War sovereign Soaring The Heavens - ตอนที่ 3664
ตอนที่ 3664 : ถังอู่เยียน
“อู่เยี่ยนเจ้าดูแลต้วนหลิงเทียนให้ดี หากปู่เล็กรู้ว่าเจ้าละเลยต้วนหลิงเทียนล่ะก็ ปู่เล็กจะไม่ยกโทษให้เจ้าแน่!”
หลังกล่าวทิ้งท้ายจบค่าร่างถังชุนก็เห็นจากทั้ง 2 คนไปทันที หลังจากเห็นร่างจากมาแล้ว มุมปากมันก็ปรากฎรอยยิ้มกรุ้มกริ่มขึ้น
ที่มันเรียกหลานสาวมา แน่นอนว่าเป็นการจงใจ
มีเรื่องต้องไปสะสาง?
ย่อมไม่ใช่เป็นธรรมดา!
มันแค่อยากสร้างโอกาสให้หลานสาวเท่านั้น
ตอนที่มันพึ่งออกจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และเดินทางไปยังกลางเมืองวายุสวรรค์เพื่อหาอะไรกินในเหลาอาหารตระกูลจัง มันก็คิดจะแนะนําหลานสาวของตัวเองให้รู้จักกับต้วนหลิงเทียนแต่แรก เพราะมันมองโลกในแง่ดีสําหรับอนาคตของต้วนหลิงเทียน และรู้สึกว่าต้วนหลิงเทียนต้องมากสามารถจนนําพาตระกูลถังให้รุ่งเรืองขึ้นไปได้แน่
อย่างไรก็ตาม ต้วนหลิงเทียนเอาแต่ปฏิเสธถ่ายเดียว ยกอ้างว่ามีภรรยาทั้งลูกแล้ว มันก็ได้แต่นิ่งไว้ไม่กล่าวถึงอีก
จนเมื่อได้เห็นท่าทางนอบน้อมต่อต้วนหลิงเทียนของคนตระกูลจัง กระทั่งจังเอ้อนายรองตระกูลจังผู้นั้นถึงกับยินดีฆ่าลูกชายแท้ๆด้วยมือตัวเองเพื่อเอาใจต้วนหลิงเทียน!
วินาทีนั้น มันตระหนักได้ทันทีว่าความเข้าใจที่มีต่อต้วนหลิงเทียนก่อนหน้าไม่ต่างอะไรกับหนึ่งหยดน้ําในมหาสมุทร
ด้วยเหตุนี้ ขณะเดินทางกลับมายังนิกายหมอกเร้นลับ มันก็วางแผนจับคู่ต้วนหลิงเทียนกับหลานสาวของมัน ถังอู่เยี่ยนมาตลอดทาง
และมันก็มั่นใจในตัวหลานสาวของมัน ถังอู่เยี่ยน มาก
ในนิกายหมอกเร้นลับนั้น จํานวนศิษย์สตรีน้อยกว่าบุรุษอย่างมาก นับประสาอะไรกับศิษย์สตรีที่โดดเด่น
และหานสาวของมัน ถังอู่เยี่ยนคนนี้ ในบรรดาศิษย์สตรีรุ่นหลัง ก็สามารถติด 1 ใน 3 ของศิษย์สตรีที่แข็งแกร่งที่สุดได้…ที่สําคัญหลานสาวของมันคนนี้ยังได้รับการยอมรับให้เป็นโฉมงามอันดับ 1 ของนิกายหมอกเร้นลับอีกด้วย มีศิษยย์ชั้นในมากมายนักที่ต้องตาพึงใจนาง
กระทั่งศิษย์หลักบางคนยังมาเยือนถึงหน้าประตูบ้านมัน เพื่อสู่ขอหลานสาวคนเก่งไปตบแต่ง
เดิมที่มันก็คิดจะให้หลานสาวแต่งกับศิษย์หลักสักคน
เพราะศิษย์หลักของนิกายหมอกเร้นลับนั้น ขอเพียงไม่ตกตายไปกลางทาง ต่อไปต้องมีอนาคตสดใสรออยู่แน่ และพลังฝีมือก็จะก้าวข้ามตัวมันถึงชุนไปมากแน่นอน
แต่ปัญหาก็คือ หลานสาวของมัน ถังอู่เยี่ยนกลับไม่ชายตามองผู้ใด…
ถังอู่เยี่ยนนั้นเป็นสตรีที่เข้มแข็งและดื้อรั้นมาก อย่างน้อยๆมันก็ไม่อาจกําหนดชะตาชีวิตของหลานสาวคนนี้ได้ นอกจากนางจะชมชอบบุรุษคนไหนสักคน หาไม่แล้วเกรงว่าคงไม่มีทางบีบบังคับให้นางแต่งกับใครได้ตามใจชอบ
นางยอมตายดีกว่าถูกบีบคั้น!
ด้วยเหตุนี้แม้ถังชุนจะพยายามหาบุรุษดีๆให้นาง และยกระดับฐานะตระกูลของตัวเอง มันก็รู้ดีว่าไม่อาจฝืนใจหลานสาวคนนี้ได้
กล่าวได้ว่ามันไม่ได้นัดบอด ให้หลานสาวมานานมากแล้ว
คราวนี้ถ้าไม่ใช่เพรามันเห็นว่าต้วนหลิงเทียนมากพรสวรรค์และสมควรมีฐานะไม่ธรรมดาจริงๆ มันก็คงไม่คิดแนะนําหลานสาวให้รู้จัก ไม่ต้องพูดถึงเรื่องจับคู่ด้วยซ้ํา
“อู่เยียนมีเรื่องหนึ่งที่ปู่เล็กต้องแจ้งให้เจ้ารู้ไว้ก่อน…ต้วนหลิงเทียนคนนี้ กล่าวบอกออกมาว่ามันมีภรรยากับลูกแล้ว หากเจ้ารับไม่ได้ ก็เพียงคบหาเป็นสหายกับมันเสีย ไม่ต้องพยายามฝืนใจอยู่กับมัน”
ในขณะที่จากมา ถังชุนก็ไม่ลืมส่งเสียงผ่านพลังบอกถึงอู่เยียน
ด้านถังอู่เยียนก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรกับเสียงผ่านพลังของปู่เล็กแม้แต่นิดเดียว
นาง ถังอู่เยี่ยน หากไม่ใช่บุรุษที่ชนะใจนางได้นางไม่แลเหลียวแน่นอน ถึงแม้ชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้จะหน้าตาดี แถมมีลักษณะไม่ธรรมดา แต่ในโลกที่เคารพผู้เข้มแข็ง หน้าตากับบุคลิกไม่ใช่สิ่งที่สําคัญที่สุด
นางถึงอู่เยี่ยนชมชอบบุรุษที่สยบนางได้ทุกด้าน
หากเป็นบุรุษที่เหนือกว่านางมาก ไม่ว่าอีกฝ่ายจะมีภรรยาและลูกกี่คน นางก็ไม่มีทางปล่อยไปง่ายๆแน่
ในสายตาของนาง บุรุษที่ทรงพลังอํานาจ จะมี 3 ภรรยา 4 อนุก็ไม่ใช่เรื่องแปลก
ส่วนเรื่องที่วันหน้านางจะถูกทิ้งหรือไม่หากอยู่กับบุรุษเช่นนั้น นางย่อมไม่กังวล เพราะนางมีความมั่นใจในตัวเองสูงลิบ! ไม่เพียงมั่นใจในรูปร่างหน้าตา ยังมั่นใจในพลังฝีมือของตัวเองอีกด้วย!
นาง ถังอู่เยี่ยน ไม่ใช่แจกัน!
ถึงแม้ข้างกายบุรุษที่นางต้องตาพึงใจจะมีอิสตรีมากมาย แต่นางจะใช้ความสามารถทําให้บุรุษผู้นั้นชมชอบนางที่สุด และสตรีที่เหลือนั้นก็ถูกกําหนดให้เป็นแค่ใบไม้เขียวหนุนเสริมดอกไม้อันสวยงามเช่นนาง
“มากับข้า”
ถังอู่เยี่ยนเหลือบมองชายหนุ่มชุดม่วงผ่านๆพลางกล่าวด้วยน้ําเสียงเฉยเมย ก่อนจะเห็นร่างน่าลิ้วไปทันที
เมื่อต้วนหลิงเทียนเห็นที่ท่าดังกล่าว เขาก็ไม่ได้ใส่ใจอะไร เพิ่งติดตามนางไปดูที่ทางอย่างสงบเงียบ ไม่พูดไม่ถามอะไรสักคํา
อย่างไรก็ตาม เขาประเมินถึงอู่เยี่ยนสูงขึ้นไม่น้อย
ที่ตั้งอู่เยี่ยนมาปรากฏตัวที่นี่ได้ ไม่พ้นต้องเป็นฝีมือถังชุนแน่นอน เพราะก่อนหน้านี้เขาจําได้ว่าอีกฝ่ายเอาแต่แนะนําหลานสาวไม่หยุด
พอคิดดูแล้ว ก็สมควรเป็นสตรีนางนี้ไม่ผิดแน่
และหากถังอู่เยียนพยายามเข้าหาเขาหรือทอดสะพาน เกรงว่าเขาคงต้องดูแคลนางแน่นอน
พอเห็นว่าอีกฝ่ายไม่สนใจใยดีเขา ต้วนหลิงเทียนก็ได้แต่ระบายลมหายใจอย่างโล่งอก ขณะเดียวกันก็ทําเหมือนอีกฝ่ายไร้ตัวตนในสายตา
เขาไม่คิดจะสนใจอะไรถึงอู่เยี่ยนคนนี้แม้แต่น้อย
“หากเจ้ามีอะไรจะถาม ก็ถามมาได้”
ถึงแม้ถึงอู่เยี่ยนเองก็ไม่ได้กระตือรือร้นอะไรกับต้วนหลิงเทียนมากนัก แต่ก็ไม่ใช่ว่านางจะนิ่งเงียบไปตลอดทาง หลังน่าทางมาสักพัก เมื่อถึงอาคารสําคัญๆ ก็ไม่ลืมที่จะแนะนําให้ต้วนหลิงเทียนรู้ไว้
อาคารปลูกสร้างเหล่านี้เป็นตําหนักที่รับผิดชอบหน้าที่บางอย่างในนิกายหมอกเร้นลับโดยเฉพาะ และระหว่างทางนางก็ไม่ลืมแนะน่าเขตที่อยู่ของเหล่าอาวุโสหลัก และอาวุโสฝ่ายในของนิกายหมอกเร้นลับให้ต้วนหลิงเทียนทราบด้วย
ที่พักของเหล่าตัวตนระดับสูงของนิกายหมอกเร้นลับ แน่นอนว่าไม่ได้ตั้งอยู่ในพื้นที่เดียวกัน
เนื่องจากพลังวิญญาณฟ้าดินในบรรยากาศของนิกายหมอกเร้นลับนั้นถูกทําให้กระจายตัวอย่างเท่าๆกันทุกแห่งหน เช่นนั้นจะเลือกพักบริเวณไหนก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้พัก และทรัพยากรในการบ่มเพาะที่ได้รับก็ไม่ได้ลดน้อยลงเพราะตําแหน่งที่พักแต่อย่างใด
เพราะเหตุนี้ทําให้สถานที่พักฝึกฝนของตัวตนระดับสูงของนิกายหมอกเร้นลับกระจายไปทั่ว ไม่เป็นหลักเป็น แหล่ง
“นั่นก็คือจวนของอาวุโส 2”
ขณะที่ถังอู่เยียนพาต้วนหลิงเทียนเห็นผ่านจวนหลังใหญ่ ที่ไม่ต่างอะไรจากพระราชวังขนาดย่อมหลังหนึ่ง นางก็กล่าวแนะนําให้ต้วนหลิงเทียนรู้จักทันที “แน่นอนว่ามันไม่ใช่แค่สถานที่พักของอาวุโส 2 เท่านั้น แต่ยังเป็นสถานที่ฝึกฝนของอาวุโส 2 รวมถึงศิษย์ในสํานักของอาวุโส 2 อีกด้วย…”
แม้ภายนอกต้วนหลิงเทียนจะพยักหน้ารับทราบอย่างขอไปที หากแต่ใจเขาก็เต้นรัวขึ้นมาอยู่บ้าง เพราะเขาจดจําได้ว่าตอนที่ยังอยู่ในสถานศึกษาหมอกเร้นลับ เหมือนจะมีศิษย์นิกายหมอกเร้นลับคนหนึ่งที่อ้างตัวว่าเป็นศิษย์ของอาวุโส 2 มาหาเขาถึงบ้าน และต้องการให้เขากราบอาจารย์อีกฝ่ายเป็นอาจารย์ แต่สุดท้ายเขาก็ปฏิเสธไป
ต่อมาอีกฝ่ายก็มีโมโหจนหน้าแดงก่ํา บอกว่าเขาไม่ไว้หน้าบ้างหักหน้าบ้าง จนคิดลงมือลงไม้กับเขา แต่สุดท้ายก็ถูกศิษย์ที่ติดตามมาห้ามปรามไว้ก่อน จึงไม่ได้ทําอะไร
“นิกายหมอกเร้นลับ มีคนระดับอาวุโส 2 ที่ว่ากี่คน?”
ต้วนหลิงเทียนเอ่ยถามข้อมูลที่เขาอยากรู้
“ไม่น้อยเลย”
ถังอู่เยี่ยนกล่าวว่า “ในนิกายหมอกเร้นลับเรา มีตัวตนระดับอาวุโส 2 อยู่ทั้งสิ้น 19 คน…อาวุโส 2 เป็นแค่หนึ่งในนั้นเท่านั้น”
“แต่แน่นอนว่าไม่ใช่ชนชั้นอาวุโสหลักในนิกายหมอกเร้นลับเราจะมีแค่ 19 คน…เพราะนอกจากอาวุโสหลักทั้ง 19 คนที่ข้าพูดถึงแล้ว ยังมีอาวุโสหลักอีกจํานวนหนึ่ง ซึ่งได้กลายเป็นผู้อาวุโสสูงสุดของนิกายหมอกเร้นลับไปแล้วและมี 19 คนเช่นกัน ฐานะอาวุโสสูงสุดเหล่านั้นก็พอๆกับรองประมุขนิกาย”
“ในบรรดาอาวุโสสูงสุด ยังมีอยู่บางคนที่พลังฝีมือเหนือกว่าท่านประมุขนิกายเสียอีก…และส่วนใหญ่ก็มีล่าดับอาวุโสเหนือท่านประมุขทั้งสิ้น
“นอกจากอาวุโสสูงสุดเหล่านี้แล้ว ในนิกายหมอกเร้นลับเรายังมีผู้พิทักษ์อีก 19 คน สถานะก็เทียบได้กับรองประมุขและอาวุโสสูงสุดบางคน แน่นอนว่าเหนือกว่าอาวุโสหลักทั้ง 19 คน…”
หลังได้ฟังคําอธิบายของถังคู่เขียน ต้วนหลิงเทียนก็ยืนยันได้ทันที ว่าจวนหลังใหญ่ที่มีกําแพงสูงกั้นเขต ราวกับพระราชวังขนาดย่อมด้านล่างนั้น สมควรเป็นสถานที่ๆอาวุโส 2 ของนิกายหมอกเร้นลับที่ส่งคนมาชวนเขาเป็นศิษย์พักอยู่!
เผลอๆถูเฟิงก็อาจจะพักอยู่ด้านล่างด้วย!
“ด้วยความเร็วของพวกเรา อย่างมากก็ไม่เกิน 1 เค่อ พวกเราก็จักวนดูสถานที่สําคัญครบและกลับไปถึงเขตที่พักของศิษย์สายใน”
ถังอู่เยี่ยนกล่าวกับต้วนหลิงเทียน
หากก่อนหน้านี้ตอนที่อยู่หน้าตําหนักทะเบียน ต้วนหลิงเทียนถูกพาไปยังเขตที่พักศิษย์สายในเลย ก็คงใช้เวลาเดินทางแค่ไม่กี่สิบลมหายใจเท่านั้น แต่ที่ต้องเสียเวลาขนาดนี้เพราะถึงอู่เยียนพาต้วนหลิงเทียนตระเวนชมดูสถานที่สําคัญ และคอยแนะนําที่ทางให้รู้จัก
“ข้าก็เดินทางจนเหนื่อยแล้วพอดี”
ต้วนหลิงเทียนพยักหน้ารับด้วยรอยยิ้ม ขณะเดียวกันหางตาเขาก็เหลือบเห็นความเคลื่อนไหวบางอย่าง ในจวนที่พักของอาวุโส 2 ด้านล่าง ปรากฏร่างคุ้นตาหนึ่งเห็นลอยขึ้นมาบนฟ้า และอีกฝ่ายก็กําลังมองจ้องมาทางเขา
“ไม่ใช่ถูเฟิง”
มองไปปราดเดียวต้วนหลิงเทียนก็บอกได้ทันทีว่าอีกฝ่ายไม่ใช่ถูเฟิงที่มาวางท่าหน้าบ้านเขาในอดีต จากนั้นเขาก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้และรู้สึกว่าตัวเขาอ่อนไหวอยู่บ้าง
จากนั้นเขาก็ติดตามถึงอู่เยี่ยนไปเงียบๆ
ด้านคนที่เห็นร่างขึ้นฟ้ามา ย่อมไม่ใช่ถูเฟิงจริงๆ
อย่างไรก็ตามที่ต้วนหลิงเทียนรู้สึกว่าอีกฝ่ายคุ้นๆ ไม่ใช่เพราะเขาอ่อนไหวไปเอง แต่เป็นเพราะคนผู้นี้เคยมาปรากฏตัวในสายตาเขาจริงๆ!
มันไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นศิษย์ที่ติดตามดูเฟิงไปหาต้วนหลิงเทียนถึงสถานศึกษาหมอกเร้นลับ และมันก็เป็นศิษย์น้องของถูเฟิง เป็นศิษย์คนหนึ่งของอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับ
“เจ้านั่น…ต้วนหลิงเทียนงั้นหรือ?”
สายตาชายหนุ่มเผยความประหลาดใจ จากนั้นก็เร่งส่งข้อความออกไปทันที “หวง เจ้าส่งข้อความไปถามถังอู่เยี่ยนให้ข้าหน่อย ว่าชายหนุ่มที่อยู่ข้างกายนางเป็นผู้ใด…แต่เจ้าอย่าบอกนางเล่าว่าข้าฝากเจ้าถาม แค่บอกนางว่ามีคนบอกเจ้ามาอีกที ว่าเห็นนางอยู่กับชายหนุ่มสองต่อสอง เจ้าก็เลยส่งข้อความมาถามแค่นั้นพอ”
หวงลที่ชายหนุ่มกล่าวถึง ก็เป็นศิษย์สายในคนหนึ่งของนิกายหมอกเร้นลับ มีความสัมพันธ์อันดีกับถังอู่เยียน รวมถึงสนิทสนมกับมันอยู่บ้าง
“เอ๊ะ? เฟิงชิงเหิน…คงไม่ใช่ว่าเจ้าแอบชอบถังอู่เยี่ยนอยู่กระมัง”
หวงลี่พอได้รับข้อความก็รีบแซวกลับทันที “หาไม่แล้วไฉนให้ข้าไปสืบเรื่องผู้อื่นเขาเล่า? รับสารภาพมาเร็วๆ เจ้าชอบนางตั้งแต่เมื่อใดกัน?”
“เพีย! เจ้าคิดไปนุ่นแล้ว ข้าแค่รู้สึกว่าชายหนุ่มชุดม่วงข้างกายนางคุ้นๆเท่านั้น ก็เลยอยากจะยืนยันตัวตนมันหน่อย…เจ้ารีบถามให้ข้าเร็วเข้าเถอะ เดี๋ยวคืนนี้ข้าเลี้ยงเจ้าชุดใหญ่เลยเอ้า!”
เฟิงชิงเหินเป็นศิษย์คนที่ 4 ของอาวุโส 2 แห่งนิกายหมอกเร้นลับ และเป็นศิษย์น้อง 4 ของถูเฟิง
และเฟิงชิงเหินก็ไม่ต้องรอนานนัก หวงลีก็ได้ส่งข้อความกลับมาหามัน “ว่าที่เจ้ามือเฟิงชิงเห็น ข้าถามนางให้ เจ้าแล้ว…เห็นว่าชายหนุ่มชุดม่วงคนนี้ ก็คือนักศึกษา 10 ดาวจากสถานศึกษาหมอกเร้นลับสาขาเมืองวายุสวรรค์ ที่ร่ําลือกันผู้นั้น มันมาถึงนิกายหมอกเร้นลับเราวันนี้เอง และพึ่งจะไปทําเรื่องลงทะเบียนเป็นศิษย์สายในเสร็จ หยกๆ”
“จะว่าไปข้าคิดไม่ถึงจริงๆ ว่ารองประมุขมู่หรงจะแนะนํานักศึกษา 10 ดาวคนหนึ่งให้เข้าสู่นิกายหมอกเร้นลับ เราก่อนกําหนด และเห็นว่ารองประมุขมู่หรงยังเสนอชื่อมันเป็นศิษย์หลัก มันก็เลยจะได้เข้าร่วมการทดสอบ ประเมินศิษย์หลักที่จะจัดขึ้นหลังจากนี้ครึ่งปีด้วย”
“ว่าแต่เมื่อครู่เจ้าว่าอะไรนะ เจ้าบอกว่ามันคุ้นๆหรือ…เจ้าเคยเจอมันหรือไร?”
หวงส่งส่งข้อความถามมาด้วยความอยากรู้
“ขอบคุณเจ้า”
อย่างไรก็ตามเฟิงชิงเหินเพียงส่งข้อความขอบคุณไปหานางสั้นๆ จากนั้นก็ไม่สนใจนางอีก ร่างยังดิ่งลงจากฟ้าเร็วไว แต่แทนที่จะย้อนกลับไปยังอาคารที่มันพึ่งเห็นร่างขึ้นมา มันเลือกจะลงไปยังอาคารอื่นแทน
“ศิษย์พี่ใหญ่ ตอนนี้ท่านว่างหรือไม่?