War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3427
ตอนที่ 3427 : พลังขู่ขวัญของเมิ่งหลัว!
บนที่ราบอันกว้างใหญ่แห่งหนึ่งของระนาบเซียน ปรากฏเงาร่างกํายําหนึ่งผุดโผล่ขึ้นมาจากความว่างเปล่า
เป็นชายกํายํานึกขึ้นมาในชุดคลุมสีครามหลวมๆ ใบหน้าแลดูดุดันขรึมเคร่ง คิ้วคมเข้มปานพยัคฆ์ ด้วยสีหน้าเย็นชาแม้ไม่ได้แลดูมีโทสะแต่ก็มากล้นไปด้วยความน่าเกรงขาม และตอนนี้สองตาของมันเย็นชาปานจะแช่แข็งผู้คน
วู้มม!!
ระลอกพลังอันมองไม่เห็นหนึ่งกําจายออกไปในบรรยากาศ เป็นชายร่างกํายําปานหอคอยเหล็กแผ่ซ่านสํานึกเทวะออกไป จากนั้นร่างก็ไหววูบพุ่งทะยาตัดฟ้าไปด้วยความเร็วอัศจรรย์
ในเวลาไล่เลี่ยกัน
หน้าประตูใหญ่ของสํานักแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่บนภูเขาสูงชันของระนาบเซียนในทวีปมนุษย์ ปรากฏร่างชายชราในชุดสีฟ้าคนหนึ่งโรยตัวลงมาจากอากาศ
“ท่านเป็นใคร? มาเยือนสํานักผู่ฟางงของพวกเราด้วยเรื่องอันใด?”
ศิษย์สํานักผู่ฟางหลายคนเอ่ยถามชายชราในชุดคลุมฟ้าเสียงเข้ม
“ฆ่าพวกเจ้า”
พอชายชราชุดฟ้าเอ่ยคํา พลังไร้สภาพขุมหนึ่งก็พุ่งออกจากดวงตาเข่นฆ่าศิษย์ที่เฝ้าประตูสํานักคนหนึ่งทันที
เรื่องราวมันเกิดขึ้นในฉับพลัน
ไม่ทันที่คนอื่นจะรู้เรื่องราว คนที่ถูกฆ่าก็ล้มลงไปนอนตายบนพื้นเสียแล้ว
จากนั้นหลายคนที่รู้สึกตัว สีหน้าก็เปลี่ยนไปใหญ่หลวง แววตาฉายชัดถึงความสยดสยองหวาดกลัว
“รีบไปรายงานท่านเจ้าสํานักเร็ว! มีศัตรูบุก!!”
“เร็วเข้า! รีบไปรายงานท่านเจ้าสํานัก!!”
เสียงโพล่งตะโกนดังงขึ้นวุ่นวาย หลายคนเร่งหันหลังเห็นร่างขึ้นฟ้าพุ่งเข้าไปด้านในสํานัก ทิศทางยังมุ่งหน้าไปยังยอดเขาที่สูงที่สุด
“ไปรายงานแค่คนเดียวก็พอ”
พอเห็นหลายคนกําลังหลบหนีเข้าไปในสํานักหมายไปแจ้งเรื่องราว สีหน้าชายชราชุดฟ้าก็แปรเปลี่ยนไป จากนั้นมือก็ยกขึ้นจี้ดัชนีไปในอากาศอย่างไร้เรื่องราว เพียงจี้ๆใส่อากาศไม่กี่ที่ก็อุบัติพลังดัชนีหลายสายพุ่งแหวกฟ้าไปราวดาวตกลัดฟ้ายามค่ำคืน
พริบตาต่อมา ยกเว้นคนที่เชื่องช้าที่สุดคนที่เร่งรุดไปเร็วไวล้วนตกตายหมดสิ้น ไร้ซึ่งข้อยกเว้นใดๆ ทุกคนถูกพลังดัชนีเสือกแทงเข้าท้ายทอยทะลุออกหว่างคิ้ว ทอดกายเป็นศพ!
ชายหนุ่มที่เชื่องช้ากว่าใครเห็นฉากเรื่องราวดังกล่าว สีหน้าก็ซีดลงปานขี้เถ้า ขาสั่นเทาพั่บๆ คนได้แต่ยืนตัวแข็งแน่นิ่งไม่กล้าขยับไปไหนแม้องคุลี
ล้อกันเล่นหรือไร?
เฒ่าผีสางผู้นี้พลังฝีมือร้ายกาจเหลือเกิน เข่นฆ่าสหายร่วมสํานักของมันได้ในชั่วพริบตา พลังดัชนียังทะลวงจุดตายทุกคนได้อย่างแม่นยํานัก!
หากมันคิดหนี เกรงว่าคงไม่ทันได้หนีไปไหนไกลก็ต้องล้มลงนอนตายอีกศพแน่แท้!
“เจ้ายังยืนโง่ทําอะไร หากไม่รีบไปรายงาน เช่นนั้นก็ไปอยู่กับพวกมันเสีย”
ได้ยินคําพูดของชายชรา ชายหนุ่มหน้าซีดก็ผงะไป จากนั้นมันพยายามควบคุมร่างที่สั่นเทาเร่งรุดเดินเข้าไปในสํานักทันที
สํานักผู่ฟาง ในระนาบเซียนแม้จะไม่ใช่สํานักที่แข็งแกร่งอะไรมากมาย แต่ก็มีพลังพอตัวในทวีปมนุษย์ของระนาบเซียน
ในสํานักมียอดฝีมือที่ด่านพลังบรรลุถึงขอบเขตราชันยุทธ์
ต่อมาเมื่อเจ้าสํานักผู่ฟางและปรมาจารย์ทั้งหลายทราบเรื่องว่ามีชายชราปริศนาบุกมาเข่นฆ่าถึงหน้าประตูสํานัก ก็เดือดดาลเป็นการใหญ่
อย่างไรก็ตาม พอพวกมันออกมาคิดหาความไม่ว่าผู้ใดก็ล้วนถูกชายชราใช้ฝ่ามือฟาดตบอย่างไร้เรื่องราว จนตัวแตกระเบิดออกเป็นละอองโลหิตหมดสิ้น พาลให้ศิษย์ในสํานักและอาวุโสทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะขวัญผวา
“ชายชราผู้นั้นเป็นใครกันแน่ กระทั่งท่านเจ้าสํานักที่เป็นยอดฝีมือราชันยุทธ์ยังถูกมันฆ่าในฝ่ามือเดียว! ต่อให้เป็นจักรพรรดิยุทธ์ก็ไม่ร้ายกาจถึงขั้นนี้มิใช่หรือ!?”
“สวรรค์! สํานักผู่ฟางเราไปมีเรื่องมีราวกับยอดฝีมือน่ากลัวเช่นนี้ได้อย่างไร!?”
เหล่าผู้ที่เห็นเหตุการณ์เข่นฆ่าอํามหิต ล้วนบังเกิดความสิ้นหวังจับใจ
ในขณะที่พวกมันคิดจะหลบหนี บ้างก็คิดไปแจ้งข่าวขอความช่วยเหลือจากพันธมิตร ชายชราก็ลงมืออีกครั้ง
ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว! ซัว!
ลําแสงพลังพุ่งทะลวงแหวกฟ้าไปราวมีดวงตางอกเงย เข่นฆ่าคนสํานักผู่ฟางที่เคลื่อนไหวได้อย่างง่ายดาย
สุดท้ายคนของสํานักผู่ฟางที่ยืนขาตายก็ได้แต่ชมมองสหายและผู้อาวุโสรวมถึงปรมาจารยย์ที่คอยชี้แนะตกตายกันทีละคนๆ จนในที่สุดสติของพวกมันก็ดับหายไปไม่รับรู้อะไรอีกเลย
หลังเข่นฆ่าทุกคนในสํานักผู่ฟางแล้ว ชายชราก็ค่อยๆเห็นร่างขึ้นไปบนฟ้าอย่างไม่รีบไม่ร้อน เตรียมจะออกจากสํานักผู่ฟาง ขณะเดียวกันใบหน้าของมันก็ฉายชัดถึงรอยยิ้มสนุกสนานหนึ่ง
“การฆ่าคนก็นับเป็นศิลปะแขนงหนึ่งไม่ทราบเจ้าพวกนั้นละเล่นกันถึงไหนแล้ว”
ชายชราคนนี้เป็นหนึ่งในจักรพรรดิอมตะของนิกายลั่วสุ่ย ถึงแม้ว่ามันจะไม่ใช่จักรพรรดิอมตะสมญานามอะไร
แต่พลังฝีมือของมันก็จัดว่าติดอยู่ใน 5 อันดับแรกของผู้ที่มาปฏิบัติภารกิจฆ่าล้างบางครั้งนี้
เห็นได้ชัดว่าพลังฝีมือมันนับว่าไม่ใช่ชั่วเลย
เพราะท้ายที่สุดแล้วในบรรดา 10 กว่าคนที่มาฆ่าล้างบางทุกชีวิตในระนาบเซียน ก็มีจักรพรรดิอมตะสมญานามรวมอยู่ด้วยถึง 2
“หืม?”
อย่างไรก็ตาม ชายชราพึ่งเห็นร่างขึ้นมาเหนือน่านฟ้าสํานักผู่ฟางได้ไม่ทันไร ก็พบเห็นร่างสูงกํายําหนึ่ง กําลังมองมาที่มันด้วยสายตาเฉยชา
“ยังมีปลาเล็ดลอดร่างแหอีกรึ?”
เดิมทีชายชราคิดว่าชายร่างสูงใหญ่คนนี้คือปลาที่เล็ดลอดร่างแห จึงคิดจะลงมือเก็บงานให้เรียบร้อย
อย่างไรก็ตามในขณะที่มันกําลังจะลงมือ มันพบว่าสายตาที่ชายร่างใหญ่ใช้มองมันช่างคุ้นเคยเหลือเกิน
เหมือนกับมันเมื่อครู่สายตาที่กําลังมองคนตาย!
จังหวะนี้ชายชราพลันรู้สึกผิดท่า เพราะหากเป็นคนของระนาบโลกียะแห่งนี้ คงไม่มีความกล้าอะไรหลงเหลือแน่หากเห็นมันลงมือแต่แรก!
เพราะตอนปกติ ต่อให้มันจะไม่ทันได้ลงมือเผยพลังอะไร อาศัยกลิ่นอายพลังที่แผ่ออกจากร่างกายมันตามธรรมชาติ ก็มากพอให้เซียนอมตะเสเพลที่แข็งแกร่งที่สุดในระนาบโลกียะแห่งนี้หวาดกลัวจนตัวสั่นแล้ว!
หากทว่าชายวัยกลางคนร่างบึกบึนเบื้องหน้า ไม่เพียงแต่จะยังสงบเฉยเมย อีกฝ่ายยังมองมันด้วยสายตาทําราวกับกําลังมองคนตายอีก!
“คนของนิกายลั่วสุ่ย?”
ชายวัยกลางคนไม่ใช่ใครอื่น เป็นจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัว ที่ถูกค่ายกลส่งตัวมาปรากฏในทวีปมนุษย์แห่งนี้ และสํานึกเทวะมันก็ตรวจพบว่าชายชราเบื้องหน้าอยู่ใกล้ที่สุด
ตอนที่เมิ่งหลัวมาถึง ก็เห็นว่าชายชรากําลังเข่นฆ่าศิษย์ของสํานักผู่ฟางคนสุดท้ายพอดี และท่าทางหลังฆ่าคนที่อ่อนด้อยกว่าของมัน ก็ทําให้เมิ่งหลัวไม่สบอารมณ์อย่างถึงที่สุด!
ด้านต้วนหลิงเทียนที่อยู่ในโลกใบเล็กภายในกายเมิ่งหลัวเอง เมื่อเห็นเหตุการณ์ด้านนอกก็มีโมโหไม่น้อย อยากจะออกมาฆ่าชายชราเบื้องหน้าให้ตายอนาถ!
อย่างไรก็ตาม พอคิดถึงเรื่องที่เขาไม่อาจเปิดเผยตัว และไม่อาจทําอะไรที่เสี่ยงต่อการถูกเปิดเผยตัวตน เขาก็ได้แต่อดกลั้นจิตสังหารเอาไว้
“เจ้าเจ้ารู้ได้อย่างไร?”
ชายชราที่เริ่มตระหนักได้ว่าชายวัยกลางคนร่างใหญ่เบื้องหน้าไม่น่าจะใช่คนธรรมดา พอได้ยินวาจาเอ่ยถามมาของอีกฝ่ายมันก็อดไม่ได้ที่จะผงะไปด้วยความตกใจ!
“ภายในเวลาหนึ่งวัน ข้าต้องการเห็นหน้าพวกเจ้านิกายลั่วสุ่ยทุกคนที่เดินทางมาระนาบเซียน..หากขาดไปสักคน เจ้าตาย!”
พอเมิ่งหลัวกล่าวจบคํา ก็ปรากฏพลังทําลายยล้างงขุมหนึ่งกําจายออกมาจากร่างของมัน พุ่งผ่านศีรษะชายชราไปในชั่วพริบตาสุดที่ชายชราจะทันได้รู้ตัว พลังดังกล่าวยังก่อลักษณ์เป็นฝ่ามือมหึมาปานจะปิดบังแผ่นฟ้า!
และเมื่อฝ่ามือมือหึมาปานจะปิดแผ่นฟ้าปรากฏขึ้น มวลเมฆเหนือฟ้าก็แหวกเปิดเป็นทาง สายลมแรงยังกวาดสะท้านไปนับพันหมื่นลี้ ห้วงมิติเหนือฟ้าแตกสลาย เผยให้เห็นความมืดมิดไร้สิ่งใดแลดูสยดสยองนัก
ถึงแม้ฝ่ามือนั่นจะไม่ได้ซัดทําร้ายชายชรา แต่อาศัยพลังเซียนอมตะขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศ รวมถึงพลังงจากการผสานรวมคววามลึกซึ้งของกฏทําลายล้าง 3 ประการมากกว่า 1 ชุด ก็ทําให้หน้าชายชราเปลี่ยนสีไปใหญ่หลวง แววตามันฉายชัดถึงความหวาดกลัวจับใจ
ตัวตนที่ทรงพลังถึงระดับนี้ ให้มองทั้งนิกายลั่วสุ่ยของมันยังหาได้ไม่เกิน 2 คน!
“ใต้เท้า มิทราบใต้เท้าท่านเป็นผู้ใดหรือ?”
ชายชราสั่นกลัวจนพูดตะกุกตะกัก พลังเซียนอมตะต้นกําเนิดที่แผ่ขึ้นมาเรื่อๆทั่วร่างด้วยคิดลงมือก่อนหน้า บัดนี้หดหายกลับเข้าร่างมันไม่มีเหลือ เพราะกับตัวตนระดับนี้มันจะต่อต้านหรือไม่ต่อต้านก็มีค่าเท่ากัน
หากอีกฝ่ายคิดฆ่า ถึงมันตายก็ยังไม่รู้ตัว!
“จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว แห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน”
เมิ่งหลัวเอ่ยออกเสียงเรียบ
“จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง เมิ่งหลัว!?”
แรกได้ยินคําประกาศตัวของเมิ่งหลัวลูกตาชายชราหดหยีลงแทบปิด จากนั้นก็เบิกกว้างปานลูกวัวแรกเกิด ใจเต้นระรัวปานจะกระดอนออกนอกอก ด้วยไม่คิดฝันว่ายอดฝีมืออันทรงพลังเบื้องหน้าจะเป็นจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างแห่งจี้เมี่ยเทียน!
เมื่อครู่หลังจากสัมผัสได้ถึงพลังฝ่ามือมหาประลัยอันน่าสะพรึงกลัวนั่น มันก็คาดไว้แล้วว่าอีกฝ่ายไม่พ้นต้องเป็นจักรพรรดิอมตะสมญานามที่พลังฝีมือร้ายกาจคนหนึ่ง
เพียงแค่คาดไม่ถึงว่าจะเป็นจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนไปได้!
โอทวยเทพ!!
จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัว ตัวตนเช่นนี้ต่อให้เป็นธิดาเทพและเหล่าผู้พิทักษ์อาวุโสของนิกายลั่วสุ่ยมันก็ไร้เรี่ยวแรงจะต้านทานมิใช่หรือไร!?
เกรงว่าทั้งนิกายลั่วสุ่ยของมัน คงมีแต่ตัวประมุขที่เป็นจักรพรรดินีสวรรค์เพียงคนเดียวเท่านั้นที่รับมืออีกฝ่ายได้
“ใต้เท้าใต้เท้าเมิ่งหลัว มิทราบ..ท่านกําลังตามหาพวกเราทําไมหรือ?”
ชายชราเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ บัดนี้ในใจของมันบังเกิดสังหรณ์อัปมงคลประการหนึ่งจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่าง คงไม่ใช่ผู้ช่วยของจักรพรรดิอมตะ 2 คนที่ใช้ยันต์อมตะเคลื่อนย้ายหนีไปก่อนหน้าหรอกนะ?
ถึงแม้มันจะไม่เคยเห็นจักรพรรดิอมตะ 2 คนที่เป็นคู่หนุ่มสาวที่สหายคนหนึ่งของมันพบเจอ แต่มันก็ได้รับทราบแล้วว่าจักรพรรดิอมตะทั้ง 2 นั่น พอรับทราบว่าพวกมันมาทําอะไรที่ระนาบเซียนแห่งนี้ และรู้ว่ามีตัวตนระดับจักรพรรดิอมตะสมญานามนํากลุ่มก็รีบหนีไปทันที
ก่อนหน้าจักกรพรดริอมตะสมญานามทั้ง 2 ที่เป็นผู้นํากลุ่มของพวกมันยังสันนิษฐานกันว่า ทั้งคู่อาจจะเป็นคนของระนาบเซียนแห่งนี้
และหลังทั้งคู่จากไป ก็ไม่แน่ว่าอาจจะไปพายอดฝีมือมายังระนาบเซียนเพื่อหยุดพวกมัน
อย่างไรก็ตาม ทั้งหมดเป็แค่ข้อสันนิษฐานเท่านั้น
แต่ไม่คิดไม่ฝันว่าเรื่องราวจะเป็นไปตามที่คาดเดาไว้จริงๆ! อีกทั้งผู้ช่วยเหลือที่อีกฝ่ายไปพามายังเป็นถึงจักรพรรดิอมตะสวรค์กร่างเมิ่งหลัว แห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนอีก!!
จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวว ต่อให้เป็นในระนาบเทวโลกทั้งมวล ก็มีชื่อเสียงเลื่องลือไม่น้อย
และอีกฝ่ายไม่ได้มีชื่อเสียงเลื่องลือเพราะพลังฝีมือของตัวเองเท่านั้น แต่ยังเป็นเพราะอีกฝ่ายคือมือขวาคนสนิทของจักรพรรดิสวรรค์แห่งจี้เมี่ยเทียน ฟงชิงหยาง ที่เคยบุกไปฆ่าจักรพรรดิสวรรค์ที่ทําร้ายเมิ่งหลัวมาแล้ว!
“รีบให้พวกเจ้าทุกคนไสหัวมาที่นี่เสีย ข้าไม่ได้มีความอดทนมากพอจะรอพวกเจ้าได้ทั้งวัน”
เมิ่งหลัวไม่ตอบคําชายชรา เพียงกล่าวคําด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหมดสิ้นความอดทน
ชายชราได้ยินดังนั้นก็ไม่กล้ารอช้า เร่งส่งข้อความไปหาคนทั้งหมดที่มาทันที อีกทั้งยังแจ้งไปด้วยว่าผู้ที่มาก็คือจักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิงหลัว
หลังได้รับข้อความจากชายชรา คนนิกายลั่วสุ่ยนับสิบก็ตื่นตระหนกกันยกใหญ่ “อะไร!? จักรพรรดิอมตะสวรรค์กร่างเมิ่งหลัวแห่งพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียน!?”
“บัดซบ! จักรพรรดิอมตะ 2 คนนั่นมันเป็นใครกันแน่! ไฉนถึงทําให้จักรพรรดิอมตะสรรค์กร่าง เมิ่งหลัวออกหน้าได้!?”
“ในอดีต จักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนเพียงเพื่อเมิ่งหลัว ถึงกับบุกไปเข่นฆ่าจักรพรรดิสวรรค์คนหนึ่งถึงถิ่น! แถมอาศัยตัวเมิ่งหลัวเองพลังฝีมือก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าจักรพรรดินีสวรรค์ลั่วสุ่ยเทียนของพวกเรามากนัก!”
“ไปไม่ได้! หากมันคิดฆ่าพวกเราขึ้นมาจะทําอย่างไร!?”
หลังจากคนที่เหลือรับทราบวว่าผู้มาคือเมิ่งหลัว ก็ไม่มีใครคิดไปพบเจออีกฝ่ายแม้แต่คนเดียวและเตรียมจะหนีออกจากระนาบเซียนแห่งนี้ทันที
พอได้ยินข้อความตอบกลับมาของทุกคน ชายชราก็เสียใจไม่น้อยที่บอกเรื่องราวที่แท้จริงออกไป
และพอนึกถึงเรื่องที่เมิ่งหลัวบอกไว้ว่าหากพวกมันขาดไปสักคนตัวมันต้องตาย ชายชราก็เร่งส่งข้อความไปถึงทุกคนอีกครั้งทันที “ทุกคน ข้าขออภัยด้วย…แต่เมื่อครู่ข้าบอกชื่อของพวกเราต่อใต้เท้าเมิ่งหลัวไปหมดแล้ว”
“ใต้เท้าเมิ่งหลัวยังบอกอีกว่า หากมีพวกเราคนใดคนหนึ่งขาดหายไป ใต้เท้าเมิ่งงหลัวจะตามไปฆ่าพวกเราถึงนิกายลั่วสุ่ย…”
“และใต้เท้าเมิ่งหลัวยังบอกอีกว่า ขอเพียงพวกเรามามอบตัวแต่โดยดี ใต้เท้าเมิ่งหลัวจะไม่ฆ่าพวกเรา”
พอชายชราส่งข้อความชุดนี้จบ เหล่าคนของนิกายลั่วสุ่ยที่คิดหนีเอาตัวรอดก็กลายเป็นเรียบๆร้อยๆ และเร่งรุดเดินทางมาหาเมิ่งหลัวแต่โดยดี
ในเวลาไม่ถึงครึ่งวันทุกคนก็มารวมตัวกันเบื้องหน้าเมิ่งหลัว ยังไปลอยร่างเรียงตัวเป็นแถวข้างชายชราที่รออยู่ก่อนราวเด็กน้อยเชื่อฟัง
“ใต้เท้าเมิ่งหลัว”
จากนั้นกลุ่มคนรวมถึงชายชราของนิกายลั่วสุ่ย ก็ประสานมือโค้งคารวะเมิ่งหลัวด้วยที่ท่านอบน้อม