War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3594
ตอนที่ 3594 : หมู่บ้านสกุลตัวน!
ระนาบเทพนั้นไม่ได้กว้างใหญ่ไพศาลเท่าระนาบเทวโลก
อย่างไรก็ตาม แม้ระนาบเทวโลกจะกว้างใหญ่กว่า แต่ก็มีพื้นที่รกร้างว่างเปล่าไร้ผู้คนเสียเยอะ สำหรับระนาบเทพแม้จังมีสถานที่รกร้างว่างเปล่าอยู่บ้างแต่เทียบสัดส่วนแล้วก็น้อยกว่าระนาบเทวโลกหลายขุม อย่างที่ต้วนหลิงเทียนอยยู่ในตอนนี้ ก็ถือเป็นพื้นที่รกร้างทางขัวโลกตะวันออกของดินแดนดาราพิศวง
สถานที่แห่งนี้ยังมีชื่อเรียกว่า เทือกเขาตะวันออก
เทือกเขา ก็คือแนวเขาที่ทอดยาวไปเป็นทิว ต้วนหลิงเทียนที่เหินร่างติดตามผู้คนเบื้องหน้าไป หลังข้ามแนวเขามาแล้ว เขาก็พบว่าด้านล่างเป็นป่าเขียวขจีอีกครั้ง แต่ไม่ใช่ป่ารกชัดแล้ว
เทือกเขาตะวันออก มีหมู่บ้านกับเมืองมากมาย และไม่นานนักต้วนหลิงเทียนก็ติดตามทั้ง 2 มาถึงหมู่บ้านแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่กลางแนวภูเขา พื้นที่ค่อนข้างกว้างขวาง แทบมองไม่เห็นรอยต่อของแนวภูเขา
ทำเลที่ตั้งเรียกว่าล้อมลอบไปด้วยแนวเขา เป็นดั่งปราการธรรมชาติอย่างหนึ่ง อย่างไรเสียก็มีสภาพแวดล้อมที่สวยงามไม่น้อย
และตั้งแต่ต้นจนจบ คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนติดตามมา ก็ไม่ได้รู้ตัวเลย
‘สองคนด้านหน้า…ชายวัยกลางคนนั่นเป็นจักรพรรดิอมตะ 3 ศักดิ์ ส่วนชายหนุ่มอีกคนก็เป็นแค่จักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกำเนิดเท่านั้น’
ตั้งแต่ตอนที่เริ่มติดตามทั้งคู่มา ต้วนหลิงเทียนก็แผ่สำนึกเทวะออกไปตรวจสอบทั้งสองเรียบร้อยแล้ว จึงพบว่วาทั้งคู่มีด่านพลังฝึกปรือจักรพรรดิอมตะเหมือนกัน คนหนึ่งเป็นจักรพรรดิอมตะ 3 ศักดิ์ อีกคนเป็นจักรพรรดิอมตะ 1 ต้นกำเนิด
ด้วยความที่ด่านพลังฝึกปรือของทั้งคู่ต่ำกว่าเขามาก เช่นนั้นจึงไม่พบการตรวจสอบของเขา
‘หืม? หมู่บ้านสกุลต้วน?’
เมื่อต้วนหลิงเทียนติดตามทั้งคู่มาถึงหน้าหมู่บ้าน เขาก็พบแท่นศิลาสูง 5-6 หมี่ ตั้งอยู่บริเวณประตูทางเข้าหมู่บ้าน โดยมีตัวอักษรสลักว่า ‘หมู่บ้านสกุลต้วน’ เด่นหราอยู่
‘สกุลต้วน…’
ตอนนี้ความคิดแรกในหัวของต้วนหลิงเทียนก็คือ โชคชะตาช่างเล่นตลกอะไรแบบนี้ ด้วยไม่คิดเลยว่าสถานที่รวมพลของผู้คนแห่งแรกที่เขาพบเจอหลังจากมาถึงระนาบเทพอย่างดินแดนดาราพิศวง กลับเป็นหมู่บานสกุลต้วน ที่ชื่อเหมือนกับแซ่ของเขาไม่ผิดเพี้ยน
และในเมื่อมันเป็นหมู่บ้านสกุลต้วน จึงงกล่าวได้ว่าผู้คนในหมู่บ้านก็มีแซ่ต้วนเหมือนเขา!
ในขณะที่ทั้ง 2 คนมาถึงประตูหน้าหมู่บ้าน ก็มีร่างหนึ่งเหินออกมาอย่างเงียบงัน กล่าวทักทายทั้งสอง หากทว่าสายตาของมันกลับมองข้ามทั้ง 2 มายังต้วนหลิงเทียนที่อยู่ด้านหลัง
และก่อนที่คนผู้นี้จะออกมาหน้าประตู เขาก็สัมผัสได้ถึงสำนึกเทวะอันมีพลังวิญญาณระดับจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศกวาดออกมาสำรวจเขาแต่แรก
เห็นได้ชัดว่าเป็นสำนึกเทวะของผู้ที่พึ่งออกมา ชายชรา คนนั้น
ชายชรามาในชุดคลุมสีเทาอ่อน รูปร่างผ่ายผอม ขณะที่มองมายังต้วนหลิงเทียนในแววตาก็ฉายให้เห็นความหวาดกลัว
“ท่านปู่ชิง เป็นอะไรหรือ?”
ชายหนุ่มกับชายวัยกลางคนเองก็อดตกใจไม่ได้เมื่อเห็นชายชราออกมาด้านหน้า “แล้วนี่ท่านออกมาทำไมหรือ?”
ชายชราเบื้องหน้าพวกมัน ก็คือหัวหน้าคนที่ 3 แห่งหมู่บ้านสกุลต้วนมีชื่อว่า ต้วนฉิง และยังเป็น 1 ใน 4 ผู้แข็งแกร่งที่สุดของหมู่บ้านสกุลต้วน เปรียบได้ดั่งผู้พิทักษ์ของหมู่บ้านสกุลต้วน
“ออกไปต้อนรับแขกกันก่อนเถอะ”
ชายชรา ที่เป็นชนชั้นผู้ปกครองหมู่บ้านสกุลต้วน เอ่ยออกเสียงเรียบ
พอได้ยินคำพูดของชายชรารวมถึงเห็นสายตาของอีกฝ่ายที่มองไปด้านหลังพวกมัน ชายหนุ่มกับชายวัยกลางคนก็หันกลับไปมองด้านหลังทันที จากนั้นลูกตาพวกมันก็หดเล็กลงเร็วไว เพราะไม่ทราบว่าด้านหลังมีชายหนุ่มชุดม่วงอยู่ตั้งแต่เมื่อไหร่!
ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ หน้าตาหล่อเหลาแถมลักษณะท่าทางไม่ธรรมดา และอีกฝ่ายก็กำลังมองต้วนฉิง หนึ่งในหัวหน้าหมู่บ้านของพวกมัน
“ท่าน…ท่านติดตามพวกเรามาตั้งแต่เมื่อไหร่!?”
ชายหนุ่มที่ต้วนหลิงเทียนลอบติดตามมา มองถามต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาหวาดกลัวเสียงสั่น เนื่องเพราะชายหนุ่มคนนี้กลับลอบติดตามพวกมันมาได้โดยที่พวกมันไม่รู้ตัวเลย เช่นนั้นบ่งบอกให้รู้ชัดว่าพลังฝีมือของอีกฝ่ายสูงส่งกว่าพวกมัน
ถึงแม้ชายชราจะไม่พูดอะไร แต่สายตาที่มองต้วนหลิงเทียนก็เริ่มเผยให้เห็นความไม่เป็นมิตร
“ท่านทั้ง 3 อย่าได้กังวล ข้าไม่ได้มาร้าย”
พอเห็นทั้ง 3 มองเขาด้วยสายตาหวาดกลัว ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มกล่าว “ข้าแค่บังเอิญผ่านมาที่นี่เท่านั้น”
จากนั้นไม่รอให้ทั้ง 3 ตอบคำ ต้วนหลิงเทียนก็เอ่ยออกอีกครั้ง “ไม่ทราบท่านทั้ง 3 พอจะบอกได้หรือไม่ ว่าที่นี่ใช่ดินแดนบัญญัติบรรพกาลหรือไม่?”
ดินแดนบัญญัติบรรพกาล 1 ใน 2 ระนาบเทพที่โคจรมาปะทะกับดินแดนดาราพิศวง
“ดินแดนบัญญัติบรรพกาล?”
ได้ยินคำถามของต้วนหลิงเทียน ชาชราก็ขมวดคิ้วทันที “ที่นี่คือดินแดนดาราพิศวง มิใช่ดินแดนบัญญัติบรรพกาล…พ่อหนุ่ม ท่านเป็นคนของดินแดนบัญญัติบรรพกาลหรือ?”
ถึงแม้ในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้ มันจะเป็นตัวตนที่มีพลังงชั้นปลายแถว
อย่างไรก็ตามมันเองยย่อมรู้จักดินแดนบัญญัติบบรรพกาล และรู้ว่าเป็นระนาบเทพคู่ขนานที่โคจรมาปะทะกับดินแดนดาราพิศวงของมันอยู่
“อะไร? ดินแดนดาราพิศวงรึ?”
พอได้ยินคำถามของต้วนฉิง ต้วนหลิงเทียนก็คลี่ยิ้มเจื่อนๆ “ข้าไม่คิดเลยว่าการประมือกันของผู้ยิ่งใหญ่ทั้ง 2 จนห้วงมิติฉีกเปิดวุ่นวายไปหมด จะทำให้ข้าพลัดหลงเข้าไปในรอยแยกมิติทั้งมาโผล่ที่นี่ได้…แล้วด้วยระดับพลังของข้า ข้าจะกลับบ้านอย่างไรล่ะทีนี้…”
ต้วนหลิงเทียนได้กล่าวอ้างออกมา ทำนองเดียวกับที่ใช้กล่าวอ้างเย่เป่ยหยวนในระนาบสมรภูมิ
เขาไม่ได้บอกอีกฝ่ายว่าเขามาจากระนาบเทวโลก
และนี่คือสิ่งที่วารีเทพชำระโลกากำชับเขาเอาไว้
หากใครล่วงรู้ว่าเขามาจากระนาบเทวโลก ไม่พ้นต้องชักนำปัญหาที่ไม่จำเป็นมาสู่ตัวแน่นอน มิสู้กล่าวอ้างว่าเป็นคนของระนาบเทพคู่ขนานจะประเสริฐกว่า เพราะตอนนี้กำลังเกิดการโคจรมาปะทะกันของระนาบเทพคู่ขนาน มันจึงเป็นข้อแก้ตัวที่ไม่ได้ผิดแปลกอะไร สามารถลดความระวังสงสัยของผู้อื่นได้
“รอยแยกมิติ!?”
ได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ต้วนฉิงก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พลางกล่าว “จากบันทึกเก่าแก่หนึ่งที่ข้าบังเอิญได้อ่านมา…ผู้ที่มีพลังมากพอจะทำให้ห้วงมิติฉีกเปิดได้ ก็เห็นทีจะมีแต่ตัวตนระดับอริยะเทพขึ้นไปเท่านั้น…”
“อริยะเทพ?!”
พอต้วนฉิงปริปากกล่าวคำออกมา ชาย 2 คนที่ถูกต้วนหลิงเทียนลอบติดตามมา ก็ถึงกับโพล่งออกมาด้วยความตกใจ
อริยะเทพ! นั่นคือตัวตนที่ยืนอยู่ณจุดสูงสุดของระนาบเทพแล้ว ตัวตนที่เป็นรองก็แต่ผู้แข็งแกร่งที่สุด!
“ข้าสิ้นสติไปหลังจากพลัดหลงเข้าไปในรอยแยกมิติ พอตื่นมาอีกทีก็อยู่ในป่าที่ไหนไม่ทราบ…หลังเหาะสำรวจอยู่หลายวัน ก็พอดีเห็นพี่ชายทั้ง 2 ท่านผ่านมา ก็เลยถือวิสาสะลอบติดตามมาด้วย…”
ขณะกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองชายหนุ่มกับชายวัยกลางคน ด้วยรอยยิ้มแห้งๆ
“ที่แท้เป็นเช่นนี้นี่เอง…ขออภัยคุณชายท่านด้วย เป็นพวกเราเข้าใจท่านผิดไป”
หลังได้ยินคำพูดของต้วนหลิงเทียน ต้วนฉิงก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก แลดูผ่อนคลายลง “ว่าแต่คุณชายท่านคิดทำอย่างไรต่อไปหรือ? ตอนนี้หากท่านคิดจะย้อนกลับไปดินแดนบัญญัติบรรพกาล ข้าเกรงว่าคงมิใช่เรื่องง่ายกระมัง?”
“ย่อมไม่ง่ายแน่นอน”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า “ระนาบสมรภูมิอุบัติขึ้นแบบนี้ ไม่ใช่แค่ช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพกับระนาบเทวโลกเท่านั้น กระทั่งช่องทางเชื่อมต่อระหว่างระนาบเทพทั้งหลายยังปิดตัวลงอีกด้วย”
“ตอนนี้หากข้าจะกับเกรงว่าคงมีทางเดียวเท่านั้น…ผ่านระนาบสมรภูมิ”
“แต่อาศัยระดับพลังบ่มเพาะของข้า เกรงว่าหากทะลึ่งเข้าไปในระนาบสมรภูมิ กระทั่งทหารเลวยังไม่อาจเป็น กว่าจะไปถึงดินแดนบัญญัติบรรพกาลได้ ข้าว่าข้าคงตาคาระนาบสมรภูมิซะก่อน…”
กล่าวจบประโยค ต้วนหลิงเทียนก็ส่ายหัว ด้ววยสีหน้าจนปัญญา
“คุณชายท่านนี้ ข้าคือหัวหน้า 3 ของหมู่บ้านสกุลต้วน มิทราบคุณชายมีนามเลิศล้ำว่าอะไร?”
หลังรับทราบที่มาของต้วนหลิงเทียน ต้วนฉิงก็ไม่ได้แลดูระแวดระวังเหมือนก่อนหน้า นอกจากนั้นอีกฝ่ายก็มีระดับพลังฝึกปรือจักรพรรดิอมตะ 10 ทิศดุจเดียวกับมัน เช่นนั้นคงไม่น่าจะใช่ผู้ที่วางแผนคิดร้ายอะไรกับหมู่บ้านสกุลต้วนของพวกมันได้
หมู่บ้านสกุลต้วนของพวกมัน เคยปรากฏยอดฝีมือขอบเขตเทพมาก่อน แถมยังเป็นเทพขั้นสูงอีกด้วย ทำให้ค่ายยกลที่ปกปักษ์พิทักษ์หมู่บ้านตอนนี้ มันทรงพลังงถึงขั้นต่อให้เทพขั้นต่ำคิดบุกเข้ามาก่อการอะไร ก็มีแต่ต้องบาดเจ็บสาหัสหนีตายกลับไปเท่านั้น!
สำหรับผู้ที่มีด่านพลังฝึกปรือต่ำกว่าขอบเขตเทพ เมื่อบุกเข้ามา ด้วยพลังของค่ายกลก็มีแต่หนทางตายสถานเดียว!
“ช่างเป็นเรื่องบังเอิญยิ่ง พอดีข้าเองก็ชื่อต้วนหลิงเทียน มีแซ่ต้วนเหมือนคนในหมู่บ้านพวกท่าน”
ต้วนหลิงเทียนหัวเราะพลางกล่าว
“บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว!?”
คำพูดของต้วนหลิงเทียนก็ทำให้สองตาต้วนฉิงเป็นประกาย จากนั้นก็กล่าวถามด้วยความกระตือรือร้น “คุณชาย ในเมื่อตอนนี้ท่านไม่ทราบจะทำอย่างไรต่อไป หากไม่รังเกียจไฉนไม่ปักหลักอยู่ที่หมู่บ้านสกุลต้วนของพวกเราสักระยะเล่า จากนั้นท่านคิดอ่านประการใด รอให้ตั้งตัวได้แล้วค่อยจากไปก็ยังไม่สาย”
“เช่นนั้นข้าต้องขอขอบคุณหัวหน้า 3 ล่วงหน้าแล้ว”
สองตาต้วนหลิงเทียนก็ทอประกายจ้าขึ้นมาเช่นกัน เร่งประสานมือกล่าวคำขอบคุณชายชราด้วยรอยยิ้มยินดีไม่มีบ่ายเบี่ยง เพราะตอนนี้เขาต้องการสถานที่พักเพื่อตั้งตัวจริงๆ
ค่อยๆปรับตัว สำรวจที่ทาง สอบถามสถานการณ์พื้นที่ จากนั้นค่อยดูว่าจะไปไหนต่อ ‘ในเมื่อมาถึงระนาบเทพแล้ว ก็ต้องกำหนดทิศทางให้ดี…ดูว่าจะทำอย่างไรถึงสามารถยกระดับบ่มเพาะให้รวดเร็วที่สุด’
ในปัจจุบันสิ่งที่ต้วนหลิงเทียนต้องการมากที่สุดก็คือยกระดับด่านพลังฝึกปรือ!
สำหรับความเข้าใจในกฏมิตินั้น ด้วยเพราะเขามีผลึกสำนึกของผู้แข็งแกร่งที่สุด จึงไม่ต้องห่วงเรื่องทำความเข้าใจในกฏเลย
สำหรับวิถีควบคุม กับมรรคากระบี่มิตินั้น เขาต้องค่อยๆก้าวเดินไม่อาจรีบร้อน
“คุณชายหลิงเทียนเกรงใจไปแล้ว”
ต้วนฉิงส่ายหน้าไปมา จากนั้นก็พาต้วนหลิงเทียนเข้าสู่หมู่บ้านสกุลต้วน
ในระหว่างนั้น ต้วนฉิงก็แนะนำจนเขารู้ชื่อชายทั้ง 2 ที่เขาลอบติดตามมาแต่แรก
ชายวัยกลางคนเรียกว่า ต้วนชิวเหวิน
ส่วนชายหนุ่มเรียกว่า ‘ต้วนล่าง’
ทั้งหมดล้วนเป็นคนของหมู่บ้านสกุลต้วน เกิดเติบโตที่นี่
“หมู่บ้านสกุลต้วนของพวกเราแบ่งย่อยออกเป็น หมู่บ้านตะวันออก หมู่บ้านตะวันตก หมู่บ้านเหนือ และหมู่บ้านใต้…นอกจากเป็นหัวหน้า 3 ของหมู่บ้านสกุลต้วนแล้ว ข้ายังเป็นหัวหน้าหมู่บ้านใต้อีกด้วย”
ต้วนฉิงกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
ต้วนหลิงเทียนพลันตระหนักได้ทันที และจากปากของต้วนฉิงเขาก็ทราบ่าประตูที่เขาผ่านมาเมื่อครู่เป็นประตูหมู่บ้านใต้
หมู่บ้านสกุลต้วน มีประตูใหญ่ทั้งสิ้น 4 ประตู ตั้งอยู่ทางทิศเหนือ ใต้ ตะวันออก ตะวันตก ของหมู่บ้านแต่ละส่วน
หลังผ่านประตูหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้เข้ามา เขาก็แลเห็นพื้นที่โล่งกว้าง แต่ตอนอยู่ด้านนอกเขาจะเห็นอาคารปลูกสร้างบางตา เห็นได้ชัดว่าสิ่งที่เห็นด้านนอกกับความเป็นจริงด้านในแตกต่างกันคนละเรื่อง ไม่พ้นต้องเป็นเพราะค่ายกลลวงตาแน่นอน
มีเพียงงผ่านประตูเข้ามาแล้ว จึงจะเห็นสภาพหมู่บ้านทิศใต้ที่แท้จริง
ในพืนที่โล่งกว้างดังกล่าว ก็เห็นผู้คนมากมายรวมตัวกันอยู่ บ้างก็พูดคุย บ้างก็ประมือ ยังมีเด็กน้อยวิ่งเล่นซุกซนไปทั่ว
ต้วนหลิงเทียนที่ติดตามต้วนฉิงผ่านประตูใต้เข้ามา ก็มีหลายคนที่สังเกตเห็น จากนั้นก็มีเด็กน้อยทั้งผูใหญ่กล่าวทักทายด้วยรอยยิม
“ท่านลุงฉิง”
“ท่านปู่ฉิง”
…
ดูจากสีหน้าท่าทีของทุกคนแล้ว เห็นได้ชัดว่าต้วนฉิงหัวหน้า 3 แห่งหมู่บ้านสกุลต้วนจะเป็นที่เคารพนับถือในหมู่บ้านใต้ไม่น้อย
“ต้วนล่าง เจ้เด็กหัวเหม็นนี่ ในที่สุดก็ยอมกลับมาเสียที…หากเจ้ายังไม่กลับมาอีก บิดาจะหักข้าเจ้าแล้ว เจ้าลืมเลือนงานแต่งอีกเดือนหลังจากนี้ไปแล้วรึไร? หรือเจ้าไม่คิดตบแต่งกับคุณหนูรองสกุลเถี่ยแล้ว?”
ไม่นานนักก็ปรากฏชายวัยกลางคนผู้หนึ่งก้าวอาดๆเข้ามา มองกล่าวกับชายหนุ่มที่ต้วนหลิงเทียนลอบติดตามมาก่อนหน้าด้วยท่าทีดุดัน
พอได้ยินคำพูดของอีกฝ่าย ต้วนล่างก็ลูบหัวด้วยท่าทีกระอักกระอ่วน “ข้า…ก็ข้าคิดทะลวงด่านพลังก่อน ตอนนี้พอข้าทะลวงถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะก็กลับมาแล้วมิใช่หรือไร?”
“ทะลวงด่านพลังจักรพรรดิอมตะ แล้วค่อยตบแต่ง…มิใช่จะทำให้หมู่บ้านสกุลต้วนเราได้หน้ามากขึ้นมิใช่หรือ?”