War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3408
ตอนที่ 3408 : จักรพรรดีสวรรค์ ซื้อถูกูชิง!
“อะไร!?”
“เจ้า…เจ้าเป็นศิษย์ที่แท้จริงของจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง!?”
มู่อีอีที่กําลังเจ็บปวดทรมานเหลือแสน โพล่งกล่าวออกมาเสียงหลง นางตกใจกับคําพูดของผู้เฒ่าหัวยิ่งนัก สายตาที่มองจ้องต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเลื่อนลอยไม่น้อย
หลังจากนั้น มู่อีอีก็พบว่าวิญญาณของนางไม่อาจทนไหว ใกล้ดับสูญเต็มที่ ก็เร่งกล่าวออกมาอย่างร้อนรน “ต้วนหลิงเทียนข้ารู้ดีว่าจักรพรรดิสวรรค์จี้เมียเทียน ฟงชิงหยาง ร้ายกาจมาก เหนือกว่าท่านแม่ของข้าหลายส่วน! แต่เจ้ารู้หรือไม่ว่าท่านพ่อของข้าเป็นใคร!?”
“ท่านพ่อของข้า…”
อนิจจา “มู่อีอี” ไม่ทันได้พูดจบคํา วิญญาณของนางก็ถูกโม่เหอทําลายทิ้งเสียก่อน
โม่เหอเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานาม ทั้งมีสมญานามว่าวิญญาณพิศวง นับว่ามันเชีย วชาญทักษะวิญญาณเป็นที่สุด การลงงมือด้วยพลังวิญญาณของมันลี้ลับยากคาดเดา สุดที่ผู้มีพลังในระดับเดียวกันจะต้านทานเทียบติด
กลับกันวิญญาณของเฟิงเจียนเสวี่ยก็มีระดับพลังแค่จอมราชันอมตะ 10 ทิศเท่านั้น
เหตุผลที่ไฉนมันถึงใช้เวลาหลายลมหายใจเพื่อทําลายวิญญาณของเฟิงเจียนเสวี่ย ทั้งหมดก็เพื่อให้มั่นใจว่าวิญญาณของมู่อีอีจะไม่ได้รับผลกระทบอะไรแม้แต่น้อย หากไม่ต้องกังวล เรื่องวิญญาณของมู่อีอีจะได้รับผลกระทบ อาศัยยห้วงคิดเดียวมันก็ทําลายวิญญาณของเฟิงเจียนเสวี่ยได้แล้ว
“เสร็จแล้วนายน้อย”
เมื่อโม่เหอลงมือแล้วเสร็จ มู่อีอีที่นอนอยู่บนเตียง จากแววตาที่เคยกระจ่างสดใสก็หมองลงหลายส่วน แลดูเลื่อนลอยทึมทื่อ หาความเฉลียวฉลาดใดๆไม่เจอ
“อํา? พวกเจ้าพวกเจ้าเป็นใครกัน!?”
พอมู่อีอีสังเกตเห็นพวกต้วนหลิงเทียน ดวงตาคู่งามดั่งสารทฤดูที่กลายเป็นทึมที่อก็ฉายแววหวาดผวา ราวลูกนกตกใจ คล้ายเด็กน้อย 3 ขวบไม่รู้ประสาพบเจอคนแปลกหน้า
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะเตรียมใจไว้แล้ว แต่พอมาเห็นฉากนี้ด้วยตาตัวเอง ใจเขาก็ดิ่งวูบลงทันที
สตรีเบื้องหน้า ไม่เหลือคราบศิษย์น้องหญิงมู่อีอีในความทรงจําของเขา ที่สง่างามเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจอยู่เลย
“ผู้อาวุโสโม่เหอ ท่านแน่ใจหรือไม่ ว่าตอนนี้วิญญาณของสตรีนางนั้นถูกทําลายไปหมดสิ้นแล้ว?”
ต้วนหลิงเทียนหันไปเอ่ยถามโม่เหอ
“ข้ามั่นใจ”
โม่เหอพยักหน้ารับเป็นมั่นเหมาะ
ต้วนหลิงเทียนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ จากนั้นก็ติดต่อไปหาเฟิ่งเทียนหวู่ในโลกใบเล็ก “เทียนหวู่…ศิษย์น้องหญิงอีอี ข้าเกรงว่าต้องรบกวนเจ้าช่วยดูแลทั้งชี้แนะเรื่องทั่วไปสักพัก…”
ตอนนี้มู่อีอี ไม่ต่างอะไรจากเด็กหญิงตัวน้อยที่ยังไม่รู้ความ และต้องการคําชี้แนะในการใช้ชีวิตประจําวันทุกอย่าง
ในฐานะที่คุ้นเคยกับมู่อีอีมากที่สุด เฟิ่งเทียนหวู่ก็เป็นตัวเลือกที่ดีที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัยเลย
“พี่ใหญ่ต้วนท่านไม่ต้องห่วง เรื่องนี้ให้ข้าจัดการเอง”
เฟิ่งเทียนหวู่เองก็ได้เห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทั้งหมดก่อนหน้าด้วยตาตัวเอง น้ําเสียงตอบรับของนางจึงสั่นเครือไปไม่น้อยย
สตรีที่ฝึกเต๋ท้าทายสวรรค์อันเปี่ยมล้นไปด้วยความมั่นใจ จนแลดูสง่างามน่าเกรงขามในอดีต บัดนี้ไม่มีอีกแล้ว เหลือก็แต่สตรีที่สติไม่สมประกอบนางหนึ่ง
หลังจากให้เฟิ่งเทียนหวู่พามู่อีอีเข้าไปดูแลสอนสั่งเรื่องพื้นฐานในโลกใบเล็กภายในกายเขา ต้วนหลิงเทียนก็หันไปประสานมือกล่าวขอบคุณโม่เหอ “ผู้อาวุโสโม่เหอ เรื่องวันนี้ขอบคุณท่านมาก”
“นายน้อยเกรงใจไปแล้ว เป็นเกียรติที่โม่เหอสามารถช่วยเหลือนายน้อยได้”
โม่เหอยิ้ม
“อาวุโสโม่เหอ อย่างไรเรื่องนี้ขอท่านอย่าได้บอกใคร”
พอคิดถึงคําพูดขอสตรีที่คิดชิงร่างมู่อีอีกล่าวไว้ก่อนหน้า ต้วนหลิงเทียนก็ไม่อาจไม่ระวังเอาไว้ก่อน
กระทั่งยังหวังว่ามารดาของนาง จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน จะไม่ติดตามมาหาความเขาเร็วนัก!
หากไร้เบาะแสใดๆ ภายใต้สถานการณ์ปกติ นางก็ต้องใช้เวลาไม่น้อยกว่าจะสืบสาวมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์เมี่ยเทียน
เพราะสุดท้ายแล้วอีกฝ่ายก็สมควรล่วงรู้แค่ชื่อเขาเท่านั้น
รู้แค่ชื่อเขา แต่ไม่รู้เลยว่าเขาอยู่ระนาบเทวโลกไหน และดินแดนใด สิ่งนี้ยังต่างอะไรจากคิดงมเข็มในกองฟาง…
“ขอนายน้อยโปรดวางใจ เรื่องวันนี้ข้าไม่มีวันแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด!”
โม่เหอรีบขานรับเร็วไว
ล้อกันเล่นรึไง?
หากวิญญาณของสตรีที่เขาพึ่งทําลายไปเมื่อครู่ไม่ได้พูดโกหก เช่นนั้นนางก็คือลูก สาวของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน!
จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียน เป็นธรรมดาว่าจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไม่เพียงแต่จะไม่กล้วยังอาจไม่เห็นนางอยู่ในสายตา แต่ตัวมันเป็นแค่จักรพรรดิอมตะสมญานามทั่วไปของพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเท่านั้น! หากผู้อื่นรู้ว่าผู้ลงมือเข่นฆ่าลูกสาวคือตัวมันล่ะก็ เว้นเสียแต่มันจะไม่คิดออกจากพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์อีกต่อไป ไม่งั้นมันอยู่ยากแน่!
“ดีแล้ว”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “และหากวันหน้าเกิดเรื่องราวในวันนี้แพร่งพรายออกไป ข้าจะออกมาประกาศว่าข้าเป็นคนทําลายวิญญาณของนางเอง”
ได้ยินคําพูดดังกล่าวของต้วนหลิงเทียน โม่เหอก็ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันมันก็ตัดสินใจว่าไม่แพร่งพรายเรื่องนี้ออกไปให้ใครรู้เป็นดีที่สุด!
หลังโม่เหอจากไป ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองผู้เฒ่าหัว หว่างคิ้วขด่นเป็นปมหลวมๆ “ผู้เฒ่าหัว ฟังที่นางพูดเมื่อครู่ ดูเหมือนบิดาของนางจะไม่ใช่คนธรรมดา…”
“ท่านทราบหรือไม่ ว่าจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนมีลูกกับใคร?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามด้วยสงสัย
“นายน้อย เรื่องพวกนี้ข้าไม่รู้เลย…”
ผู้เฒ่าหัวส่ายหัวไปมา เรื่องในมุ่งผู้อื่นมันไม่นิยมรับรู้จริงๆ “แต่เรื่องนี้ข้าสามารถไปถามจากผู้อื่นได้อย่างไรก็ตามข้าว่าการไปสืบความเรื่องดังกล่าวช่วงนี้ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่”
“ตอนไหน ก็ไม่อาจสืบ!”
ต้วนหลิงเทียนเร่งกล่าวย้ําออกมาทันที “การไปสืบถามก็มีแต่จะเร่งให้จักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนค้นพบเรื่องนี้เร็วขึ้นเท่านั้น! ตอนนี้ผู้อาวุโสฟงชิงหยางยังไม่กลับมา หากนางคลั่งจนบุกเข่นฆ่าสังหารมาถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์งี้เมียเทียนจริงๆ จะเป็นเรื่องเอา”
“บุกเข่นฆ่าเข้ามา?”
ผู้เฒ่าหั่วอึ้งกับความคิดของต้วนหลิงเทียนไปครู่หนึ่ง จึงส่ายหัวไป มากล่าวด้วยรอยยิ้มมั่นใจว่า “นายน้อย ท่านคิดมากไปแล้ว ต่อให้นางมีความกล้าเพิ่มขึ้น 10 เท่า นางก็ไม่กล้า!”
“เว้นเสียแต่ลูกสาวคนเล็กของนางจะสําคัญยิ่งกว่าชีวิตของนาง ถึงขั้นทําให้นางต้องล้างแค้นให้ได้ทุกวิถีทางหาไม่แล้วนางไม่กล้าฉีกหน้าใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์เราเด็ดขาด อย่างมากก็แค่มาร่ําร้องขอคําอธิบายเท่านั้น”
ผู้เฒ่าหัวกล่าวอย่างมั่นใจ
แน่นอนว่าจะเป็นเช่นนั้นได้ก็ต้องตั้งอยู่ในเงื่อนไขที่ว่า พลังฝีมือของจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนไม่อาจเทียบจักรพรรดิสวรรค์แห่งเมี่ยเทียน และไร้ยอดฝีมืออื่นใดให้พึ่งพิง
หาไม่แล้วเรื่องราวก็จะเป็นไปตามคําพูดของผู้เฒ่าหัวสถานเดียวไร้ใดผิดพลาด
…..
ณ ลั่วสุ่ยเทียน
หลังจากที่ “มู่อีอี” ถูกลักพาตัวไปดื้อ ทั้งนิกายลั่วสุ่ยก็เดือดพล่านอลหม่านกันยกใหญ่ ธิดาเทพของนิกายลั่วสุ่ย ในฐานผู้ดูแลรับผิดชอบเรื่องราวในนิกายลั่วสุ่ย ก็ได้ออกไปร่วมตามหา “มู่อีอี” ด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม นางระดมกําลังทั้งนิกายลั่วสุ่ยออกไปปูพรมค้นหาเป็นวงกว้างแล้ว แต่สุดท้ายก็ไม่พบเบาะแสใดๆของ “มู่อีอี” เลย
“น้องหญิง…ที่แท้เจ้าถูกต้วนหลิงเทียนจับตัวไปที่ไหนกันแน่?”
ธิดาเทพนิกายลั่วสุ่ย มาในชุดสีเงิน รอบกายยปรากฏรัศมีพลังสีขาวห้อมล้อมเวียนวน แลดูสูงส่งสง่างาม ไม่อาจจับต้อง
ด้านหลังนางติดตามมาด้วยหญิงชรา 2 คน คนหนึ่งมาในชุดคลุมสีขาวหลวมๆ ส่วนอีกคนก็มาในชุดคลุมสีดําหลวมๆ สีหน้าท่าที่แลดูเย็นชาไร้ความรู้สึก
ในระหว่างที่กําลังเห็นร่างตามหาอยย่างไร้ทิศทางนั้นเอง
ซูว!
สีหน้าของธิดาเทพนิกายลั่วสุ่ย เฟิงเจียนอวี่ พลันแปรเปลี่ยนไปใหญ่หลวง
เมื่อครู่นางพึ่งเหลือบมองไปในแหวนพื้นที่โดยไม่รู้ตัว กลับพบว่าลูกแก้ววิญญาณของน้องสาว นางที่ยังอยู่ที่เมื่อหนึ่งเค่อที่แล้ว บัดนี้กลับแหลกลงเป็นเสียง!
ข้างๆเศษลูกแก้วที่แหลกเป็นเสี่ยง ก็มีลูกแก้ววิญญาณอีกลูกที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์
“น้องหญิง!”
ลูกตาเฟิงเจียนอวี่หดเล็กลงเร็วไว ใจระเต้นไปไม่เป็นจังหวะทันทีที่รู้ว่าลูกแก้ววิญญาณที่แหลกลงเป็นของใคร ลอบร่ําร้องในใจอย่างโศกเศร้า หากแต่ภายนอกยังคงเหินร่างน้ํา 2 ชรา ชุดขาวดําตระเวนหาสืบต่อ ไม่เผยพิรุธใดๆออกมา
เป็นธรรมดาว่าการดํารงอยู่ของเพิ่งเจียนเสวีย นอกจากมารดากับคนใกล้ชิดของมารดาแล้ว ก็มีแต่ตัวนางเท่านั้นที่รู้
“น้องหญิงของข้าตกตายไปแล้ว?”
‘แต่ลูกแก้ววิญญาณของมู่อีอียังอยู่ดี’
‘เช่นนั้นศิษย์พี่ของมู่อีอี ต้วนหลิงเทียนอะไรนั่น มันค้นพบเรื่องที่น้องหญิงกําลังหลอมกลืนวิญญาณมู่อีอีเพื่อชิงร่างก็เลยทําลายวิญญาณของน้องหญิงเพื่อให้มู่อีอี ได้ร่างคืน?’
พออนุมานเรื่องราวมาถึงจุดนี้ กลิ่นอายฆ่าฟันก็แผ่พุ่งออกมาจากร่างเฟิงเจียนอวี่ไม่หยุด แววตาฉายชัดถึงความอาฆาตแค้นเย็นเยียบ ราวกับจะกลืนกินเลือดเนื้อผู้คน
“ธิดาเทพ?”
หญิงชราทั้ง 2 ที่ติดตามอยู่ด้านหลังเฟิงเจียนอวี่ ก็ชักหน้าเคร่งขึ้มาทันที “เกิดเรื่องอันใดกับคุณหนูอีอีหรือ?”
ถึงแม้พวกนางจะเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามของนิกายลั่วสุ่ย แต่พวกนางก็ไม่ได้รู้เลยว่า นางจากเฟิงเจียนอวี่แล้ว ประมุขนิกายลั่วสุ่ยยังมีลูกสาวอีกคนหนึ่ง
“ผู้อาวุโสทั้ง 2 รบกวนพวกท่านช่วยตามหากลุ่มคนที่ลักพาตัววอีอีต่อด้วย…ส่วนข้ามีเรื่องจะไปหารือกับท่านแม่!”
พอกล่าวจบคํา ร่างเฟิงเจียนอวี่ก็พุ่งหายไปทันที ราวคนสาบสูญไปในความว่างเปล่า
ไม่นานนักเฟิงเจียนอวี่ก็กลับมาถึงนิกายลั่วสุ่ย
พระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ของงลั่วสุ่ยเทียน ถึงแม้จะตั้งอยู่ที่เดียวกับนิกายลั่วสุ่ย แต่ก็แบ่งฟากกันชัดเจน และเขตพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ก็เป็นดั่งเขตหวงห้ามของนิกายลั่วสุ่ย ห้ามไม่ให้ผู้ใดผ่านเข้าออกโดยไม่ได้รับอนุญาต ไม่ว่าจะศิษย์หรืออาวุโสหากล่วงล้ําเข้าไปโดยยพลการก็ต้องโดนลงโทษอย่างไร้ข้อยกเว้น!
“ท่านแม่!”
ในขณะที่เพิ่งเจียนอวี่เร่งรุดมาหามารดานั้น มารดาของนาง ซือถูฉูชิง ก็กําลังกักตัวฝึกปรือ ทําความเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏอยู่
บนลานศิลาอันกว้างใหญ่ปรากฏจวนหลังเขื่องตั้งตระหง่านอยู่ เป็นที่พักบ่มเพาะของซือถูฉูชิงเอง
ปกติแล้ววหากไม่มีเรื่องใด ซือถูฉูชิงก็มักจะพักอาศัยอยู่ที่นี่
พอได้ยินน้ําเสียงร้อนใจของลูกสาววดังขึ้นจากด้านนอก ซือถูฉูชิงที่นั่งหลับตาฝึกฝนอยู่ ในห้องก็ลืมตาขึ้น จากนั้นก็ก้าวอาดๆออกจากห้องไปทันที
“อวี่เอ๋อ ไฉนเจ้าแลดูกระวนกระวายนัก? ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่?”
ซือถูฉูชิงย่อมรู้จักนิสัยของลูกสาวคนนี้ดี ปกติแล้วลูกนางมักประพฤติตัวอย่างสุขุม ทําอะไรใจเย็น หายากนักที่จะมาเสียอาการอะไรแบบนี้ได้
พอมาเห็นลูกสาวนางเสียอาการร้องเรียกหานางเสียงดังอย่างผิดวิสัย นางก็ตระหนักได้รางๆ ว่าสมควรเกิดเรื่องใหญญ่อันใดขึ้นแน่
นอกจากนี้สิบในสิบเรื่องดังกล่าว ก็ใหญ่หลวงเกินกว่าที่ลูกสาวนางจะรับมือได้
“ท่านแม่!”
พอเห็นวซือถูฉูชิงมาถึง เฟิงเจินอวี่ก็ไม่รอช้า คุกเข่าลงกับพื้นดังตึง ก่อนจะก้มหัวลงต่ําแทบจรดพื้น “โปรดลงโทษลูกด้วย!”
“เกิดอะไรขึ้น!?”
ซือถูฉูชิงขมวดคิ้วย่นเป็นปม
“ท่านแม่ เป็นลูกดูแลน้องหญิงไม่ดี! ขอท่านแม่โปรดลงโทษลูกด้วย!”
เฟิงเจียนอวี่กล่าวคําด้วยน้ําเสียงสั่นเครือ ร่างยังสั่นระริกไปอย่างเห็นได้ชัด
ได้ยินดังนั้นสีหน้าซือถูฉูชิงก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง จากนั้นก็เหลือบมองไปในแหวนพื้นที่โดยไม่รู้ตัว และพอเห็นวว่าลูกแก้ววิญญาณของลุกสาวคนเล็กแตกละเอียดเป็นผงไปแล้ว ร่างนางก็สะท้านไปโดยพลัน
“ไม่จริง…”
ลูกตาซือถูฉูชิงหดเล็กลงเร็วไว ใบหน้าฉายชัดถึงความไม่อยากจะเชื่อ
ถึงแม้นางจะพยามระงับเสียงของตัวเองเอาไว้ เพื่อให้บุตรีได้ยินเพียงคนเดียว อย่างไรก็ตามทั่ววร่างนางยังปรากฏพลังปะทุขึ้นมาอย่างปั่นปวน เนื่องจากพลังในร่างพุ่งพล่านสุดระงับมวลพลังอันเกริ้วกราดเพาะสร้างเป็แรงกดดันพลังน่าสะพรึงกวาดสะท้านออกไปทั่วสารทิศ ยังตีปะทะเข้าร่างเฟิงเจียนอวี่ที่คุกเข่าใกล้ๆ จนเฟิงเจียนอวี่ต้องโคจรเร่งเร้าพลังออกมาต้านทานเต็มกําลัง
ดั่งมรสุมที่อุบัติขึ้นในฉับพลัน
อย่างไรก็ตามหลังมรสุมโหมกระหน่ําได้ระลอกหนึ่ง อยู่ๆก็อันตรธานหายไปในบัดดล
เนื่องงจากระเบิดพลังออกมาระลอกหนึ่งแล้ว พลังทั่วร่างของซือถูฉูชิงก็กลับมาอยู่ในความควบคุม ยังถอนริ้งพลังคืนกลับจนเป็นปกติ อย่างไรก็ตามสีหน้าของนางยังคงเย็นชานัก ก้มมองเฟิงเจียนอวี่ เอ่ยถามอออกมาเสียงหนัก “พูดมา! ที่แท้มันเกิดเรื่องบัดซบอันใดขึ้นกันแน่?”
“ไฉนเสวี่ยเอ๋อถึงตายได้?”
“มิใช่ว่าตอนนี้นางกําลังอยู่ในช่วงงสําคัญของการชิงรางมู่อีอีหรือไร?”
“แล้วมิใช่เจ้านักหนาว่าหากนางยังชิงรางไม่สําเร็จอย่าได้ออกไปนอกเขตนิกายลั่วสุ่ยเด็ดขาดหรือไร?”
ขณะกล่าวประโยคท้ายน้ําเสียงของซื้อถูฉชิงก็เยียบเย็นเคร่งขรึม แฝงความตําหนิเอา ไว้ชัดเจน
ลึกลงไปในแววตานางยังฉษยชัดถึงเจตนาฆ่าฟันอันสุดระงับ
ใบหน้าเรียกว่าเสมือนมีชั้นน้ําแข็งฉาบเคลือบเอาไว้