(WN) หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ - ตอนที่ 6 ผมโดนตอกย้ำว่าใบหน้าขององค์หญิงน้ำแข็งนั้นสวยแค่ไหน
- Home
- (WN) หลังจากช่วย [องค์หญิงน้ำแข็ง] จากโรงเรียนอื่น เราก็เริ่มต้นด้วยการเป็นเพื่อนกันล่ะครับ
- ตอนที่ 6 ผมโดนตอกย้ำว่าใบหน้าขององค์หญิงน้ำแข็งนั้นสวยแค่ไหน
Chapter 6 : ผมโดนตอกย้ำว่าใบหน้าขององค์หญิงน้ำแข็งนั้นสวยแค่ไหน
“…..นั่นคือสิ่งที่เกิดขึ้นค่ะ”
“ดีแล้วล่ะ ชิโนโนมะน่าจะคุยกับเธอต่อนะ”
ระหว่างที่กำลังนั่งรถไฟกลับบ้านและติวหนังสือไปด้วย เราก็คุยกันเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้และเรื่องที่เรียน
ผมตอบกลับเธอด้วยรอยยิ้มหลังจากได้ฟังสิ่งที่เกิดขึ้นกับเธอที่โรงเรียน
ในที่สุดก็มีเด็กผู้หญิงเข้ามาคุยกับชิโนโนเมะ ……บางทีแล้วเธอคนนั้นอาจจะกลายมาเป็นเพื่อนของชิโนโนเมะก็ได้
นั่นเป็นเรื่องที่ดีมากๆ ผมคิดแบบนั้นแล้วตอบเธอกลับไป
“นั่น……ก็จริงอยู่ค่ะ แต่ต่อจากนี้ฉันจะระวังให้มากขึ้นแล้วค่ะ!”
เธอตอบกลับด้วยความโกรธนิดหน่อย ……เธอบอกผมว่าผู้หญิงคนนั้นแค่มาถามเธอเรื่องความสัมพันธ์ของเราเท่านั้น ทำเอาผมสงสัยเลยว่าหลังจากนั้นมีคุยอะไรกันต่อรึเปล่า
ยังไงก็ตาม ผมรู้สึกว่าคำพูดและการกระทำของชิโนโนเมะเหมือนจะดูสนิทกันเกินกว่าความสัมพันธ์ของชายหญิงปกติ เหมือนกันกับการเว้นระยะห่างทางกายภาพของเธอนั่นแหละ….. และความที่เราทั้งคู่คุยกันแบบนี้ ผมรู้สึกว่าระยะห่างของวิญญาณเราจะสนิทกันมากขึ้นด้วย
เอาเถอะ ไอผมก็ไม่มีความรู้เรื่องความสัมพันธ์ของ ชาย-หญิง ถึงขั้นที่จะสามารถพูดเรื่องแบบนี้ได้หรอก บางทีแบบนี้อาจจะปกติก็ได้
แล้วก็แน่นอน อย่าเข้าใจผิดซะล่ะ ต่อให้ผมยืดมือออกไปได้มากแค่ไหน ยังไงเธอก็ไกลเกินเอื้อมอยู่ดี
……เอาล่ะ ผมโอเคๆ
“โอ๊ะ ใช่แล้ว ชิโน-“
“คย๊าาา”
ตอนนั้นรถไฟก็สั่นกระทันหัน ผมที่เสียการทรงตัวจึงเอาศอกไปวางไว้แถวผนังรถไฟเพื่อป้องกันไม่ให้ชิโนโนเมะบาดเจ็บ
“อึก…..ชิโนโนเมะ เป็นอะไรรึ–“
ขณะที่ผมกำลังดิ้นรนกับความเจ็บปวดตรงข้อศอกอยู่นั้น ผมก็พยายามมองไปทางชิโนโนเมะเพื่อดูว่าเธอบาดเจ็บรึเปล่า
แต่สิ่งที่ปรากฎอยู่ตรงหน้าผม คือใบหน้าอันงดงาม
ผมรู้สึกเหมือนตัวเองกำลังลากสายตามองตั้งแต่หัวจรดเท้าของเธอ ดวงตาสีฟ้าหม่น ผมของเธอนุ่มนวลไร้ที่ติดและริมฝีปากสีชมพูอ่อน
ในดวงตา…..สีฟ้าหม่นนั่น ราวกับก้นบึ้งของมหาสมุทร ราวกับหัวใจของผมถูกระชากลงไปในส่วนลึกที่สุด
ใบหน้าที่อยู่ตรงหน้าผม ….ระยะขนาดนั้น ถ้าหากมีอะไรเกิดขึ้นล่ะก็เราคงสัมผัสกันและกันได้ง่ายๆ
กลิ่นหอมพุ่งทะลุสมองของผม ไม่ว่าจะพยายามใช้ความคิดมากแค่ไหนก็ถูกกลิ่นนั่นกลบทับไปแทบจะทันที
“เอ่อ อา……”
ผมเผลอส่งเสียงออกมาโดยไม่ได้ตั้งใจ เหตุผลก็มาจากการที่ผมสังเกตเห็นบางอย่าง
เสียงหัวใจของเธอเต้นแรงและแรงยิ่งขึ้น ขณะที่ผมมองลงไป
หน้าอกของชิโนโนเมะกำลังถูกผมทับอยู่――
“เป็นอะไรไหมคะ? มิโนริคุง”
ด้วยคำพูดพวกนั้นทำให้สมองของผมเย็นลงอย่างรวดเร็ว
ผมหลับตาและปรับการหายใจก่อนจะเร่งให้หัวและใจเย็นลง…..แล้วมองไปที่ชิโนโนเมะอีกครั้ง
“….ฉันไม่เป็นไร ชิโนโนเมะล่ะ?”
“คะ ค่ะ ฉันไม่เป็นไร แต่คือ….”
“ฉันรู้ ฉันจะพยายามขยับออกนะ”
ยังไงก็ตาม ผมขยับไม่ได้เพราะรู้สึกเหมือนมีคนดันหลังผมอยู่ อาจจะมีคนเสียการทรงตัวเหมือนกันก็ได้
แขนของผมที่คอยพยุงอยู่ก็สั่นเหมือนกัน ผมเป็นคนประเภทที่ไม่ชอบออกไปทำกิจกรรมข้างนอก เพราะงั้นผมเลยต้องพยายามอดทนอย่างเต็มที่
“ชะ ช่วยอดทนหน่อยนะ แค่แป๊ปเดียว”
“คะ ค่ะ……ฉันเข้าใจค่ะ”
ผมค้างอยู่อย่างนั้นประมาณนาทีกว่าๆ… แม้ว่าใบหน้าที่งดงามและกลิ่นอันหอมหวานของเธอจะทำให้สมองของผมไหม้ก็ตาม ยังไงซะ…ผมก็พยายามจะทนเอาไว้
“ฟู่ว ฉันขอโทษนะ”
“มะ ไม่เป็นไรหรอกค่ะ คุณนั่นแหละ ไม่บาดเจ็บใช่ไหมคะมิโนริคุง….?”
“ฉันโอเค …ถ้าจะให้พูดจริงๆก็เจ็บแขนอยู่นิดหน่อย แต่เดี๋ยวพอเวลาผ่านไปมันก็ดีขึ้นเองนั่นแหละ”
ถึงจะเจ็ยบอยู่บ้าง แต่เดี๋ยวมันจะคงจะดีขึ้นเอง
พอผมพูดแบบนั้น แกมของชิโนโนเมะก็ดูผ่อนคลายลงราวกับเธอโล่งใจ
ชิโนโนเมะมองมาที่ผมอีกครั้ง
“….เอ่อ ขอบคุณมานะคะที่ช่วยปกป้องฉัน”
เธอพูดทั้งที่ยังมองหน้าผมอยู่ ในตอนนั้นผมกลับรู้สึกถึงอารมณ์ที่ยากจะอธิบายพุ่งพล่านอยู่ในตัว
“มะ ไม่หรอก….นี่ก็เป็นส่วนนึงของสัญญานั่นแหละ เพราะงั้นไม่เป็นไรหรอก”
พอผมพูดแบบนั้น ชิโนโนเมะก็ยิ้มออกมา
“ไม่ว่าจะเพราะอะไร ก็ขอบคุณมากนะคะ”
ผมว่านั่นเป็นรอยยิ้มที่ไม่ยุติธรรมเอาซะเลย
“….ด้วยความยินดี”
ผมตอบกลับ
สุดท้ายแล้ว ผมก็ลืมถามเธอไปเลยว่าเราจะติวกันวันไหน
◆◆◆
“กลับมาแล้วคร๊าบบ~”
ผมพึมพำ แต่แน่นอนว่ามันไม่มีเสียงตอบกลับมาหรอก มันเป็นแค่นิสัยความเคยชินผมเท่านั้น
บ้านพ่อแม่ของผมอยู่ในพื้นที่ชนบทที่ค่อนข้างไกล ผมย้ายมาที่นี่ตอนที่ขึ้นม.ปลาย
อาพาร์ตเม้นหนึ่งห้องนอนนั้นใหญ่เกินไปสำหรับผม พ่อกับผมตัดสินใจส่งผมมาที่นี่เพราะคิดว่าผมอาจจะชวนเพื่อนมาอยู่ด้วยแถมยังไม่เป็นปัญหาเรื่องค่าใช้จ่ายอีกต่างหาก ….ผมรู้สึกขอบคุณสำหรับสิ่งนั้น บางทีถ้าวันนั้นจะมาถึงเมื่อผมอาจจะเรียกหาเจ้าเออิจิก็ได้
ผมทำความสะอาดบ้านบ่อยๆ เพื่อเตรียมพร้อมเมื่อวันนั้นจะมาถึง แต่ก็แค่ทำความสะอาดเท่านั้นแหละ
“อย่างที่คิดเลย ต้องเริ่มเรียนทำอาหารจริงๆสินะ……”
ผมวางเบนโตะจากร้านสะดวกซื้อที่ไว้บนโต๊ะ แม้ว่าผมจะเคยทำอาหารกินเองในช่วงสองสามวันแรก แต่มันก็ยุ่งยากมากเกินไปจนผมเลิกทำไป สุขภาพที่ผมมีในตอนนี้ป็นผลมาจากสมัยเด็กล้วนๆ
แต่ผมก็ไม่รู้หรอกว่ามันจะอยู่ต่อไปได้อีกนานแค่ไหน
“เห้ออ….อ่านหนังสือดีกว่า”
ผมวางกระเป๋าไว้ในห้องก่อนจะเริ่มหนีความจริงโดยการเปิดหนังสือมาเริ่มเรียน
◆◆◆
“เอ๋……วันไหนน่ะหรอคะ?”
“….อา หรือว่าจะทั้งคู่เลย?”
ในตอนเช้า ทันทีที่ผมถามเรื่องนี้กับชิโนโนเมะ เธอก็มีสีหน้างุนงงเล็กน้อย ก่อนที่ใบหน้าของเธอ….จะถูกย้อมเป็นสีแดงสด
“ขะ ขอโทษด้วยนะคะ ….ฉันคิดว่าถ้าบอกไปว่าวันหยุดคุณจะเข้าใจซะอีก”
พอได้ยินแบบนั้น……ผมก็คิดไตร่ตรองกับตัวเอง
“ไม่หรอก ฉันคิเอาเองน่ะ ……ยังไงก็เถอะ คิดเรื่องเวลาไว้รึยัง?”
“ก็ เป็นคาเฟ่ที่ฉันคิดไว้ต้องจองเท่านั้นน่ะค่ะ คือ ฉันจองช่วง9โมงเช้าไว้แล้ว…..”
“งั้นหรอ…….ไม่หรอก ฉันผิดเองที่ไม่ได้ถามเธอให้แน่ใจก่อน เพราะงั้นคนผิดก็คือฉันนี่แหละ”
อย่าคิดเองเออเองสิ ผมควรถามชิโนโนเมะให้มั่นใจก่อน
……ยังไงก็ตาม ชิโนโนมะที่พึ่งจะมีเพื่อนและพยายามเตรียมตัวอย่างกระตือรือร้น น่ารักสุดๆ
ไม่สิ รอเดี๋ยวก่อน ใจเย็นๆ อย่าไปคิดถึงมันให้มากนัก เดี๋ยวก็จบไม่สวยหรอก
เพื่อน แค่เพื่อน ไม่มีมากหรือน้อยกว่านั้น
ผมละสายตาจากเธอแล้วบอกตัวเองแบบนั้น จากนั้นผมหันไปถามชิโนโนเมะ
“แล้วก็ ขอถามอีกอย่างนะ เราจะกลับกันตอนไหนหรอ?”
“วันเสาร์ฉันจะกลับ6โมงเย็นค่ะ ส่วนวันอาทิตย์ก็4โมงเย็น ขอโทษนะคะที่ตัดสินใจเอาเอง …..ฉันโทรไปจองเร็วไปหน่อย”
“ไม่เป็นไร …….นั่นหมายความว่าเราจะได้ทำหลายๆอย่างด้วยกันไง ใช่แล้ว ขอบคุณที่ช่วยจองนะ”
แต่ถึงสี่โมงเย็นเลยหรอ ……ถ้าเริ่มติวให้เออิจิตอน5โมง อืม ไว้รอดูแล้วกัน
……จะมาติวที่บ้านผมก็ได้ ถ้าเจ้าเออิจิอยากล่ะนะ
“มะ ไม่หรอกค่ะ”
“ว่าแต่ ร้านนั่นเป็นยังไงหรอ?”
“3 นาทีจากสถานีที่มิโนริคุงลง จากนั้นนั่งรถบัสไปไม่ไกลก็ถึงแล้วค่ะ ค่อนข้างจะเป็นที่นิยมเมื่อไม่กี่เดือนก่อน ตอนนี้จำเป็นต้องจองเท่านั้นน่ะค่ะ”
“โอ๊ะ……พอมาคิดๆดู เหมือนจะเห็นในทีวีบ่อยๆแฮะ เห็นว่ามีแมวดำด้วยนี่นะ”
“ค่ะ ที่นั่นแหละ”
ผมได้ยินพวกที่โรงเรียนพูดเรื่องนี้สองถึงสามครั้ง ราคาของอาหารที่เข้าถึงได้ ผมได้ยินมาอีกว่าอาหารรสชาติอร่อยมากถ้าเทียบกับราคา
“เข้าใจแล้ว งันแปดครึ่งมาเจอกันตรงสถานีที่ชิโนโนเมะนั่งมานะ? หรือจะเอาแปดโมงดี?”
“อา แปดครึ่งก็ดีค่ะ ถ้าตอนนั้นฉันยังไม่มา ฉันจะขอบคุณมากเลยค่ะถ้าช่วยนั่งรอแถวชานชาลาได้”
“รับทราบ ……โอ้ เรามาถึงแล้วแฮะ วันนี้ขอให้โชคดีนะ”
เมื่อเรามาถึงสถานีที่ชิโนโนเมะต้องลง เธอก็หันมาโค้งให้ผมเล็กน้อย
“ขอคุณมากนะคะมิโรริคุง คุณเองก็พยายามเข้านะคะ ……งั้น ไว้เจอกันขากลับค่ะ”
“อืม ไว้เจอกัน”
……สไตล์ ใบหน้า และบุคลิกของเธอ ผมว่ามันสามารถเรียกว่าสมบูรณ์แบบได้เลย ไม่สิ มากกว่าสมบูรณ์แบบซะอีก จะบอกว่าเธอเป็ยยอดมนุษย์เลยก็ว่าได้ เล่นเอาสงสัยเลยแฮะว่าทำไมเธอถึงไม่มีเพื่อน
ผมมองชิโนโนเมะอย่างว่างเปล่าระหว่างที่เธอเดินขึ้นไปที่ชานชาลาสถานี
◆◆◆
“เพราะงั้นแหละ เริ่มติวตอน5โมงเย็นได้ไหม?”
“โอเค! ได้เลย! แน่นอน! ขอบคุณพระเจ้า! จะสายแค่ไหนก็ได้ เอาเท่าที่นายอยากเลย! ว่าแต่นายล่ะ โซตะ?”
“ฉันอยู่ถึงตอนไหนก็ได้ล่ะนะ โอ๊ะ ใช่ๆ เรื่องสถานที่เอาเป็น……บ้านฉันเป็นไง?”
พอผมถามออกไป เออิจิก็ตะโกนออกมาด้วยความดีใจ
“จะดีหรอ?”
“ก็นะ ฉันอยู่คนเดียวน่ะ เรื่องข้าวเย็น ถ้านายอยากสั่งอาหารมาก็ได้นะ”
“โอ้! ฟังดูน่าหนุกนี่นา! เอางั้นแหละ!”
ผมยิ้มให้เออิจิที่พยักหน้าซ้ำๆรัวๆด้วยรอยยิ้ม …..ตารางงานวันหยุดนี้ของผมแน่นเอี๊ยดเลยแฮะ