War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3336
ตอนที่ 3,336 : ถูกล้อม
“ข้าจําได้แล้ว!”
หลังได้ยินคําพูดของโหยวเฟิงอวี้ สีหน้าเหลยอิงกลายเป็นมืดมนทันที จากนั้นสองตาก็ทอประกายคล้ายนึกอะไรได้ โพล่งกล่าวออกมาเสียงดัง “เป็นต้วนหลิงเทียนนั่นเอง!”
“ข้าก็ว่าแล้วว่าแผ่นหลังชายชุดม่วงไฉนถึงได้คุ้นตาข้านัก….ที่แท้เป็นแผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนนั่น!”
กล่าวถึงท้ายประโยค เหลยอิงก็หันไปมองฉือหล่างตาขวาง ในแววตายังคล้ายมีสายฟ้าแลบลั่น กล่าวออกเสียงเย็นว่า “ฉือหล่าง ศิษย์คนที่ 7 ของเจ้าประเสริฐนักไม่เพียงแต่จะกล้าปล่อยเผยหยวนจี๋กับคนอื่นๆ แต่ยังกล้าฆ่าเหลยจวิ้นลูกชายคนเดียวของข้าอีกด้วย!”
“ก่อนหน้านี้ มิใช่ข้าก็ไปกับเจ้าเพื่อเชิญจ้าววังไปยังสังเวียนอัจฉริยะ เพื่อห้ามปรามจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับหรือไร…นี่ใยมิใช่ข้าเลี้ยงหมาป่าให้มาแว้งกัด?”
น้ำเสียงของเหลยอิงตอนนี้ ฟังแล้วชวนให้บังเกิดความเหน็บหนาวนัก
เป็นธรรมดาว่าหลังจากฉือหล่างได้ยินคําแขวะของเหลยอิง สิ่งแรกที่ฉือหล่างคิดก็คือ ไม่ใช่เหลยอิงคิดช่วยต้วนหลิงเทียนเพื่อเอาใจฮ่วนเอ๋อข้างต้วนหลิงเทียนเองหรือไร? ไฉนวันนี้มาโทษมัน…
ฮ่วนเอ๋อนั้นเป็นศิษย์อัจฉริยะที่สุดของเหลยอิง และมีคุณค่ามากกว่าใคร
ประการที่สอง ถึงแม้เหลยอิงจะไม่ได้ช่วยต้วนหลิงเทียนเพื่อฮ่วนเอ๋อ แต่ก็ไม่ใช่เพราะนางต้องการช่วยต้วนหลิงเทียนจากใจแน่ ก็แค่ช่วยเพราะเห็นแก่หน้ามันเท่านั้น
แน่นอนว่าเรื่องนี้ฉือหล่างก็ได้แต่คิดในใจเท่านั้น ภายนอกก็ได้แต่ยิ้มแหยๆตอบคําเหลยอิงไปว่า “เหลยอิงข้าไม่รู้มาก่อนว่าต้วนหลิงเทียนจะทําอะไรแบบนี้”
“หาไม่แล้ว ข้าต้องหยุดมันแต่แรก”
ฉือหล่าง ถอนหายใจเฮือกใหญ่
“เหอะๆเช่นนั้นกล่าวได้ว่าหานอวิ๋นจิ่นศิษย์ข้า ที่แท้ก็ตกตายเพราะน้ำมือคนนอกที่แฝงตัวเข้ามาสินะ…ประเสริฐแท้”
ชายชราผมขาวแต่ใบหน้าเยาว์วัยปานเด็กทารกที่เงียบไม่พูดจามาแต่แรก จักรพรดริอมตะฟ้าลี้ลับ ผู้ที่มีพลังฝีมือเป็นรองก็แต่จ้าววังเทียนฉือ เอ่ยประชดออกมาด้วยน้ำเสียงจิกกัด
และพอมันกล่าวจบค่ำ ก็มองจ้องมายังฉือหล่างเขม็ง ดวงตาฉายแววเย็นชาเอาเรื่องนัก
หลังจากนั้นมันก็เหลือบไปมองเหลยอิงด้วยสีหน้าสะใจ “เหลยอิง หากเจ้ารู้แต่แรกว่าวันหนึ่งลูกชายคนเดียวของเจ้าจะต้องมาตายเพราะต้วนหลิงเทียนนั่น วันนั้นเจ้ายังจะช่วยมันอยู่หรือไม่เล่า?”
และวาจานี้ของจักรพรรดิอมตะฟ้าลี้ลับ ก็ทําให้สีหน้าเหลยอิงบิดเบี้ยวอัปลักษณ์ถึงขีดสุด!
“รอให้ตามพวกมันทันก่อนเถอะ! ข้าเหลยอิงจักฆ่าสารเลวต้วนหลิงเทียนนั่นด้วยมือข้าเอง!”
เสียงเหลยอิงเย็นลงถึงขีดสุด “ไม่มีผู้ใดแย่งมันไปจากข้าได้!!”
ถึงแม้นางมักจะเข้มงวดกับเหลยจวิ้นเสมอ แต่ทั้งหมดล้วนเป็นการเคี่ยวกรําเพราะหวังให้บุตรชายเป็นดั่งมังกรในมวลมนุษย์ ในสายตาคนอื่น อาจคิดว่าสถานะของเหลยจวิ้นในใจนาง เทียบกับศิษย์คนโตของนางไม่ได้ กระทั่งยังสู้ศิษย์หญิงคนที่ 3 คนใหม่ไม่ได้
แต่อันที่จริงแล้ว ไม่ว่าจะศิษย์คนโต หรือศิษย์หญิงคนที่ 3 หรือกระทั่งให้มัดรวมศิษย์อีก 2 คนที่เหลือรวมกัน ก็ยังเทียบไม่ได้กับความสําคัญของเหลยจวิ้นในใจนางเลย
สุดท้ายแล้วนั้นก็คือลูกชายเพียงคนเดียวของนาง!
“เหลยอิงเจ้าอย่าได้กังวล…ต้วนหลิงเทียนนั่น ในเมื่อมันฆ่าเหลยจวิ้นลูกชายเจ้า เช่นนั้นพวกเราจักปล่อยให้เจ้าเล่นกับมันคนเดียวจนสาแก่ใจ”
จักรพรรดิอมตะมังกรบู๊กู้ฉางเจียงกล่าวถึงจุดนี้ก็แสยะยิ้ม ก่อนจะหันไปมองฉือหล่างพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงสนุกสนาน “เว้นเสียแต่…ฉือหล่างคิดจัดการเรื่องราวในด่านด้วยตัวเอง”
ด้านฉือหล่าง เมื่อเห็นเหลยอิงหันมามองจ้องอีกครั้ง มันก็เงียบไม่พูดจา แต่สีหน้านั้นแลดูไม่ค่อยจะสู้ดีสักเท่าไหร่
เพราะจนถึงตอนนี้ มันยังไม่อยากจะเชื่อเลย ว่าศิษย์คนที่ 7 ของมันจะทรยศวังเทียนฉือรวมถึงมันกับศิษย์ทั้งหลายของมันได้ลงคอจริงๆ!
“ตอนนี้นั่งหนูหย่าชีไม่พ้นต้องทราบเรื่องราวหมดแล้ว…”
ฉือหย่าชี ลูกสาวของฉือหล่างที่เป็น 1 ใน 3 พัสดีของคุกหมื่นพันธนาการ ป่านนี้ไม่พ้นต้องได้รับรายงานเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดจากอาวุโสของหอเกิดดับ
เพราะท้ายที่สุดแล้ว ฉือหย่าชีก็ไม่ได้เป็นแค่ 1 ใน 3 พัสดีของคุกหมื่นพันธนาการเท่านั้น แต่นางยังเป็นจ้าวหอเกิดดับของคุกหมื่นพันธนาการอีกด้วย!
คิดถึงจุดนี้ ฉือหล่างก็เร่งส่งข้อความไปถามลูกสาวของตัวเองทันที
“ข้ารู้เรื่องแล้ว”
และคําตอบที่ลูกสาวของมันส่งกลับมา ก็ทําให้ฉือหล่างยืนยันได้แน่ชัด ว่าลูกสาวของมันรู้เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดแล้วจริงๆ
ต้วนหลิงเทียนเอง ก็ได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว ว่าไม่นานฉือหล่างต้องรู้เรื่องที่เขาช่วยเผยหยวนจี๋แน่
อย่างไรก็ตาม ในแผนที่ต้วนหลิงเทียนวางเอาไว้ แม้ฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าจะรู้เรื่องนี้จากวังเทียนฉือ แต่อย่างน้อยๆก็ต้องใช้เวลา 5-6 วันกว่าจะกลับมาถึง
อย่างไรก็ตามเขาไม่คิดไม่ฝันจริงๆ
ว่าทั้งฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าจะไม่ได้ออกไปจากวังเทียนฉือ
คนที่เขาอุตส่าห์ไปหามาอย่างยากลําบาก ไม่คิดเลยว่ามันจะยังไม่ทันได้ทําตามคําสั่งของเขากลับโดนโจทย์เก่าตามเจอ จนถูกฆ่าตายไปเสียฉิบ!
“อาวุโสเมิ่งชวน”
ต้วนหลิงเทียนและเผยหวนจี๋รวมถึงคนอื่นๆ หลังมุ่งหน้าไปตามทิศทางที่ต้วนหลิงเทียนชี้นํา ในที่สุดก็ได้พบเจอกับ เมิ่งช่วน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนที่เห็นร่างสวนมา
“โอ้ ดูเหมือนว่าเรื่องราวทุกอย่างจะเป็นไปได้ด้วยดีสินะ”
เมื่อเห็นต้วนหลิงเทียนกับพวกทั้ง 8 เมิ่งชวนก็กล่าวทักออกมาด้วยรอยยิ้มบางๆ
“ท่านคือเมิ่งชวน? จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนงั้นรึ!?”
หญิงชรา ที่เห็นร่างติดตามอยู่ด้านหลังต้วนหลิงเทียนกับเผยหยวนจี๋ พอเห็นเมิ่งชวน นางก็เอ่ยทักขึ้นมาสองตาเป็นประกาย “ชื่อของท่านกับพี่ชายท่านเมิ่งหลัว หญิงชราผู้นี้ได้ยินคําร่ำลือมานานแล้ว”
“ท่านคือ?”
เมิ่งชวน หันไปมองถามหญิงชรา
“จักรพรรดิอมตะผกาทอง เซี่ยจินฮัว…แต่ใต้เท้าเมิ่งชวนคงมิเคยได้ยินนามต้อยต่ำของหญิงชราผู้นี้หรอก”
หญิงชราคนนี้ก็คือจักรพรรดิอมตะผกาทอง เซี่ยจินฮัว ที่บอกต้วนหลิงเทียนว่านางมีพื้นเพมาจากจี้เมี่ยเทียน
“จักรพรรดิอมตะผกาทอง?!”
ลูกตาเมิ่งชวนหดเล็กลงเร็วไว “เป็นท่าน…ที่แม้สามีจักชรามากแล้ว แต่ยังชมชอบออกไปเด็ดดมดอกไม้ริมทาง สุดท้ายท่านก็คุ้มคลั่งบุกไปเข่นฆ่าสามีทั้งสตรีชู้คาเตียง แถมเอาร่างทั้งคู่ไปเสียบประจารหญิง อะแฮ่ม สตรีนางนั้น?”
“จักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง ไม่ต้องเกรงใจหรอก มิผิดเป็นข้าเอง หญิงบ้า นางนั้นนั่นล่ะ…ที่ข้าคิดไม่ถึงก็คือท่านกลับเคยได้ยินเรื่องของข้าด้วย”
เซี่ยจินฮัวหัวเราะร่า ไม่ได้ถือสาอะไรหากใครจะเรียกนางว่า หญิงบ้า แม้แต่น้อย
“เหอะๆ เรื่องนั้นขอเพียงเป็นคนจี้เมี่ยเทียน ข้าเกรงว่าคงมีไม่กี่คนที่จะไม่รู้กระมัง?”
เมิ่งชวนส่ายหัว “ท้ายที่สุดแล้วไม่ว่าท่านหรือสามีก็เป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามด้วยกันทั้งคู่…กล่าวได้ว่าท่านก็เป็นที่รู้จักในแวดวงจักรพรรดิอมตะสมญานามของเมี่ยเทียนเราไม่น้อย”
“ ที่แท้เป็นเช่นนี้”
เซี่ยจินฮัวพยักหน้า
ได้ยินคําพูดของเมิ่งชวน ไม่เพียงแต่ต้วนหลิงเทียนที่อึ้งกับการกระทําในอดีตของเซี่ยจินฮัว กระทั่งเผยหยวนจี๋กับจักรพรรดิอมตะสมญานามคนอื่นๆ ก็หันไปมองเซี่ยจินฮัวด้วยความตื่นตาตื่นใจอยู่บ้าง
ท้ายที่สุดแล้วทุกคนก็พึ่งได้รับทราบ ว่าที่แท้เซี่ยจินฮัวกลับมีอดีตอะไรแบบนี้
“ฮูหยินเซี่ย ท่านไม่ดุร้ายไปหน่อยหรือ…กระทั่งสามีท่านยังฆ่าได้ลงคอ”
จักรพรรดิอมตะกวางขาวว เคอไป๋ลู่ กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลําบาก เห็นได้ชัดว่าหวาดกลัวไม่น้อย “อย่างไรก็เป็นสามีที่อยู่กินกับท่านมานานปีไม่ใช่หรือไร ไฉนต้องถึงขั้นฆ่าแกงกันเลยเล่า ปล่อยๆไปสักครั้งมิได้หรือ?”
“ฮึ! ไอ้แก่นั่นมันชั่วเกินไป ข้าไม่อาจปล่อยให้มันมีลมหายใจอยู่ได้!!”
เซี่ยจินฮัวแค่นคํากล่าวเย้ยเยาะ “มันจักไปเด็ดดอกไม้ริมทางหรือมั่วอีตัวสูงส่งที่ใดลับหลังข้าๆไม่ว่า…แต่ยิ่งมายิ่งเหิมเกริมถึงขั้นพาโสเภณีสําส่อนมาเล่นในบ้านข้า! หากข้าเซี่ยจินฮัวไม่ฆ่ามั่น ไหนเลยจะหายโมโหได้!”
“ทุกท่านพวกเรารีบไปจากที่นี่ก่อนค่อยคุยเถิด…หากชักช้าไม่รีบไป เดี๋ยวคนของเทียนฉือตามมาทันก็หนักหนาแล้ว!”
ชายชราร่างอ้วน จักรพรรดิอมตะอัสนีกัมปนาท หม่าฉือ กล่าวแทรกขึ้นมาเมื่อเห็นว่าทุกคนเสียเวลามากแล้ว
“ พวกมันตามมาทันแล้วล่ะ”
ทว่าเสียงกล่าวของหม่าฉือพึ่งจะดังจบคําได้ไม่ทันไร อยู่ๆเผยหยวนจี๋ก็หันกลับไปมองด้านหลังอย่างกะทันหัน สายตาของมันพุ่งข้ามแผ่นฟ้าไปราวประกายอัสนีวาบลั่น พริบตาก็จดจ้องไปยังสุดขอบฟ้าว่างเปล่าไกลๆ
ด้านต้วนหลิงเทียนกับคนอื่นๆ พอได้ยินวาจาดังกล่าวของเผยหยวนจี๋ก็ตกตะลึงกันไม่น้อย ใจยังดิ่งวูบลงโดยพลัน!
ซู่มมม!!
ฟุบบบ!!
ทันใดนั้นเองบังเกิดเสียงของสายลมคํารามดังขึ้นก้องหู พริบตาต่อมาเงาร่างของคนกลุ่มหนึ่งก็ปรากฏขึ้นเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆราวภูตผี
ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ! ฟุบ!
เสียงลมแผ่ววเบาดังขึ้นอีกครั้ง เป็นเงาร่างกลุ่มคนที่พึ่งปรากฏเหนือศีรษะต้วนหลิงเทียนและคนอื่นๆ เมื่อครู่ ได้แยกย้ายกันออกไปล้อมกรอบต้วนหลิงเทียนกับพวกเอาไว้!
มีทั้งสิ้น 9 คน!
เป็น 9 คนที่นําโดยโหยวเฟิงอวี้ จักรพรรดิอมตะพินิจเอกอุ จ้าววังเทียนฉือ!
“ครู?”
เมื่อเห็นร่างคนทั้ง 9 ที่มาปิดล้อม รวมถึงครูของเขาอย่างฉือหล่าง สีหน้าต้วนหลิงเทียนก็เปลี่ยนไปเล็กน้อย และตระหนักได้ทันทีว่าแผนที่เขาวางไว้ผิดพลาดแล้ว…
มิฉะนั้นฉือหล่างไม่มีทางมาปรากฏตัวที่นี้ได้
“เจ้าหนูหลิงเทียน นี่มันเกิดอะไรขึ้นกัน…เจ้ามิได้บอกหรอกรีว่าจักรพรรดิอมตะทุ่งขจีกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้ามิได้อยู่ในวังเทียนฉือ แล้วไฉนพวกมันทั้งคู่มาโผล่ที่นี่ได้เล่า?”
เสียงผ่านพลังของจักรพรรดิอมตะผกาทองดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน
“ข้าก็ไม่รู้ สมควรเกิดเรื่องเหนือความคาดหมายกับคนที่ข้าเตรียมไว้แน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ตอบออกไปอย่างช่วยไม่ได้
เขาไม่คิดว่าคนที่เขาไปหาอย่างยากลําบากจะทรยศหักหลังเขา และไม่ส่งข้อความไปหาฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้าโดยเจตนา เพราะเขาเป็นคนคัดมันมาเอง ย่อมหมายความว่าสมควรเชื่อถือได้
เช่นนั้นก็มีความเป็นไปได้แค่อย่างเดียวเท่านั้น
มีบางสิ่งเกิดขึ้นกับคนผู้นั้นก่อนที่จะทันได้ส่งข้อความหาฉือหล่างกับจักรพรรดิอมตะหอนฟ้า! และสมควรเป็นเหตุสุดวิสัย!!
ในขณะที่เซี่ยจินฮัวส่งเสียงผ่านพลังไปถามต้วนหลิงเทียน นอกจากเผยหยวนจี๋แล้ว จักรพรรดิอมตะสมญานามอีก 4 คนที่พึ่งแหกคุกออกมาแต่ละคน ก็เร่งส่งเสียงผ่านพลังมาถามต้วนหลิงเทียนไม่หยุด
“สมควรเกิดอุบัติเหตุกับคนที่ข้าเตรียมไว้”
ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ตอบกลับด้วยรอยยิ้มเหยเก
“เมิ่งชวน?”
หลังจากจ้าววังเทียนฉือโหยวเฟิงอวี้ ปรากฏตัวขึ้น มันก็เหลือบมองไปยังเผยหยวนจี๋กับต้วนหลิงเทียนก่อนจากนั้นก็หันไปมองจักรพรรดิอมตะหยกรุ้ง เมิ่งชวน พลางเอ่ยถามออกมาเสียงหนัก “เพียงเพื่อช่วยเหลียนชิว…ท่านถึงกับร่วมมือกับต้วนหลิงเทียนจริงๆ ?”
หลายเดือนก่อนเมิ่งชวนได้มาหาโหยวเฟิงอวี้ และหวังให้โหยวเฟิงอวี้ ปล่อยตัวเหลียนชิวกับบภรรยา แต่โหยวเฟิงอวี้ได้ปฏิเสธเมิ่งชวนไป
ด้วยเหตุนี้พอเห็นเมิ่งชวนมาสุมหัวกับพวกต้วนหลิงเทียน มันก็รู้สึกว่าเมิ่งชวนที่คิดจะช่วยเหลียนชิวจึงมาผสมโรงกับพวกต้วนหลิงเทียนด้วย
“ข้าไม่รู้จักเหลียชิว”
ได้ยินคําถามของโหยวเฟิงอวี้ เมิ่งชวนก็เอ่ยตอบกลับไปเสียงเรียบ “ที่ข้ามาที่นี่เพราะเห็นแก่หน้าต้วนหลิงเทียนคนเดียว”
และวาจาดังกล่าวก็ทําให้โหยวเฟิงอวี้รู้สึกเหนือความคาดหมายแล้วจริงๆ ด้วยไม่คิดว่าเหตุผลที่เพิ่งชิวมาปรากฏตัวที่นี่จะเป็นเพราะเห็นแก่ต้วนหลิงเทียน
เช่นนั้นหมายความว่าครั้งก่อนที่เพิ่งชิวมาหามัน เห็นได้ชัดว่ามาเพราะต้วนหลิงเทียนเช่นกัน
จังหวะนี้พอโหยวเฟิงอวี้ หันมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง ในแววตาจึงเผยให้เห็นความแปลกใจอยู่บ้าง
“เมิ่งชวน จักรพรรดิอมตะหยกรุ้งเจ้าคิดจะเป็นศัตรูกับวังเทียนฉือของพวกเราจริงๆ?”
พอหันกลับบมามองเมิ่งชวนอีกครั้ง สีหน้าโหยวเฟิงอวี้ ก็แลดูมืดลงเล็กน้อย “แต่ข้าไม่ทราบว่าเจ้ามาในนามของตัวเอง หรือที่แท้เป็นตัวแทนของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียนกันแน่?”
“เจ้าจะเข้าใจอย่างไหนก็แล้วแต่เลย เอาที่เจ้าสบายใจ”
เมิ่งชวนกล่าวตอบด้วยรอยยิ้มทะเล้น
หากมันมาที่นี่คนเดียว ย่อมไม่อาจพูดว่าเป็นตัวแทนของทั้งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียนได้
อย่างไรก็ตาม หากวันนี้มีจักรพรรดิอมตะกร่างสวรรค์ เมิ่งหลัว มาด้วยอีกคน เรื่องราวก็จะแตกต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง
“ต้วนหลิงเทียน”
และตอนนี้เอง เหลยอิงก็มองจ้องไปยังต้วนหลิงเทียนตาขวาง เอ่ยถามออกมาด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นว่า “เหลยจวิ้น ลูกชายของข้าไปทําให้เจ้าขุ่นเคืองตรงที่ใด ไฉนเจ้าต้องถึงฆ่าลูกข้าด้วย?”