War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3376
ตอนที่ 3376 : ของขวัญ
เห็นฉากเรื่องราวตรงหน้า เหลยเจิ้นซานเองก็ได้แต่ชมดูอย่างตกตะลึง ขณะเดียวกันในใจก็เต็มไปด้วยความหวาดกลัวนัก! เมื่อครู่นับว่าโชคดีเหลือเกินที่มันตัดสินใจเลือกข้างถูก!!
หาไม่แล้ว วันนี้คงเป็นวันตายของมัน!
“ข้าก็รู้สึกแต่แรกว่าชายหนุ่มผู้นั้นรวมถึงคนอื่นๆ ไม่ได้เห็นหลานเหิงอยู่ในสายตาแม้แต่นิดเดียว แต่ต้นจนจบแลดูมั่นใจราวทุกอย่างอยู่ในกํามือ..เช่นนี้ข้าจึงมีโอกาสได้ตัดสัมพันธ์กับหลานเหิง
“อีกทั้งอย่างไรหลังตัดสัมพันธ์กับหลานเหิง ข้าก็มั่นใจว่าจะจากไปได้แต่โดยดี
เหตุผลที่เหลยเจิ้นซานเลือกจะประกาศตัดสัมพันธ์กับหลานเหิงในช่วงเวลาสําคัญ นอกจากในใจต้องการแบบนี้แต่แรก ยังเป็นเพราะมันยังมองเรื่องราวได้กระจ่างกว่าหลานเหิง
มันนิ่งกว่าหลานเหิงมาก!
ในสายตาของมัน เนื่องจากต้วนหลิงเทียนมาพร้อมต้วนซื่อหลิงของนิกายกระบี่เมฆรุ้งคนนั้น อีกฝ่ายไม่พ้นต้องล่วงรู้พลังฝีมือของหลานเหิงจากต้วนซื่อหลิงดีอยู่แล้ว
ในเมื่อกล้ามาในเวลาแบบนี้ แถมพาคนอื่นมาด้วยอีก มีหรือจะโง่มารนหาที่ตาย?
เห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้!
อย่างไรก็ตาม แม้เหลยเจิ้นซานจะเดาได้แต่แรกว่าชายหนุ่มชุดม่วงสมควรมีพลังฝีมือสูงกว่าหลานเหิง แต่มันก็คิดไม่ถึงจริงๆว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายจะสูงส่งถึงขั้นนี้!
“ให้ตายเถอะเจ้านั่นยังเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งแล้วอีกด้วย
“มันเข้าใจการผสานความลึกซึ้งตั้งแต่ยังเป็นจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิด! ที่แท้มันเป็นอัจฉริยะจากขุมกําลังเลิศล้ําอะไรกันแน่!?”
เหลยเจิ้นซานลองถามไถ่ตัวเองดู ก็บอกได้ว่าพลังฝีมือของมันนั้นนับว่าไม่ใช่ชั่ว แต่ในฐานะจักรพรรดิอมตะ 2 ยศ มันก็พึ่งจะเข้าใจความลึกซึ้งของกฎแห่งทองถึงขั้นตอนความสําเร็จยิ่งใหญ่ครบทุกประการเมื่อไม่นานมานี้ และพึ่งริเริ่มทําความเข้าใจเกี่ยวกับการผสานรวมความลึกซึ้งเท่านั้น ยังห่างจากประตูการผสานรวมความลึกซึ้งหลายร้อยปี
แต่ทว่า ชายหนุ่มที่เป็นเพียงจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกําเนิดเบื้องหน้า กลับเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งแล้ว แถมยังเข้าใจไม่น้อย!
เพราะหลังได้เห็นชายหนุ่มชุดม่วงลงมือ มันก็ตระหนักได้ว่าชายหนุ่มชุดม่วงผู้นั้น ใช้การผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการหลายชุด! บวกกับกระบี่เล่มนั้นที่มีกลิ่นอายน่ากลัวกว่าอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิ จึงสามารถบดขยี้หลานเหิงได้อย่างง่ายดาย!!
“เท่าที่ดู ต่อให้ข้ากับหลานเหิงร่วมมือกัน ก็ไม่มีทางงต่อกรกับเจ้าหนุ่มนี่ได้เลย”
พอคิดถึงจุดนี้เหลยเจิ้นซานก็ระบายลมหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเฮือกใหญ่ และรู้สึกโชคดีกับไหวพริบและสายตาของตัวเองนัก
“ตะใต้เท้า…”
หลานเหิงที่บัดนี้คล้ายกลับกลายเป็นตอไม้ตอหนึ่ง ใบหน้าของมันซีดจนไร้สีเลือดในแววตา นอกจากความหวาดกลัวแล้วก็คงเหลือแต่ความหวาดกลัวจับใจ “เรื่องราวทั้งหมดในวันนี้ เป็นความผิดของข้าหลานเหิงแต่เพียงผู้เดียว! ขอใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่โปรดเมตตาละเว้นหลานชายข้า รวมถึงนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งด้วยเถอะ!”
เวลานี้หลานเหิงรู้ดีว่าชีวิตของมันต้องจบสิ้นลงอย่างไม่ต้องสงสัย พลังฝีมือของชายหนุ่มชุดม่วงเบื้องหน้า ไม่ใช่อะไรที่มันหรือทั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะตอแยด้วยได้!
“!”
ได้ยินคําพูดของหลานเหิง มุมปากต้วนหลิงเทียนยกยิ้มแสยะรังเกียจ จากนั้นเพียงยกมือขึ้นโบกปัดส่งๆ ก็ปรากฏพลังงขุมหนึ่งคล้ายสายลมบางเบาพัดแผ่วไปทางกรงหลากสี
ฉัวะ!!
เสียงสับสะบบั้นเลือดเนื้อดึงขึ้นแผวเบา เป็นหลานจี้หนานที่ถูกพลังมิติตัดร่างท่อนล่างของมัน! พาลให้คนที่เหลือครึ่งตัวแหกปากร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดทรมาณ “ท่านปู่ ข้าไม่อยากตาย! ข้าไม่อยากตาย! ช่วยข้าด้วยท่านปู่!”
ลูกตาหลานเหิงหดเล็กลงฉับไว เร่งกล่าวด้วยน้ําเสียงวิงวอน “ใต้เท้าผู้ยิ่งใหญ่ ขอท่านเมตตา ละเว้นหลายชายข้าด้วยเถิด! ข้าขอร้องท่านแล้ว!!”
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่ได้สนใจคําวิงวอนของหลานเหิงเลย
เขาเพียงหันกลับไปมองลูกสาวของเขา ต้วนซื่อหลิงช้าๆ ใบหน้าแววตาที่เฉยเมยชุดชาก่อนหน้าสลายหายไปในบัดดล ถูกรอยยิ้มสดใสและความอ่อนโยนเข้ามาแทนที่ “ซื่อหลิง เจ้าอยากฆ่าปู่หลานคู่นี้ด้วยมือของเจ้าไหม?”
“ข้าอยากท่านพ่อ!”
หลังได้ยินคําถามของบิดา ต้วนซื่อหลิงก็หันไปมองปูหลานไม่สมประกอบ คนหนึ่งกลายเป็นท่อนไม้ ส่วนอีกคนเหลือแต่ร่างท่อนบนด้วยสายตาเย็นชา เพราะพวกมันทั้งคู่ทําให้อาจารย์ที่นางเคารพรักต้องทุกข์ใจ ถึงขั้นต้องประกาศถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง!
นางรู้จนไม่อาจรู้ความรู้สึกของอาจารย์ที่มีต่อนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้มากไปกว่านี้อีกแล้ว
เช่นนั้นนางจึงจินตนาการออกได้ทันที ว่าตอนที่อาจารย์ประกาศคําถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง อาจารย์ของนางต้องเจ็บปวดใจถึงเพียงไหน
และเรื่องนี้ ต้วนซื้อหลิง ก็ได้แต่ตําหนิตัวเองถ่ายเดียว
เพราะสุดท้ายแล้ว เรื่องทั้งหมดมีต้นเหตุมาจากตัวนาง
แน่นอนว่าหากพูดกันจริงๆ นางไม่ได้มีความผิดอะไรเลย ทั้งหมดเป็นเพราะคู่ปู่หลานเลว ชาตินี้คิดข่มเหงรังแกผู้คน!
“เอาล่ะ พ่อจะจับพวกมันมาให้เจ้าฆ่า”
หลังต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับ เพียงโบกมือเบาๆ ทันใดนั้นกรงหลากสีที่ขังร่างหลานเหิงกับหลานขี้เหนียนก็วูบข้ามมิติทั้งหอบหิ้วทั้งคู่มาไว้ตรงหน้าต้วนซื่อหลิง
“เมตตาด้วย! เมตตาไว้ชีวิตข้าด้วย!!”
หลานขี้เหนียนได้แต่วิงวอนร้องขอชีวิตออกมาน้ําหูน้ําตาไหลพราก
ด้านหลานเหิงเองสีหน้าก็ฉายชัดถึงความสิ้นหวังและความหวาดกลัว
ต้วนซื่อหลิงยกมือขึ้นเบาๆ จากนั้นในมือก็ปรากฎกระบี่อมตะเล่มหนึ่งผุดจากความว่างมากระชับถือไว้ จากนั้นไม่รอช้า กระบี่ในมือตวัดฟันออกไป ปรากฏกระบี่พุ่งทะลวงอากาศฉับไว ทะลุผ่านเข้ากรงหลากสีอย่างไร้สิ่งใดกั้นขวาง เลือกทะลวงเจาะเข้าหว่างคิ้ว ทําลายดวงจิตของหลานเหิงและหลานขี้เหนียนจนสลายในพริบตา
“ท่านพ่อ!!”
หลังฆ่าหลานเหิงกับหลานชายอย่างหลานขี้เหนียนแล้ว ต้วนซื่อหลิงก็โผร่างเข้าอ้อมอกวนหลิงเทียนทั้งร่ําไห้ออกมายกใหญ่ ราวกับความอัดอั้นตันใจตลอดหลายวันที่ผ่านมาถูกระบายออกมาหมดสิ้น
ต้วนหลิงเทียนได้แต่ตบหลังลูกสาวเบาๆราวแมลงปอแตะผิวน้ําเป็นการปลอบโยน ตอนนี้วาจาใดล้วนไร้ความหมาย สองตาได้แต่มองลูกสาวตัวน้อยในวันวานที่เติบโตเป็นสาวแล้วด้วยความเอ็นดู
ลูกสาวของเขาคนนี้ ไม่ได้พบหน้ากันมา 200 กว่าปีแล้ว
อย่างไรก็ตาม เดิมที่เขาคิดว่าคงต้องรออีก 700 ปี หลังขึ้นไปแดนเทพก่อนถึงจะมีโอกาสได้พบหน้านางอีกครั้ง แต่ไม่คิดไม่ฝันเลยจริงๆ ว่าที่แท้ลูกสาวของเขากับคนอื่นๆจะหลบหนีออกมา จากแดนเทพได้ 200 กว่าปีแล้ว ทั้งลูกสาวเขากับเฟิงเทียนหวู่ยังมาเฝ้ารอเขาที่เมี่ยเทียนแห่งนี้อีก 100 ปีเศษ!
เมื่อวานตอนได้พบหน้าลูกสาว กล่าวได้ว่าเขาดีใจจนแทบคลั่ง เพราะสําหรับเขาแล้วนเป็นเรื่องน่าประหลาดใจครั้งยิ่งใหญ่จริงๆ!
อย่างไรก็ตาม หลังได้รับทราบปัญหาที่ลูกสาวกับเฟิ่งเทียนหววู่กําลังเผชิญ เขาก็ไม่ทันได้ถามสารทุกข์สุกดิบ และเร่งรีบพาทั้งคู่มายังนิกายกระบี่เมฆรุ้งทันที!
วันนี้อันที่จริงเขามาถึงแต่แรก เพียงแค่ยังไม่ได้ปรากฏตัวออกมาเท่านั้น
จนเมื่อถึงช่วงเวลาคับขันจึงค่อยปรากฏตัวออกมา
“อา…ชายหนุ่มผู้นั้น เป็นบิดาของต้วนซื่อหลิงหรือ?!”
“จ้าวสวรรค์ช่วย! บิดาของต้วนซื่อหลิงเป็นจักรพรรดิอมตะเชียวหรือ? แถมยังเป็นจักรพรรดิอมตะที่ทรงพลังอีกด้วย!”
“จะไม่ร้ายกาจเกินไปหน่อยหรือ!?”
เหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง หลังเห็นปู่หลานอย่างหลานเหิงกับหลานจี้เหนียนถูกต้วนซื่อหลิงฆ่า กระทั่งร่างยังถูกกรงหลากสีที่ยุบตัวบีบอัดจนหายไปในความว่างเปล่าก็ได้ แต่ตกตะลึงอึ้งไปอยู่นานกว่าจะหาย
ร้ายกาจมาก!
ต้องทราบด้วยว่าหลานเหิงเป็นถึงยอดฝีมืออันดับ 1 ของนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง และ เป็นถึงจักรพรรดิอมตะ 4 รูปแล้ว!
ทว่าบิดาต้วนซื่อหลิงกลับจัดการอีกฝ่ายได้ง่ายๆปานพลิกฝ่ามือ!
ต้องร้ายกาจถึงขั้นไหน!?
ใช่จวนเจียนจะเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้วหรือไม่!?
หรือเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามแล้ว?
จังหวะนี้ไม่ใช่แค่เหล่าศิษย์กับผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งเท่านั้นที่ตกใจ กระทั่งโหยวไป๋เฟิ่งกับอวี่เหวินชิงก็อึ้งไปเป็นไก่ตาแตก
ถึงแม้พวกนางจะรับทราบเรื่องที่บิดาของต้วนซื่อหลิงอาจได้รับการยอมรับจากใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ แต่ทว่าเรื่องพลังฝีมือของบิดาต้วนซื้อหลิงสูงต่ําอย่างไรพวกนางไม่รู้เลย…มาบัดนี้จึงได้ตระหนักว่า บิดาของต้วนซื่อหลิงนั้น ร้ายกาจถึงขั้นสุดที่พวกนางจะจินตนาการได้ออก!
เพราะเดิมทีพวกนางนึกว่าบิดาของต้วนซื่อหลิงอาจจะต้องพึ่งพายอดฝีมือของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ หรือใช้ชื่อพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ในการสะกดข่มหลานเหิงและนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง
แต่พวกนางไหนเลยจะคาดคิด บิดาของต้วนซื่อหลิงกลับอาศัยพลังตัวเองบดขยี้หลานเหิงจนราบ!
“ประมุขอวี่เหวิน”
หลังจากต้วนซื่อหลิงผละออกจากอ้อมอกต้วนหลิงเทียนแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็ลูบเส้นผมสลวยที่ทอดยาวดั่งม่านน้ําตกของนางอย่างอ่อนโยนก่อน ค่อยหันไปมองกล่าวกอวี่เหวินชิง “เพื่อเป็นการขอบคุณท่านที่ดูแลลูกสาวของข้ามาโดยตลอด…ข้าจะมอบของขวัญให้ท่าน”
“บิดาชื่อหลิง ท่าน…ท่านเกรงใจไปแล้ว ของขวัญอันใดล้วนไม่จําเป็น ตลอด 100 กว่าปีที่ซื่อหลิงอยู่กับข้า นางก็เป็นดั่งลูกสาวของข้าคนหนึ่ง ข้าย่อมต้องดูแลนางอย่างดี”
อวี่เหวินชิงเร่งส่ายหน้าปฏิเสธเร็วไว
“ประมุขอวี่เหวินอย่าได้ปฏิเสธเลย ของขวัญนี้หากท่านไม่รับ เกรงว่าสุดท้ายก็ถูกผู้อื่นมารับไปอยู่ดี”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหน้าพลางยิ้ม
“หืม?”
สีหน้าอวี่เหวินชิงแลดูว่างเปล่าทันที
“ประมุขอวี่เหวิน อาวุโสโหยว หากพวกท่านไม่มีใดขัดข้อง เช่นนั้นรบกวนพวกท่านติดตามข้าไปนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งสักครั้งเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนมองกล่าวกับอวี่เหวินชิงพลางคลี่ยิ้มลึกลับ จากนั้นก็หันไปมองเหลยเจิ้นซานที่ยืนอยู่อีกด้าน พลางเอ่ยออกเสียงเบาว่า “ข้าคิดจะไปเยือนนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งสักครา…ไม่ทราบเจ้าพอจะนําทางได้หรือไม่?”
“ย่อมได้ใต้เท้า! ยังเป็นเกียรติของข้าน้อย!”
เหลยเจิ้นซานประสานมือกล่าวคําด้วยท่าทีสุภาพมากเคารพ จากนั้นก็เริ่มเห็นร่างนาทางไปทันที ขณะเดียวกันยังลอบกล่าวในใจว่า นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจบสิ้นแล้ว”
หลังเหลยเจิ้นซานเริ่มเห็นร่างนําไป ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือจบชีวิตคนแบกสินสอดทั้ง 6 ก่อน จากนั้นก็ใช้พลังหอบหิ้วนําพาต้วนซื่อหลิง เฟิงเทียนหวู่ ฮ่วนเอ๋อ และเสี่ยวจินเหินร่างติดตามไปทันที
ขณะเดียวกันกลุ่มคนของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง ไม่เว้นอวี่เหวินชิงกับบโหยวไป๋เฟิ่งที่พึ่งกลับมารู้สึกตัว ก็พอจะตระหนักได้แล้วว่า “ของขวัญ” ที่ต้วนหลิงเทียนพูดหมายความว่าอะไร
นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งเป็นถึงขุมกําลังระดับ 2 แน่นอนว่าย่อมตั้งรกรากอยู่บนสายแร่ผลึกอมตะระดับราชาหลายสาย ทําให้พลังวิญญาณฟ้าดินที่นั้นหนาแน่นบริบูรณ์มากสุดที่ถิ่นที่อยู่ของนิกายกระบี่เมฆรุ้งจะเทียบได้
สําหรับนิกายกระบี่เมฆรุ้งนั้น มีสายแร่ผลึกอมตะระดับขุนนางแค่สายเดียวเท่านั้น
“บิดาของต้วนซื่อหลิง คิดจะทําลายนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจริงๆหรือ?!”
“เช่นนั้นใช่อีกฝ่ายคิดจะมอบสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งให้นิกายกระบี่เมฆ รุ้งเราหรือไม่?”
“บ้าไปแล้ว! ของขวัญนี้ล้ําค่าเกินไป!”
หลังจากเหล่าศิษย์และอาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้สติทุกคนก็ตกใจกันใหญ่ ขณะเดียวกัน สองตายังเริ่มทอแสงสว่างจ้าขึ้นมา ใบหน้ายังเริ่มร้อนผ่าวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก
นิกายกระบี่เมฆรุ้งของพวกนาง กําลังจะย้ายไปตั้งรกรากในสถานที่ๆดีกว่าเดิมครั้งใหญ่งั้นหรือ!?
หากเป็นสถานการณ์ปกติ ต่อให้นิกายอมตะทะเลเยือกแข็งจะเป็นฝ่ายมอบพื้นที่ตั้งนิกายให้พวกนาง แต่พวกนางก็คงไม่กล้ารับ! เพราะพลังของนิกายกระบี่เมฆรุ้งอ่อนด้อยเกินกว่าจะครอบครองสถานที่ประเสริฐเช่นนั้น มันจึงไม่ต่างอะไรจากเผือกร้อน
อย่างไรก็ตาม หากบิดาของชื่อหลิงออกหน้าลงมือทําลายนิกายอมตะทะเลเยือกแข็ง จากนั้นก็มอบสถานที่ให้ คงไม่มีใครกล้าคิดไม่ซื่อ!
นี่คือพลังสะกดข่มของตัวตนอันทรงพลัง! แค่ชื่อเสียงก็ทําให้ผู้อ่อนแอไม่กล้าที่อถือแล้ว!!
เพราะถึงวันนี้ท่านสามารถแย่งชิงสถานที่จากนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้ แต่พรุ่งนี้ท่านต้องปกป้องสถานที่ให้ได้ด้วย! การไปช่วงชิงสถานที่ๆผู้ยิ่งใหญ่มอบให้นิกายกระบี่เมฆรุ้งแบบนี้ ยังต่างอะไรกับหาเรื่องตายหมู่กัน?
หากเป็นไปได้ ก็ไม่มีใครอยากล่วงเกินตอแยตัวตนที่ทรงพลังเช่นนั้น
สําหรับตัวตนที่ทรงพลังกว่ายอดฝีมือที่มอบสถานที่ให้นิกายกระบี่เมฆรุ้ง ก็คงไม่เหลียวแลสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเยือกแข็งอยู่แล้ว
“เมื่อครู่ข้าพูดไปแล้วว่าข้าอวี่เหวินชิงได้ถอนตัวออกจากนิกายกระบี่เมฆรุ้ง และไม่ใช่ประมุขนิกากระบี่เมฆรุ้งอีกต่อไป”
ได้ยินบทสนทนาของเหล่าศิษย์กับผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้ง สีหน้าอวี่เหวินชิงอดเปลี่ยนไปไม่ได้ในใจยังเสมือนมีไฟลุกโชนขึ้นมาเมื่อครู่คนพวกนี้ยังอยากจะผลักไสต้วนซื่อหลิงศิษย์รักของนางลงกองไฟอยู่เลย
ตอนนี้ยังมีหน้าคิดรับของขวัญจากบิดาต้วนซื่อหลิงอีกเหรอ?
เหลวไหล!
ถึงแม้อวี่เหวินชิงเองก็จะรู้สถานการณ์ดี และเข้าใจว่าทั้งหมดทําไปเพราะถูกบีบคั้นด้วยชีวิต แต่พอเห็นสีหน้ายินดีราวเรื่องก่อนหน้าไม่มีอะไรเกิดขึ้น นางก็อดมิโมโหขึ้นมาไม่ได้
“หึ! พวกเจ้าสมควรปกป้องนิกายกระบี่เมฆรุ้งให้ได้เสียก่อน!”
โหยวไป๋เฟิงกวาดตามองเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งด้วยสายตาเฉยชา ก่อนจะเห็นร่างติดตามพวกต้วนหลิงเทียนไปทันที
อวี่เหวินชิงก็เห็นร่างตามไปติดๆ
“ท่านประมุข!”
“อาวุโสสูงสุด”
“ท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด เมื่อครู่พวกเราเองก็ด้วยถูกสถานการณ์บีบคั้น จนไร้หนทางเลือกใดอื่นจึงต้องทําเช่นนั้น หาไม่แล้วพวกเราก็คงต้องตายกันหมด….พวกเราไม่เอาสถานที่ตั้งนิกายอมตะทะเลเยือกแข็งก็ได้ แต่นิกายกระบี่เมฆรุ้งไม่อาจไม่มีพวกท่านได้!!”
“ใช่แล้วท่านประมุข ท่านผู้อาวุโสสูงสุด พวกเราไม่อาจขาดพวกท่านได้!”
หลังเหล่าศิษย์และผู้อาวุโสของนิกายกระบี่เมฆรุ้งได้ยินวาจาตัดรอนของอวี่เหวินชิงกับโหยวไป๋เฟิ่งแต่ละคนก็หน้าเปลี่ยนสีทันที จากนั้นก็เร่งรุดเหินร่างตามทั้งคู่ไปเร็วไว เพราะถ้าทั้งคู่เลือกจะจากนิกายกระบี่เมฆรุ้งไปจริงๆ เช่นนั้นก็ย่ําแย่แล้ว!
เพราะถึงตอนนั้นเกรงว่านิกายกระบี่เมฆรุ้งจะไม่ได้เป็นแม้แต่ขุมกําลังระดับ 4 ด้วยซ้ํา!
อย่างมากก็ถือว่าเป็นขุมกําลังระดับ 5 เท่านั้น
กระทั่งหลังข่าวเรื่องราวการถอนตัวของทั้งคู่แพร่ออกไป เกรงว่าสถานที่ตั้งนิกายกระบี่เมฆรุ้ง พวกนางก็ไม่มีปัญญารักษาเอาไว้ได้!