War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3637
WSSTH ตอนที่ 3637 : หงจวิน
ถึงแม้ก่อนหน้าติงเหยียนจะแลดูหยิ่งมาก แต่ในสายตาของต้วนหลิงเทียนอีกฝ่ายก็แค่หงุดหงิดเท่านั้น เขาก็เลยหยุดมือไว้ทันท่วงที ไม่เพียงแต่จะไม่ได้ฆ่าติงเหยียน กระทั่งยังไม่ได้ทำร้ายติงเหยียนมากมาย แค่ทำให้อีกฝ่ายโดนฟ้าผ่าหน้าไหม้เล็กๆน้อยๆเท่านั้น
พอมาเจอคำโอดครวญราวสาวน้อยของติงเหยียน กระทั่งต้วนหลิงเทียนที่ใจนิ่งดั่งน้ำ ก็อดไม่ได้ที่จะสยิวกายขึ้นมา
หนุ่มร่างใหญ่ผู้นี้ที่แท้เป็นชายหรือหญิง?
หากเป็นผู้หญิง ยังจะมีผู้ใดมาชอบ?
“อาจารย์ซู”
ในขณะที่ทุกคนกำลังตกตะลึง ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองซูเฟิงหยางพลางถาม “ตอนนี้ข้าถือว่าเป็นนักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับต่ำแล้วกระมัง?”
“ไม่ผิด”
ซูเฟิงหยางพยักหน้า “ในเมื่อเจ้าเอาชนะติงเหยียนได้ เช่นนั้นถือว่าเจ้าเป็นนักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับต่ำลาน 2”
หอพักระดับต่ำ มีทั้งสิ้น 20 ลาน แม้แต่ละลานจะมีสภาพแวดล้อมในการบ่มเพาะเหมือนกัน แต่ก็มีการเรียงลำดับอยู่
“อาจารย์ซู เช่นนั้นท่านช่วยเลือกท้าชิงคนในหอพักระดับกลางให้ข้าต่อเลยเถอะ…ข้าอยากเข้าไปอยู่ในหอพักระดับสูงโดยเร็วที่สุด ข้าไม่สนว่าผู้ท้าชิงจะเป็นใครจะแข็งแกร่งหรืออ่อนแอ ขอเพียงสามารถเป็นบันไดให้ข้าไปยังหอพักระดับสูได้เร็วที่สุด ก็จัดมาได้เลย”
พอต้วนหลิงเทียนกล่าวออกมาอีกครั้ง ก็เผยเจตนาออกมาตรงๆว่าอยากท้านักศึกษาในหอพักระดับกลาง กระทั่งยังคิดจะท้านักศึกษาในหอพักระดับสูงต่อเลย
ถึงแม้เมื่อครู่ต้วนหลิงเทียนจะพึ่งแสดงฝีมืออันน่าทึ่งออกมา แต่หลายๆคนยังคิดว่าเขาอวดดี
ถึงแม้ว่าด้วยความแข็งแกร่งของต้วนหลิงเทียนในปัจจุบัน มันจะสามารถอยู่ในหอพักระดับกลางได้โดยไม่มีปัญหาก็ตาม
อย่างไรก็ตาม ดูจากพลังที่ต้วนหลิงเทียนเผยออก เต็มที่ก็เป็นแค่ระดับกลางค่อนไปทางสูงหากเทียบกับนักศึกษาในหอพักระดับกลาง…เพราะในหอพักนักศึกษาระดับกลางนั้น ไม่ได้มีแค่เทพขั้นกลางและเข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้ง 2 ประการ 4 ชุดเท่านั้น แต่ยังมีพลังสายเลือดอีกด้วย
แถมไม่ได้มีตัวตนแบบนั้นแค่คนเดียว
แน่นอนว่าตัวตนที่ว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 คน และพวกมันก็กำลังจะจบการศึกษาอยู่รอมร่อเพราะอายุใกล้ครบ 3,000 ปีแล้ว แถมกฏที่พวกมันเข้าใจก็ไม่ใช่ 1 ใน 4 กฏสูงสุด หากมองในแง่พรสวรรค์กับความเข้าใจ ก็ยังเทียบต้วนหลิงเทียนไม่ได้
“เร็วที่สุดรึ?”
พอเสียงต้วนหลิงเทียนดังออกมา ไม่เพียงแต่ซูเฟิงหยางกับอาจารย์คนอื่นๆเท่านั้น กระทั่งนักศึกษาทั้งหลายที่ชมดูเรื่องราวอยู่รอบๆยังหันไปมองร่าง 2 ร่างที่มุมหนึ่งข้างเวทีเป็นสายตาเดียวกัน
เป็นชายวัยกลางคนในชุดคลุมสีน้ำเงิน กับชายหนุ่มในชุดสีเทาแกมขาว…
“หืม? สองคนนั่น เป็นนักศึกษาของหอพักระดับกลางหรือ?”
พอเห็นทุกคนหันไปมอง 2 คนนั่นเป็นสายตาเดียวกัน ต้วนหลิงเทียนที่หันไปมองตาม สองตาก็เผยประกายเรืองวูบขึ้นมาทันที
“ต้วนหลิงเทียน”
หนึ่งในนั้นชิงกล่าวออกมาก่อนว่า “ข้าเองก็อยากประลองชี้แนะกับเจ้าเช่นกัน แต่หลังชมดูการประลองเมื่อครู่ข้าพลันบังเกิดความเข้าใจบางอย่าง จึงคิดจะกลับไปปิดด่านบ่มเพาะก่อน…หากเจ้าคิดท้าข้าก็ไม่มีปัญหา แต่เจ้าต้องรอจนกว่าข้าจะออกจากการปิดด่าน ไม่แน่อาจนานจนเลยกำหนดเส้นตายสำหรับคำท้า…”
พอชายดังกล่าวพูดจบคำ มันก็หันหลังแจ้นหายไปเร็วไว
พออีกคนเห็นสิ่งนี้ มันก็รีบกล่าวคำลาอีกคน “ต้วนหลิงเทียน ข้าเองก็เหมือนกัน ถึงแม้ข้าอยากจะสู้กับเจ้าแค่ไหน แต่ตอนนี้ท้องไส้ข้าไม่ค่อยจะดี…หากเจ้าคิดจะท้าทายข้า เกรงว่าคงต้องรอสักพัก…”
พูดจบมันก็แจ้นหายไปอีกคน
นักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับกลางทั้ง 2 เรียกว่าวิ่งไวกว่ากระต่ายเสียอีก
เห็นฉากดังกล่าว นักศึกษา 10 ดาวคนอื่นๆก็อดไม่ได้ที่จะหัวเราะออกมา “เจ้า 2 คนนั่นขี้ขลาดยิ่ง พอรู้ว่าไม่ใชคู่มือต้วนหลิงเทียน พอเห็นต้วนหลิงเทียนรีบร้อนท้าทายนักศึกษาหอพักระดับกลาง พวกมันถึงกับหาข้ออ้างหลบหน้าไปเช่นนี้…”
“จะว่าไปมันก็เป็นเรื่องปกติ…ถึงแม้ทั้งคู่จะแข็งแกร่งกว่าติงเหยียน แต่ก็ไม่ได้แข็งแกร่งกว่ามากมายอะไร ในฐานะที่เป็นนักศึกษา 10 ดาวของหอพักระดับกลาง ที่พลังฝีมืออยู่ท้ายๆ พวกมันย่อมรู้ตัวดีว่าไม่ใช่คู่มือต้วนหลิงเทียน”
“จะอย่างไรก็ช่าง…ข้าคิดไม่ถึงจริงๆว่าในสถานศึกษาหมอกเร้นลับเรา จะมีตัวตนที่ร้ายกาจเยี่ยงต้วนหลิงเทียนปรากฏขึ้นมาได้”
“ข้าอยากรู้นักว่าต้วนหลิงเทียนยังมีพลังสายเลือดด้วยหรือไม่…หากมี เช่นนั้นสุ่มชี้นักศึกษาในหอพักระดับกลางคนไหนมาก็คงเอาชนะได้ง่ายๆ แต่หากไม่มี อาศัยพลังเท่าที่เปิดเผยออกมา เกรงว่ายังไม่ใช่ศัตรูของ 3 คนนั่น”
“3 คนนั่นจะอย่างไรก็ร้ายกาจมากพอช่วงชิงหอพักระดับสูงด้วยซ้ำ แต่เพราะกริ่งเกรงภูมิหลังความเป็นมาของ 3 คนในพอหักระดับสูง พวกมันจึงไม่ได้ไปท้าชิง…”
…
เห็นฉากดังกล่าว ซูเฟิงหยางกับอาจารย์คนอื่นๆของสถานศึกษาหมอกเร้นลับก็พูดไม่ออกอยู่บ้าง
“ต้วนหลิงเทียน”
ซูเฟิงหยางหันไปมองต้วนหลิงเทียน คลี่ยิ้มฝืนๆกล่าวว่า “หากเจ้าคิดท้าทายคนอื่นๆในหอพักระดับกลาง ผู้อื่นอาจชะลอเวลาเพื่อเลี่ยงการประมือกับเจ้าได้…แต่หากเจ้ารีบจริงๆ ข้าเกรงว่าเจ้าจักมิมีทางเลือกอื่นนอกจากท้าทาย 3 คนที่แข็งแกร่งที่สุด”
“ข้าไม่มีปัญหา”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า
“ข้าพึ่งส่งข้อความไปถามหงจวิน”
ทันใดนั้นเองอาจารย์แซ่หยวนที่ยืนอยู่ข้างๆซูเฟิงหยาง พลันมองไปที่ต้วนหลิงเทียนแล้วกล่าวว่า “หงจวินก็เป็นนักศึกษา 10 ดาวในหอพักระดับกลาง…หากเจ้าท้าทายมัน มันก็ยินดีรับคำท้า และสามารถมาประลองกับเจ้าที่นี่ตอนนี้ได้เลย”
“เจ้าว่าอย่างไรเล่า?”
พอเสียงกล่าวของอาจารย์แซ่หยวนดังจบคำ ซูเฟิงหยางก็พยักหน้า “ต้วนหลิงเทียน หงจวิน เป็น 1 ใน 3 นักศึกษา 10 ดาวที่มีพลังฝีมือสูงสุดในหอพักระดับกลาง…อย่างที่อาจารย์หยวนเล่ยกล่าว หากเจ้ารีบร้อน ก็สามารถท้ามันได้เลย”
“เช่นนั้นข้ารบกวนอาจารย์หยวนติดต่อไปหาหงจวินให้ข้าอีกรอบ”
ต้วนหลิงเทียนหันไปยิ้มกล่าวกับหยวนเล่ย
พอหยวนเล่ยเห็นสิ่งนี้ มันก็อดขมวดคิ้วไม่ได้ ไฉนมันเสมือนกลายเป็นคนคอยอำนวยความสะดวกให้ต้วนหลิงเทียนไปแล้วเล่า?
ต้องทราบด้วยว่าตอนแรกที่มันติดต่อไปถามหงจวิน ในใจมันมีความคิดเห็นแก่ตัวอยู่บ้าง
เพราะก่อนที่ต้วนหลิงเทียนจะประมือกับติงเหยียน มันเองก็คิดว่าติงเหยียนที่สนิทสนมกับมันสมควรมีชัย ยังกล่าวกับอาจารย์ซูทำนองติงเหยียนต้องชนะแน่…อย่างไรก็ตามผลลัพธ์ที่ออกมา เสมือนตบหน้ามันอย่างแรง ทำให้มันไปไม่เป็นอยู่บ้าง
ถึงแม้ว่าภายหลังจะไม่มีใครเอาเรื่องนี้มาล้อมัน แต่มันก็ยังรู้สึกขุ่นเคืองใจอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้หลังได้ยินต้วนหลิงเทียนกล่าวทำนอง นักศึกษา 10 ดาวระดับกลาง คนไหนก็พร้อมสู้ ขอเพียงให้เร็วหน่อย มันก็เลยติดต่อไปหาหงจวินทันที
หงจวินเองก็สนิทกับมัน
นอกจากนั้นหงจวินคนนี้ แม้จะอยู่ในหอพักระดับกลาง แต่ในแง่พลังฝีมือแล้ว ถือเป็น 1 ใน 5 นักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดของสถานศึกษาหมอกเร้นลับเลย
พลังฝีมือของหงจวิน เรียกว่าสามารถอยู่ในหอพักระดับสูงได้สบายๆ
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมี 3 คนที่ครอบครองหอพักระดับสูงอยู่ตอนนี้มีภูมิหลังความเป็นมาใหญ่โต ทำให้หงจวินไม่กล้าจะท้าทายจนเป็นการล่วงเกินทั้ง 3 อันที่จริงไม่เพียงแต่หงจวิน กระทั่งหยวนเล่ยผู้เป็นอาจารย์เองก็ไม่อยากล่วงเกินทั้ง 3 คนนั่น
ถึงแม้อาศัยทั้ง 3 คนนั่นเองไม่อาจนับเป็นอะไรได้ แต่มีคนในตระกูลที่อยู่เบื้องหลังทั้ง 3 ที่ดำรงตำแหน่งสูงในนิกายหมอกเร้นลับ แม้จะไม่ได้สูงล้ำอะไรมากมาย แต่อย่างน้อยๆก็สูงกว่ามันหลายขั้น
มีคำกล่าวที่ว่า ตำแหน่งเหนือกว่าเพียงขั้นก็บดขยี้ผู้คนจนตาย เช่นนั้นย่อมเป็นไปไม่ได้เลยที่หยวนเล่นจะหาญกล้าล่วงเกินทั้ง 3 เพื่อเห็นแก่หงจวิน
“อืม อีกประเดี๋ยวหงจวินก็มาถึง”
หลังได้รับคำยืนยันจากต้วนหลิงเทียน หยวนเล่ยก็ติดต่อไปหาหงจวินทันที เมื่อได้ยินคำตอบรับจากหงจวิน หยวนเล่ยก็หันไปกล่าวบอกต้วนหลิงเทียน
เมื่อเรื่องราวการประลองได้รับการยืนยันแล้ว ก็ทำให้นักศึกษา 10 ดาวโดยรอบฮือฮาขึ้นมาเป็นธรรมดา
“หงจวิน…!”
สีหน้าหลิวจินเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมอยู่บ้าง ขณะเดียวกันมันก็ส่งเสียงผ่านพลังไปกล่าวเตือนต้วนหลิงเทียนว่า “ต้วน…เอ่อศิษย์พี่ต้วน ศิษย์พี่หงจวินผู้นั้นเป็น 1 ใน 5 นักศึกษา 10 ดาวที่แข็งแกร่งที่สุดในสถานศึกษาหมอกเร้นลับของพวกเรา ด่านพลังฝึกปรือรวมถึงการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏที่เข้าใจ ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่าท่านเลย…”
หลิวจินไม่กล้าเรียกหาต้วนหลิงเทียนห้วนๆเหมือนเคย และเพิ่มคำศิษย์พี่เข้าไป เพราะสุดท้ายแล้วในระนาบเทพผู้ที่มีพลังกล้าแข็งกว่าก็สมควรได้รับการให้เกียรติ
“นอกจากนั้นหงจวินยังมีสายเลือดคลื่นสะท้าน ซึ่งสามารถใช้ร่วมกับกฏแห่งน้ำได้เป็นอย่างดี…ว่ากันว่าด้วยพลังของสายเลือดนั่นกับกฏแห่งน้ำที่เข้าใจ พลังที่หงจวินสามารถสำแดงออกได้ ไม่ต่างอะไรจากพลังของการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการเลย!”
ยิ่งกล่าวน้ำเสียงของหลิวจินก็ยิ่งเคร่งขรึมมากขึ้นเรื่อยๆ
‘ยามใช้พลังสายเลือดกับกฏแห่งน้ำที่เข้าใจ สามารถสำแดงพลังทัดเทียมกับการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏ 3 ประการ?’
ได้ยินคำพูดของหลิวจิน ต้วนหลิงเทียนก็ตระหนักได้ถึงใจความสำคัญทันที ส่งเสียงผ่านพลังตอบกลับหลิวจินไปเร็วไวว่า “เอาล่ะ ขอบคุณสำหรับข้อมูของเจ้า”
“อย่างไรก็ตาม เจ้าไม่ต้องกังวลไป”
พอเห็นว่าต้วนหลิงเทียนยังคงสงบอยู่ได้แม้จะได้ยินสิ่งที่มันบอก หลิวจินก็บังเกิดความคิดยากจะเชื่อขึ้นมา ‘หรือว่าศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนคนนี้…การลงมือเมื่อครู่ยังซุกซ่อนพลังที่แท้จริงเอาไว้?’
หรือที่แท้ศิษย์พี่ต้วนหลิงเทียนมีพลังสายเลือดด้วย
พอนึกถึงจุดนี้ ใจหลิวจินก็สะท้านไปทันใด และเริ่มบังเกิดความคาดหวังตั้งตารอดูชมการประลองขึ้นมา
“ศิษย์พี่ต้วน…”
หลังเสียงผ่านพลังของหลิวจิน ก็มีเสียงผ่านพลังอีกคนดังขึ้นในหูต้วนหลิงเทียน และถ้อยคำที่กล่าวก็ทำนองเดียวกันกับที่หลิวจินกล่าวมาไม่มีผิด
การที่หลิวจินส่งเสียงผ่านพลังมาเตือนเขานั้น ต้วนหลิงเทียนไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ เพราะอีกฝ่ายพบเจอเขาคนแรกแถมยังแลดูมากอัธยาศัย
แต่กับ ‘อีกคน’ ที่ส่งเสียงผ่านพลังมาเตือนเขา อดทำให้เขาประหลาดใจไม่ได้แล้ว…เพราะฟังจากเสียงมันก็คือติงเหยียน!
ต้องทราบด้วยว่า เมื่อครู่เขาพึ่งจะเอาชนะอีกฝ่ายมาหยกๆ แถมยังเป็นการชนะแบบขาดลอยทำให้อีกฝ่ายต้องมีสภาพน่าอับอายต่อหน้าผู้คน มิคาดอีกฝ่ายกลับส่งเสียงผ่านพลังบอกข้อมูลความแข็งแกร่งของหงจวินให้เขา?
จังหวะนี้ พอต้วนหลิงเทียนหันไปมองติงเหยียนอีกครั้ง สายตาก็อ่อนลงอยู่บ้าง
ครืนน!
ซ่าาาาา!!
…
บรรยากาศอันเงียบสงบถูกเสียงคลื่นน้ำที่แหวฟ้ามาอย่างเชี่ยวกราดทำลายลงในบัดดล จากนั้นทุกคนพลันเห็นกระแสน้ำเชี่ยวกราดใสกระจ่างหนึ่งพุ่งมาหยุดลงกลางหาว จากนั้นก็ค่อยๆควบรวมเกาะตัวกลายเป็นมนุษย์ เผยโฉมให้ทุกคนประจักษ์
เป็นชายหนุ่มในชุดคลุมสีน้ำเงิน ใบหน้าหล่อเหลา หว่างคิ้วขดย่นเล็กน้อยคล้ายจริงจังไปกับทุกเรื่อง สายตาฉายแววเฉยเมยไร้แยแส
คนยืนเอามือไพร่หลังกลางหาว ให้ความรู้สึกเสมือนต้นสนโดดเดี่ยวกลางป่า แลดูภาคภูมิใจในตัวเองไม่น้อย
และแทบจะพร้อมๆกันกับที่มันปรากฏตัว สองตานักศึกษา 10 ดาวรอบเวทีประลองก็กลายเป็นร้อนแรงขึ้นมาทันที ยังมีนักศึกษา 10 ดาวบางคน ที่เผยความหลงใหลเทิดทูน ประหนึ่งคนในโลกเก่าของต้วนหลิงเทียนพบเห็นไอดอล…
“เจ้ามาแล้ว!”
หยวนเล่ยเร่งก้าวออกไปทักทายหงจวินด้วยรอยยิ้มทันที
“อ่า ข้ามาแล้ว”
หงจวินพยักหน้าให้หยวนเล่ย พลางกล่าวด้วยน้ำเสียงเฉยเมยฟังดูห้วนๆอยู่บ้าง แต่เห็นชัดว่าหยวนเล่ยไม่ได้ใส่ใจ เพราะมันรู้จักหงจวินดี และรู้ว่าผู้อื่นเป็นคนแบบนี้
แม้แต่เหตุผลที่มันสนิทกับหงจวิน ก็เพราะมันรู้จักผู้เฒ่าผู้แก่บางคนในตระกูลหงจวิน
หาไม่แล้วด้วยบุคลิกของหงจวิน เกรงว่ามันคงไม่คิดจะเกี่ยวข้องอะไรด้วย
“นั่นก็คือนักศึกษาอัจฉริยะที่ข้าพึ่งบอกเจ้าไปก่อนหน้า…มันเป็นนักศึกษาที่พึ่งเข้ามาใหม่วันนี้ แม้จะยังมีอายุไม่ถึง 2,800 ปี แต่ก็เข้าใจการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 2 ประการ 4 ชุด และพึ่งจะเอาชนะติงเหยียนไป…”
ขณะเดียวกันหยวนเล่ยก็หันไปมองต้วนหลิงเทียนเล็กน้อย ค่อยหันไปกล่าวแนะนำให้หงจวินรู้จัก
ด้านหงจวินหลังจากพยักหน้าให้ซูเฟิงหยางและอาจารย์คนอื่นๆ สายตาของมันก็จับจ้องไปทางต้วนหลิงเทียนทันที