[WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก - ตอนที่ 31 บทที่ 2 ความทรมานของสีฟ้า - เวทมนตร์สายจิตใจ
- Home
- [WN] ยมทูตแห่งความมืด ผู้รับใช้สตรีศักดิ์สิทธิ์แสนขี้เกียจจอมโลภมาก
- ตอนที่ 31 บทที่ 2 ความทรมานของสีฟ้า - เวทมนตร์สายจิตใจ
“ถึงแล้วนะคะ ท่านโนอะ สแต”
ฉันปลุกทั้ง 2 คนที่หลับสนิทเพราะความเหนื่อยอ่อนจากการเดินทาง ทั้งๆ ที่ตอนนี้เป็นตอนเที่ยงตรง
“งื้อ… เช้าแล้วเหรอ?”
“เที่ยงแล้วค่ะ เรามาถึงเขตปกครองเทียไลท์แล้ว เร็วเข้า สแต ตื่นได้แล้ว”
“งึม… อะ ฮอทเค้ก”
“มีใครพูดถึงเรื่องฮอทเค้กที่ไหนเล่า เลิกละเมอแล้วลงจากรถม้าได้แล้ว”
หลังจากลากทั้ง 2 คนมาจากรถได้ ฉันก็ให้สัญญาณกับสารถีเพื่อให้เขาพาม้าไปพักในคอก
“ท่านโนอะ ต้องตื่นให้เต็มตาได้แล้วนะคะ ท่านต้องแจ้งกับพ่อเรื่องสแตด้วยนะ”
“หาว… ลืมๆ ไปเลยไม่ได้หรือไงเล่า? ไม่ต้องไปบอกอะไรให้หมอนั่นหรอกน่า ยังไงซะ พวกพ่อบ้านก็ต้องเอาไปพูดกันทีหลังอยู่ดีนั่นแหละ”
“ฉันได้ยินมาแล้ว”
ฉันหันไปตามเสียง ไปที่ประตูหน้าบ้าน ตรงนั้นก็มีพ่อของท่านโนอะ เคานต์กอร์ดอน เทียไลท์ยืนอยู่
“อีกแล้ว แกเอาอีกแล้วเรอะ โนอามารี จะไปเก็บไอ้พวกเส้นผมชั้นต่ำพวกนี้เข้ามาไว้ในบ้านเพื่ออะไรน่ะฮะ!?”
“อย่าร้องเสียงดังจะได้มั้ย? คุณทำสแตกลัวนะ คุโระ พาสแตล่วงหน้าไปก่อนเลย เดี๋ยวอีกไม่นาน ฉันตามไป”
“รับทราบค่ะ ไปกันเถอะ สแต”
“? เข้าใจแล้ว”
โล่งอกไปที ฉันก็ไม่อยากโดนลากเข้าไปยุ่งกับสถานการณ์ครอบครัวนี้เลย
ฉันพาสแตเข้ามาที่คฤหาสน์ เดินตัดผ่านสวน แล้วก็เข้าไปที่ห้องคนใช้ที่ไม่ได้ใช้งานห้องนึง
“สแต อย่าออกห่างจากฉันนะ”
“อือ”
“งั้นก็ ไปกันเลย”
ฉันถ่ายพลังเวทลงไปกับพื้น ร่ายให้ลิฟต์เวทความมืดทำงาน
ตอนแรกสแตก็ตัวสั่นเหมือนกัน แต่เธอก็อยู่ข้างๆ ฉันตามที่บอกแต่โดยดี แล้วพวกเราก็ลงไปพร้อมกัน
3 ปีที่ผ่านมา ฉันใส่พลังเวทใหม่ๆ ของตัวเองลงไปให้ลิฟต์ตัวนี้ แล้วก็เร่งให้มันเร็วขึ้นด้วย
ถึงมันจะยังต้องใช้เวลาเป็นนาทีเลยก็ตาม แต่นี่ก็ถือว่าดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้เยอะแล้วนะ
เมื่อเวทความมืดคลายออกแล้ว พวกเราก็เดินลงบันไดมา และสิ่งที่ทอดยาวอยู่ตรงหน้าเราก็คือห้องสมุดใหญ่
“……ยอดเลย”
“แน่นอนสิ ทีนี้ ก่อนที่เราจะไปทำอะไร มาฝากฝังของชิ้นนี้ไว้กับสแตก่อนดีกว่า”
ฉันไปหยิบแหวนวงนึงมาจากข้างใน และยื่นมันให้สแต
“นี่ คือ?”
“มันคือกุญแจน่ะ”
“กุญแจ?”
“อื้อ เธอจะเข้ามาที่นี่ได้ก็ผ่านการถ่ายเวทมนตร์ความมืดเข้าไปเท่านั้น แต่ว่า แหวนวงนี้จะมีพลังเวทของฉันกักเก็บเอาไว้อยู่ ถ้าเธอเอาแหวนเข้ามาใกล้ ประตูเข้าสู่ห้องสมุดนี้ก็จะเปิดออก พลังเวทที่มีอยู่ ใช้ได้ราวๆ 10 ครั้งก็หมดแล้วล่ะ แต่ก็บอกให้ฉันรู้แล้วกัน เดี๋ยวฉันช่วยเติมพลังเวทให้เอง เข้าใจนะ ไม่ว่าจะอยู่ในสถานการณ์แบบไหนก็ตาม เธอห้ามทำแหวนวงนี้หายเด็ดขาดเลย”
นี่เป็นไอเท็มที่สร้างขึ้นมาจากการพัฒนาไอเท็มที่ท่านโนอะเก็บรวบรวมเอาไว้ที่นี่น่ะ
จากที่ของพื้นฐานมีอยู่จำกัด เราก็เลยทำออกมาได้แค่ 5 วง แต่มันก็จำเป็นสำหรับสแตล่ะนะ
แล้วท่านโนอะเองก็มีเก็บไว้วงนึงด้วยเหมือนกัน
“ถ้าไม่มี จะเข้ามาที่นี่ไม่ได้?”
“อื้อ เพราะแบบนั้นแหละ เธอถึงต้องพกมันไว้กับตัวตลอดเวลาไงล่ะ”
“อืม เข้าใจแล้ว”
สแตสอดนิ้วของตัวเองเข้าไปในแหวน แล้วตัวแหวนก็ปรับขนาดตัวเองเข้ากับนิ้วเธอได้โดยอัตโนมัติด้วยผลของเวทมนตร์
“ที่นี่ คือ?”
“เป็นฐานลับที่มีแต่ท่านโนอะกับฉันที่รู้ แล้วก็มีเธอด้วยนะ สแต ห้ามพูดที่นี่ให้ใครรู้เด็ดขาดเลยนะ”
“เข้าใจแล้ว”
ฉันมองดูสแตพยักหน้าแบบนี้แล้ว รู้สึกดีใจนิดๆ เหมือนกันนะ
เป็นเด็กดีอะไรแบบนี้เนี่ย ท่านโนอะของฉันนี่แทบจะไม่เคยฟังอะไรฉันเลย เด็กคนนี้ยอมเชื่อฟังแต่โดยดีจริงๆ
ตอนที่ฉันรู้สึกปลาบปลื้มกับความว่านอนสอนง่ายของสแต จนเห็นว่าน้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมาที่ตาฉันแล้ว ก็มีเสียงดังขึ้นจากข้างหลังพอดี
ดูเหมือนท่านโนอะจะใช้แหวนเข้ามาถึงที่นี่แล้วสินะ
“เฮ้อ~ เจ้าหัวดื้อนั่น ในที่สุดก็ยอมสงบปากสงบคำซักที ทั้ง 2 คน โทษทีนะที่ต้องให้รอ”
“ไม่เป็นไร ไม่ได้กำลังรอ”
“ฉันเพิ่งให้แหวนสแตไปเองค่ะ เท่านี้ คนที่เข้ามาที่นี่ได้ก็มีเรา 3 คนแล้ว”
“ตอนนี้ คงจะคึกคักขึ้นแล้วนะ เอาล่ะ สแต เราต้องคุยกันว่าเธอควรจะทำยังไงต่อจากนี้บ้างน่ะ”
“อืม เพื่อคุณหนูแล้ว จะพยายาม”
ท่านโนอะยิ้มอย่างอบอุ่น ก่อนจะเอื้อมไปหยิบหนังสือเล่มนึงจากชั้นล่างของตู้หนังสือใกล้ๆ แล้วก็ยื่นมันให้สแต
“[เวทมนตร์สายจิตใจ] นี่แหละคือเวทมนตร์หายากที่มีแต่คนผมสีฟ้าเท่านั้นที่ใช้ได้”
“เวดมน สายจิดใจ?”
“หมายความว่า เป็นเวทมนตร์ที่สามารถควบคุมจิตใจ ความคิด และความทรงจำของสิ่งมีชีวิตได้ ใช่แบบนี้หรือเปล่าคะ?”
“ตามเรื่องได้เร็วเหมือนอย่างเคยเลยนะ คุโระ”
หนังสือที่ถูกยื่นให้สแต เขียนชื่อหนังสือเอาไว้ว่า [เริ่มต้นเวทมนตร์สายจิตใจตั้งแต่ 4 ขวบ]
แต่ว่า ถ้าสแตทำเรื่องพวกนี้ได้ล่ะก็ น่าทึ่งจริงๆ เลยล่ะ
เวทมนตร์ที่ควบคุมจิตใจได้งั้นเหรอ แค่ลองคิดดู ความเป็นไปได้ก็มีมากมายจนน่าเหลือเชื่อแล้ว
“……??”
“ดูเหมือนจะยังไม่นึกภาพไม่ออกนะ”
“หรือก็คือ เธอจะเข้าใจได้ว่าคนอื่นกำลังคิดอะไรอยู่ หรือแม้แต่จะใส่ความคิดของเธอเองไปให้คนอื่นก็ได้นะ”
“ไม่เข้าใจเท่าไหร่ แต่ว่าเข้าใจแล้ว”
“ยังไม่เข้าใจเท่าไหร่สินะ”
ก็นะ ยังไงมันก็เป็นแนวคิดที่เด็ก 4 ขวบยากจะเข้าใจอยู่ดีนี่นา
“งั้น มาทำให้เข้าใจง่ายกว่านี้หน่อยดีมั้ย คุโระ ก่อนหน้านี้พวกเราเคยคุยกันเรื่องคุณลักษณะของแต่ละธาตุมาแล้วใช่มั้ย?”
“ค่ะ เป็นความสามารถพิเศษในตัวแต่ละคน ตามแต่คุณลักษณะธาตุในตัวของแต่ละคน อย่างคนที่มีธาตุอัคคีในตัวจะไม่ถูกไฟไหม้ได้ง่ายๆ หรือคนที่มีธาตุวารีในตัวก็จะไม่จมน้ำเลย”
อย่างฉันที่มีธาตุความมืดในตัว จะมีความสามารถในการมองเห็นได้ต่อให้จะเป็นที่ที่มืดสนิทก็ตาม
ส่วนของธาตุแสงสว่าง จะเป็นความสามารถที่ไม่ว่าจะเป็นแสงแบบไหน ก็ไม่สามารถบดบังการมองเห็นได้
“ของธาตุจิตใจ จะเป็นยังไงเหรอคะ?”
“คุโระ เมื่อ 27 วันก่อน อากาศเป็นยังไง?”
“ไม่ทราบค่ะ ถึงฉันพอจะมั่นใจเรื่องความจำของตัวเองอยู่ประมาณนึง แต่ก็ไม่ถึงขั้นนั้นหรอกนะคะ”
“ถ้างั้น สแต รู้หรือเปล่า?”
“เมฆเยอะ”
“ใช่แล้ว”
“เอ๊ะ? เธอจำได้ยังไงเนี่ย สแต?”
“ทำไม จำไม่ได้ล่ะ?”
สแตดูจะงงๆ นะ
แบบนี้เอง เข้าใจแล้วล่ะ
“นี่คือคุณลักษณะของธาตุจิตใจ หรือก็คือ ความทรงจำสมบูรณ์แบบสินะคะ”
“ถูกต้อง ผู้ใช้เวทมนตร์สายจิตใจน่ะ สามารถจำทุกเรื่องราวตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันได้แบบไม่มีจุดผิดพลาดเลย”
สะดวกอะไรขนาดนี้เนี่ย
ฉันทำได้แค่มองเห็นในที่มืดเท่านั้นเอง
“ได้พูดอะไร แปลกๆ หรือเปล่า?”
“ขอฉันบอกอะไรดีๆ กับเธอหน่อยนะ สแต เธอจำได้ทุกอย่างเลยตั้งแต่ตอนที่เกิดจนถึงตอนนี้เลยใช่มั้ย? แต่คนทั่วไปน่ะ จะลืมไปหมดแล้วนะ”
“ทำไม?”
“ก็แค่การทำงานของจิตใจเท่านั้นเอง แต่เธอน่ะ สแต เธอจำในทุกสิ่งที่คนอื่นๆ จะลืมได้ และยิ่งกว่านั้น เธอยังฝันเรื่องที่ตัวเองอยากจะเห็นได้ด้วยนะ”
“ยอดเลย”
“อื้อ ยอดเลย นี่แหละคือเวทมนตร์สายจิตใจล่ะ”
“ฉัน ยอดเลย”
“ใช่แล้ว สแตน่ะสุดยอดเลยล่ะ”
ตอนที่เธอได้ยินคำว่า ‘ฝันเรื่องที่ตัวเองอยากจะเห็นได้’ สแตก็ตาลุกวาวเลย
มันก็สุดยอดจริงๆ นั่นแหละ แต่ฉันรู้สึกว่าเธอจะเอาไปใช้มันแบบผิดวิธียังไงไม่รู้สิ
“เอาเถอะ ยังไงก็ตาม อย่างแรกสุด เธอต้องเรียนรู้ก่อนนะ สแต เรื่องตัวอักษรนี่―――”
“อ่านไม่ออก”
“ว่าแล้วเชียว ไม่เป็นไร ที่นี่เรามีหนังสือช่วยให้เธอได้เรียนรู้อยู่แล้วล่ะ คุโระ ในเวลาว่างก็มาผลัดกันสอนเธอกันนะ ด้วยความทรงจำสมบูรณ์แบบกับความเข้าใจในคำศัพท์ของสแตแล้ว ไม่นานเท่าไหร่ก็เรียบร้อยแล้วล่ะ”
“รับทราบค่ะ”
ท่านโนอะหยิบหนังสือออกมาจากชั้นหนังสือข้างหลัง มีทั้งหนังสือภาพ ทั้งหนังสือฝึกเขียนเลย
“ก่อนจะเริ่มเรียน มาวัดปริมาณพลังเวทกันก่อนดีกว่า”
“นั่นสินะคะ”
หลังจากที่วางหนังสือเอาไว้ข้างตัวสแตแล้ว ท่านโนอะก็ยื่นเทอร์โมมิเตอร์―――หรืออันที่จริง มันคืออุปกรณ์วัดปริมาณพลังเวทนั่นแหละ ที่อยู่บนโต๊ะไปให้เธอ
“เอ้า อ่~า”
“อ่~า”
“ถึงจะพูด อ่~า แต่ห้ามกินนะ อมไว้ก็พอ”
“อืม”
ด้วยอุปกรณ์ชิ้นนี้ จะสามารถประเมินออกมาได้ทั้งพลังเวทปัจจุบันที่ผู้ใช้สามารถดึงออกมาได้ และพลังเวทสูงสุด ซึ่งเป็นขีดจำกัดของพรสวรรค์เลย
ไหนๆ ก็พูดถึง 3 ปีที่ผ่านมา ฉันอยู่ที่〚96/400〛 ส่วนของท่านโนอะอยู่ที่〚72/620〛ล่ะนะ
พอลองคิดว่าพลังเวทสูงสุดโดยเฉลี่ยของผู้ใช้เวทมนตร์จตุรธาตุทั่วๆ ไปจะอยู่ที่ 35 ส่วนของนักเวทย์หายากจะอยู่ที่ 150 พวกเรา 2 คนก็ถือว่าอยู่ค่อนข้างสูงเลยล่ะ
“จะวัดได้เท่าไหร่กันน้า”
“ก็ ถ้าได้ซัก 200 ฉันก็ดีใจแล้วนะ เวทมนตร์สายจิตใจมักจะเกี่ยวข้องกับการควบคุมกลุ่มคนเป็นจำนวนมาก และปริมาณพลังเวทที่ใช้ก็จะเพิ่มขึ้นตามสัดส่วนจำนวนด้วย ในบรรดาเวทมนตร์หายากแล้ว เวทมนตร์สายจิตใจถือเป็น 1 ในเวทมนตร์ที่ไม่คุ้มประสิทธิภาพที่สุดแล้วล่ะในแง่ของการเผาผลาญพลังเวท”
“แบบนี้เอง กับพลังที่ถึงขั้นควบคุมจิตสำนึกของผู้อื่นได้ ก็เป็นเรื่องจำเป็นอยู่แล้วล่ะมั้งคะ”
ไม่นาน เสียง *ปี๊บ* ก็ดังขึ้น บอกว่าการวัดเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“สแต ขอดูหน่อยสิ”
“อืม”
สแตเอาเทอร์โมมิเตอร์ (เวทมนตร์) ออกมาจากปาก ก่อนจะยื่นส่งให้ท่านโนอะ
“เอาล่ะ ไหนดู… ซิ…?”
พอได้ดู ท่านโนอะก็แข็งค้างไปเลยเพราะอะไรไม่รู้
ท่านจ้องดูตรงตัวเลขแสดงผลอยู่แบบนั้น ราวกับกำลังเห็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่ออยู่เลย
“มีอะไรหรือเปล่าคะ ท่านโนอะ? มีอะไรที่… แปลก… เหรอ…?”
ฉันมองผ่านไหล่ท่านโนอะจากทางด้านหลังไปดูด้วยความสงสัยด้วยเหมือนกัน
〚1/1450〛
““…หาาา!?””
TN: ถึงจะมีใบ้ไปหลายครั้งแล้วว่าสแตใช้เวทมนตร์อะไรได้ แต่ตอนนี้จะเป็นการอธิบายอย่างจริงจังซักทีนะครับว่าความสามารถจริงๆ ของน้องทำอะไรได้
แหม ท้ายตอนนี้ พีคจริงๆ 555