War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3619
ตอนที่ 3619 : ต้วนเฉียวอรี่
ดรุณีน้อยในชุดสีเขียวอ่อนเส้นผมหยักเป็นลอนสวย แลแล้วอายุราวๆ 15-16 ปี กําลังใช้สองตากลมใสปานหยดน้ํามองด้วนหลิงเทียนไม่วางตา พวงแก้มอ่อนวัยไม่เดียงสาฉายชัดถึงความตื่นเต้นยินดี
ด้านหลังของดรณีน้อย มีสตรีหน้าตาดีนางหนึ่งลักษณะท่าที่แลดูเย็นชา และนางเองก็กําลังมองต้วนหลิงเทียนด้วยความประหลาดใจอยู่บ้าง
“พี่ชาย!!”
ในขณะที่ตัวนหลิงเทียนกําลังสับสน ดรุณีน้อยก็พุ่งร่างเล็กมาราวสายลมกรรโชกหอบหนึ่ง โผกอดด้วนหลิงเทียนเสียแน่น
เดิมทีตัวนหลิงเทียนก็คิดจะหลบเลี่ยง แต่เขาแลเห็นถึงความตื่นเต้นยินดีในแววตาที่ออกมาจากหัวใจของนางชัดเจน อีกทั้งหยาดน้ําใสๆที่เริ่มเอ่อคลอนั่น ทําให้ต้วนหลิงเทียนไม่อาจใจร้ายหลบนางได้จึงปล่อยให้ดรุณี น้อยกอดเขาราวลูกหมี 2 มือได้แต่ยกกางขึ้นไม่รู้จะเอาไปไว้ตรงไหนจากนั้นก็เอ่ยถามออกไปอย่างกระอักกระอ่วน “แม่นางน้อย…ท่านจําคนผิดหรือไม่?”
ตัวนหลิงเทียนมั่นใจได้เต็ม 10 ส่วน ว่าเขาไม่เคยพบเคยเจอดรุณีน้อยเบื้องหน้ามาก่อนเลยไม่ทราบท่าไมอีกฝ่ายถึงมาเรียกหาเขาว่าพี่ชาย?
ยิ่งงไปกว่านั้นอารมณ์ความรู้สึกที่ดรุณีน้อยนางนี้ส่งออกมา เห็นชัดว่าไม่ได้เกิดจากการเสแสร้งแสดง
หรือพี่ชายของดรุณีน้อย จะหน้าตาเหมือนเขามาก?
การกระทําของดรุณีน้อยทําให้หลายๆคนที่เดินผ่านไปมาหันมามองดูอยู่บ้าง แต่ส่วนใหญ่ก็ง่วนกับเรื่องของตัวเองจึงไม่มีใครหยุดมอง หรือยุ่งวุ่นวายกับเรื่องของพวกด้วนหลิงเทียนทั้ง 3
สตรีใบหน้าเย็นชาก็ยืนนิ่งไม่พูดไม่จา
“พี่ชายหลิงเทียน ท่านจําเสียวอวไม่ได้หรือ?”
ดรุณีน้อยเงยหน้าขึ้นมาพูดกับตัวนหลิงเทียนด้วยน้ําเสียงน้อยใจ “เสียวอว์คิดถึงพี่ชายยิ่ง…เสียวอี่รออยู่ที่เมืองวายุสวรรค์มาหลายปีแล้ว ทั้งหมดก็เพื่อพบพี่ชายวันนี้ และพี่ชายก็ไม่ได้โกหกเสียวอวจริงๆเสียวอวได้พบพี่ชายหน้าโรงประมูลตระกูลโจวที่เมืองวายุสวรรค์วันนี้จริงๆ”
พอดรุณีน้อยปริปากกล่าวคําออกมา ก็ทําให้ด้วนหลิงเทียนเหมือนกลายเป็นหินไปทันที…หรือว่าพี่ชายของดรุณีน้อยที่เรียกหาตัวเองว่าเสียวอว ก็ชื่อหลิงเทียนด้วย?
แล้วที่นางพูดมามันอย่างไรกันแน่?
เพราะฟังจากที่นางพูด…
ไม่ใช่ว่าที่นางมาปรากฏตัววันนี้ เพราะเขาบอกให้นางมาหรือไร?
หรือ พี่ชายหลิงเทียน” ที่ท่าทางจะละม้ายคล้ายเขา จะบังเอ็ญบอกให้นางมาที่นี่วันนี้ด้วย?
“คุณหนู นายน้อยด้วน ไปหาสถานที่อื่นคุยกันดีหรือไม่?”
ทันใดนั้นเองสตรีที่นิ่งเงียบมาโดยตลอดก็เอ่ยขึ้น
นางไม่พูดก็แล้วไป แต่พอนางพูดออกมา ตัวนหลิงเทียนก็ตกใจอีกรอบ…ผู้หญิงคนนั้นเอ่ยแซ่ตัวนของเขาออกมา พอรวมกับชื่อพี่ชายที่ดรุณีน้อยเอ่ยถึง ไม่ใช่ว่าใครก็ตามที่นางคิดว่าเป็นเขาก็ชื่อ “ต้วนหลิงเทียนเหมือนกันหรือไง?!
ใต้หล้ามีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ด้วย?
ให้ตายด้วนหลิงเทียนก็ไม่มีวันเชื่อ!
“อืม ไปหาที่อื่นคุยกันเถอะ”
ตัวนหลิงเทียนรับคําอย่างเห็นด้วย เพราะที่นี่มันถนนหน้าโรงประมูลตระกูลโจว ผู้คนยังพยายามเข้าไปแลกหินเทพกันอยู่
ด้านดรุณีน้อยพอได้ยินก็ได้แต่คลายกอดด้วนหลิงเทียนแล้วผละออกมาอย่างไม่เต็มใจ อย่างไรก็ตามมือข้างหนึ่งของนางยังกุมมือด้วนหลิงเทียนเอาไว้อย่างเป็นธรรมชาติ ไม่คล้ายเสแสรั้งใดๆ
และด้วนหลิงเทียนก็สัมผัสได้ ว่าดรุณีน้อยนางนี้ยินดีที่ได้เจอเขาจากใจจริงๆ
นั่นทําให้เขางุนงงสับสนไปกันใหญ่
นี่มันอะไรกันแน่?
“ห้องส่วนตัวของโรงประมูลตระกูลโจวเหมือนจะเปิดให้เข้าไปได้แล้ว…คุณหนู ท่านมิใช่สนใจงานประมูลตระกูลโจวหรือ? ท่านมีเชิญนายน้อยตัวนไปกับพวกเราเล่า?”
โฉมงามน้ําแข็งกล่าวถามเชิงชี้แนะดรุณีน้อย
ดรุณีน้อยพอได้ยินก็หันไปมองสบตาอีกฝ่ายครู่หนึ่ง คล้ายจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็ไม่พูดออกมา
อย่างไรก็ตามหลังเห็นโฉมงามใบหน้าเย็นชาส่ายหัวไปมาเบาๆ ดรุณีน้อยก็หันไปมองก่าวกับด้วนหลิงเทียนด้วยรอยยิ้ม “พี่ชายหลิงเทียน พวกเราเข้าไปคุยกันในโรงประมูลตระกูลโจวเถอะ”
ปกติแล้วหากมีคนแปลกหน้ากล่าวชวนแบบนี้ ต้วนหลิงเทียนต้องปฏิเสธไปแน่
อย่างไรก็ตามท่าที่กระตือรือร้นอย่างออกหน้าออกตาของดรุณีน้อย กับความจริงที่อีกฝ่ายล่วงรู้ชื่อแซ่เขาไม่เพียงทําให้เขารู้สึกวางใจอย่างประหลาด ยังอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาอีกด้วย…
นางเป็นใครกันแน่?
ทําไมถึงได้รู้ชื่อเขา?
อีกทั้งไฉนจึงกล่าวทํานอง เป็นตัวเขาเองที่บอกให้พวกนางมาที่นี่เพื่อจะได้พบเจอเขา?
เรื่องราวทั้งหมดท่าให้ตัวนหลิงเทียนจับต้นชนปลายไม่ถูก
เดิมที่ด้วนหลิงเทียนคิดว่า ใช่อีกฝ่ายวางแผนคิดร้ายอะไรกับเขาหรือไม่? แต่เขาก็ปัดความคิดดังกล่าวตกไปทันที…
เพราะตัวเขา ก็ถือได้ว่าเป็นหน้าใหม่ในดินแดนดาราพิศวงแห่งนี้ ไม่มีใครล่วงรู้ที่มาที่ไปของเขา และผู้ที่รู้ชื่อแซ่ของเขาก็เห็นที่จะมีแต่คนของเมืองหลินซานเท่านั้น
และทุกคนในเมืองหลินซานก็รู้แค่เขาเป็นศิษย์ของนิกายฟ้าจรัสแสงเท่านั้น
อย่างไรก็ตาม ดรุณีน้อยเบื้องหน้ากับโฉมสะคราญที่ติดตามอยู่ด้านหลังนั้น ทําให้เขารู้สึกถึงความไม่ธรรมดา…เกรงว่าคนในเมืองหลินซานคงไม่มีใครเข้าถึงพวกนางได้
ซูว! ซูว!
สุดท้ายด้วยความอยากรู้อยากเห็น เขาจึงแผ่สํานึกเทวะออกไปตรวจสอบพวกนางอย่างอดไม่ได้
แต่เขาพบว่าหลังสํานึกเทวะของเขากวาดผ่านไปยังร่างพวกนาง ก็ให้ความรู้สึกเสมือนก้อนหินร่วงลงทะเลไม่อาจตรวจพบสิ่งใดได้เลย…
ต้องทราบด้วยว่าเขาเองก็เป็นเทพขั้นต่ําแล้ว กระทั่งเทพขั้นสูงอย่างเฉียนซ่หวนบรรพบุรุษตระกูลเฉียนที่เคยเจอในเมืองหลินซาน ยังไม่ให้ความรู้สึกแบบนี้กับเขา
จึงมีคําอธิบายเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น
ดรุณีน้อยกับโฉมสะคราญเบื้องหน้า สมควรเป็นตัวตนที่มีระดับพลังเหนือกว่าขอบเขตเทพ
ในขณะที่ตัวนหลิงเทียนแผ่สํานึกเทวะออกมาตรวจสอบ 2 สาว พวกนางก็หันมามองหน้าสบตากันทันทีด้านโฉมสะคราญคล้ายไม่แปลกใจอะไร แต่สองตาดรุณีน้อยกลับเต็มไปด้วยความตกใจขณะเดียวกันก็เร่งหัน ไปส่งเสียงผ่านพลังถามโฉมสะคราญด้านหลังว่า “น้าชวน…ไฉนด่านพลังฝึกปรือของพี่ชายหลิงเทียนถึงได้…”
จนเมื่อโฉมสะคราญส่งเสียงผ่านพลังอธิบายให้นางฟัง ความตื่นตระหนกในดวงตาดรุณีน้อยก็ค่อยๆหายไป “ที่แท้เป็นเช่นนี้…ข้าเข้าใจแล้ว ข้าเข้าใจแล้ว”
ดรุณีน้อยพลั่นตระหนักได้ทันที
หลายสิ่งหลายอย่างที่ทําให้นางงุนงง บัดนี้กระจ่างแจ้งแล้ว
“พี่ชาย ท่านมาที่นี่เพื่อเข้าร่วมงานประมูลของตระกูลโจวใช่หรือไม่? น้าซวนได้ซื้อตั๋วห้องส่วนตัวเอาไว้แล้วเช่นนั้นท่านไม่ต้องซื้อตั๋วอีก…”
ครูต่อมา ดรุณีน้อยก็แลดูร่าเริงขึ้นถนัดตา ทว่ายามมองมาที่ตัวนหลิงเทียนแววตาของนางกลับเปลี่ยนไปเป็นสงบราวคนละคน
ตัวนหลิงเทียนย่อมสังเกตเห็นความเปลี่ยนแปลงของนางเป็นธรรมดา แต่เขาก็ไม่อาจบอกได้ว่าเพราะอะไร
อย่างไรก็ตาม เขามาเพื่อเข้าร่วมงานประมูลตระกูลโจว
ดังนั้นเขาก็ไม่ได้ปฏิเสธคําเชิญของทั้งคู่ และเลือกจะตามทั้งคู่ไปยังห้องส่วนตัวหมายเลข 9
ห้องส่วนตัวมีขนาดกว้างไม่น้อย เบื้องหน้าเป็นหน้าต่าง แน่นอนว่าสามารถเปิดออกได้
และเบื้องหน้าๆต่างก็เป็นโต๊ะที่นั่งตั้งเรียงกัน
สามารถให้แขกนั่งชมดูสิ่งของบนเวทีประมูลเบื้องล่างได้ถนัดตา
“แม่นาง…พวกท่านเป็นใครกันแน่?”
หลังเข้ามาในห้องส่วนตัวแล้ว ต้วนหลิงเทียนนั่งลงได้ครู่หนึ่ง ก็หันไปมองดรุณีน้อยสลับกับโฉมสะคราญก่อนจะเอ่ยถามออกมาตรงๆ “พวกท่าน…ใช่ว่าคนผิดหรือไม่?”
“เป็นพวกเราจําคนผิดจริงๆ”
ไม่ทันที่ดรุณีน้อยจะได้ตอบค่า ก็เป็นโฉมงามกล่าวตอบออกมาเสียก่อน “ต้องขออภัยคุณชายด้วยพอดีท่านหน้าตาละม้ายคล้ายคนที่พวกเรารู้จักมาก…อาจกล่าวได้ว่าพวกท่านแลดูเหมือนกันทุกประการ
“ข้าชื่อ อวชิวซวน ไม่ทราบคุณชายท่านเรียกว่าอะไร?”
อว์ชิวซวนเอ่ยถามด้วนหลิงเทียนออกมาราวกับไม่มีอะไรผิดปกติ ใบหน้าเย็นชาของนางยังคลี่ยิ้มบางๆออกมา
ตัวนหลิงเทียนไม่ได้ตอบคําถามของนาง เพียงมองจ้องนางด้วยความสงสัยครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปมองดรุณีน้อยข้างอวชิวซวน “เมื่อครู่ท่านกับแม่นางน้อยท่านนี้…เอ่ยชื่อแซ่ข้าถูกต้องชัดเจนหรือคนที่ท่านรู้จักไม่เพียง หน้าตาละม้ายคล้ายข้า แต่ยังมีนามว่าตัวนหลิงเทียนด้วย?”
การจําคนผิดนั้น บ่งบอกให้รู้ว่าเขากับคนที่นางรู้จักมีใบหน้าละม้ายคล้ายกันมาก ถึงขั้นกล่าวได้ว่าสมควรเหมือนกันราวกับแกะ
แต่ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร ที่จะมีคนหน้าตาละม้ายคล้ายกัน
อย่างไรก็ตามที่แปลกก็คือทั้งคู่นั้น หนึ่งเรียกหาเขาว่าพี่ชายหลิงเทียน อีกหนึ่งเรียกหาเขาว่านายน้อยตัวน…กล่าวได้ว่าคนที่ทั้งคู่รู้จักก็มีชื่อว่า ตัวนหลิงเทียน!
“คุณชาย ท่านมีนามว่าต้วนหลิงเทียนด้วยหรือ?”
ไม่ทันที่ดรุณีน้อยจะได้พูดอะไร ก็เป็นอวชิวซวนกล่าวถามออกมาด้วยน้ําเสียงแปลกใจ “ช่างเป็นเรื่องบังเอิญอะไรเช่นนี้”
บังเอิญ?
ด้วนหลิงเทียนมองสบตาอวชิวชวนเขม็ง เขาไม่เชื่อว่าใต้หล้าจะมีเรื่องบังเอิญขนาดนี้ได้อย่างไรก็ตามหลังมองตานางอยู่นาน เขาก็ไม่เห็นเบาะแสใดๆ เขาจึงรู้ว่าคงยากจะได้คําตอบที่แท้จริง
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนไม่คิดล้มเลิกง่ายๆ เขาหันไปมองถามดรุณีน้อยทันที “แม่นางน้อย…ท่านว่าคนผิดจริงๆหรือ?”
ตัวนหลิงเทียนมองจ้องมาด้วสายตาปานมีไฟลุกโชน ทําให้ดรุณีน้อยก็ผงะไปเล็กน้อย
และทันใดนั้นเอง หางตาต้วนหลิงเทียนก็เห็นว่าสตรึงามคล้ายมองส่งสัญญาณอะไรบางอย่างกับดรุณีน้อยทําให้ดรุณีน้อยที่ผงะไป พยักหน้ารับคําเขาทันที “ข้า…ข้าจ่าคนผิดจริงๆ”
“พี่ชาย ข้าขอโทษ…”
ดรุณีน้อยกล่าวคําขอโทษเสียงอ่อน
ในเมื่อกระทั่งดรุณีน้อยยังพูดออกมาแบบนี้ แม้วนหลิงเทียนจะเห็นพิรุธเต็มไปหมดและเชื่อว่าเรื่องนี้มีความผิดปกติอย่างแรง เขาก็รู้ได้ทันทีว่าคงยากจะเค้นความจริงจากพวกนางจึงได้แต่ขมวดคิ้วและไม่ถามอะไรอีกเพียงนั่งเงียบๆมองออกไปนอกหน้าต่างด้วยสายตาเฉยเมย
“พี่ชาย เช่นนั้นพวกเรามาทําความรู้จักกันใหม่เถอะ..ข้าเรียกว่า ด้วนเฉียวอรี่”
ดวงตาดรุณีน้อยฉายแววรู้สึกผิดวาบหนึ่งจากนั้นคล้ายนางจะรวบรวมความกล้าได้แล้ว จึงหันมามองกล่าวแนะนําตัวเองกับด้วนหลิงเทียน
“ด้วนหลิงเทียน”
ตัวนหลิงเทียนหันไปมองตอบดรุณีน้อย ลึกลงไปในดวงตาฉษยประกายเรื่องขึ้นรูบหนึ่งอีกฝ่ายกลับมีแซ่ “ด้วน” เหมือนเขาอีก มันจะเป็นเรื่องบังเอิญไปได้อย่างไร?
เป็นไปได้ไหม เรื่องที่อีกฝ่ายเรียกหาเขาว่าพี่ชาย…เพราะนางเป็นน้องสาวเขาจริงๆ?
“นาง…คงไม่ใช่ลูกนอกสมรสที่ท่านพ่อแอบไปมีไว้ด้านนอกหรอกนะ?”
ความคิดแรกที่ผุดขึ้นในใจของต้วนหลิงเทียนก็เป็นเรื่องดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม พอความคิดดังกล่าวปรากฏขึ้นมาเขาก็ปัดทิ้งไปทันที “เป็นไปไม่ได้! ที่นี่คือระนาบเทพ…ไม่ ต้องพูดถึงเรื่องที่ท่านพ่อยากจะมาที่นี่ได้ ท่านจะไปมีลูกสาวนอกสมรสกับใครได้…
“อย่างไรเสีย ต้วนเฉียวอผู้นี้ แม้จะมีรูปลักษณ์คล้ายดรุณีน้อย แต่ด่านพลังฝึกปรือของนางสมควรเหนือกว่า ราชาเทพแน่นอน
“หากนางเป็นน้องสาวต่างมารดาขาจริง…สตรีที่ให้กําเนิดนางต้องเป็นตัวตนระดับไหนกัน?”
“ตัวตนแบบนั้น จะมาสนใจท่านพ่อได้อย่างไร?
ยังดีที่ด้วนหรูเฟิงไม่ได้ยินความคิดในหัวของต้วนหลิงเทียน ไม่งั้นต้องมีตําหนิเขายกใหญ่
คิดไปคิดมาต้วนหลิงเทียนก็รู้สึกว่าเรื่องราวมันเหนือความเข้าใจ และอย่างไรก็คงยากจะได้รับคําตอบเขาก็ทําได้แค่รับฟังคําตอบของสตร์ทั้ง 2 เท่านั้น ว่าทั้งหมดเป็นแค่เรื่องบังเอิญ
เพราะนอกจากนั้นก็ไม่มีคําอธิบายอื่นใด…
ถึงแม้เขาจะรู้ว่าทั้งคู่กําลังปกปิดอะไรบางอย่างเอาไว้
แต่ในเมื่ออีกฝ่ายไม่พูด เขาก็ไม่อาจทําอะไรได้
“พี่ชายหลิงเทียน…เสียวอวไม่เจอพี่ใหญ่นานมากแล้ว เช่นนั้นวันหน้าขอเสียวอเรียกพี่ชายหลิงเทียนว่าพี่ชายได้หรือไม่?
ด้วนเฉียวอวมองกล่าวกับตัวนหลิงเทียนเสียงอ่อน แววตากลมใสของนางบัดนี้ราวมีม่านน้ําปกคลุมชวนให้น่าเวทนาสงสารนัก…