War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3533
ตอนที่ 3533 : ใจโจรยากเปลี่ยนผัน
รุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของระนาบเทวโลกทั้งมวล!
นี่คือเกียรติยศอันยิ่งใหญ่อย่างไม่ต้องสงสัยเลย…
และในรอบพันปีที่ผ่านมา ก็มีเพียงผู้เดียวที่ได้รับการขนามนามดังกล่าว และนั่นก็คือผู้ชนะเลิศศึกอัจฉริยะสวรรค์คนก่อนนั่นเอง!
ในฐานะผู้ชนะเลิศศึกอัจฉริยะสวรรค์คนล่าสุด ต้วนหลิงเทียนย่อมได้รับเกียรติดังกล่าวมาแทน และเกีรติยศครั้งนี้ก็จะอยู่ติดตัวเขาและถูกเรียกขานไปต่ำๆพันปี จนกว่าศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งต่อไปจะเริ่มขึ้น…
อย่างไรก็ตาม หากศึกอัจฉริยะสวรรค์ครั้งต่อไปจบลง และผู้ที่ชนะเลิศไม่ได้โดดเด่นหรือเผยพลังฝีมือที่เหนือกว่าต้วนหลิงเทียนออกมาล่ะก็ ต้วนหลิงเทียนก็จะยังคงได้รับการขนานนามว่าเป็นรุ่นเยาว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของระนาบบเทวโลกทั้งมวลต่อไป!
ในระนาบเทวโลก ผู้ที่ยังมีอายุไม่ถึง 3,000 ปี ถือว่าเป็นรุ่นเยาว์ทั้งสิ้น…
หลายคนลงความเห็นว่า
อย่าว่าแต่พันปี ต่อให้เป็นอีก 2,000 ปีหลังจากนี้ แต่ ต้วนหลิงเทียน ศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของ ฟงชิงหยางจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ก็ยังสมควรครองตำแหน่งรุ่นเยาวว์อัจฉริยะอันดับ 1 ของระนาบเทวโลกทั้งมวลได้แน่ๆ…
เพราะผลงานที่สร้างไว้มันโดดเด่นเหลือเกิน! เจิดจรัสเสียจนอัจฉริยะอันดับ 1 คนก่อนๆหมองลงถนัดตา!!
อายุไม่ถึง 700 ปีแท้ๆ แต่กลับมีพลังฝีมือถึงระดับเทพสงคราม 7 ดาราเข้าไปแล้ว! และหลังจากได้ผลอมตะหยวนปะทุที่เป็นของรางวัลอันดับ 1 มา ทุกคนเชื่อว่าต้วนหลิงเทียนต้องทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศได้ในเวลาไม่กี่ปีแน่!!
“เห็นว่า…เหล่าจักรพรรดิสวรรค์และสุดยอดอัจฉริยะทั้งหลายกล่าวกันว่า หากจ้าววังน้อยแห่งจี้เมี่ยเทียนของพวกเราทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศล่ะก็ พลังฝีมือจะร้ายกาจเทียบได้กับพวกเทพสงคราม 8 ดาราชนชั้นยอดฝีมือเลยทีเดียว! ที่สำคัญคือคนของวิหารเฟิงฮ่าวก็ไม่โต้แย้งอะไร!!”
แม้ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางติดตามคนของวิหารเฟิงฮ่าวจนหายเข้าไปด้านในแล้ว แต่ด้านนอกก็เต็มไปด้วยความคึกคักอยู่นานกว่าจะหาย และหลายๆคนก็ถึงกับคุยจนเพลิน ลืมเรื่องที่จะมารับสมญานามไปเสียฉิบ!
ยอดฝีมือเทพสงคราม 8 ดาราอายุไม่ถึง 700 ปี?
เรื่องนี้ทำให้คนที่ยังไม่รู้ถึงกับตัวแข็งราวจะกลายเป็นหินทันที
“ให้ตายเถอะ…ที่แท้ชายหนุ่มทั้ง 2 นั่น หนึ่งคือใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ของพวกเรา อีกคนก็คือศิษย์ที่แท้จริงเพียงหนึ่งเดียวของใต้เท้าจักรพรรดิสวรรค์ที่ร่ำลือคนนั้น!”
ชายวัยกลางคนร่างใหญ่เคราดกที่เหินร่างขึ้นไปกล่าวเตือนฟงชิงหยางกับต้วนหลิงเทียนด้วยความหวังดี พอได้สติกลับมา ตอนนี้มันก็ตื่นเต้นยินดีถึงขีดสุด! หน้ายังเริ่มแดงขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด มันไม่คิดไม่ฝันเลยว่าชายยหนุ่มทั้ง 2 ที่มันขึ้นไปกล่าวเตือนเมื่อครู่ ที่แท้จะเป็นตัวตนอันยิ่งใหญ่ขนาดนี้!!
และพอมานึกย้อนไป มันก็ตระหนักได้ว่าการกระทำก่อนหน้าของมันน่าขันและไร้เดียงสาถึงเพียงใด….
จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานแห่งจี้เมี่ยเทียน ต่อให้จะหยิ่งยโสไม่ให้เกียรติวิหารเฟิงฮ่าวแล้วจะอย่างไร?
หรือตัวตนระดับนี้ยังไม่มีคุณสมบัติหยิ่งยโส?
…
ต้วนหลิงเทียนกับฟงชิงหยางที่เข้ามายังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาจี้เมี่ยเทียน ภายใต้การนำของเอี้ยยา ไม่นานก็ถูกพามารับรองยังห้องโถงหลัก และเอี้ยยากับชนชั้นรองจ้าววิหารทั้ง 3 ก็ปฏิบัติต่อทั้งคู่ในฐานะแขกผู้มีเกียรติ
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง ท่านวางแผนไปวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักพร้อมจ้าววังน้อยต้วนเลยหรือไม่?”
เอี้ยยาหันไปมองฟงชิงหยาง พลางเอ่ยถามออกมาตรงๆ
“ใช่”
ฟงชิงหยางพยักหน้า “เท่าที่ข้าทราบมาดูเหมือนวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักของท่าน จะไม่มีกฏห้ามผู้อาวุโสติดตามศิษย์ไปรับรางวัลจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักกระมัง?”
“ข้ามิได้หมายความเช่นนั้น”
เอี้ยยาส่ายหัว “ข้าเพียงถามเฉยๆ หากจักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยางคิดตามจ้าววังน้อยต้วนไปด้วย วิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักย่อมยินดีต้อนรับ ถึงตอนนั้นกระทั่งจ้าววิหารเองก็ต้องออกมาต้อนรับท่านด้วยยตัวเองแน่”
กระทั่งต้วนหลิงเทียนยังเดาได้ ว่า ‘จ้าววิหาร’ ที่เอี้ยยาเอ่ยถึง ก็คือจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก
ก่อนจะเดินทางมาถึงที่นี่ ระหว่างทางอาจารย์เขาฟงชิงหยางก็เกริ่นให้ฟังแล้ว ว่าจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักนั้น หากระดับพลังฝึกปรือไม่ถึงขอบเขตราชาเทพ เกรงว่าจะไม่มีคุณสมบัติได้เป็น! เรียกว่าระดับพลังฝีมือของมันสมควรสูงกว่าใครในวิหารเฟิงฮ่าว!!
“จักรพรรดิสวรรค์ฟงชิงหยาง จ้าววังน้อยต้วน ขอพวกท่านพักรออยู่ที่นี่สักครู่ ข้าจะติดต่อไปแจ้งทางวิหารสาขาหลักก่อน เพื่อให้ทางนั้นเปิดค่ายกลรับตัว ก่อนที่จะทำการส่งพวกท่านไป”
เอี้ยยากล่าวลาฟงชิงหยางกับต้วนหลิงเทียน ก่อนจะปลีกตัวไปจัดการเรื่องราว
หลังออกจากห้องโถงหลัก เอี้ยยาที่มาถึงห้องหนึ่ง ก็เริ่มติดต่อปังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักทันที และผู้ที่มันติดต่อไปถึงก็คือรองจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก ฉีคงไห่ ผู้ทำหน้าที่เป็นควบคุมกำกับการประลองในศึกอัจริยะสวรรค์ที่พึ่งจบลง “ท่านรองจ้าววิหารฉี เป็นดั่งที่ท่านคาดไว้ไม่มีผิด…ฟงชิงหยางคิดติดตามต้วนหลิงเทียนไปยังวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักด้วยจริงๆ”
“เรื่องนี้ไม่ต้องเดาก็รู้…”
ฉีคงไห่ก็ตอบกลับมาอย่างไม่ได้แปลกใจอะไร “ต้วนหลิงเทียนเผยความสำเร็จเลิศล้ำขนาดนั้นออกมาในศึกอัจฉริยะสวรรค์ เข้าใจ 2 ใน 4 วิถีสวรรค์และโลก แถมมิว่าจะมรรคากระบี่มิติหรือวิถีควบคุมล้วนบรรรลุขั้นตอนเบื้องต้น ด้วยประวัติการควบคุมผู้ที่เข้าถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลกของวิหารเฟิงฮ่าวเรา มันไม่มีทางปล่อยให้ต้วนหลิงเทียนมายังวิหารสาขาหลักเพียงลำพังแน่อยู่แล้ว”
ฉีคงไห่กล่าว หากต้วนหลิงเทียนมาเยือนวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเพียงลำพัง ย่อมไม่ต่างอะไรจากส่งลูกแกะเข้าปากเสือ! เรื่องนี้เป็นเรื่องธรรมดาที่ใครก็รู้มันจึงกล่าวออกมาอย่างไม่แยแส…
“ในเมื่อมันอยากมาด้วยก็ให้มันมา”
“ข้าสามารถหยั่งตื้นลึกหนาบางฟงชิงหยางได้ก่อนจะตัดสินใจว่าควรดำเนินการหรือไม่!”
ฉีคงไห่กล่าว
“แล้วตอนนี้ท่านจะให้ข้าทำเช่นไร”
เอี้ยยากล่าวถาม
“เจ้าไม่ต้องทำอะไร ข้าจะไปหาเจ้าก่อน จากนั้นค่อยพาพวกมันมาวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักด้วยตัวเอง เพื่อแสดงให้พวกมันเห็นว่าวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักเราให้ความสำคัญกับจักรพรรดิสวรรค์ในตำนานของจี้เมี่ยเทียน”
ขณะฉีคงไห่กล่าวถึงคำ จักรพรรดิสวรรค์ในตำนานของจี้เมี่ยเทียน เสียงกล่าวยังเน้นหนักนัก
“ทราบแล้ว”
เอี้ยยาตอบคำอย่างสุภาพ ก่อนจะจบการสื่อสารกับฉีคงไห่
การสื่อสารครั้งนี้เป็นการสื่อสารภายในของวิหารเฟิงฮ่าว อาศัยค่ายกลลี้ลับบางอย่าง และในระนาบเทวโลกมีเพียงวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักกับสาขาย่อยเท่านั้นที่มีค่ายกลสื่อสารดังกล่าว
และค่ายยกลสื่อสารดังกล่าว ก็สามารถใช้ติดต่อกันข้ามระนาบเทวโลกได้
เพราะในขณะที่เอี้ยยาติดต่อไป มันยังอยู่ใน จี้เมี่ยเทียน 1 ใน 81 ระนาบเทวโลก ในขณะที่ฉีคงไห่อยู่ในระนาบอิสระที่ตั้งวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก
และในค่ายกลสื่อสารดังกล่าว ก็มีรอยประทับวิญญาณของตัวตนระดับสูงเอาไว้
ดุจเดียวกับเอี้ยยาเมื่อครู่ ตอนมันเปิดใช้ค่ายกลสื่อสาร เพียงระบุว่าจะติดต่อถึงฉีคงไห่ มันก็เพียงเลือกใช้รอยประทับวิญญาณของฉีคงไห่ในค่ายกล ก็สามารถติดต่อไปถึงฉีคงไห่ได้ทันที
‘จะแจ้งไปยังจ้าววิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียนดีหรือไม่แจ้งดี?’
หลังจบการติดต่อกับเอี้ยยาแล้ว ฉีคงไห่ที่อยู่ในวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักก็คล้ายจะนึกอะไรขึ้นได้ คิ้วมันขมวดเป็นปมหลวมๆ
ก่อนหน้านี้หลังจบศึกอัจฉริยะสวรรค์ ยูไล ได้มาหามันเป็นการส่วนตัว
อีกฝ่ายกล่าวไว้ว่า หากทางวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักไม่มั่นใจว่าจะรั้งต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้ มันจะมาช่วยหาวิธีจัดการต้วนหลิงเทียนให้
กล่าวตามตรง ศึกอัจฉริยะรอบนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่มันได้พบเจอยูไล
ในอดีตตอนที่ยูไลยังไม่ทะลวงถึงขอบเขตเทพ มันได้พบเจอยูไลครั้งหนึ่ง หากแต่ยูไลในปัจจุบันกลับให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากยูไลในอดีตโดยสิ้นเชิง
แต่มันคิดไปแค่ว่า…
เหตุผลที่ลักษณะนิสัยของยูไลเปลี่ยนไป อาจสืบเนื่องมาจากการบรรลุเทพเท่านั้น
เพราะมีบางคนที่จะนิสัยเปลี่ยนไปหลังบรรลุถึงขอบเขตเทพ จะการเปลี่ยนแปลงจะมากหรือน้อยก็ไม่ถือว่าเป็นเรื่องแปลกอะไร เพราะในบันทึกประวัติศาสตร์อันยาวนานของวิหารเฟิงฮ่าว ก็มีบันทึกเรื่องนี้ไว้ไม่น้อย
‘ช่างเถอะ…แจ้งให้มันรับทราบก็ดี สุดท้ายคราวนี้ฟงชิงหยางก็ติดตามมาด้วย และสาขาหลักเราก็ไม่มั่นใจว่าจะรั้งต้วนหลิงเทียนเอาไว้ได้จริงๆ’
พอคิดถึงจุดนี้ ฉีคงไห่ก็เลือกจะติดต่อไปหายูไลทันที
กล่าวให้ชัดก็คือ พระอาจารย์หมี่เยี่ยน!
แต่เป็นธรรมดาว่าในปัจจุบันฉีคงไห่ยังไม่ล่วงรู้ว่ายูไลในวันนี้ไม่ใช่ยูไลคนเดิมอีกต่อไป แต่เป็นเผ่าภูตคนหนึ่งจากดินแดนแห่งความตาย 1 ใน 7 สถานที่ต้องห้ามของระนาบเทวโลก!
“ต้วนหลิงเทียนกำลังจะไปวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลักแล้วรึ?”
หลังได้ยินข่าวจากฉีคงไห่ สองตาพระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลก็เป็นประกายวับวาวทันที
“แล้วท่านจะมาเมื่อใด?”
ฉีคงไห่กล่าวถามตรงๆไม่อ้อมค้อม
“รองจ้าววิหารฉี ข้ามีเรื่องที่ติดพันอยู่ แต่ข้าจักรีบจัดการให้เสร็จเร็วๆนี้ ข้าเชื่อว่าก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะกลับจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาหลัก…ข้าสมควรหาวิธีจัดการต้วนหลิงเทียนได้แล้ว และมั่นใจได้เลย ว่าต้วนหลิงเทียนจักไม่ได้ออกจากวิหารเฟิงฮ่าวชั่วกาล!”
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลกล่าวบอกฉีคงไห่อย่างมั่นใจ
แต่ด้านฉีคงไห่ กลับรู้สึกว่ายูไลช่างไม่น่าเชื่อถือเอาเสียเลย มาติดพันเรื่องบ้าบออะไรอยู่อีก?
ชั่วขณะหนึ่ง ฉีคงไห่ก็ไม่ได้หวังอะไรกับยูไลไว้มากนัก เพียงกล่าวรับคำอย่างไร้แยแสก่อนจะตัดการติดต่อไป
หลังจากที่ฉีคงไห่จบการติดต่อ ด้านพระอาจารย์หมี่เยี่ยน ก็เร่งรุดออกจากวิหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียนทันที ‘ในที่สุดวันที่ข้าเฝ้ารอก็มาถึงแล้ว…รีบกลับไปชวนพี่ใหญ่จากโลกแห่งความตายดีกว่า!’
‘คราวนี้ไม่ว่าจะทำอย่างไร ก็ต้องยึดร่างต้วนหลิงเทียนนั่นมาครองให้จงได้ ยึดครองทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นของมัน!!’
ขณะที่พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลเหินร่างออกจากวิวหารเฟิงฮ่าวสาขาซวนหยวนเทียน ดวงตามันก็ฉายชัดถึงความปรารถนาอันแรงกล้า ราวกับได้เห็นฉากต้วนหลิงเทียนถูกมันชิงร่างแล้วอย่างไรอย่างนั้น
พระอาจารย์หมี่เยี่ยนนั้น เป็นคนของเผ่าภูต และเผ่าภูตก็คือ 1 ในเผ่าพันธ์มากมายที่ตั้งรกรากอยู่ในโลกแห่งความตาย และคนของเผ่าภูตไม่ว่าใคร ก็ไม่อาจออกจากโลกแห่งความตายได้ก่อนจะบรรลุถึงขอบเขตเทพ
และในเผ่าภูต ชาติกำเนิดของพระอาจารย์หมี่เยี่ยนก็นับว่าสูงส่งที่สุด!
ผู้นำเผ่าภูตในปัจจุบัน ก็คือพี่ใหญ่ที่มันเอ่ยถึง! ขณะเดียวกันก็เป็นตัวตนขอบเขตราชาเทพอันทรงพลังแล้ว!!
พี่ใหญ่ของมันก็เป็นดุจเดียวกับมัน ใฝ่ฝันถึงโลกภายนอกตั้งแต่ยังเด็ก แต่เนื่องจากที่พวกมันพี่น้องเป็นผู้สืบทอดของผู้นำเผ่าในอดีต พวกมันก็ทำได้แค่คิดเรื่องนี้อยู่ในใจเท่านั้น โดยเฉพาะพี่ใหญ่มันที่ถูกเลือกให้สืบทอดตำแหน่งผู้นำของเผ่าภูต เรื่องจะออกจากโลกแห่งความตายมาทำตามความฝันยิ่งเป็นไปไม่ได้เลย…
‘หวังว่าครั้งนี้พี่ใหญ่จะยอมช่วยข้า!’
ขณะเดินทางไปยังโลกแห่งความตาย พระอาจารย์หมี่เยี่ยนในคราบยูไลก็ลอบกล่าวในใจอย่างคาดหวัง
ถึงแม้ตอนที่เกิดเรื่องในผาบรรพกาล มันจะยกอ้างพี่ใหญ่ของมันที่เป็นถึงผู้นำเผ่าภูตคนปัจจุบันออกมาขู่ฟงชิงหยางแล้วรอบหนึ่ง แต่ตอนนั้นมันก็รู้ดีแก่ใจว่าไม่น่าจะเป็นไปได้ที่พี่ใหญ่ของมันจะออกจากเผ่าภูตเพื่อมาล้างแค้นให้มัน
ยิ่งไปกว่านั้นถ้ามันตายไป ก็ไม่มีใครสามารถส่งข่าวแจ้งเรื่องราวให้พี่ใหญ่ของมันล่วงรู้ได้เลย ด้วยการแยกตัวไปอยู่อย่างสันโดษของเผ่าภูต เกรงว่าคงไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันตายอย่างไร
คราวนี้ที่มันคิดกลับไปยังเผ่าภูตเพื่อร้องขอความช่วยเหลือจากพี่ใหญ่ มันก็ไม่ได้มั่นใจว่าพี่ใหญ่จะช่วยมันสักเท่าไหร่ ทำได้แค่พยายยามเกลี้ยกล่อมให้พี่ใหญ่มันช่วยออกหน้าสักครั้ง
เพราะด้วยพลังกล้าแข็งของพี่ใหญ่ หากอีกฝ่ายยินยอมออกหน้าให้มันล่ะก็ มันมั่นใจเต็มสิบส่วนว่าจะยึดครองร่างต้วนหลิงเทียนได้สำเร็จ!
โลกแห่งความตาย ในฐานะที่เป็น 1 ใน 7 สถานที่ต้องห้ามของระนาบเทวโลก แน่นอนว่ามันย่อมลึกลับซับซ้อนไม่น้อย
อย่างไรก็ตามหากให้เทียบกับสถานที่ต้องห้ามที่อันตรายติด 3 อันดับแรก โลกแห่งความตายนับว่ามีอันตรายน้อยกว่ากันมาก…มีจักรพรรดิอมตะสมญานามมากมายที่มาแสวงโชคในโลกแห่งความตาย และหวังจะพบพานสมบัติและโชควาสนา
และในโลกแห่งความตาย ก็มีโอกาสมากพอสมควรที่จะพบสิ่งมีชีวิตอันเหมาะสม ที่สามารถทำหน้าที่เป็นจิตวิญญาณสถิตย์ของอุปกรณ์อมตะได้…