War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3661
ตอนที่ 3661 : สองเงื่อนไข
หากชายชราที่ยืนอยู่ด้านหลังจ้งซื่อนั้นเห็นแค่ต้วนเฉียวอวี่ที่นั่งข้างเขาแลดูสนิมทสนมและเรียกหาเขาว่า ‘พี่ชาย’ เฉยๆ มันคงไม่คิดอะไรมากมาย…
อย่างไรก็ตาม ก่อนที่ทั้งคู่จะจากไป อวี๋ชิวซวน ดันเรียกหาต้วนเฉียนอวี่ว่า ‘คุณหนู’ ทำให้ชายชราต้องคิดว่าต้วนเฉียวอวี่ รวมถึงเขาไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน!
ล้อกันเล่นหรือไร?
คนธรรมดาที่ไหนจะมีตัวตนระดับจอมราชันเทพอันทรงพลังเป็นผู้ติดตามคุ้มครองแบบนั้น?
และคนธรรมดาที่ไหน จะถูกเด็กหญิงที่มีตัวตนระดับจอมราชันเทพอันทรงพลังคอยติดตามเรียกหาว่า ‘พี่ชาย’ ทั้งจับมือถือแขนอย่างสนิทสนมราวพี่น้องกันจริงๆ
‘จะอย่างไรก็ช่าง วันนั้นในเมื่อชายชราคนนี้เห็นหน้าค่าตาข้าแล้ว…และวันนี้หลังมันเข้ามาและเห็นหน้าข้า มันก็ไม่พ้นต้องจดจำได้ทันที และคงรีบบอกจ้งซื่อแต่แรก’
ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ฉุกคิดถึงเรื่องสำคัญ
‘แต่ในตอนนั้น จ้งซื่อกับจ้งเอ้อก็ยังคงเลือกจะฆ่าข้า…’
‘เห็นได้ชัดว่าพวกมันคิดลงมือจัดการข้าเพื่อตัดปัญหาทันที…’
‘ที่พวกมันไม่กลัวข้าส่งข้อความช่วยเหลือออกไป สมควรเป็นเพราะได้ลอบจัดวางค่ายกลบางอย่าง…ไม่น่าแปลกใจเลยว่าไฉนก่อนหน้านี้ถึงสัมผัสได้ว่าพื้นที่โดยรอบบังเกิดความเปลี่ยนแปลงถึง 4 ครั้งไล่เลี่ยกัน ที่แท้การเปลี่ยนแปลงนั่นเกิดจากการเปิดใช้และยกเลิกค่ายกลนี่เอง’
ต้วนหลิงเทียนนั้นใช้กฏมิติ นอกจากนั้นยังเข้าใจวิถีควบคุม 1 ในจตุรวิถีแห่งสวรรค์และโลก ทำให้เขามีสัมผัสไวต่อการเปลี่ยนแปลงเชิงพื้นที่และมิติมาก จึงค้นพบความเปลี่ยนแปลงด้านนอกแต่แรก
‘ค่ายกลที่พวกมันใช้ ไม่พ้นต้องเป็นค่ายกลปิดกั้นการสื่อสาร’
‘บ่งบอกว่า…หลังจากที่พวกมันล่วงรู้ตัวตนของข้าแล้ว ว่าข้าไม่ใช่คนที่พวกมันสามารถล่วงเกินได้ แต่พวกมันก็วางแผนจะฆ่าข้าอยู่ดี เพียงแค่ข้าติดกับ และไม่น่าจะส่งข้อความขอความช่วยเหลือจากใครได้…’
‘แค่พวกมันไม่คิดไม่ฝัน ว่าอาวุโสถังชุนจะเป็นราชาเทพอันร้ากาจคนหนึ่ง ด่านพลังยังบรรลุถึงราชาเทพขั้นสูง’
ไม่นานหลังจากที่มาถึงเหลาอาหารแห่งนี้ สำนึกเทวะต้วนหลิงเทียนที่แผ่ออกไปตรวจสอบสถานการณ์โดยรอบตามประสา ก็เผลอกวาดผ่านร่างอาวุโสถังชุนอย่างไม่ตั้งใจ และนั่นทำให้เขาพบว่าด่านพลังของอีกฝ่ายมีแค่เทพขั้นสูงเท่านั้น
ถึงแม้ระดับพลังฝึกปรือของเขาจะมีเพียงเทพขั้นกลาง แต่หากยังเป็นผู้ที่มีพลังอยู่ในขอบเขตเทพ ต่อให้เป็นเทพขั้นสูงเขาก็ยังตรวจสอบได้รางๆ
ตอนนั้นเขาก็ลองถามถังชุนดูแล้ว อีกฝ่ายก็ได้บอกเขาว่าทำแบบนี้จะได้ไม่โดนพวกราชาเทพมากวนใจ จึงอาศัยเคล็ดวิชาลับบางอย่างซ่อนด่านพลังที่แท้จริงเอาไว้
เว้นเสียแต่จะมีระดับบ่มเพาะทัดเทียมหรือเหนือกว่า จะไม่อาจมองทะลุการปกปิดด่านพลังลวงไปได้ แม้จะใช้สำนึกเทวะตรวจสอบก็ตาม
ทำให้ยามปกติ จะไม่ค่อยมีคนมารบกวนมากนัก เพราะในสายตาของผู้อื่นที่นับถือผู้เข้มแข็ง มันก็จะไม่ใช่คนที่สลักสำคัญอะไร
‘เห็นได้ชัดว่าการปกปิดระดับพลังของอาวุโสถังชุนไม่ใช่แค่ข้าเท่านั้นที่มองไม่ออก…แต่คนของตระกูลจ้งเองก็มองไม่ออกเช่นกัน’
ต้วนหลิงเทียนใช้เวลาไม่นาน ก็สรุปได้ว่าเกิดอะไรขึ้น
และที่ไฉนจ้งเอ้อถึงได้ลดค่าตัวเองลงมาหาทางสมานฉันท์กับเขา ก็ไม่ได้เป็นเพราะถังชุน
สุดท้ายจ้งซื่อที่กล่าววาจาหมิ่นถังชุนก่อนหน้า ก็เพียงแค่ได้รับบาดเจ็บเท่านั้น ไม่ได้ถูกฆ่าตาย สิ่งนี้บ่งบอกให้รู้ว่าถังชุนกริ่งเกรงอำนาจที่อยู่เบื้องหลังตระกูลจ้ง…บางทีในนิกายหมอกเร้นลับสมควรมีคนใหญ่คนโตที่มาจากตระกูลจ้ง และส่งข้อความมาปรามถังชุน
ไม่แน่ก็อาจตกลงกับถังชุนได้ ว่าหากถังชุนยั้งมือไว้ไมตรี ก็จะมอบของขวัญอันดีให้
จุดนี้ เขาพอจะมองได้ออกหลังเห็นถังชุนเลือกจะบอกให้คนตระกูลจ้งขอโทษเขา
“เจ้าแน่ใจหรือ ว่าจะสามารถจ่ายออกทุกสิ่ง หากยังอยู่ในขอบเขตที่ตระกูลจ้งจะสามารถทำได้?”
ในขณะที่ถังชุนกำลังแปลกใจ ต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองถามจ้งเอ้อ
“เป็นเช่นนั้น!”
จ้งเอ้อพยักหน้ารับคำเป็นมั่นเหมาะ
“ดี”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้า จากนัน้สายตาที่มองไปยังจ้งเอ้อก็เริ่มฉายประกายลึกล้ำ “เช่นนั้นข้าก็ไม่ต้องการอะไรมาก แค่อยากจะให้ตระกูลจ้งแสดงความจริงใจเท่านั้น…และความจริงใจที่ข้าอยากได้ ก็อยู่ในขอบเขตที่ตระกูลจ้งสามารถทำได้แน่นอน”
กล่าวถึงจุดนี้ สายตาต้วนหลิงเทียนก็ละออกจากร่างจ้งเอ้อไปตกลงบนร่างจ้งเค่อฉี “จ้งเอ้อ กล่าวไปเรื่องราวบาดหมางทั้งหมดระหว่างข้ากับตระกูลจ้งล้วนเกิดจาก จ้งเค่อฉี ลูกชายของเจ้าเพียงคนเดียว…”
“เช่นนั้น ข้าก็มีแค่ 2 อย่างที่ต้องการจากตระกูลจ้งเท่านั้น”
“ประการแรก จ้งเค่อฉี นั่นไม่อาจมีชีวิตรอดออกไปจากห้องๆนี้…”
ต้วนหลิงเทียนค่อยๆกล่าวออกมาอย่างไม่รีบไม่ร้อน
อย่างไรก็ตามทันทีที่ต้วนหลิงเทียนกล่าวจบคำ สีหน้าพ่อลุกตระกูลจ้งอย่างจ้งเอ้อกับจ้งเค่อฉีก็เปลี่ยนไปอย่างมาก แม้แต่สีหน้าจ้งซื่อเองก็กลายเป็นน่าเกลียดจนดูไม่ได้ ยังอดกล่าวออกมาไม่ได้ว่า “นายน้อยต้วน…เรื่องนี้ผ่อนปรนไม่ได้แล้วหรือ?
ต้วนหลิงเทียนเหลือบมองไปทางจ้งซื่ออ่างไม่แยแส “แล้วตอนที่ตระกูลจ้งของเจ้าคิดฆ่าข้าเล่า พวกเจ้าคิดจะเปิดโอกาสให้ข้าออกไปจากห้องนี้หรือไม่?”
กล่าวจบคำ เขาก็ไม่รอฟังคำจากจ้งซื่อ เพียงหันไปมองจ้งเอ้อแล้วกล่าวสืบต่อด้วยน้ำเสียงเฉยเมย “จ้งเอ้อ หากเงื่อนไขข้อแรกตระกูลจ้งยังไม่อาจทำได้…เช่นนั้นข้าว่าคงไม่จำเป็นต้องให้ข้าพูดถึงเงื่อนไขข้อที่สองแล้ว”
พอกล่าวจบต้วนหลิงเทียนก็หันไปมองกล่าวกับถังชุนที่นั่งฝั่งตรงข้ามทันที “อาวุโสถัง ความอยากาอาหารของข้าไม่เหลือแล้ว…หรือให้ข้ากลับไปสถานศึกษาหมอกเร้นลับก่อนเพื่อรอท่าน เมื่อท่านดื่มกินเสร็จไม่ต้องย้อนกลับไปสถานศึกษาก็ได้ เพียงส่งข้อความเรียกข้าดีหรือไม่?”
ก่อนออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ ต้วนหลิงเทียนก็ได้แลกเปลี่ยนลูกแก้ววิญญาณกับถังชุนแต่แรก จึงสามารถติดต่อสื่อสารกันได้
“ไม่จำเป็น ข้าเองก็ไม่อยากกินอะไรแล้ว”
ถังชุนส่ายหน้าไปมา “พวกเรากลับนิกายหมอกเร้นลับเลยเถอะ”
ถึงแม้ถังชุนจะยังไม่รู้ว่าตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ แต่มันก็รู้ดีว่าไม่ใช่เวลาจะมาถามหาความกระจ่างจากต้วนหลิงเทียน และมันก็ไม่คิดว่าตระกูลจ้งจะเห็นด้วยกับเงื่อนไขแรกของต้วนหลิงเทียน
จ้งเค่อฉีเป็นใคร?
ถึงแม้ในสายตาของถังชุน จ้งเค่อฉี จะไม่อาจนับเป็นตัวอะไรได้ แต่มันก็เคยได้ยินเรื่องจ้งเค่อฉีมานานแล้ว และรู้ว่าจ้งเค่อฉีแทบไม่ต่างอะไรจาก ‘เจ้าชาย’ ของตระกูลจ้งเลย กล่าวได้ว่ามันคือนายน้อยแห่งตระกูลจ้ง และยังเป็นว่าที่ผู้นำคนต่อไปของตระกูลจ้งอีกด้วย
นอกจากนั้นมันยังเป็นลูกชายแท้ๆของนารองตระกูลจ้ง จ้งเอ้อ…
เงื่อนไขข้อแรกที่ต้วนหลิงเทียนเรียกร้องจาก จ้งเอ้อ คือชีวิตลูกชายแท้ๆของอีกฝ่าย แค่จ้งเอ้อไม่โกรธก็ดีเท่าไหนแล้ว เรื่องตอบรับเงื่อนไขของต้วนหลิงเทียนมันจะเป็นไปได้อย่างไรกัน?
วินาทีนี้ต่อให้คณบดีของสถานศึกษาอย่างมู่หรงสุยเฟิง รองประมุขนิกายหมอกเร้นลับอยู่เป็นสักขีพยานด้วย เกรงว่าจ้งเอ้อก็คงไม่มีทางยอมรับเงื่อนไขดังกล่าวได้
อย่างไรก็ตาม ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนลุกขึ้นยืนและเตรียมจากไปพร้อมถังชุน
ฉากที่ทำให้ถังชุนต้องตกตะลึงพลันอุบัติขึ้น
“เป็นลูกอกตัญญูของข้า กล้าล่วงเกินนายน้อยต้วนให้ขุ่นเคืองไม่หยุดหย่อน ตัวบัดซบที่สมควรตายนัก!”
เสียงกล่าววาจา ประหนึ่งเสียงคำรามของสัตว์ร้ายที่ดังก้องออกมาจากลำคอดังขึ้น และพริบตาต่อมาก็บังเกิดเสียงดัง ‘ปง’ ปรากฏร่างหนึ่งที่มีโลหิตกระอักออกจากปากเป็นสายลากยาวปลิวออกไปจากห้องส่วนตัว…จากนั้นเมื่อร่างดังกล่าวตกลงบนพื้น คนที่เคยมีลมหายใจก่อนหน้าบัดนี้ก็กลับกลายเป็นร่างไร้วิญญาณไปเสียแล้ว
เป็นจ้งเอ้อ นายรองตระกูลจ้งสะบัดมือซัดพลังขุมหนึ่งกระแทกเข้ากลางกระหม่อมจ้งเค่อฉี ทำลายดวงจิตของมันจนแหลก ยุติหนึ่งชีวิตของลูกชายตัวเองลงในบัดดล
ต้วนหลิงเทียนเพียงมองฉากเรื่องราวเบื้องหน้าอย่างเฉยเมย ไม่มีความยินดียินร้ายใดๆ
เพราะเขาเดาได้แต่แรกว่าเรื่องราวต้องจบลงอีหร็อบนี้ แค่ฉากที่ปรากฏขึ้นเบื้องหน้า มันยืนยันการคาดเดาในใจของเขาเท่านั้น
กลับกัน ทางด้านถังชงนั้นถึงกับอ้าปากค้างด้วยความอึ้ง เพราะมันไม่คิดไม่ฝันจริงๆ ว่าคำขอแรกของต้วนหลิงเทียนนั้น จะทำให้จ้งเอ้อตัดสินใจจบชีวิตลูกชายอย่างจ้งเค่อฉีลงดื้อๆ
ฉากดังกล่าว กระทั่งถังชงที่ใช้ชีวิตมานานผ่านเรื่องราวอะไรมาก็มาก ยังอดสะท้านอยู่ในใจไม่ได้ พอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง และเห็นชายหนุ่มเบื้องหน้ายังนิ่งสงบอยู่ได้ สีหน้ามันก็แปลกไปพิกล
“นายน้อยต้วน”
หลังจ้งเค่อฉีถูกฆ่าตายอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว จ้งเอ้อผู้ลงมือพอมองไปยังต้วนหลิงเทียนอีกครั้ง สองตามันก็แดงรื้นขึ้นมา ร่างยังสั่นสะท้านไปเบาๆ
เห็นได้ชัดว่าอารมณ์ในใจมันตอนนี้พุ่งพล่านแทบระงับไม่ไหวแล้วแท้ๆ แต่มันก็ยังฝืนทนกล้ำกลืนเอาไว้ได้
“ขอท่านกล่าวเงื่อนไขประการที่ 2 ออกมาเถอะ”
ตอนนี้เองน้ำเสียงของจ้งเอ้อยังแหบราวลำคอแห้งผาก
“เงื่อนไขประการที่ 2 นั้นง่ายมาก”
ต้วนหลิงเทียนมองลึกไปทางจ้งเอ้อ ก่อนจะเอ่ยออกมาอีกครั้งอย่างไม่รีบไม่ร้อนว่า “ทั้งหมดก็ขึ้นอยู่กับความจริงใจของตระกูลจ้ง….”
ขณะกล่าวถึงท้ายประโยค ต้วนหลิงเทียนก็ยกมือซ้ายขึ้นช้าๆ จากนั้นก็ยกมือขวาขึ้นมาและอาศัยนิ้วหัวแม่มือกับนิ้วชี้หมุนแหวนพื้นที่ในมือซ้ายเล่น ราวกับจะบอกใบ้อะไรบางอย่าง
เห็นฉากดังกล่าว จ้งเอ้อก็พอได้ระบายลมหายใจออกมาอย่างโล่งอก
จ้งซื่อไม่เว้นชายชราด้านหลังเองก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอกเช่นกัน
ด้วยเพราะพวกมันไม่ว่าใครก็ล้วนกังวลนัก กลัวว่าเงื่อนไขประการที่สองของชาหนุ่มเบื้องหน้า จะเป็นชีวิตของพวกมันที่อยู่ที่นี่ทั้งหมด
พวกมันเองก็ตระหนักดี ว่าอีกฝ่ายกล่าวเงื่อนไขออกมาเช่นนั้น ต่อให้พวกมันไม่อยากตายและหนีไปวันนี้ ทางตระกูลก็ต้องเลือกตอบสนองคำขออีกฝ่ายและส่งคนไปฆ่ามันให้จงได้อยู่ดี
สุดท้ายแล้ว ให้เทียบกับตระกูลจ้งทั้งตระกูล ชีวิตพวกมันก็ไม่ได้มีค่ามากขนาดนั้น
“อาวุโสถังชุน พวกเราไปกันเถอะ”
ต้วนหลิงเทียนไม่ได้รอให้จ้งเอ้อตอบรับแต่อย่างใด เพราะเขารู้ว่ามันไม่จำเป็น เมื่อเรื่องราวมันเกี่ยวพันถึงทุกชีวิตในตระกูลจ้งแบบนี้ เขาเชื่อว่าพวกมันไม่กล้าเบี้ยวจ่ายแน่
ถังชุนที่ยังคงอึ้งกับเรื่องราวไม่หาย จนเมื่อต้วนหลิงเทียนกล่าวเรียกสักพัก ถึงได้ดึงสติกลับมาได้ จากนั้นก็จากไปพร้อมกับต้วนหลิงเทียนด้วยอาการงุนงง
“นายน้อยต้วน หากพวกเราตระเตรียมของแล้วเสร็จ พวกเราจักมอบมันให้ท่านได้อย่างไร?”
ในขณะที่ต้วนหลิงเทียนกำลังก้าวข้ามธรณีประตูห้องส่วนตัว ในที่สุดจ้งเอ้อก็เอ่ยถามออกมา
“ส่งคนไปมอบมันให้ข้าที่นิกายหมอกเร้นลับ”
ต้วนหลิงเทียนกล่าวออกเสียงเบา เห็นได้ชัดว่าคร้านจะเสียเวลาไปรอรับของที่ตระกูลจ้ง
หลังจากที่แผ่นหลังของต้วนหลิงเทียนกับถังชุนหายไปจากสายตาแล้ว ในที่สุดจ้งเอ้อก็ไม่อาจทนได้ไหวสืบไป คนถึงกับล้มทั้งยืน จากนั้นก็คลานไปกอดร่างไร้วิญญาณของจ้งเอ้อ ร่ำร้องออกมาน้ำตาเป็นสายเลือด คร่ำครวญออกมาเสียงสะอื้น “ฉีเอ้อ…อย่าได้ตำหนิบิดา ขอเจ้าอย่าได้ตำหนิบิดา…บิดาจำต้องทำเพื่อตระกูลจ้งเรา…’
“เจ้าอย่าได้กังวล วันนี้เป็นเจ้าตายเพื่อตระกูลจ้งของเรา ตระกูลจ้งเราไม่มีวันลืมเจ้า…เจ้าจักอยู่ในหอวีรชนของตระกูลจ้งเราไปอย่างน้อยร้อยรุ่น…”
ตอนนี้เอง จ้งซื่อ ที่ทนดูไม่ไหวก็เดินเข้ามาปลอบใจพี่รองของตัว “พี่รอง ขอท่านระงับความเสียใจด้วย…”
จากนั้นสองพี่น้องก็ได้แต่มองหน้ากันอย่างเงียบงัน ต่างคนต่างแลเห็นถึงความอับจนสิ้นหนทางและไร้กำลังในแววตาของอีกฝ่าย
ในเวลาเดียวกัน ด้านต้วนหลิงเทียนที่เดินออกจากเหลาอาหารไปพร้อมกับถังชุน ก็พากันเหินร่างขึ้นฟ้าและออกจากเมืองวายุสวรรค์ไป จนเมื่อออกจากเมืองวายุสวรรค์ได้สักพัก อยู่ๆต้วนหลิงเทียนก็ได้ยินคำขอโทษของถังชุน “ต้วนหลิงเทียน ข้าต้องขอโทษเจ้าแล้ว…”
“อาวุโสถังชุน ท่านพูดอะไรของท่าน?”
ต้วนหลิงเทียน “ท่านไม่จำเป็นต้องขอโทษข้าเลย”
ถังชุนคลี่ยิ้มขื่นขม “เมื่อครู่เป็นพวกมันคิดฆ่าเจ้าต่อหน้าข้า แต่สุดท้ายข้ากลับทำได้แค่บอกให้พวกมันขอโทษเจ้า หรือเจ้าไม่โกรธข้าเล่า?”
ต้วนหลิงเทียนส่ายหัวไปมาเบาๆ แต่คราวนี้เขาไม่ได้พูดอะไร เห็นชัดว่าไม่อยากพูดอะไรให้มากความ
“ต้วนหลิงเทียน”
เห็นดังนั้น รอยยิ้มขื่นขมของถังชุนยิ่งมาก็ยิ่งแหยปานจะร้องไห้ “ก่อนหน้า เดิมทีเป็นข้าตั้งใจฆ่าคนตระกูลจ้งทั้ง 4 แล้ว…แต่ในขณะที่ข้ากำลังจะลงมือ พลันได้รับข้อความจากคนในนิกายเสียก่อน”
“และคนที่ส่งข้อความถึงข้า ก็คืออาวุโสเฒ่าของตระกูลจ้ง…และยังเป็นอาวุโสฝ่ายในดุจเดียวกับข้า จ้งเทียนฉิง”
“ถึงแม้ในแง่ความแข็งแกร่งแล้ว จ้งเทียนฉิงนั่นจะไม่ได้เหนือกว่าข้าแต่อย่างใด…หากแต่มันมีสัมพันธ์อันดีกับอาวุโสหลักนัก”
กล่าวถึงจุดนี้ ถังชุนก็เหมือนจะตั้งใจบอกให้ต้วนหลิงเทียนรับรู้ถึงความไร้อำนาจของตัวเอง…