War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3600
ตอนที่ 3600 : สุดปลายครึ่งก้าวเทพ
หลังกลับมาถึงภูเขาไร้สิ้นสุดอีกครั้ง ต้วนหลิงเทียนก็ลุถึงหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ในเวลาอันสั้น
กล่าวให้ถูกคือ มาถึงน่านฟ้าด้านหน้าประตูหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเขามาถึงน่านฟ้าหน้าประตูทางเข้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เขาก็พบว่าค่ายกลลวงตาได้สลายไปแล้ว นอกจากนั้นสิ่งที่ปรากฏสู่ครรลองสายตาเขา ก็คือซากอาคารปรักหักพัง ไร้อาคารหลังใดอยู่ในสภาพสมบูรณ์ นอกจากนั้นยังเต็มไปด้วยคราบโลหิตคาวคลุ้ง
และมีคนที่กำลังทยอยกันเก็บศพของผู้คนหมู่บบ้านสกุลต้วนทิศใต้กันอยู่…
จากนั้นไม่ทันที่จะได้ทำอะไร ต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินเสียงพูดคุยด้วยความสะทกสะท้อนใจของเหล่าผู้ที่กำลังเก็บศพด้านล่าง
“เฮ่อ คราวนี้หมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ช่างโชคร้ายยิ่งนัก ไปล่วงเกินผู้ใดไม่ล่วงเกิน ดันไปล่วงเกินคุณชายรองตระกูลเฉียนซะได้…”
“ถึงแม้จะไม่ใช่คนของหมู่บ้านทิศเดียวกับพวกเรา แต่จะอย่างไรก็ถือเป็นกิ่งก้านสาขาของสกุลต้วนเราอยู่ดี”
“ต้วนฉิงหัวหน้าหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ กับต้วนอี้เตาผู้นั้นตกตายไปเช่นนี้ ก็ถือว่าพลังรบโดยรวมของสกุลต้วนเราก็ตกลงไม่น้อย อย่างไรเสียพวกมันทั้งคู่ก็ถือเป็นมือดีระดับต้นๆของสกุลต้วนพวกเรา”
“เฮ่อ ทุกเรื่องราวมันเกิดขึ้นรวดเร็วเกินไป…หาไม่แล้วสกุลต้วนทั้งหมดของพวกเราต้องระดมกำลังมาช่วยเหลือพวกมันได้ทันเวลาแน่ อย่างน้อยๆต้วนฉิงหรือต้วนอี้เตาคนใดคนหนึ่งก็น่าจะรอดชีวิต…”
…
ฟังจากเสียงของผู้คนที่กำลังเก็บศพของสมาชิกหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ต้วนหลิงเทียนก็เดาได้ไม่ยากว่าสมควรเป็นคนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศอื่น
เพราะหมู่บ้านสกุลต้วนนั้น นอกจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้แล้ว ยังมีหมู่บ้านสกุลต้วนทิศ เหนือ ออก ตก อีก 3 หมู่บ้านย่อย
“ตระกูลเฉียน…เฉียนเฟย!”
เมื่อเห็นว่าคนของหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาอื่นนั้นจัดการศพของสมาชิกหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้อย่างดี ไม่ได้ทำอย่างลวกๆเป็นการดูหมิ่นผู้ตาย ต้วนหลิงเทียนก็ไม่คิดจะแสดงตัวออกไป อย่างไรเสียในดวงตาของเขาตอนนี้มันเต็มไปด้วโทสะอันล้นปรี่นัก!
ถึงแม้เขาจะไม่ได้อยู่ในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้นานนัก
อย่างไรก็ตาม ในเวลาสั้นๆที่เขาอยู่ในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ เขาก็ได้รับการต้อนรับขับสู้จากทุกคนอย่างอบอุ่น
ก่อนหน้านี้ต้วนล่างที่สนิทสนมกับเขาที่สุด ถูกบีบคั้นจนต้องฆ่าตัวตาย เขาก็มีโมโหมากแล้ว…พอมาเห็นผู้คนของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ทั้งหมดถูกฆ่าล้าง ในใจเขาก็ลุกโชนไปด้วยเพลิงโทสะทันที
และในใจเขาก็ปรากฏร่างผู้คนขึ้นทีละคนๆ
เหล่าคนหนุ่มสาวในหมู่บ้านสกุลต้วนที่เข้ามาสนทนากับเขา และสอบถามว่าขาดเหลืออะไรบ้าง…ผู้ที่นำอาหารมามอบให้เขาอย่างกระตือรือร้น ยังมีชาวบ้านที่อัธาศัยดีคนอื่นๆ ไม่เว้นเหล่าเด็กน้อยซุกซนที่ลอบมาปีนกำแพงชะเง้อมองเขาในบ้าน และชวนเขาไปเล่นตามประสา…สิ่งนี้ทำให้เขาสัมผัสได้ถึงความอบอุ่นของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้นัก
ทว่าตอนนี้ทุกคนตกตาหมดสิ้น…
‘แย่งชิงภรรยาของผู้อื่นยังไม่พอ…บีบคั้นให้ผู้อื่นตกตายก็แล้ว แต่ยังมาฆ้างหมู่บ้านที่ผู้อื่นอยู่…คุณชายรองตระกูลเฉียน เฉียนเฟย เจ้าทำได้ประเสริฐนัก!’
ทันใดนั้นมุมปากของต้วนหลิงเทียนก็ยกยิ้มอำมหิต
หลังจากมาถึงต้วนหลิงเทียนก็เพียงมองชมเรื่องราวเงียบๆ
ขณะจากไปเขาก็หายตัวไปอย่างเงียบงัน ไม่มีผู้ใดในหมู่บ้านสกุลต้วนสาขาอื่นค้นพบการมาของเขาเลย
…
หลังออกจากหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ต้วนหลิงเทียนก็ย้อนกลับไปเมืองหลินซาน และมได้ไปเหลาสุราเลิศล้ำอะไรสืบต่อ แต่เลือกที่จะกลับไปยังโรงเตี๊ยมที่พักที่เขาพักมาตลอดทันที
และต้วนหลิงเทียนก็ได้จองห้องพักที่ดีที่สุดของโรงเตี๊ยมแห่งนี้เอาไว้เป็นเวลา 3 เดือน ยังจ่ายผลึกอมตะขั้นสูงไปนับพันชิ้น ทว่าจำนวนเพียงเท่านี้สำหรับต้วนหลิงเทียนแล้วมันแค่เล็กน้อย ไม่นับเป็นอะไร
ย้อนกลับไป ตอนที่เขาไปถึงพระราชวังจักรพรรดิสวรรค์จี้เมี่ยเทียนครั้งแรก และยังไม่ทันได้พบเจออาจารย์เขาฟงชิงหยาง ผู้เฒ่าหั่วก็ได้มอบผลึกอมตะให้เขามากมาย ต่อมาหลังได้พบเจอฟงชิงหยางอาจารย์เขา อีกฝ่ายก็ได้มอบผลึกอมตะให้เขาอีกเป็นจำนวนมาก และแน่นอนว่าผลึกอมตะที่มอบให้เขา ล้วนแล้วแต่เป็นระดับสูงทั้งสิ้น…ทำให้ยามมาจับจ่ายอะไรในเมืองหลินซาน แม้แต่ทิปให้เสี่ยวเอ้อ เขาก็มอบผลึกอมตะขั้นสูงให้มันตลอด เพราะเขาไม่มีผลึกอมตะขั้นกลางหรือต่ำ…
อาจารย์ของเขาดีกับเขามาก และในฐานะจักรพรรดิสวรรค์เช่นนั้นสายแร่ผลึกอมตะที่ครอบครองก็มากที่สุดในจี้เมี่ยเทียน กล่าวได้ว่าสำหรับเขาแล้วผลึกอมตะเป็นแค่ตัวเลขเท่านั้น
ตลอดช่วงเวลาที่อยู่ในระนาบเทวโลก เขาไม่ขาดผลึกอมตะเลย ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่เขามีแต่รายรับไม่มีรายจ่ายด้วยซ้ำ…
พอมาถึงระนาบเทพและอยู่ในเมืองไกลห่างซึ่งมีสกุลเงินหลักเป็นผลึกอมตะแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนย่อมมีผลึกอมตะจับจ่ายอย่างไม่ขาดมือ
‘รอวันที่ข้าบรรลุถึงขอบเขตเทพเมื่อไหร่ คุณชายรองตระกูลเฉียนนั่นมันต้องชดใช้ชีวิตให้คนหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้!’
หลังกลับมาถึงห้องพักในโรงเตี๊ยม ต้วนหลิงเทียนก็ปิดด่านบ่มเพาะพลังทันที และก่อนที่สองตาจะหลับลง เพลิงโทสะอันเยียบเย็นก็เรืองขึ้นในดวงตาวาบหนึ่ง
เขาถามตัวเอง ก็ตอบได้ว่าเขาไม่ใช่คนดีอะไรมากมาย
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่คุณชายรองตระกูลเฉียนกระทำมันล้ำเส้นเขาเกินไป เกินขีดจำกัดล่างที่เขาจะรับได้ไหว!
กล่าวได้ว่าตอนนี้ความตายของคุณชายรองตระกูลเฉียน ก็ได้เกี่ยวข้องกับเส้นทางการบ่มเพาะของเขาในระดับหนึ่ง…หลังจากนี้เขาจะบรรลุถึงขอบเขตเทพหรือไม่ คุณชายรองตระกูลเฉียนก็นับว่ามีส่วนไม่น้อย
เพราะเขารู้ดีว่าคุณชายรองตระกูลเฉียนมีตัวตนขอบเขตเทพติดตามคุ้มครอง
เช่นนั้นหากเขาคิดจะฆ่ามัน อย่างน้อยๆเขาต้องบรรลุถึงขอบเขตเทพเสียก่อน
ภายใต้ขอบเขตเทพ ต่อให้ไม่ต้องใช้กระบี่หลิงหลง 7 เปลี่ยน เขาก็มั่นใจว่าทั่วทั้งเมืองหลิวซานไม่มีหน้าไหนรับมือเขาได้แน่แม้พวกมันจะใช้อุปกรณ์เทพก็ตาม…เพราะผู้คนที่อยู่ในสถานที่อันห่างไกลเช่นนี้ของระนาบเทพ ถึงแม้จะบรรลุถึงครึ่งก้าวเทพแล้ว แต่ความเข้าใจในความลึกซึ้งของกฏนั้นไม่ได้สูงอะไรเลย และแทบจะเป็นไปไม่ได้ที่พวกมันจะบรรลุถึงจตุรวิถีในสวรรค์และโลก
‘รอบๆเมืองหลินซาน ต่อให้เป็นครึ่งก้าวเทพที่แข็งแกร่งที่สุด…หากพวกมันไปอยู่ในสมรภูมิ 9 ยมโลก ไม่ว่าเทพสงคราม 9 ดาราคนไหนก็ฆ่าพวกมันได้ง่ายๆ’
เท่าที่ต้วนหลิงเทียนทราบมา แม้จะเป็นต้วนฉิงครึ่งก้าวเทพที่แข็งแกร่งที่สุดในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ แต่ความเข้าใจในกฏก็ไม่ได้สูงอะไรเลย อีกฝ่ายแค่หลอมรวมความลึกซึ้งของกฏ 2 ประการได้แค่ 4 ชุดเท่านั้น ยังไม่แม้แต่จะเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการสักชุดด้วยซ้ำ…และต้วนอี้เตา ยอดฝีมืออันดับ 2 ของหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้ ก็พึ่งจะหลอมรวมความลึกซึ้งของกฏแห่งไฟ 2 ประการได้แค่ชุดเดียว…
และยังมีครึ่งก้าวเทพมากมายรอบๆเมืองหลินซาน ที่ยังไม่เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏเลยด้วยซ้ำ…
สาเหตุที่ไฉนถึงเป็นเช่นนี้ เพราะว่าชนพื้นเมืองของระนาบเทพนั้นเกิดมาก็บรรลุถึงขอบเขตเซียนอมตะ เนื่องจากสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะที่เหนือกว่าระนาบเทวโลก ทำให้พวกมันสามารถบ่มเพาะพลังในขอบเขตเซียนอมตะได้อย่างรวดเร็ว ไม่ทันไรก็บรรลุถึงขอบเขตจักรพรรดิอมตะกระทั่งครึ่งก้าวเทพ…แต่เรื่องการทำความเข้าใจความลึกซึ้งของกฏนั้น ถึงจะเป็นระนาบเทพก็ไม่ได้มีส่วนช่วยให้เข้าใจได้ง่ายกว่าระนาบเทวโลก เทียบกับคนในระนาบเทวโลกแล้วจุดนี้จึงไม่มีความเหนือกว่าแต่อย่างใด
และด้วยความเข้าใจในกฏมิติของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน เขามั่นใจเต็มสิบส่วนว่าทันทีที่เขาบรรลุถึงขอบเขตเทพขั้นต่ำ ต่อให้จะไม่ได้ใช้วิถีควบคุมหรือมรรคากระบี่มิติ เขาก็มั่นใจว่าสามารถกวาดล้างทั้งเมืองหลินซานได้ง่ายๆ
หากเขาใช้พลังของวิถีควบคุมกับมรรคากระบี่มิติในการต่อสู้ ต่อให้เป็นเทพขั้นสูงทั่วๆไป ต้วนหลิงเทียนก็มั่นใจว่าสามารถฆ่าพวกมันได้!
‘บ่มเพาะ บ่มเพาะพลัง…!’
‘ข้าต้องทะลวงถึงขอบเขตเทพให้เร็วที่สุด’
เคล็ดวิชาบ่มเพาะพลังที่ต้วนหลิงเทียนใช้ในการสั่งสมพลังตอนนี้ก็คือ ‘เคล็ดเทพมายาพันวิถี’ ที่อาจารย์เขาฟงชิงหยางถ่ายทอดให้เขา และเคล็ดวิชานี้มันแตกต่างจากเคล็ดวิชาบ่มเพาะทั่วไปเป็นอย่างมาก เพราะมันมีความสามารถในการเปลี่ยนแปลงเคล็ดวิชาบ่มเพาะระดับต่ำ ให้ถือกำเนิดใหม่เป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะในระดับเดียวกับเคล็ดเทพมายาพันวิถี! และเคล็ดเทพมายาพันวิถียังถือเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะชั้นยอดในระนาบเทพแล้ว…เคล็ดวิชาระดับนี้ถูกสร้างขึ้นโดยผู้แข็งแกร่งที่สุด และสืบทอดต่อกันในตระกูลใหญ่ระดับแนวหน้าของระนาบเทพเท่านั้น
แน่นอนว่าใครก็ตามที่ฝึกฝนเคล็ดวิชาบ่มเพาะมาพันวิถี จะมีโอกาสเดียวในการเปลี่ยนเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่เลือกให้ยกระดับไปเป็นเคล็ดวิชาเทพชั้นยอด
และเคล็ดวิชาที่ต้วนหลิงเทียนเลือกจะเปลี่ยนก็คือ 9 มังกรจักรพรรดิสงคราม ที่เขาใช้มันฝึกฝนบ่มเพาะตั้งแต่แรกเข้าสู่เส้นทางฝึกฝน และยังเป็นเคล็ดวิชาบ่มเพาะที่ทรงพลังอำนาจและครอบงำเคล็ดวิชาอื่นๆในอดีตยิ่งนัก จักรพรรดิกลับชาติมาเกิดได้ทุ่มเทเวลาชั่วชีวิตคิดค้นขึ้น…
เคล็ดวิชาบ่มเพาะนี้ ได้สลักลึกอยู่ในใจของต้วนหลิงเทียนไม่เคยลืมเลือน
แน่นอนว่าหากไม่ใช่เพราะได้รับถ่ายทอดเคล็ดเทพมายาพันวิถีมาจากอาจารย์ เขาก็คงไม่นึกถึงมันอีก…
ในปัจจุบัน เคล็ดวิชา 9 มังกรจักรพรรดิสงครามของเขา ได้ยกระดับพัฒนาไปอย่างมโหราฬ รูปแบบการโคจรใช้พลังในร่างก็แปรเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวง เพราะมันสามารถชักนำพลังความลึกซึ้งของกฏมาผสานรวมได้ทันที และยังทำให้พลังที่เกิดจากการผสานรวมธาตุของกฏใดๆที่ใช้ ทวีพลังอำนาจเพิ่มขึ้นอีกด้วย
เคล็ดวิชาบ่มเพาะในระนาบเทพที่ทำอะไรแบบนี้ได้ มีแต่เคล็ดวิชาเทพขั้นสูงๆเท่านั้น
และในระนาบเทพ จะดูว่าเคล็ดวิชาบ่มเพาะไหนดีหรือไม่ดี นอกจากว่าสามารถใช้บ่มเพาะได้ถึงระดับไหนแล้ว ก็ให้ดูว่ามันสามารถผสานรวมพลังเทพเข้ากับพลังธาตุของกฏได้เร็วแค่ไหน แล้วสามารถเพิ่มพลังจากความลึกซึ้งของกฏได้สูงขึ้นเท่าไร แน่นอนว่าการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏก็เช่นกัน
ในปัจจุบันขณะที่ต้วนหลิงเทียนโคจรพลังในร่าง พลังเซียนอมตะที่เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นพลังเทพแล้วบางส่วนของเขา ก็โคจรแล่นพล่านไปตามชีพจรพลังอย่างไหลลื่นปานน้ำหลาก แถมในกระแสพลังดั่งน้ำเชี่ยวที่ว่ายังมีแสงพลังสีเทาของกฏมิติที่เขาเชี่ยวชาญรวมผสานอยู่ด้วย ที่สำคัญพลังจากความลึกซึ้งต่างๆก็ปรากฏอยู่ในชีพจรพลังของเขา และรวมผสานเข้ากับพลังในร่างอย่างสมบูรณ์
การบ่มเพาะพลังไม่ใช่เรื่องที่จะสำเร็จได้ในเวลาชั่วข้ามคืน
อย่างน้อยๆ หนทางสู่ขอบเขตเทพก็ไม่ได้ง่ายดายเช่นนั้น
“อีแค่ครึ่งก้าว!”
ด้วยโทสะที่มีต่อคุณชายรองตระกูลเฉียน ต้วนหลิงเทียนได้สั่งสมพลังในร่างจนบรรลุถึงจุดสูงสุดขอบเขตครึ่งก้าวเทพได้ในที่สุด ห่างจากขอบเขตเทพเสมือนย่ำเท้าออกไปแค่ก้าวสั้นๆเท่านั้น แต่ยังไม่อาจทะลวงผ่านได้…
ด้วยประสบการณ์ในการบ่มเพาะของเขา เขารู้ดีว่าตอนนี้ต่อให้นั่งบ่มเพาะสั่งสมพลังไปก็ไม่มีประโยชน์ เขาจึงตื่นจากการบ่มเพาะทันที
‘ครั้งนี้ข้าปิดด่านไป ครึ่งเดือน…’
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองนาฬิกาทรายหลายเรือนที่เขาตั้งไว้เบื้องหน้า เพื่อดูว่าเขาใช้เวลาในการปิดด่านบ่มเพาะไปเท่าไหร่ และนาฬิกาทราบที่ว่าก็มีทั้งสิ้น 4 เรือนที่มีขนาดแตกต่างกัน เรียงจากเล็กไปใหญ่ซ้ายไปขวา
นาฬิการทรายที่มีขนาดใหญ่ที่สุดนั้น หากทรายไหลลงไปกกองด้านล่างทั้งหมด จะบ่งบอกว่าใช้เวลาไปทั้งสิ้น 10 ปี
นาฬิกาทรายรองลงมา การไหลตัวของทรายจะใช้เวลาทั้งสิ้น 1 ปี
นาฬิกาทรายเรือนที่ 3 นั้น ใช้เวลาไหลตัว 1 เดือน
ส่วนนาฬิกาทรายที่เล็กที่สุด ใช้เวลาไหลตัวเพียง 1 วัน
นาฬิกาทรายทั้ง 4 ได้ถูกต้วนหลิงเทียนกลับด้านก่อนการปิดด่าน และตอนนี้นาฬิกาทรายเรือนที่ 3 ก็มีทรายไหลลงไปกองด้านล่างแล้วครึ่งหนึ่ง ซึ่งบ่งบอกว่าเป็นเวลาครึ่งเดือนพอดี…
‘การจะทะลวงผ่านขอบเขตครึ่งก้าวเทพไปยังขอบเขตเทพ สมควรมีโอสถเทพบางอย่างที่สามารถช่วยเหลือได้…และโอสถเทพที่ว่าไม่น่าจะเป็นโอสถเทพที่หายากสักเท่าไหร่ในระนาบเทพ ขอเพียงมีหินเทพก็น่าจะหาซื้อได้’
‘ก่อนอื่น ต่องเอาผลึกอมตะไปแลกเป็นหินเทพก่อน’
ก่อนจะมายังเมืองหลินซานต้วนหลิงเทียนก็ได้สอบถามคนในหมู่บ้านสกุลต้วนทิศใต้มาแล้ว จึงรู้ว่าเขาจะหาหินเทพได้อย่างไรคร่าวๆ และหลังจากมาถึงเมืองหลินซาน เขาก็สังเกตเห็นว่าร้านค้าต่างๆ หากเป็นร้านใหญ่ๆในเมืองหลินซานก็มีบริการรับแลกเปลี่ยนผลึกอมตะเป็นหินเทพ แน่นอนว่ามีเพียงแค่ผลึกอมตะขั้นสูงเท่านั้น ถึงจะสามารถแลกเป็นหินเทพได้
หากคิดจะแลกหินเทพมาใช้สักก้อน ก็จำต้องใช้ผลึกอมตะขั้นสูง 100 ชิ้น
ผลึกอมตะขั้นสูงนั้น ขนาดของพวกมันก็พอๆกัน จึงอิงตามอัตราแลกเปลี่ยนดังกล่าว
ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะไม่มีหินเทพในมือ แต่เขาก็มีผลึกอมตะจำนวนมาก และเป็นผลึกอมตะขั้นสูงทั้งหมด…กล่าวได้ว่าในแหวนพื้นที่ของเขา มีผลึกอมตะขั้นสูงกองเป็นภูเขา ต้วนหลิงเทียนกวาดตามองผ่านๆก็พอจะประมาณได้ว่า ‘ข้าน่าจะมีผลึกอมตะขั้นสูงราวๆ 10 กว่าล้าน…’
ผลึกอมตะขั้นสูง 10 กว่าล้าน เรื่องนี้จะให้พูดอย่างไร?
ผลึกอมตะขั้นสูงจำนวน 100 ชิ้นสามารถแลกหินเทพได้ 1 ก้อน
กล่าวได้ว่าอาศัยผลึกอมตะขั้นสูง 10 กว่าล้านที่เขามี อย่างน้อยๆก็สมควรแลกหินเทพได้ 100,000 กว่าชิ้น!
ในเมืองหลินซานแม้แต่ขุมกำลังที่หยั่งรากลึกและมีอำนาจระดับต้นๆ ไม่เว้นตระกูลเฉียน เต็มที่ก็มีผลึกเทพหมุนเวียนหลักหมื่นเท่านั้น…
กล่าวได้ว่าความมั่งคั่งของต้วนหลิงเทียน ในแง่หินเทพที่เขาสามารถแลกเปลี่ยนได้ มันมากมายมหาศาลยิ่งกว่าขุมกำลังใดๆในเมืองหลินซานเสียอีก!
“ข้าอยากแลกหินเทพมาใช้พันก้อน”
หลังเดินออกจากโรงเตี๊ยมที่พัก ต้วนหลิงเทียนก็มาถึงร้านหนึ่งในเครือตระกูลเฉียน หมายแลกเปลี่ยนผลึกอมตะขั้นสูงเป็นหินเทพ
และร้านของตระกูลเฉียนร้านนี้ ยังเป็นร้านขายเม็ดยาอีกด้วย