War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3517
ตอนที่ 3517 : อยากลองสัมผัสดู
ในปัจจุบัน จงกุ้ยอวี่ก็รั้งอยู่ในอันดับที่ 5 เป็นการชั่วคราว
แต่บัดนี้ อวี๋ตงฟาง ศิษย์ที่แท้จริงลำดับ 3 ของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียนก็เลือกที่จะท้าทายมัน
อวี๋ตงฟางนั้นพ่ายแพ้มาติดๆกันแล้ว ครั้งแรกก็เป็นหวงเฉวียนอัน ต่อมาก็แพ้ให้กับต้วนหลิงเทียนอีก ถึงแม้อาจารย์จะไม่ได้ว่าอะไรมันเรื่องนี้แถมยังเลือกที่จะปลอบใจมัน ทว่ามันก็โทษตัวเองว่าไม่เอาไหนนัก และไม่อาจทำใจยอมรับความพ่ายแพ้สองครั้งติดๆได้
มันจะอย่างไรก็คือศิษย์ที่มีพรสวรรค์โดดเด่นที่สุดของจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน กงซุนซวนหยวน! ถึงแม้ตอนนี้ศิษย์พี่ทั้ง 2 จะมีพลังฝีมือร้ายกาจกว่ามัน…
แต่หากให้เวลามันล่ะก็ ไม่ช้าก็เร็วย่อมก้าวข้ามศิษย์พี่ทั้ง 2 ได้แน่!
เรียกว่าในพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์ซวนหยวนเทียน และแม้แต่ทั่วทั้งซวนหยวนเทียน มันก็เป็นดั่งบุตรแห่งสวรรค์อันน่าภาคภูมิใจ!
การเข้าร่วมศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้ ตอนแรกทุกสิ่งอย่างก็ดำเนินมาได้ด้วยดี จนมาสะดุดกับหวงเฉวียนอันและต้วนหลิงเทียน สิ่งนี้ทำให้มันหงุดหงิดและไม่สบอารมณ์นัก!
ตอนนี้มันคิดจะสู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองอย่างยิ่งยวด
เช่นนั้นมันจึงเลือกท้าจงกุ้ยอวี่ที่อยู่ในอันดับที่ 5 เพราะบัดนี้เป้าหมายของมันที่เดิมมุ่งหวัง 3 อันดับแรกเอาไว้ ก็ได้เปลี่ยนเป็นอันดับที่ 5 แล้ว…มันต้องการอันดับที่ 5 เพื่อรักษาหน้าตัวเอง!
“เจ้าต้วน…เจ้าว่ารอบนี้ใครจะชนะ?”
เมื่อเห็นอวี๋ตงฟางลอยร่างเผชิญหน้ากบจงกุ้ยอวี่ ซูหลี่ที่นั่งข้างๆต้วนหลิงเทียนก็อดถามออกมาไม่ได้
ได้ยินคำถามดังกล่าว สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายขึ้นวาบหนึ่ง “จะให้เจาะจงเลยคงยาก…จากพลังที่เปิดเผยออกมาของทั้งคู่นับว่าพอๆกัน จุดนี้ก็ต้องวัดกันที่ใครนิ่งกว่ากันคนนั้นถึงจะชนะ…”
“ถ้าวัดกันที่ความนิ่ง…ข้าว่าจงกุ้ยอวี่มีภาษีดีกว่า”
ซูหลี่พอได้ยินก็เอ่ยความเห็นทันที “จงกุ้ยอวี่นั่น อันดับของมันอยู่ตัวแล้ว และไม่ต้องร้อนรนเร่งรีบอะไร…”
“จริง เจ้าอวี๋ตงฟางนั่นพอมันแพ้หวงเฉวียนอันไปรอบ ต่อมาก็แพ้ต้วนหลิงเทียนอย่างไม่คาดคิดติดกัน…คนเช่นมันตอนนี้คงยากจะสงบอารมณ์เอาไว้ได้…”
หลิงเจวี๋ยอวิ๋นที่ไม่ค่อยพูด บัดนี้กลับกล่าวความเห็นออกมาอย่างหาได้ยาก “ข้าก็ว่าเหมือนซูหลี่ นัดนี้จงกุ้ยอวี่มีภาษีดีกว่า”
หลังจากนั้นท่ามกลางทุกสายตา อวี๋ตงฟางกับจงกุ้ยอวี่ก็เริ่มเคลื่อนไหวพร้อมๆกัน
หากวัดที่พลังฝีมือส่วนตัวแล้ว ทั้งคู่นับว่าพอๆกันจริงๆ และฉากเรื่องราวก็ออกมาดั่งคาด หลังประมือกันไปหลายสิบกระบวนท่า ก็ยังยากจะบอกได้ว่าใครจะแพ้ใครจะชนะ และไม่มีใครเป็นฝ่ายมีเปรียบ! อย่างไรก็ตามหลังประมือกันยืดเยื้อมาร้อยกว่ากระบวนท่า ในที่สุดก็มีบางคนสังเกตเห็นได้ว่าอวี๋ตงฟางคล้ายวอกแว่กด้วยกังวลอะไรบางอย่าง
“เฮ่อ…”
บนเกาะลอยเล็กๆเหนืออัฒจันทร์หลังหนึ่ง กงซุนซวนหยวนที่นั่งข้างอวี้ฮ่าวเทียนก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง พลางส่ายหน้าไปมาเบาๆ
และอวี้ฮ่าวเทียน จักรพรรดิสวรรค์แห่งอวี้หวงเทียนที่นั่งข้างๆ ก็ส่ายหน้าไปมาเบาๆเช่นกัน “ศิษย์เจ้าคนนี้ใจร้อนเกินไป…ดูเหมือนความพ่ายแพ้ 2 ก่อนหน้าจะทำให้มันหงุดหงิด ตอนนี้มันก็คงไม่พ้นอยากพิสูจน์ตัวเอง แต่พอศึกยืดเยื้อเข้าหน่อย มันกลับไม่อาจสงบใจได้ไหว…”
“เด็กน้อยนี่จะหงุดหงิดหัวเสียก็ไม่แปลกอะไร…”
กงซุนซวนหยวนก็กล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจ “เรื่องนี้ก็ต้องโทษที่ในซวนหยวนเทียนไม่มีใครในรุ่นเดียวกันที่เก่งกว่ามันเลย พอมาเจอศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งนี้เข้า ค่อยรู้ว่าเหนือฟ้ายังมีฟ้าและมีอัจฉริยะที่ร้ายกาจกว่ามัน…”
หลังจากเสียสมาธิแล้ว ไม่ถึงสิบกระบวนท่า อวี๋ตงฟางก็เริ่มตกเป็นรองจงกุ้ยอวี่
หลังจากนั้น จงกุ้ยอวี่ก็อาศัยการลงมืออย่างแยบคายอีก 3 กระบวนท่า ในที่สุดก็เอาชนะอวี๋ตงฟางได้สำเร็จ
“หากไม่ใช่เพราะข้าประมาทเอง เจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้หรอก!”
อวี๋ตงฟางที่แพ้พ่ายและถูกซัดจนบาดเจ็บเลือดกบปาก มันก็ยกมือขึ้นมาปาดเช็ดเลือดที่ปากก่อน ค่อยมองจงกุ้ยอวี่ด้วยสายตาไม่ยินยอม กล่าวคำเสียงหนัก
“อ้อ?”
จงกุ้ยอวี่ก็คลี่ยิ้มบางๆพลางยักคิ้วขานรับด้วยน้ำเสียงไม่ใส่ใจ จากนั้นก็หันหลังจากไป
มันเองที่ร่วงตกลงมาจากอันดับ 1 จนมาถึงอันดับที่ 5 จะให้บอกว่าไม่คิดอะไรในใจเลยก็คงไม่ได้
ตอนนี้พอมีอวี๋ตงฟางมาท้าประลองถึงที่ และสุดท้ายมันสามารถเอาชนะอีกฝ่ายได้สำเร็จ ก็รู้สึกดีขึ้นมาบ้าง
อันที่จริงการประมือกับอวี๋ตงฟางนั้น ไม่ใช่แค่อวี๋ตงฟางคนเดียว แต่ตัวมันเองก็เป็นกังวลเพราะไม่อยากแพ้ไม่น้อย…เพียงแต่คนที่ร้อนรนจนเสียการก่อนเป็นอวี๋ตงฟางเท่านั้น
และทันทีที่เห็นว่าอวี๋ตงฟางเริ่มลนขึ้นมา มันก็หวนคืนสู่ความสงบ สุดท้ายหลังจากออกกระบวนท่าไปอีกสิบกว่ากระบวนท่า มันก็สามารถเอาชนะอวี๋ตงฟางได้สำเร็จ
อวี๋ตงฟางที่ท้าทายล้มเหลว ก็ยังคงรั้งอยู่ในอันดับที่ 10 เหมือนเดิม เพียงแค่หลังจากนี้มันไม่อาจท้าจงกุ้ยอวี่ได้อีกแล้ว เพราะศึกอัจฉริยะสวรรค์รอบนี้ไม่มีโอกาสที่สองให้สำหรับผู้แพ้ และเรื่องนี้ทำให้มันรู้สึกเจ็บใจนัก เพราะมันไม่อาจได้อันดับที่ 5 อีกต่อไป
ไม่ว่าใคร ก็ท้าประลองกับคู่ต่อสู้คนใดคนหนึ่งได้ครั้งเดียว แพ้แล้วก็แพ้เลย
ไม่งั้นถ้าแพ้แล้วไม่ยอมรับเลือกจะท้าอยู่นั่น เมื่อไหรถึงจะจบ?
หรือจะรอให้ตัวเองสามารถเอาชนะผู้อื่นได้สักครั้งก่อนถึงจะจบ?
แล้วผู้อื่นเล่า จะยอมหรือไม่?
ไม่ว่าจะอย่างไร เมื่ออวี๋ตงฟางแพ้แล้วก็คือแพ้
ตอนนี้อย่างดีมันก็ทำได้แค่ท้าชิงอันดับที่ 6 เท่านั้น…
4 อันดับแรกนั้น มี 2 คนที่เอาชนะมันไปแล้วมันจึงไม่อาจท้าได้อีก ส่วนอีก 2 คนที่เหลือ มันรู้ดีว่าพลังฝีมือของมันไม่สู้ผู้อื่นเขา
สำหรับเรื่องที่จงกุ้ยอวี่จะพ่ายแพ้ใครจนเสียอันดับ 5 ไป และมันไปท้าคนผู้นั้นเพื่อช่วงชิงอันดับ 5 มาครอง…มันไม่ได้หวังไว้ขนาดนั้น…
เพราะผู้ที่สามารถเอาชนะจงกุ้ยอวี่ได้ หมายความว่าสามารถเอาชนะตัวมันเองได้เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ของคนอื่นๆแล้ว ไม่น่าจะมีใครสามารถเอาชนะจงกุ้ยอวี่ได้เลย เพราะมันมั่นใจว่าในบรรดาคนที่เหลือไม่มีใครเอาชนะมันได้!
“อันดับที่ 9 หลิวสื่อเยียน ออกมาท้าทายเสีย”
หลังอวี๋ตงฟางพ่ายแพ้ ก็ถึงตาอันดับที่ 9 ชั่วคราวอย่างหลิวสื่อเยียนถูกฉีคงไห่เรียกออกไปท้าทาย
หลิวสื่อเยียนนั้นเหลือตัวเลือกให้ท้าสู้น้อยนิดนัก
เย่ตงลี่ที่มีอันดับเหนือกว่าและอยู่ในอันดับ 7 นางก็แพ้พ่ายผู้อื่นเขาไปแล้วจึงไม่อาจท้าได้แน่ๆคนหนึ่ง ส่วนอันดับ 5 อย่างจงกุ้ยอวี่นางก็ไม่น่าจะสู้ได้ ยิ่งพวก 4 อันดับแรกยิ่งไม่ต้องพูดถึง นางรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของตัวประหลาดพวกนั้นเลย
เช่นนั้นกล่าวได้ว่านางเหลือคนที่พอจะท้าสู้ได้แค่ 2 คนเท่านั้น
ซือหม่ารุ่ยในอันดับที่ 6 หรือหงหยวนที่อยู่ในอันดับ 8
ทั้งคู่เป็นอัจฉริยะที่รับการปลูกฝังจากวิหารเฟิงฮ่าว
และสุดท้ายหลิวสื่อเยียนก็ตัดสินใจเลือกซือหม่ารุ่ยที่อยู่ในอันดับ 6! แต่สุดท้ายนางก็สู้ซือหม่ารุ่ยไม่ได้ ทำให้การท้าทายครั้งนี้ของนางล้มเหลว
“อันดับที่ 8 หงหยวน”
หงหยวนพอออกไป ก็เลือกท้าประลอง เย่ตงลี่ ที่อยู่ในอันดับ 7
สุดท้ายหงหยวนก็ชักอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีจิตวิญญาณสถิตย์ออกมา ลบความได้เปรียบเพียงหนึ่งเดียวที่เย่ตงลี่มี จนเอาชนะนางมาได้ไม่ยากเย็น
ในฐานะอัจฉริยะอายุไม่ถึงพันที่โดดเด่นของวิหารเฟิงฮ่าวรองจากถังซานเป่า ทางวิหารเฟิงฮ่าวย่อมไม่ตระหนี่ถี่เหนียวอะไร ได้มอบอุปกรณ์อมตะระดับจักรพรรดิที่มีวิญญาณสถิตย์ให้พวกมันมาหลายปีแล้ว
เป็นธรรมดาว่าต่อให้ทางวิหารเฟิงฮ่าวจะไม่มอบให้ แต่อาจารย์ของพวกมันที่เป็นชนชั้นอาวุโสของวิหารเฟิงฮ่าว ซึ่งพลังฝีมือร้ายกาจเหนือจักรพรรดิสวรรค์ส่วนใหญ่ กับอีแค่อุปกรณ์อมตะไหนเลยจะหามาให้ศิษย์ไม่ได้?
“หงหยวน ท้าชิงอันดับได้สำเร็จ”
ฉีคงไห่มองหงหยวนด้วยสายตาพึงพอใจ ด้านหงหยวนหลังจากได้ยินคำประกาศของฉีคงไห่ มันก็โค้งศีรษะคารวะอย่างนอบน้อมอย่างไม่กล้าละเลย ก่อนจะเหินร่างกลับที่นั่ง
ฉีคงไห้จะอย่างไรก็เป็นถึงรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ถึงแม้อาจารย์ของมันจะมีลำดับอาวุโสเหนือกว่าอีกฝ่าย แต่มันก็ไม่กล้าละเลย เลือกจะให้เกียรติอีกฝ่ายในฐานะรุ่นเยาว์…
“อันดับต่อไป เย่ตงลี่…เจ้าจะเริ่มท้าทายตอนนี้เลย หรือเลือกจะรอรอบต่อไปเพื่อท้าทาย?”
ฉีคงไห่มองไปยังเย่ตงลี่ที่รั้งอยู่กลางหาวเพราะรู้ตัวว่าลำดับการท้าคนต่อไปคือตัวเอง พลางถามออกมา
“ข้าไม่ท้าผู้อื่นแล้วล่ะ…ข้าพอใจกับอันดับ 8”
เย่ตงลี่ส่ายหัวไปมา เห็นได้ชัดว่าไม่คิดจะท้าทายอันดับที่สูงกว่านางอีกแล้ว
และการตัดสินใจเลือกของนางก็ไม่มีใครว่าอะไร ยังเห็นว่านางตัดสินใจดี นับว่าเป็นผู้ฉลาดรู้สถานการณ์อีกคน
เมื่อเย่ตงลี่ไม่ได้ท้าทายใคร ฉีคงไห่ก็กวาดตามองไปยังอัฒจันทร์หลังหนึ่ง สุดท้ายสายตาก็ไปตงที่ร่างซือหม่ารุ่ย พลางถามออกมาเสียงดังฟังชัดว่า “ซือหม่ารุ่ย แล้วเจ้าเล่าจะท้าทายผู้ใดหรือไม่?”
“รองจ้าววิหารฉี ข้าเองก็ขอผ่านเหมือนกัน”
ซือหม่ารุ่ยส่ายหัวไปมา พลังฝีมือของมันแค่พอๆกับหงหยวนเท่านั้น มันรู้ดีว่าไม่ใช่คู่มือจงกุ้ยอวี่ ส่วนอีก 4 คนที่เหลือยิ่งไม่ต้องพูดถึง ออกไปสู้ก็มีแต่จะถูกผู้อื่นทุบตีเอาเจ็บตัวเปล่าๆ
“ต่อไป อันดับที่ 5 จงกุ้ยอวี่”
หลังจากที่ซือหม่ารุ่ยกล่าวคำยอมแพ้ ฉีคงไห่ก็หันไปมองจงกุ้ยอวี่อีกครั้ง และจงกุ้ยอวี่ก็เลือกที่จะขอผ่านทันที
พอจงกุ้ยอวี่ขอผ่าน บรรยากาศในสนามประลองไม่เพียงจะไม่หดหู แต่ยังกลายเป็นคึกคักเดือดพล่านขึ้นมาทันที “ในที่สุดก็วนมาถึงตาต้วนหลิงเทียนแล้ว! ต้วนหลิงเทียนคงไม่คิดจะยอมแพ้ใครโดยไม่สู้กระมัง?”
“ไม่มีทางหรอก! พลังฝีมือต้วนหลิงเทียนที่เผยออก ก็จัดว่าอยู่ในระดับยอดฝีมือเทพสงคราม 5 ดาราเช่นกัน! ถึงแม้อาจจะร้ายกาจไม่เท่าถังซานเป่า แต่กับหลิงเจวี๋ยอวิ๋นก็น่าจะพอฟัดพอเหวี่ยงกันไม่ใช่รึไง?”
“พวกเจ้าว่ามันจะท้าหวงเฉวียนอันที่อยู่ในอันดับ 3 หรือไม่?”
“เรื่องนี้ก็อาจเป็นได้…อย่างไรก็ตามกับเจ้าหวงเฉวียนอันที่เก่งกฏเวลานั่น เว้นเสียแต่ต้วนหลิงเทียนจะเป็นเทพสงคราม 6 ดารา หรือมีวิชาลับอะไรบางอย่างที่ทำให้พลังอำนาจของแปรเปลี่ยนในหนึ่งห้วงคิดไร้ผลเหมือนหลิงเจวี๋ยอวิ๋น ไม่งั้นข้าว่าคงยากจะสู้กับหวงเฉวียนอันได้”
…
พอถึงตาต้วนหลิงเทียนท้าทาย ผู้ชมในอัฒจันทร์ที่นั่งรอบทิศก็ระเบิดความเห็นออกมาดังระงม เรียกว่าเสมือนต้วนหลิงเทียนนเป็นดาราดังที่ได้รับความนิยมอย่างล้นหลามกำลังจะเลือกคู่ก็ไม่ปาน…
“เจ้าต้วน รอบนี้เจ้าคิดจะท้าใครรึ?”
ก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะออกไป ซูหลี่ก็อดถามออกมาไม่ได้
จากประสบการณ์ที่ผ่านมา กล่าวได้ว่ามันมีความมั่นใจในตัวต้วนหลิงเทียนอย่างน่ามืดตามัวก็ว่าได้ ถึงแม้คนอื่นๆจะกล่าวทำนองว่าต้วนหลิงเทียนไม่อาจสู้กับหวงเฉวียนอันหรือไม่น่าจะสู้ถังซานเป่าได้เลยก็ตามที…
อย่างไรก็ตาม ซูหลี่เชื่อมั่นอย่างแรงกล้าว่าต้วนหลิงเทียนไม่น่าจะอ่อนด้อยกว่าใคร…
“ท้าเจ้าหวงเฉวียนอันนั่นก่อนแล้วกัน”
ต้วนหลิงเทียนคลี่ยิ้มปลอดโปร่ง “กล่าวไปข้าไม่เคยสู้กับใครที่ใช้กฏเวลาเลย ข้าก็อยากจะลองสัมผัสพลังอำนาจของกฏเวลาที่ว่ากันว่าร้ายกาจนั่นดูสักครั้ง”
พอกล่าวจบคำ เสียงประกาศของฉีคงไห่ก็ดังขึ้นพอดี “ต่อไปถึงตาอันดับที่ 4 ต้วนหลิงเทียนท้าทายไต่อันดับ”
ได้ยินคำพูดของฉีคงไห่ ต้วนหลิงเทียนก็ลุกออกจากที่นั่งแล้วเหินร่างออกไปทันที
เมื่อมาปรากฏตัวกลางฟ้าเหนือสังเวียนประลองแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ถึงสายตามากมายที่กำลังมองจ้องมายังเขาจากทุกทั่วสารทิศ ขณะเดียวกันเขาก็สัมผัสได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่ทำให้เขารู้สึกอึดอัด
หลังหันหน้าไปมองเล็กน้อย เขาก็พบเจ้าของสายตาดังกล่าว…ไม่ใช่ใครที่ไหน เป็นจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน จักรพรรดิอมตะมหาสุริยัน ยูไล!
กล่าวให้ถูกคืออีกฝ่ายเป็นคนของเผ่าภูต…
ในปัจจุบันคนที่ควบคุมร่างยูไล ไม่ใช่ยูไลอีกแล้ว…
‘คิดจะชิงร่างข้างั้นเหรอ’
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองอีกฝ่ายด้วยสาตาไร้แยแส มุมปากยกยิ้มแสยะดูแคลนขึ้นบางๆ และสิ่งนี้ทำให้พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลถึงกับปรี๊ดแตก สายตาของมันกลายเป็นแหลมคมดุร้าย ท่าทางราวกับทนรอพุ่งออกมาเล่นงานเขาไม่ไหวแล้ว เห็นได้ชัดว่าอีกฝ่ายมีโทสะนัก…
“ข้าขอท้า…”
ท่ามกลางสายตาคาดหวังของทุกคน ในที่สุดต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเอ่ยนามคนที่ตัวเองจะท้าทายออกมา “อันดับที่ 3 หวงเฉวียนอัน!”
หวงเฉวียนอัน!
หลังเสียงต้วนหลิงเทียนดังจบคำ แม้แต่คนที่เตรียมพร้อมมานานก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกปั่นป่วนพุ่งพล่านอยู่บ้าง “ให้ตายเถอะวะ ต้วนหลิงเทียนนั่นกล้าท้าหวงเฉวียนอันจริงๆ! คงไม่ใช่มีวิธีตอบโต้พลังโกงๆของกฏเวลาที่หวงเฉวียนอันใช้หรอกนะ?”
“กฏแห่งเวลาทรงพลังก็จริง แต่เจ้าใช้คำว่าโกงมันเกินไปหน่อยไหม…เช่นนั้นเจ้าไม่คิดว่าหลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าโกงกว่ารึไง เพราะสุดท้ายทั้งคู่ก็เอาชนะหวงเฉวียนอันมาได้!”
“ก็นะ แต่หากต้วนหลิงเทียนไม่อาจเอาชนะหวงเฉวียนอันได้ เช่นนั้นก็เป็นไปไม่ได้เลยที่จะสู้หลิงเจวี๋ยอวิ๋นกับถังซานเป่าได้”
…
ท่ามกลางสาตาของทุกคน ร่างหวงเฉวียนอันก็ค่อยๆเหินเข้าสู่สนาม
การต่อสู้ระหว่างต้วนหลิงเทียน และเทพสงคราม 5 ดาราที่เก่งกฏแห่งเวลากำลังจะเริ่มต้นขึ้น…