[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 12 บทที่ 1 ความโลภของสีทอง - เป้าหมายของโนอะ
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 12 บทที่ 1 ความโลภของสีทอง - เป้าหมายของโนอะ
“อือ…?”
เพดานไม่คุ้นเลยแฮะ
ประโยคอันโด่งดังที่ขนาดคนอย่างฉันที่ไม่ได้เล่นเกมหรือดูอนิเมะมากมายอะไรก็ยังมีประโยคนี้ผุดขึ้นมาในหัวเลย
พอฉันพยุงตัวเองลุกขึ้นมาช้าๆ ยังเจ็บๆ ไปทั้งตัวอยู่เลย แต่ก็เทียบกับตอนที่เจ็บจนสติมึนไปหมดก่อนหน้านี้ก็ดีกว่ากันเยอะเลยล่ะ
“ที่นี่มัน ที่ไหน”
ตอนที่ฉันหันมองดูรอบๆ ภาพที่อยู่ตรงหน้าก็คือห้องแบบที่เรียกได้ว่าห้องในคฤหาสน์ขุนนาง ที่ทั้งกว้างทั้งสวยจนตะลึงไปเลย
เตียงที่มีกันสาดคลุมหลังที่ฉันนอนอยู่นี่ ใหญ่จนเหมือนคน 10 คนก็ยังมานอนได้เลยด้วยซ้ำ
ฉันลองขยับร่างกายที่ระบมไปหมดดูนิดๆ ทั้งที่สติของตัวเองก็ยังเบลอๆ อยู่
ตอนนั้นแหละที่ฉันรู้สึกได้ทันทีเลยว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆ
ขาฉันที่หักกับลูกตาที่แตกของฉันถูกรักษาจนหายแล้วนี่นา
“กระดูกไม่หักแล้ว แต่จริงๆ ก็เลิกหวังเรื่องตาแล้วล่ะ นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันเนี่ย…?”
แผลฟกช้ำกับอาการปวดกล้ามเนื้อก็เบาบางลงไปบ้างแล้วนะ รอยแผลเป็นก็หายไปแล้วด้วย
ตอนนั้น ฉันเริ่มรู้สึกแล้วว่าเรื่องมันเป็นยังไงกันแน่
“อาระ ตื่นแล้วนี่ อรุณสวัสดิ์”
ประตูที่อยู่ไกลๆ นั่นเปิดออก แล้วก็มีเด็กผู้หญิงคนนึงเดินเข้ามา
เด็กผู้หญิงที่ใช้คำได้ทั้งน่ารักทั้งสวยเลย ควบคู่กับผมสีทองอันเป็นเอกลักษณ์ของเธอ
“ท- ท่าน โนอามารี”
“โนอะ”
“เอ๊ะ?”
“แค่โนอะก็พอ ไม่ยาวไปหน่อยเหรอ โนอามารีน่ะ ยุ่งยากออกว่ามั้ย?”
“ม- ไม่ได้นะ แบบนั้น”
“เรียกฉันแบบนั้นแหละ นี่เป็นคำสั่ง”
“ถ- ถ้างั้น… ท่านโนอะ”
“แบบนี้สิใช้ได้เลย”
ท่านโนอามารี―――ท่านโนอะยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะนั่งลงที่เก้าอี้ตัวนึงที่อยู่ใกล้ๆ
“ตามองเห็นได้หรือเปล่า?”
“อะ ค่ะ แปลกจัง”
“โล่งอกไปที ฉันก็กังวลอยู่ เพราะนี่เป็นครั้งแรกเลยที่ได้ลองฟื้นฟูลูกตากับรักษาการมองเห็นด้วย แต่ดูเหมือนผลจะเป็นไปได้ด้วยดีสินะ”
“ค- คือว่า หรือนี่จะเป็นเวทมนตร์”
“ถูกต้อง ฉันรักษาเธอด้วยเวทมนตร์สายแสงสว่างของฉันเอง อย่างที่คิดเลยนะ การที่ฉันจะรักษาแผลทั้งตัวเธอด้วยพลังเวทที่มีอยู่ตอนนี้น่ะยังเป็นไปไม่ได้ ฉันก็เลยต้องให้ความสำคัญกับแผลที่สาหัสก่อน ยังเจ็บตรงไหนอยู่อีกมั้ย?”
“เออ คือ ยังมีแผลฟกช้ำอยู่บ้าง แล้วก็ปวดกล้ามเนื้ออยู่-”
“งั้น {ฮีลไลท์ (แสงเยียวยา)} ตอนนี้เป็นยังไงบ้าง?”
พอฉันลองขยับตัว อาการเจ็บระบมก็หายไปยังกับโกหกเลย
นี่น่ะเหรอ เวทมนตร์สายแสงสว่าง เวทมนตร์ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาเวททุกสายน่ะ
“ส- สุดยอด… หายเจ็บแล้ว”
“แบบนั้นก็ดีแล้ว”
ในโลกนี้ มีแค่เวทมนตร์สายแสงสว่างสายเดียวเท่านั้นที่สามารถใช้เวทมนตร์ในการรักษาได้
แถมคนที่สามารถใช้เวทมนตร์สายแสงสว่างได้ก็มีอยู่น้อยมากๆ เลย เวทมนตร์หายากสุดๆ ที่ว่ากันว่ามันแกร่งเกินไปในระดับที่ว่าหลายสิบปีถึงจะมีผู้ใช้ปรากฏขึ้นมาซักคนนึง
[เวทมนตร์ที่สามารถรักษาอาการบาดเจ็บได้ในพริบตา] น่ะ เป็นพลังที่สามารถพลิกสามัญสำนึกในการสงครามและการประลองแบบพลิกฝ่ามือได้เลย
น่าตลกดีเนอะ ไม่อยากเชื่อเลยว่า คนอย่างฉันที่มี [เวทมนตร์ที่พรากชีวิตจากสิ่งมีชีวิต] จะได้รับมันด้วยเหมือนกัน
จะว่าไปแล้ว มีเรื่องที่อยากจะถามเยอะเลยนี่นา
“คือว่า ท่านโนอะคะ ที่นี่คือ”
“บ้านของฉันเอง คฤหาสน์ของตระกูลเคานต์เทียไลท์”
“ย- ยังงี้เอง ฉัน-”
“ถ้าเรื่องที่ว่าเธอหลับไปนานแค่ไหน เธอหลับไป 1 วันเต็มเลย หลังจากที่เธอตอบรับคำเชิญชวนของฉัน เธอก็สลบไปทันทีเลย เพราะทั้งเหนื่อย ทั้งบาดเจ็บ แล้วก็มีไข้ขึ้นสูงด้วย ฉันก็เลยพาเธอมาที่นี่ไงล่ะ”
ฉันยังไม่ทันถามเลย แต่เธอก็รู้สึกได้แล้วว่าฉันอยากจะพูดอะไร แล้วก็ตอบคำถามของฉันให้ก่อนที่ฉันที่จะทันถามออกไปด้วยซ้ำ
ว่าแล้วเชียว เป็นคนที่สุดยอดไปเลย
“ทีนี้ เธอน่ะ ยังจำเรื่องเมื่อวานนี้ได้หรือเปล่า?”
“ค่ะ จำได้”
ฉันลุกขึ้นมานั่งบนเตียง ก่อนจะก้มโค้งหัวลงมาเยอะๆ เลย
“ขอบคุณมากเลยนะคะที่ช่วยฉันเอาไว้ ถ้าไม่ได้เจอท่านก่อนล่ะก็ ฉันคงเกือบจะฆ่าใครซักคนไปแล้ว”
“ซื่อตรงจังเลยนะ”
ท่านโนอะลุกขึ้นมา ก้มลงมานิดหน่อย เดินตรงเข้ามาหาฉัน แล้วก็จ้องมาที่ฉันด้วย
“เอาล่ะ ในเมื่อเธอได้สติแล้ว ฉันจะถามเธออีกครั้งนึงนะ เธอจะมาเป็นของฉันสินะ ใช่, YES, รับทราบ หรือเข้าใจแล้ว เลือกคำตอบที่เธอชอบได้เลย”
“ถึงจำนวนตัวเลือกจะเพิ่มขึ้นมา แต่เรื่องที่ว่าฉันไม่มีสิทธิ์โต้แย้งอะไรก็ยังอยู่เหมือนเดิมเลยนี่คะ…”
“อาระ ไม่ชอบงั้นเหรอ?”
ฉันเองก็ เงยหน้าขึ้นมามองตาท่านโนอะเหมือนกัน
“ไม่ค่ะ ถ้าท่านต้องการพลังของฉัน ฉันก็จะรับใช้ท่านค่ะ ฉันไม่สนเลยค่ะว่าท่านจะเอาชีวิตนี้ที่ท่านมอบให้ฉันไปใช้แบบไหน โปรดบอกให้ฉันรู้ได้เลยค่ะ… โปรดให้ฉัน อยู่เคียงข้างท่านด้วยนะคะ”
ฉันโค้งหัวให้อีกครั้งนึง
รู้สึกว่าท่านโนอะกำลังหัวเราะอยู่เหนือหัวของฉันเลยแฮะ
“ได้ แน่นอนสิ ด้วยความยินดีเลย”
“ถ้างั้น ตั้งแต่นี้ไป เธอก็เป็นผู้ติดตามของฉันแล้ว เธอ ยังไม่มีชื่อสินะ?”
“เอ๊ะ? ก็ ใช่ค่ะ ฉันไม่เคยรู้สึกลำบากเพราะเรื่องนั้นมาก่อนเลย”
“ถ้ายังเป็นแบบนี้ต่อไป จะลำบากแล้วล่ะ เธอมีชื่อที่อยากจะใช้หรือเปล่า?”
ฉันนิ่งนึกอยู่ซักพัก แต่ก็ไม่มีชื่อไหนที่ฉันอยากจะใช้เรียกตัวเองเลย
“ไม่มี เป็นพิเศษนะคะ”
“งั้นเหรอ ถ้างั้น ฉันตั้งให้เธอเลยก็แล้วกันนะ”
“จริงเหรอคะ? ต้องขอรบกวนด-”
“งั้น ‘คุโระ’ แล้วกัน”
“เอ๊ะ?”
“สีดำก็คือคุโระไง เป็นชื่อที่ดีเลยนะ ฉันยังเข้าใจได้ง่ายๆ เลย”
ฉันไม่ได้สนอะไรเรื่องชื่อหรอก
ก็แค่ว่า รู้สึกเหมือนตั้งชื่อแมวยังไงไม่รู้สิ?
“เอาล่ะ จากนี้ไปก็ฟังคำของฉันให้ดีด้วยล่ะ คุโระ”
ไม่รู้เลยแฮะว่าเป็นเรื่องจริงจัง หรือแค่เล่นตลกกันแน่
แต่ว่า ถ้าจริงจังล่ะก็ ท่านอาจจะมองฉันเหมือนแมวตัวใหญ่ตัวนึงก็ได้มั้ง
“ค- ค่ะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะคะ”
“อื้อ ถ้างั้น รีบๆ ตามฉันมาเลยเร็วเข้า”
ดูเหมือนท่านจะจริงจังสินะ แล้วฉันก็กลายเป็น ‘คุโระ’ ตั้งแต่ตอนนั้น
ท่านโนอะเดินออกไปไม่หยุดเลย ฉันก็เลยต้องรีบลุกจากเตียง แล้ววิ่งตามท่านโนอะไป
ตอนที่ฉันก้าวขาออกมาจากประตู ฉันก็เห็นว่าตัวเองกำลังอยู่ในโถงทางเดินที่ตกแต่งอย่างอลังการ พร้อมกับบรรยากาศของคฤหาสน์ของชนชั้นสูงแบบเต็มเปี่ยมเลย
ท่านโนอะเดินตัดผ่านโถงทางเดิน ผ่านสวนที่มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง แล้วก็ยังเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ
“เออคือ เรากำลังจะไปไหนกันเหรอคะ?”
“ถึงเมื่อไหร่ เธอก็จะรู้เอง จะว่าไปนะคุโระ เธออ่านหนังสือออกหรือเปล่า?”
“อ๊ะ ค่ะ”
“งั้นเหรอ เป็นเด็กดีเลยนะ”
ในตอนที่ยังเป็นทาส ฉันก็ได้การศึกษาขั้นต่ำสุดมาด้วย
ก็เลยพอจะรู้เรื่องทั่วๆ ไปของโลกนี้อยู่ประมาณนึงล่ะนะ
“ก็ เพื่อให้เธอเข้าใจได้ง่ายๆ พวกเรากำลังจะไปที่ที่สามารถฝึกเวทมนตร์ของเธอได้ยังไงล่ะ”
“เวทมนตร์ ของฉัน?”
“ใช่”
“แต่ว่า ต่อให้ฉันจะใช้ได้จริง แต่ผมดำมีเวทมนตร์นี่-”
“ไม่ใช่ว่าเธอจะใช้ไม่ได้หรอก ไม่สิ ไม่ใช่แค่ผมสีดำ อันที่จริง ในโลกนี้ไม่มีมนุษย์คนไหนหรอกนะที่ใช้เวทมนตร์ไม่ได้”
“ต- แต่ว่า ในความเป็นจริง ก็มีคนที่ถูกเรียกว่าเส้นผมชั้นต่ำ แล้วก็ใช้เวทมนตร์ไม่ได้จริงๆ นี่คะ”
“ถ้าถามฉันล่ะก็ พวกชั้นต่ำน่ะคือพวกดาดดื่นที่ใช้ธาตุหลักทั้ง 4 มากกว่า พวกคนที่โดนเรียกว่าเส้นผมชั้นต่ำในโลกนี้น่ะไม่ได้เป็นกลุ่มด้อยหรอกนะ อันที่จริง มันตรงข้ามกันเลย พวกเขาเป็นกลุ่มคนที่หาได้ยากมากที่เกิดมาพร้อมพรสวรรค์เวทมนตร์ที่หายากต่างหาก อย่างเวทมนตร์สายแสงสว่างของฉัน หรือเวทมนตร์สายความมืดของเธอ”
ถึงเท้าของท่านโนอะจะยังเดินต่อไปไม่หยุด แต่เธอก็พูดอะไรที่น่าเหลือเชื่อออกมาด้วย
“เวทมนตร์ สายความมืด?”
“ถูกต้อง ผมสีบลอนด์ทองกับผมสีดำ ที่มาพร้อมพรสวรรค์ทางเวทมนตร์สายแสงสว่างและสายความมืด คือเวทมนตร์ที่หายากยิ่งกว่าหมู่เวทมนตร์หายากเสียอีกนะ รู้หรือยังว่าทำไมฉันถึงดีใจจนลิงโลดเลยในตอนที่ฉันเจอเธอน่ะ? ฉันไม่คิดไม่ฝันเลยล่ะว่าจะหาผู้ใช้เวทมนตร์สายความมืดเจอ แถมยังเป็นอัจฉริยะที่ปลุกพรสวรรค์ของตัวเองให้ตื่นขึ้นได้เองตั้งแต่อายุแค่ 5 ปี แถมก็ยังอยู่ใกล้บ้านฉันเองขนาดนี้อีกต่างหาก เท่านี้ ฉันก็เข้าใกล้เป้าหมายของฉันไปอีกก้าวแล้ว”
“เป้าหมาย?”
ท่านโนะอะเข้ามาที่ห้องเล็กๆ ห้องนึงจากห้องที่เรียงรายอยู่อีกหลายห้องที่ตั้งอยู่ข้างหลังตัวบ้าน แล้วในที่สุด ท่านก็หยุดเดินแล้ว
“เรื่องเป้าหมายของท่านโนอะนี่ ฉันขอถามหน่อยได้หรือเปล่าคะ?”
“อ๋า ยังไม่ได้บอกเธอเลยนี่นะ”
แล้ว ท่านโนอะก็หันมาหาฉัน
“เป้าหมายของฉันก็คือ-”
ก่อนจะพูดออกมาด้วยน้ำเสียงสบายๆ ราวกับว่ามันไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไรเลย
“ยึดครองโลกยังไงล่ะ”
เป็นคำพูดที่เหมือนพวกตัวร้ายจะพูดกันเลย
TN: ว้าว! เป้าหมายสุดจริง 55555~!