะเหตุนี้
“อาวุโส 9 ท่านแน่ใจรึเปล่า ว่าข่าวที่ท่านได้มาเป็นความจริง ไม่มั่วนิ่ม?”
สตรีในชุดคลุมสีทองแลดูสวยงาม หากทว่านางกลับแลดูเสมือนเด็กซนขี้เล่น เท้าสะเอวหยี ตามองถามชายชราในชุดคลุมสีเทาหลวมๆอย่างไม่ค่อยแน่ใจ และนี่เป็นการถามครั้งที่ 3 ของนางแล้ว
“ฮัยยา เสี่ยวจินอา…ไฉนเจ้าถึงได้สงสัยคําพูดของข้าผู้เฒ่านักเล่า? มิรู้หรือไรว่าตาเฒ่าผู้นี้ คือหัวหน้าหน่วยข่าวกรองของหุบจันทร์โลหิตเรา! ทุกคนรับทราบดีว่าหากบ้านใดมีชู้ไม่พ้นหูข้าผู้เฒ่า! เช่นนั้นข่าวที่ข้าผู้เฒ่าได้มามันจะไปเป็นข่าวปลอมได้อย่างไร?”
ชายชราส่ายหัวไปมาอย่างระอา ค่อยกล่าวเสริมว่า “ข่าวนี้เป็นความจริงแน่นอน ตอนนี้ คนของข้าที่อวี้หวงเทียนกว่าครึ่ง เรียกว่าไม่มีใครไม่รู้จักต้วนหลิงเทียนแล้ว กระทั่งหน้าของเจ้าหนุ่มนั้นทุกคนยังเก็บเอาไปฝันด้วยซ้ำ!”
“ต้วนหลิงเทียนที่ว่าก็คือชายหนุ่มชุดม่วงหน้าตาหล่อเหลา…เอ้า สิบปากว่าไม่เท่าตาเห็น เจ้าชมดูเองแล้วกันว่านี่ใช่คนที่เจ้าตามหาหรือเปล่า”
พอชายชรากล่าวจบคํา มันก็ยกมือขึ้นโบกเบาๆก่อนจะปรากฏม้วนภาพหนึ่งเข้ามือ หลังจากที่ม้วนภาพถูกคลี่กาง ภาพวาดคนๆหนึ่งก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าต่อตาสตรีในชุดคลุมทอง
ในภาพวาดนั้น เป็นบุรุษหนุ่มหน้าตาหล่อเหลาในชุดคลุมสีม่วง….ท่วงท่าลักษณะไม่ธรรมดาถึงแม้ภาพวาดนี้แลแล้วจะเร่งวาดขึ้นมาอย่างหยาบๆ แต่ก็ทําให้สตรีชุดคลุมทองตะลึงค้างไปพักหนึ่ง
“ใช่! ใช่จริงๆด้วย..เป็นพี่ใหญ่หลิงเทียน! เป็นพี่ใหญ่หลิงเทียนจริงๆ!”
“ฮ่าๆๆๆๆ! ในที่สุดข้าก็หาพี่ใหญ่หลิงเทียนเจอแล้ว!!”
“ฮึๆๆ ยังไงล่ะเสี่ยวเฮยเสี่ยวไป๋! เรื่องที่พวกเจ้าพี่น้องทําไม่ได้ แต่สุดท้ายข้าเสี่ยวจินผู้นี้ก็ทําได้สําเร็จ ข้าหาพี่ใหญ่หลิงเทียนเจอแล้ว!!”
หลังจากจับจ้องมองภารวาดในมืออยู่พักหนึ่ง หญิงสาวในชุดคลุมทองก็อดไม่ได้ที่จะระเบิดเสียงหัวเราะออกมาอย่างโผงผาง หาความเป็นกุลสตรีไม่เจอทําให้ชายชราที่อยู่ข้างๆอดไม่ได้ที่จะส่ายหน้าไปมาไม่หยุด
มันคิดเท่าไหร่ก็คิดไม่ออกจริงๆ
ว่าไฉนท่านผู้อาวุโสใหญ่ถึงได้ชอบยาโถวน้อยบ้าบอผู้นี้นัก
ยิ่งไปกว่านั้นตอนรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ผู้อาวุโสใหญ่ถึงกับป่าวประกาศไปทั่ว
หรือทั้งหมดเป็นเพราะผู้อาวุโสใหญ่ถูกชะตากับนางที่เป็นสัตว์อมตะเผ่าพันธุ์หนูเช่นกัน?
“เสี่ยวเฮย! เสี่ยวไป๋!”
หลังหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลังอยู่พักหนึ่ง สตรีในชุดคลุมทองก็สูดลมหายใจเข้าฮวบๆ พอได้สติกลับมาแล้ว ก็เร่งส่งข้อความไปหาสหายทั้งสองในเผ่ามังกรทันที “ข้ามีข่าวพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้ว! พวกเจ้ามาคารวะแล้วเรียกข้าว่าพี่สาวเสี่ยวจินผู้ยิ่งใหญ่ที่หุบจันทร์โลหิตเร็วๆ!!”
ชายหนุ่มในชุดดําสนิทกับสตรีชุดขาวที่กําลังฝึกฝนบ่มเพาะอยู่ในเผ่ามังกร อยู่ๆได้รับข้อความ ด้วยน้ำเสียงคุ้นหูด้วยถ้อยคําดังกล่าว ทั้งคู่ก็พร้อมใจกันหยุดฝึกก่อนจะพุ่งออกจากสถานที่บ่มเพาะมาเจอกันทันที
“เสี่ยวจินบอกข้าว่านางได้ข่าวพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้ว ให้ข้าไปเจอนางที่หุบจันทร์โลหิต!”
สตรีชุดขาวกล่าว
“อืม ข้าก็ได้ข้อความจากนางเช่นกัน”
ชายหนุ่มชุดดําแต่เดิมนั้นมักทําหน้าเย็นชานิ่งๆอยู่ตลอดเวลา แต่พอมองกล่าวกับสตรีชุดขาวสีหน้าแววตาก็กลายเป็นอ่อนโยนทั้งเอ็นดู
“เสี่ยวไป๋เข้าไปบอกเรื่องนี้กับผู้อาวุโส 4 เถอะ”
ชายหนุ่มชุดดําเอ่ยกับหญิงสาวในชุดขาว “ท่านอาวุโส 4 รู้อยู่แล้วว่าพวกเรามีความสัมพัน ธ์กับพี่ใหญ่หลิงเทียนอย่างไร นางเข้าใจพวกเราดี”
“อื้อ”
หญิงสาวชุดขาวพยักหน้ารับคํา ก่อนจะเร่งรุดเหินร่างออกไปเร็วไว ทิศทางที่มุ่งหน้าไปก็คือสถานที่พักอาศัยของเหล่าอาวุโสของเผ่ามังกร
อย่างไรก็ตามสิ่งที่ชายหนุ่มชุดดําคาดไม่ถึงก็คือ ตอนหญิงสาวชุดขาวกลับมา ข้างกายนางยังมีร่างๆหนึ่งติดตามมาด้วย
ร่างที่ว่าก็คือ จี้หนิงอวิ๋น อาวุโส 4 ของเผ่ามังกร นางเป็นสตรีสะสวยมาในชุดสีขาวแลดูสง่างามทั้งหรูหรา ท่วงท่าลักษณะประหนึ่งสตรีชนชั้นสูงที่แลดูสูงศักดิ์เลอค่า
“อาวุโส 4”
เมื่อเห็นสตรีชุดขาวดังกล่าว ชายหนุ่มชุดดําก็เร่งประสานมือคารวะทักทายทันที
“เสี่ยวเฮย ข้าได้ยินจากเสี่ยวไป๋น้องสาวเจ้าว่าพวกเจ้าได้ข่าวพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้วหรือสหายของพวกเจ้าตามหาชายคนนั้นพบแล้ว?”
จี้หนิงอวิ๋นเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม
“ใช่”
เสี่ยวเฮยพยักหน้า
“ช่วงนี้ข้าไม่ได้มีธุระอะไร…เช่นนั้นข้าจะไปพร้อมเจ้ากับเสี่ยวไป๋ แล้วชมดูพี่ใหญ่ชาวมนุษย์ที่ทําให้พวกเจ้าเฝ้าคิดถึงทั้งตามหามาตลอดระยะเวลาหายปีที่ผ่านสักครา”
จี้หนิงอวิ๋นยิ้มกล่าว “ถือเสียว่าพวกเราไปเที่ยวพักผ่อน”
“เสี่ยวเฮย ด้วยมีป้าอวิ๋นไปกับพวกเรา เช่นนั้นพวกเราก็ไม่ต้องกลัวเจอพวกโจรละโมบที่จะมาวุ่นวายพวกเรากับเสี่ยวจินตอนไปหาพี่ใหญ่หลิงเทียนแล้ว”
หญิงสาวชุดขาวนาม เสี่ยวไป๋ ก็เร่งกล่าวเสริมเร็วไว
นางกับเสี่ยวเฮยอย่างไรก็เป็นเผ่าพันธุ์มังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ หากโดนยอดฝีมือพบเจอพวกมันไม่พ้นต้องคิดเช่นฆ่าและเอาร่างพวกนางพี่น้องไปด้วยความโลภแน่นอน
ร่างมังกรเทพยดา 9 กรงเล็บ เรียกว่าเต็มไปด้วยสมบัติล้ำค่า
ถึงแม้เสี่ยวไป๋จะเป็นลูกศิษย์ของจี้หนิงอวิ๋น แต่จี้หนิงอวิ๋นไม่ได้ให้นางเรียกหาว่าอาจารย์อะไร แต่ให้เรียกว่าป้าอขึ้นแทนซึ่งทําให้แลดูสนิทสนมกันมากขึ้น
“อา”
เสี่ยวเฮยพยักหน้า เพราะมันก็รู้ดีว่าปฏิเสธไปก็ไร้ประโยชน์ เพราะเห็นได้ชัดว่าอาวุโส 4 นั้นเป็นห่วงความปลอดภัยของมันกับน้องสาว
“ตาแก่นั่นก็ออกจากการปิดด่านบ่มเพาะมานานแล้ว ครั้งนี้พาตาแก่ไปเที่ยวพักผ่อนด้วยก็ดีเหมือนกัน”
จี้หนิงอวิ๋นยิ้ม
ได้ยินคําพูดประโยคนี้ของจี้หนิงอวิ๋น ไม่ว่าจะเสี่ยวเฮยหรือเสี่ยวไป๋ก็อดตกตะลึงไม่ได้
ทั้งคู่รู้ดีว่า “ตาแก่” ที่จี้หนิงอวิ๋นเรียกหาคือใคร เป็นผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรผู้นั้น 1 ใน 3 ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดา 16 จักรพรรดิอมตะสมญานามของเผ่ามังกร!
หลังจากเสียงกล่าวของหนิงอลิ้นดังจบคําได้ไม่นานนัก ชายวัยกลางคนร่างกํายําหนึ่งก็วูบมาปรากฏตัวข้างกายจี้หนิงอวิ่นปานภูตผี
ชายวัยกลางคนผู้นี้ร่างกายกํายําปีกปืน ใบหน้ารูปเหลี่ยมของมันแลดูคมเข้มน่าเกรงขาม แม้ไม่มีโทสะแต่กลับทําให้ผู้คนยําเกรง
อย่างไรก็ตามยามมันหันไปมองจี้หนิงอวิ๋นที่อยู่ข้างๆ ใบหน้าอันน่าเกรงขามขอมมันก็ฝืนยิ้มออกมาอย่างหาได้ยาก “หนิงอวิ๋น เจ้าเรียกหาข้าหรือ?”
“พอดีเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋กําลังจะไปเยือนอวี้หวงเทียนพร้อมกับเจ้าหนูน้อยของหุบจันทร์โลหิต ข้าเองก็เลยคิดจะไปเดินเล่นกับพวกเด็กๆ ท่านเองก็บ่นว่าเบื่อๆเพราะไม่มีอะไรทําไม่ใช่รี มิสู้มากับพวกเราเถอะ”
จี้หนิงอวิ๋นกล่าว
“ไปเที่ยว ประเสริฐ!”
ชายวัยกลางคนหน้าเหลี่ยมแลดูน่าเกรงขามผู้นี้ก็คือผู้อาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกร จื้อวี่เหนียน และเป็นตัวตนที่มีชื่อเสียงเลื่องลือในว่านโช่วเทียน
“อาวุโสใหญ่”
“อาวุโสใหญ่”
ขณะเดียวกันทางด้านเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็เร่งประสานมือคารวะทักทายจื้อวี่เหนียนเร็วไว เพราะฐานะของชายวัยกลางคนผู้นี้ในเผ่ามังกร ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้นําเผ่าพันธุ์มังกรเลย!
“ไปกันเถอะ”
จื้อวี่เหนียนพยักหน้าให้เสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ จากนั้นฝ่ามือใหญ่ปานไม้พายของมันก็ยกขึ้นโบกสะบัดคราหนึ่ง ต่อมาไม่เพียงแต่มันไม่ว่าจะจี้หนิงอวิ๋นที่อยู่ข้างกายกระทั่งเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ก็อันตรธานหายไปทันที
สิ่งที่จื้อวี่เหนียนกําลังใช้อยู่ก็คือการเคลื่อนย้ายข้ามมิติ เพราะกฏที่มันเชี่ยวชาญก็คือ 1 ใน 4 กฏสูงสุดกฏมิติ!
ณ หุบเขาจันทร์โลหิต เมื่อหญิงสาวในชุดคลุมทองแลเห็นการมาของจื้อวี่เหนียนก็ตกอกตกใจไม่น้อย ท่าที่ซุกซนกลายเป็นเรียบร้อยๆขึ้นมาทันที ยังเร่งส่งเสียงผ่านพลังไปหาเสี่ยวเฮยกับเสี่ยวไป๋ทันที “เสี่ยวเฮย เสี่ยวไป๋ พวกเจ้าร้ายกาจแท้เล่า…กระทั่งจะไปไหนมาไหนเดี๋ยวนี้ถึงกับมีผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรพาไปเลยหรือ นับถือๆ”
“เสี่ยวจิน เป็นป้าอวิ๋นชวนผู้อาวุโสใหญ่ให้มาเที่ยวด้วยกันน่ะ”
เสี่ยวไป๋ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับ
สําหรับเสี่ยวเฮย เพียงทําหน้านิ่งแลดูไม่สนใจเสี่ยวจิน
“ฮ่าๆๆเช่นนี้ก็ดี เพราะตาแก่นั่นก็เอาแต่ห่วงข้าว่าจะไม่ให้ออกไปไหน ตอนนี้มีผู้อาวุโสใหญ่ของเผ่ามังกรไปด้วย ตาแก่ก็คงสบายใจได้เสียที
เสี่ยวจินลอบหัวเราะร่าในใจอย่างสนุกสนาน จากนั้นก็พาทุกคนไปยังค่ายกลเคลื่อนย้ายข้ามระนาบเทวโลกของหุบจันทร์โลหิต จากนั้นก็ใช้มันเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังแดนทักษินยุทธ์ของอวี้หวงเทียนโดยตรง
และเมื่อมาถึงแดนทักษินยุทธ์แล้ว ทั้งหมดก็มุ่งหน้าไปนิกายกระบี่หมื่นหายนะอย่างไม่รอช้า
“จากข่าวที่ข้าสืบได้มา พี่ใหญ่หลิงเทียนได้เข้าร่วมกับนิกายกระบี่หมื่นหายนะ และกลายเป็นศิษย์ของผู้นําสายก้านเจี้ยงของนิกายกระบีหมื่นหายนะ”
เมื่อมาถึงสถานที่ตั้งนิกายกระบี่มหนหายนะ เสี่ยวจินก็บอกเรื่องที่สืบได้ออกมา
ถิ่นที่อยู่ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะนั้นมีการคุ้มกันอย่างแน่นหนา แม้จะเป็นจื้อวี่เหนียนอาวุโสใหญ่แห่งเผ่ามังกรมาด้วยตัวเอง ก็ไม่กล้าบุกฝ่าเขาไปอย่างอุกอาจ เพียงกล่าวแจ้งการมากับหน่วยลาดตระเวนของนิกายกระบหมื่นหายนะโดยตรง
“นิกายกระบี่หมื่นหายนะทั้งๆที่เป็นขุมกําลังระดับ 1 แท้ๆ แต่ไม่คิดเลยว่าค่ายกลที่ปกป้องอาณาเขตนิกายจะแข็งแกร่งถึงขนาดนี้”
เสี่ยวไป๋ถอนหายใจเบาๆ
“เสี่ยวไป๋ ถึงแม้ตอนนี้นิกายกระบี่หมื่นหายนะจะเป็นเพียงขุมกําลังระดับ 1 แต่ก็ที่พื้น เพจากขุมกําลังระดับสวรรค์….เพราะในอดีต นิกายกระบหมื่นหายนะเองก็เป็นขุมกําลังระดับสวรรค์ที่แข็งแกร่งขุมหนึ่งของอวี้หวงเทียน”
จี้หนิงอวิ๋น อาวุโส 4 ของเผ่ามังกรยิ้มกล่าว “เช่นนั้นค่ายกลพิทักษ์ของนิกายกระบี่หมื่นหายนะ ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าค่ายกลพิทักษ์เผ่ามังกรของพวกเราสักเท่าไหร่”
“แต่ก่อนเคยเป็นขุมกําลังระดับสวรรค์หรือ? ไม่น่าแปลกใจเลย”
เสี่ยวไป๋ก็เข้าใจได้ทันที
“นอกจากนั้น ถึงตอนนี้นิกายกระบี่หมื่นหายนะจะเป็นเพียงขุมกําลังระดับ 1 แต่กล่าวกันว่า ในนิกายยังมีจักรพรรดิอมตะที่มีพลังทัดเทียมกับจักรพรรดิอมตะสมญานามอยู่ อีกทั้งผู้นําสายก้านเลี้ยงกับสายม่อเหยีย หากร่วมมือกันก็สามารถเข่นฆ่าจักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปได้ไม่ยาก..”
ฟังจากคําพูดของจี้หนิงอวิ๋นแล้ว เห็นได้ชัดว่านางก็รู้จักนิกายกระบี่หมื่นหายนะมากพอสมควร