War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3648
ตอนที่ 3648 : คิดไม่ออก
การลงมือของต้วนหลิงเทียนมันกะทันหันเสียจนชายชรามิอาจตอบสนองได้ทัน!
มันที่ทุ่มสุดตัวลงมือ ในใจหลงคิดว่ากระบวนท่านี้ต้องเข่นฆ่าต้วนหลิงเทียนได้แน่แล้ว
มิคาดในห้วงเวลาสุดท้ายก่อนที่กระบวนท่าของมันจะเอาชีวิตต้วนหลิงเทียน อยู่ดีๆห้วงมิติปั่นป่วนราวมหาพายุพลันอุบัติขึ้นรอบกายต้วนหลิงเทียนในฉับพลัน! ราวกับอาณาบริเวณรอบกายถูกต้วนหลิงเทียนควบคุมโดยสมบูรณ์!!
และกระบวนท่าที่มันป้อนออกมา เพียงย่างกรายเข้าสู่พื้นที่อันน่ากลัวดังกล่าวก็ถูกทําลายลงในพริบตา!
จากนั้นร่างมันที่โจนทะยานเข่นฆ่าเข้ามา ก็ตกอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวอย่างไม่อาจไหวตัวทัน
วินาทีต่อมา มันก็ตระหนักได้ว่าร่างกายของมันอยู่เหนือการควบคุม
จากนั้นสํานึกเทวะที่แผ่ออกมาตรวจสอบสภาพแวดล้อมโดยรอบ ก็พบว่าร่างกายของมันค่อยๆสลายตัว จากนั้นสํานึกสติของมันเองก็ค่อยๆถูกกร่อนทําลาย จนทุกสิ่งอย่างดับวูบไป…
จวบจนตกตาย มันยังไม่รู้ด้วยซ้ําว่าที่แท้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่
“เจ้าเองก็ร้ายกาจอยู่หรอก น่าเสียดายที่มาเจอข้า”
หลังฆ่าชายชราไปแล้ว ต้วนหลิงเทียนก็สะบัดมือเก็บดาบของอีกฝ่ายลงแหวนพื้นที่ “หากเป็นนักศึกษา 10 ดาวคนอื่นๆในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ต่อให้เป็น 5 คนที่แข็งแกร่งที่สุดนั้น ไม่ว่าใครหากต้องเจอกับตาแก่ผู้นี้คงได้ตกตายคามือมันแน่…”
ความแข็งแกร่งของชายชรานั้น ไม่ใช่อะไรที่พวกเดนตายก่อนหน้าที่เขาฆ่ามาจะเทียบได้เลย
ต่อให้เป็นเขาเอง หากไม่ได้ใช้ออกด้วยวิถควบคุม หนึ่งในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก ก็คงยากที่จะอาศัยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 3 ประการชุดเดียวฆ่าอีกฝ่าย เว้นเสียแต่เขาจะใช้การผสานรวมความลึกซึ้งของกฎมิติ 3 ประการ 2 หรือ 3 ชุด ไม่ก็ใช้ออกด้วยการผสานรวมความลึกซึ้งของกฏมิติ 4 ประการถึงจะฆ่าชาย ชราได้
อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นไพ่ตายของเขา
นอกจากนั้นหากเขาใช้การลงมือในลักษณะดังกล่าว เกรงว่าชายชราคงใช้เวลาห้วงสุดท้ายเร่งส่งข้อความ รายงานกลับไปตระกูลจ้งได้ทันแน่นอน
ตอนนี้พอเขาใช้ออกด้วยวิถีควบคุม ต่อให้จะมีคนแอบมองจากไกลๆ ก็คงยากจะบอกได้ว่าเขาลงมืออย่างไร เพียงเข้าใจว่าต้องใช้พลังของกฏมิติอันใดสักอย่างเป็นแน่ และการลงมือในฉับพลันแบบนี้ก็ตัดปัญหาเรื่องชาย ชราจะมีเวลาส่งข้อความได้ชะงัด
ท้ายที่สุดแล้ว เมื่ออีกฝ่ายตกอยู่ในขอบเขตวิถีควบคุมของเขา มันก็มีแต่ตายในพริบตาถ่ายเดียว!
น่าเสียดายที่ตาแก่นี่ดันใช้แหวนพื้นที่ทําลายตัวเองด้วย…หาไม่แล้วด้วยพลังระดับมัน ไม่พ้นต้องมีของดีเก็บไว้ในแหวนไม่น้อยแน่นอน
ต้วนหลิงเทียนถอนหายใจออกมาเฮือกหนึ่ง จากนั้นก็เริ่ม “ลาดตระเวน” ต่อไป
ในช่วง 2 วันหลังจากฆ่าชายชราไปแล้ว เขาก็พบเจอคนอีก 3 คนที่ค่อยๆย่องมาสํารวจจุดที่เขาประมือกับชายชรา และกลิ่นอายของพวกมันก็ไม่ได้แตกต่างไปจาก 13 คนที่เขาฆ่าไปก่อนหน้าพบเจอชายชราสักเท่าไหร่ “พวกมันสมควรเป็นพวกเดียวกัน…หากไม่มีอะไรผิดพลาดก็สมควรเป็นคนของตระกูลจ้ง
มีเพียงคนของตระกูลจ้งเท่านั้น ที่จะทุ่มทุนส่งพวกเดนตายจํานวนมากมาฆ่าเขาแบบนี้
ถึงแม้ตระกูลระดับราชาเทพอื่นๆในเมืองวายุสวรรค์คิดผสมโรง ก็ไม่มีทางที่พวกมันจะส่งคนมาฆ่าเขากลุ่มใหญ่แบบนี้
“ตระกูลจึงสมควรส่งคนมาฆ่าข้าแค่ 17 คนจริงๆ…
หลังจากเตร็ดเตร่อยู่ใกล้ๆจุดปะทะกับชายชราอยู่ 2 วัน นอกจาก 3 คนที่มาถึงทีหลังแล้ว ก็ไม่มีใครมาเพิ่มอีกเลย ต้วนหลิงเทียนที่นยันได้แล้วว่าพวกเดนตายของตระกูลจึงสมควรตกตายหมดสิ้น ก็เริ่มเดินทางออกล่าสัตว์อสูรสืบต่อ
ถึงแม้เขาจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมดในการเข่นฆ่าสัตว์อสูร แต่การเข่นฆ่าพวกมันก็ง่ายดายราวตัดหญ้าฆ่าไก่ ไม่ว่าสัตว์อสูรตัวใดล้วนตกตายภายใต้หนึ่งกระบี่ และจนถึงบัดนี้ก็ไม่มีสัตว์อสูรตัวไหนบีบให้เขาต้องตวัดกระบี่เป็นครั้งที่ 2 เลย
คะแนนสะสมในป่ายเก็บคะแนนของเขาก็เลยเพิ่มขึ้นด้วยอัตราเร็วอันน่าสะพรึงกลัว
ความแตกต่างของพลังมันมากเกินไป…ต่อให้เป็นหงจวินคนนั้น หากข้าคิดจะฆ่ามัน อาศัยพลังเท่าที่ใช้ออกตอนนี้ ถ้าถือกระบี่เทพระดับต่ํา ก็น่าจะฆ่าได้ใน 1-2 กระบี่เช่นกัน
ในพื้นที่ทดสอบนั้น แม้สัตว์อสูรทั้งหลายจะตกตายภายใต้หนึ่งกระปของต้วนหลิงเทียน แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าพวกมันอ่อนแอ
ในบรรดาสัตว์อสูรที่เขาพบเจอ ก็มีบางตัวที่ต่อให้เป็นหงจวินหรือนักศึกษาคนอื่นๆในบรรดานักศึกษาที่แข็งแกร่งที่สุด 5 คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับไม่แน่ว่าจะรับมือได้ไหว เพียงแค่ต่อหน้าต้วนหลิงเทียนพวกมันยังไม่คู่ควรให้กล่าวถึงเท่านั้น
สัตว์อสูรเหล่านี้ ทางสถานศึกษาหมอกเร้นลับล้วนตระเตรียมมาเหมือนๆกันทุกปี และพยายามจัดเตรียมให้อยู่ในขอบเขตที่นักศึกษาฆ่าได้ไม่ยาก และมีไม่กี่ตัวที่แข็งแกร่งถึงขั้นถึงมือไม่ก็บบให้นักศึกษาทําได้แค่หลบหนี…
อนิจจาปีก่อนๆต้วนหลิงเทียนยังไม่ได้เข้าร่วมในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ
คนของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เมื่อจัดเตรียมสัตว์อสูรที่อิงระดับพลังตามเกณฑ์เดิมทุกปี…เช่นนั้นในปีนี้
ต้วนหลิงเทียน
ภายใต้สถานการณ์ดังกล่าว ต้วนหลิงเทียนก็เสมือนเป็ดโดดลงลําห้วย แล่นฉิวว่ายพลิ้วไร้หยุดยั้ง
ณ เมืองวายุสวรรค์
จวนตระกูลจ้ง
แม้จะเป็นกลางวันแสกๆ แต่ในโถงหลักของตระกูลจ้ง ก็คาคั่งไปด้วยชนชั้นผู้อาวุโส
“พี่ 3 อยู่ๆท่านเรียกพวกเรามารวมตัวกันแบบนี้ ที่แท้มีเรื่องอันใดกันแน่?”
จ้งซื่อ ที่พึ่งกลับมาจากเหลาอาหารที่มันรับผิดชอบ อดไม่ได้ที่จะมองถามจ้งซันที่นั่งอยู่อีกฟากพลางถาม เสียงเข้ม “หีม? วันนี้ยังอยู่ในช่วงทดสอบนักศึกษา 10 ดาวของสถานศึกษาหมอกเร้นลับมิใช่หรือ…พี่ 3 ที่แท้ เกิดอะไรขึ้นกับพวกเดนตายที่ท่านส่งไปกันแน่?”
เมื่อจ้งชื่อที่ตระหนักใดได้เอ่ยถามออกมาจบคํา อาวุโสคนอื่นๆในตระกูลจ้งก็หันไปมองจ้งซันเป็นสายตาเดียวกัน
“ถูกฆ่าล้างไม่เหลือรอดสักคน”
สุดท้ายจ้งซันก็ปริปากกล่าวคําออกมา และเมื่อวาจาล่วงล้ําผ่านลําคอ ก็ประหนึ่งอัสนียามแล้งที่ฟาดผ่าลงมาโดยไร้ซึ่งการตั้งเค้าใดๆมาก่อน พาลให้ทุกคนไม่เว้นจ้งซื่อตกตะลึง จนสีหน้ากลายเป็นอื้อองราวตัวโง่งมเนิ่นนานกว่าจะหาย
ถูกฆ่าลงไม่เหลือรอดสักคน?
พวกเดนตายที่จ้งซันส่งไปครานี้…ไม่ใช่ว่ามีด้วยกันทั้งสิ้น 17 คนหรือไร?
แถมหนึ่งในพวกเดนตายที่เป็นผู้นําพวกเดนตายกลุ่มดังกล่าว ยังเป็นคนที่ตระกูลจ้งของพวกมันเพาะสร้างมาอย่างดี
“ใช่สถานศึกษาหมอกเร้นลับลงมือหรือไม่?
จ้งซื้อที่ดึงสติกับมาอยยู่กับร่องกับรอยได้อีกครั้งเป็นคนแรก เอ่ยถามออกมาด้วยท่าที่เคร่งขรึม
“มิใช่”
หลังกวาดตามองทุกคนรอบหนึ่ง จ้งซันก็ส่ายหน้าพลางกล่าวออกมาอย่างทอดถอนใจว่า “ผู้เฒ่าจัชนได้ส่งข่าวกลับมาแจ้งข้าตั้งแต่วันแรก ว่าการทดสอบนักศึกษา 10 ดาวคราวนี้ ยังจงใจทดสอบต้วนหลิงเทียนโดยเฉพาะ หากต้วนหลิงเทียนสามารถผ่านการทดสอบกลับมาได้โดยที่มันมิได้พึ่งพลังภายนอกใดๆ คณบดีสถานศึกษาแซ่มู่หรงผู้นั้น จะใช้สิทธิ์แนะนําของมัน แนะนําต้วนหลิงเทียนให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับก่อนกําหนด ทั้งยังจะได้เป็นถึงศิษย์หลัก!”
ศิษย์หลัก!
พอวาจาดังกล่าวของจ้งซันดังออกมา ผู้คนของตระกูลจ้งก็โพล่งคําออกมาด้วยความตกใจ “อะไร!? ศิษย์หลัก!?”
“สารเลวน้อยต้วนหลิงเทียนนั่น มันมีพลังสามารถถึงขั้นนั้นเชียว!?”
“ไฉนมันถึงได้สิทธิพิเศษเช่นนี้?!”
ศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีเกินร้อยคน
และศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น ล้วนมีอายุไม่ถึงหมื่นปีทั้งสิ้น หากอายุเกินหมื่นปีเมื่อไหร่ก็จะถูกถอดออกจากตําแหน่งศิษย์หลักทันที
และตราบใดที่ศิษย์หลักที่ถูกถอดออกจากตําแหน่งเพราะอายุเกินกําหนด เลือกที่จะอยู่นิกายหมอกเร้นลับสืบต่อ มันก็จะกลายเป็นอาวุโสหลักของนิกายหมอกเร้นลับทันที หรือจะเลือกไปเข้าร่วมกับขุมกําลังระดับจักรพรรดิเทพที่นิกายหมอกเร้นลับอยู่ใต้อาณัติก็ได้
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ขุมกําลังระดับจักรพรรดิเทพดังกล่าวแล้ว ฐานะในขุมกําลังนั้น แน่นอนว่าจะไม่ได้สลักสําคัญเหมือนรั้งอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับ เพียงแต่จะได้รับทรัพยากรบ่มเพาะที่ดีขึ้น
สุดท้ายแล้ว ช่องว่างระหว่างขุมก่าลังระดับจอมราชันเทพกับขุมกําลังระดับจักรพรรดิเทพก็ห่างชั้นกันไม่น้อย
ด้วยเหตุนี้ต่อให้ยามดํารงอยู่ในนิกายหมอกเร้นลับศิษย์หลักจะมีฐานะสูงเพียงใด…แต่เมื่อออกจากนิกายหมอกเร้นลับไปเข้าสู่ขุมกําลังระดับจักรพรรดิเทพที่อยู่เบื้องหลัง สถานะในขุมกําลังดังกล่าวก็จะไม่ได้สูงส่งอะไร เพราะยังมีตัวตนที่เข้ามาในลักษณะนี้อีกหลายคน…
สําหรับขุมกําลังระดับจักรพรรดิเทพนั้น ต่อให้ส่งผู้อาวุโสธรรมดาๆที่มีฐานะต่ําต้อยมาสักคน ก็ไม่ใช่อะไรที่ขุมกําลังระดับจอมราชั้นเทพจะกล้าละเลยแล้ว นับประสาอะไรกับตระกูลระดับราชาเทพเช่นพวกมัน!
“มันสมควรอาศัยความช่วยเหลือจากผู้อื่นเป็นแน่! อาศัยพลังฝีมือของมันเอง หากคิดจะฆ่าหน่วยเดนตายทั้ง 17 คนที่นําโดย “เสี่ยเอ้อของตระกูลจ้งเรา…นั่นเป็นไปไม่ได้!”
จ้งชื่อกล่าวคําออกมาเสียงหนักแลดูมั่นใจนัก
“ข้าก็หวังว่ามันจักเป็นเช่นนั้น”
จ้งซันพยักหน้า แม่สีหน้าของมันจะอ่อนลงบ้าง แต่ก็ยังจริงจังไม่น้อย “แต่ถึงจะไม่ใช่มันลงมือด้วยตัวเอง ก็หมายความว่ามีคนให้ความช่วยเหลือมัน! ดูเหมือนต่อไปหากพวกเราคิดจะฆ่าต้วนหลิงเทียนผู้นั้น เกรงว่าจะไม่ง่ายแล้ว”
“ช่วยมัน? เป็นผู้ใดที่ยื่นมือเข้าช่วยมันกัน?”
จ้งซื่อขมวดคิ้วหน้านิ่ว
พอได้ยินคําถามดังกล่าว จ้งซันก็ขมวดคิ้วกล่าวออกเสียงเข้ม สองตายังฉายแววลึกล้ํา “ข้าได้ยินจู่ชุนรายงานมาว่า โหวชิงหนึ่งผู้นั้นเหมือนพยายามจะผูกมิตรกับต้วนหลิงเทียน…และก่อนที่การทดสอบนักศึกษา 10 ดา วจะเริ่มต้นขึ้นวันหนึ่ง คนของเราที่ประจําการอยู่ที่ประตูเมืองทิศเหนือของเมืองวายุสวรรค์ตลอด ก็มีรายงานมา ว่าอาวุโส 5 ของนิกายหมื่นจันทราได้นํากําลังคนชุดหนึ่งเร่งรุดออกจากเมืองไป…ทิศทางที่เหาะไปยังเป็นทิศทางเดียวกับพื้นที่ทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ไม่ทราบว่าไปคุ้มครองโหวซึ่งหนึ่งหรืออย่างไร…”
นิกายหมื่นจันทราก็เป็นขุมกําลังระดับราชาเทพดุจเดียวกับตระกูลจ้ง ทว่าในเมื่อเป็นขุมกําลังประเภทนิกาย เช่นนั้นความแข็งแกร่งจึงถือว่าเหนือกว่าตระกูลจ้งเล็กน้อย
และโหวชิงหนิงผู้นั้น ก็เป็นลูกชายคนเก่งของประมุขนิกายหมื่นจันทราคนปัจจุบัน
ด้วยฐานะของโหวชิงหนิง การที่นิกายหมื่นจันทราจะส่งอาวุโส 5 ออกไปลอบให้ความคุ้มครองก็ไม่ถือว่า เป็นเรื่องแปลกอันใด และปกติแล้วอาวุโส 5 กับคนของนิกายหมื่นจันทราเหล่านั้น ก็มักจะลอบให้ความคุ้มครองโหวชิงหนิงเสมอ
“นิกายหมื่นจันทรา?”
จ้งชื่อยนคิ้วเป็นปมแน่น ใบหน้ายังคล้ายฉาบทับไปด้วชั้นน้ําแข็ง “โหวซึ่งหนึ่งนั่นมันผีเข้าหรือไร รู้ทั้งรู้ว่าต้วนหลิงเทียนนั่นมันมีเรื่องกับตระกูลจ้งเรา แต่ยังคิดผูกมิตรด้วยแบบนี้ หรือนิกายหมื่นจันทราคิดจะงัดกับตระกูลจึงเรา?”
“ข้าไม่ทราบ
จ้งซันได้แต่ส่ายหน้าไปมา
“หากเป็นฝีมือของพวกนิกายหมื่นจันทราจริงๆ…เช่นนั้น หรือพวกเราทําได้แค่ลืมเรื่องนี้ไปเสีย?”
จ้งชื่อเอ่ยถามเสียงหนัก
“ย่อมไม่เป็นธรรมดา
สองตาจ้งซันทอประกายเยียบเย็นเรื่องขึ้นวาบหนึ่ง “นิกายหมื่นจันทราแม้จะแข็งแกร่งกว่าตระกูลจ้งเรา แต่ก็อย่างที่เจ้าว่า…หากพวกมันกล้าลงมือกับคนตระกูลจ้งเราจริงๆ ก็ให้มันรู้ไปว่าตระกูลจ้งเรามิใช่สัตว์กินพืช!”
“หากสถานการณ์ย่าแย่จริงๆ พวกเราก็แค่แบ่งคนในตระกูลออกไปหลบซ่อนส่วนหนึ่ง และอีกส่วนก็ไลอบกัดพวกมันเสีย…ทําให้พวกมันต้องรู้สึกเสียใจที่คิดเป็นศัตรูกับพวกเรา!”
เสียงกล่าวของจ้งซันครานี้ ยังเต็มไปด้วยความดุร้ายรุนแรงนัก
ทว่าแทบจะพร้อมๆกันกับที่จ้งซันกล่าวจบ มันก็ผงะไปครู่หนึ่ง จากนั้นหว่างคิ้วก็ขมวดเป็นปม ราวกับฟังได้รับทราบอะไรมา
“พี่ 3 เกิดอะไรขึ้น?”
จ้งชื่อที่เห็นท่าทีของจ้งซันอยู่ๆก็แปลกไป ก็อดถามออกมาไม่ได้
หลังได้ยินคําถามของจ้งซื่อ จ้งซันก็กลับมาครองสติอีกครั้ง หากแต่สีหน้าของมันกลับแปลกไปพิกล “ข้าฟัง ได้รับรายงานที่แน่ชัดมา…อาวุโส 5 กับคนของนิกายหมื่นจันทราที่เร่งรุดเดินทางไปก่อนการทดสอบของสถานศึกษาหมอกเร้นลับจะเริ่มต้นขึ้นนั้น เห็นว่าได้ย้อนกลับมาวันเดียวกับที่เสวี่ยเอ้อ ตกตาย…ทว่าช่วงเวลานั้นมันไม่ถูกต้อง เพราะพวกมันกลับมาถึงเมืองก่อนที่เสี่ยเอ้อจักตายตก!”
“และในบรรดาคนของนิกายหมื่นจันทรา ก็มีแค่อาวุโส 5 คนเดียวเท่านั้น ที่มีฝีมือสูงพอจะฆ่าเสี่ยเอ้อได้…”
ทันทีที่จ้งซันกล่าวจบประโยค ความโกลาหลก็บังเกิดขึ้นในโถงหลักตระกูลจ้งทันที “อะไรกัน? เช่นนั้นมิได้หมายความว่าการตายของเสี่ยเอ้อมิได้เกี่ยวข้องกับพวกนิกายหมื่นจันทราหรือไร?”
“หากเป็นเช่นนั้นจริง กล่าวได้ว่านิกายหมื่นจันทราจักหลุดออกจากรายชื่อผู้ต้องสงสัยทันที”
“แต่ในเมื่อมิใช่ฝีมือของคนนิกายหมื่นจันทรา แล้วยังจะเป็นฝีมือของผู้ใดได้เล่า? หรือมีตระกูลราชาเทพอื่น ในเมืองวายุสวรรค์ของเรา ส่งคนไปร่วมมือกันฆ่าเสี่ยเอ้อกับพวก?”
“เรื่องนั้นเป็นไปไม่ได้! ถึงขั้นฆ่าเสี่ยเอ้อลงได้ก่อนที่เสี่ยเอ้อจักทันได้มีเวลาส่งรายงานกลับมา เห็นได้ชัดว่าเสี่ยเอ้อสมควรถูกฆ่าในพริบตา สุดที่จะต้านทานรับไหวจนไม่มีเวลาพอจะส่งข้อความ! เช่นนั้นคนที่ฆ่า 8-9 ใน 10 ส่วนสมควรแข็งแกร่งกว่าและยังลอบโจมตี!!”
ในขณะที่คนของตระกูลจึงไม่อาจระบุได้ว่าที่แท้เป็นใครกันแน่ที่ฆ่าล้างหน่วยเดนตายของมันจนตกตายหมดสิ้น คนของตระกูลจ้งที่แฝงตัวอยู่ในตระกูลระดับราชาเทพอื่นๆในฐานะสายลับก็เริ่มทยอยกันส่งรายงานมาว่า พวกเดนตายของตระกูลอื่นๆก็เริ่มถูกเข่นฆ่าแล้วเช่นกัน…