(WN) Akuma Koujo ~Yurui Akuma no Monogatari~ - ตอนที่ 1 เมื่อฉันกลายเป็นแมว
บทที่ 1 ความฝันของปีศาจ-ตอนที่ 1 เมื่อฉันกลายเป็นแมว
ฉันมองเห็นทิวทัศน์ที่เต็มไปด้วยแสงสีขาว
มันเหมือนกับภาพที่ฉันเห็นเมื่อตอนยังเป็นเด็ก ในตอนที่ลองดำลงไปใต้สระน้ำแล้วจะแหงนหน้ามองไปบนท้องฟ้า
ฉันมองทิวทัศน์นั้นด้วยความรู้สึกที่คลุมเครือ… ใช่! มันคือความรู้สึก “คิดถึง” นั่นเอง
ภาพนั้นค่อย ๆไหลผ่านไป จากนั้นมันก็ถูกเปลี่ยน ราวกับกำลังดูฟิล์มหนังยุคเก่า ภาพทิวทัศน์อันเลื่อนรางอันถัดไปได้เข้ามาแทนที่
มีชายคนหนึ่งกำลังกุมมือเล็ก ๆ ของฉัน และมีผู้หญิงคนหนึ่งกำลังอุ้มตัวฉันไว้ รอบ ๆ ตัวของพวกเขานั้นมีกลุ่มเด็ก ที่ตัวโตกว่าตัวฉันเล็กน้อย
จากหน้าต่างของรถประจำทาง พอลองมองออกไป ก็เห็นอาคารสูงใหญ่รวมถึงร้านขายของเล็ก ๆ กำลังเคลื่อนตัวห่างออกไป
ภาพตัดมาภายในตัวรถไฟมองออกไปก็เห็นรางรถไฟยาวราวกับไร้ที่สิ้นสุดพร้อมกับตัวเมืองซึ่งมีอาณาเขตกว้างใหญ่ไพศาล
ภาพทิวทัศน์ที่เห็นยังคงเปลี่ยนต่อไปเรื่อย ๆ จนมาถึงภาพที่ตัวฉันเติบโตขึ้นและได้เข้าไปเรียนในโรงเรียนที่มีเด็กคนอื่นใส่ชุดเครื่องแบบเดียวกัน
ฉันได้พูดคุยกับเพื่อนๆ ส่งข้อความหากันบ้างในยามดึก นั่งดูทีวีด้วยกันกับพี่น้องของตัวเองบนโซฟา บางทีก็ดูหนังที่ยืมมา พอคุณพ่อกับคุณแม่กลับมาถึงบ้าน พวกเราก็มานั่งรับประทานอาหารร่วมกัน
ช่างเป็นช่วงเวลาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความสุข แต่ทันใดนั้น ภาพทั้งหมดนั้นก็ถูกเปลี่ยนเป็นสีขาว
ผนัง พื้น และเตียงที่เป็นสีขาว บริเวณที่ฉันนอนอยู่เองก็เป็นสีเดียวกัน รวมไปถึงรอบ ๆ ด้วย และสิ่งที่สะท้อนอยู่ในดวงตาของฉันก็คือ สีขาวบริสุทธิ์ของเพดาน……
ฉันยกมือของตัวเองที่กำลังสั่นอยู่ขึ้นมา และพบว่าบัดนี้มันได้ลีบและแห้งเหี่ยวราวกับกิ่งไม้แห้งๆ
ภาพทิวทัศน์ตรงหน้ายังคงเปลี่ยนต่อไป แต่ทว่าโลกสีขาวแห่งนั้นก็ยังคงอยู่ ระหว่างนั้นฉันก็ได้ยินเสียงเหมือนอะไรบางอย่างกำลังแตกหักดังขึ้น
พร้อมกับเสียงร้องไห้อันแหบแห้งของใครบางคน และต่อมาโลกทั้งหมดก็ค่อยๆถูกย้อมไปด้วยสีดำมืดสนิท
******
นี่ฉันฝันไปหรอ..?
แต่ทำไมถึงรู้สึกโหยหา ราวกับเป็นสิ่งที่อยู่ไกลเกินเอื้อมแบบนั้นล่ะ?
แล้วที่นี่มันที่ไหนกันเนี่ย ? มองไม่เห็นอะไรเลย อย่างกับมีหมอกมาปกคลุมอยู่รอบตัว แถมยังรู้สึกแสบตา เหมือนกับกำลังมองดวงอาทิตย์อยู่อย่างนั้นแหละ
อ๊ะ ! บางที่ฉันอาจจะต้องลองลืมตาดู
พอฉันพยายามที่จะลืมตาจู่ๆ สิ่งที่อยู่รอบๆก็กระจ่างชัดขึ้นมา สิ่งที่เห็นมันไม่ใช่ผืนดินที่ปกคลุมไปด้วยหญ้าสีเขียว หรือห้องใดห้องหนึ่ง แต่มันกลับเต็มไปด้วยความว่างเปล่าอยู่ทุกหนทุกแห่ง ผืนดินที่แตกระแหงสุดลูกหูลูกตา และท้องฟ้าสีดำสนิท
หรือจะว่าง่าย ๆ ก็คือ ที่นี่ไม่มีอะไรเลย นอกจากผืนดินสีเทาหยาบๆ ไร้ซึ่งสิ่งมีชีวิตเป็นโลกที่ว่างเปล่า
“……..”
บรรยากาศคงจะให้กว่านี้ ถ้ามีลมเย็นๆพัดมา พร้อมกับเศษใบไม้ที่ปลิวว่อน ฉันอธิบายความรู้สึกในตอนนี้ไม่ถูกเลยจริง ๆ
ปล่อยเรื่องนั้นก่อนละกัน สงสัยจังว่าฉันมองเห็นภาพรอบ ๆ นี้ได้ยังไง?
ฉันจำไม่ได้ว่าตัวเองไปลืมตาเอาตอนไหน เพราะที่ทำก็แค่ตั้งสมาธิแล้วจู่ ๆ ก็มองเห็นภาพรอบ ๆ ขึ้นมา แน่นอนว่าฉันมองเห็นร่างกายของตัวเองด้วย
“…….!?”
ฉันเผลอส่งเสียงร้องออกมาโดยไม่ตั้งใจ เอ๊ะ? คิดว่าตัวเองร้องออกมานะ แต่ดูเหมือนจะไม่มีเสียงออกมาเลยเนี่ยสิ ?
อือ… เพราะไม่มีปากนี่เอง อย่าว่าแต่ปากเลยแม้แต่ร่างก็ไม่มี
สงบใจไว้ก่อนตัวฉัน
จะพูดว่าไม่มีร่างก็คงไม่ถูกนัก หลักฐานก็คือ ร่างกายยังคงตอบสนองต่ออารมณ์ที่ผันผวนของฉันอยู่ ด้วยการขยับขึ้นๆลง ๆ คล้ายกับคลื่น
รูปร่างของตัวฉันในตอนนี้คงเป็นกลุ่มก้อนแก๊สไม่ก็หมอกสีน้ำตาลรวมตัวกันละมั้งนะ
อยากจะหัวเราะจังถึงมันจะไม่ตลกก็เถอะ
นี่ฉันกำลังฝันอยู่ใช่ไหมเนี่ย?
บางทีโลกที่ปกคลุมไปด้วยแสงที่เห็นก่อนหน้านี้อาจจะเป็นโลกแห่งความจริง ส่วนที่เห็นอยู่ตอนนี้อาจจะเป็นฝันร้ายก็ได้
แต่ความเป็นจริงมันช่างโหดร้ายยิ่งนัก เพราะฉันรู้สึกว่าร่างกายที่คล้าย ๆ หมอกของฉันกำลังบอกว่านี่คือความเป็นจริง
จะว่าไปค่อนข้างน่าแปลกใจเหมือนกัน ทั้ง ๆ ที่ฉันรู้ว่านี่คือร่างกายของตัวเองกลับรู้สึกยอมรับมันได้ โดยไม่อึดอัดแถมยังใจเย็นได้อยู่อีกต่างหากหรือว่าจะเป็นแบบนั้นกันนะ?
อิงจากความรู้ในโลกแห่งแสงนั่นก็พอสรุปได้ว่า ในขณะที่สภาพจิตใจมีผลต่อร่างกาย สถานะปัจจุบันของร่างกายก็ส่งผลต่อสภาพจิตใจได้เหมือนกัน อย่างงั้นหรอ ?
เอาเถอะ แต่อารมณ์ที่ขึ้นๆลงๆได้เนี่ยก็ไม่ต่างจากมนุษย์ทั่วไปสักเท่าไหร่หรอก
ตัวฉันตอนนี้ไม่มีหัวใจ เลยไม่รู้สึกเหมือนว่าหัวใจกำลังเต้นอยู่แถมไม่รู้สึกทรมานจากการขาดอากาศหายใจด้วยอยากรู้จริง ๆ ว่าร่างนี้มันจะรู้สึกเจ็บหรือหิวได้ไหมนะ?
ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงต่อ จะร้องไห้ออกมาก็ไม่ได้เพราะดันไม่มีตา
ขณะที่เวลากำลังผ่านไปเรื่อย ๆ อย่างน้อยที่สุดฉันควรจะครองสติตัวเองให้ได้และถึงจะช้าไปหน่อยที่จะมาคิดเรื่องนี้ แต่ว่าตอนนี้ตัวฉันเป็นใครกัน?
ชื่อของฉันก็….ไม่รู้แฮะ กลายเป็นว่าตอนนี้ฉันไม่มีชื่อ จริง ๆ จะเอาชื่อจากความทรงจำที่มีก็ได้แต่รู้สึกไม่อยากจะทำอย่างนั้นยังไงก็ไม่รู้
โชคร้ายแม้กระทั่งชื่อเพื่อนกับครอบครัวฉันก็จำมันไม่ได้ ที่แย่กว่าคือดันลืมหน้าของพวกเขาทุกคนหมดเลยลองคิดต่อไปอีกหน่อยสิ
ฉันยังมีความทรงจำเรื่องที่ใส่ชุดเครื่องแบบอยู่ บางที่ฉันคงจะเป็นนักเรียน พอลองคิดไตร่ตรองจากความทรงจำที่ผ่านมาทั้งหมดแล้ว น่าจะเป็นนักเรียนชั้นม.ปลาย
ถึงจริง ๆ แล้วความทรงจำทั้งหมดที่ว่านั่นจะมาจากความฝันก็เถอะ
ส่วนเพศก็….ผู้หญิงสินะ? ฉันใส่ชุดที่มีกะโปรงอยู่ด้วยสิ อีกอย่างความรู้สึกลึก ๆ ของฉันก็บอกว่ามันเป็นอย่างนั้น
เยี่ยมๆ ฉันรู้สึกว่าความเป็นตัวเองเริ่มกลับมาทีเล็กทีละน้อยแล้ว โอ๊ะ? บนตัวฉันตอนนี้เริ่มเข้มขึ้นแล้วเนี่ย แล้วก็ร่างกายที่เป็นหมอกเริ่มจับตัวกันหนาขึ้นแล้วด้วย
ตอนนี้ฉันไม่รู้สึกว่ามีอะไรเปลี่ยนแปลงแล้วเพราะงั้นจึงพยายามเรียกความทรงจำจากความฝันนั้นเพื่อเอาความเป็นตัวเองกลับมาให้มากขึ้น
ทำแบบนี้แล้วก็ทำแบบนั้นไป รู้ตัวอีกที่เวลาก็จะผ่านมานานแล้วล่ะมั้งนะ?
ก็นั่นไง โลกนี้พระอาทิตย์ไม่มันไม่ขึ้นนี่นา แล้วก็เป็นอย่างที่ฉันคิดไว้ร่างนี้มันไม่รู้สึกหิวเลย เพราะงั้นตอนนี้เวลาผ่านไปเท่าไหร่แล้วไม่มีทางที่จะบอกได้เลย
เป็นเรื่องดีที่การรับรู้ตัวเองของฉัน เริ่มหนักแน่นขึ้นเพราะพยายามนึกเรื่องหลายอย่างให้ออกแต่ตอนนี้ก็มีปัญหาใหม่เข้ามาให้ปวดหัวซะแล้ว
ไม่มีอะไรจะทำ
จริง ๆ แล้ว ฉันน่าจะกังวล หงุดหงิด แล้วก็เริ่มเป็นบ้าเพราความรู้สึกเหงาถาโถมเข้ามาแล้วแท้ๆ แต่เพราะร่างกายตอนนี้นั่นแหละ ของแบบนั้นเลยไม่มีแววจะเกิดขึ้นเลยซักนิด
เมื่อฉันเรียกความทรงจำสุดท้ายจากความฝันนั่นได้ ก็เผลอแอบคิดไปว่าตัวเองตายแล้วตกนรกอยู่รึเปล่า
แต่ถ้าจะให้พูดเปรียบเปรยขึ้นมาละก็ ชั่งเป็นนรกที่ไร้ความทุกข์ทรมานเสียจริง
ไม่แน่ว่าที่ฉันเจออยู่ทั้งหมดตอนนี้มีโอกาสที่จะเป็นความฝัน แต่คนที่หวังลมๆแล้งๆที่จะให้เป็นอย่างนั้นไม่มีใครอื่นนอกจากตัวฉันเองนี่แหละ
“……..?”
ฉันรับรู้ได้ถึงอะไรบางอย่าง อะไรบางอย่างที่กระตุ้นประสาทสัมผัสในตัว ทั้งการมองเห็น การฟัง และการดมกลิ่นของฉันให้ตื่นขึ้น
อะไรบางอย่างนั้น เคลื่อนเข้ามาพร้อมกับเสียงติ๋ง ๆ
ฉันรู้สึกหมั่นเขี้ยวขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูกสุดท้ายก็ควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงพุ่งตัวออกไป ขยายกลุ่มหมอกรอบ ๆ ตัวควบคุมมันและตบลงไปบนบางอย่างที่อยู่ตรงหน้าดังแปะ
เอ๊ะ? แปลกจัง ทำไมฉันตอบสนองเหมือนกับแมวที่เจอแมลงเลยล่ะ?
ช่างมันก่อนละกัน แต่ว่านี่มันอะไรกันเนี่ย? ฉันมองเห็นบางอย่างแล้วก็ดันเข้าไปตบมัน หน้าตามันออกจะเหมือนกับแมลง แต่จริง ๆ ก็ไม่รู้หรอกว่ามันเป็นตัวอะไร พอฉันตบมันได้ ตัวมันก็สลายกลายเป็นหมอก
ตอนที่มันหายไปก็ได้กลิ่นคล้ายๆกับน้ำผึ้งด้วย
ไม่รู้ทำไมกลิ่นนั่นทำให้ฉันรู้สึกพึงพอใจแปลกๆ ทั้ง ๆ ที่ร่างนี้ไม่น่าจะรับรสชาติหรือรู้สึกหิวได้เลยแท้ๆ
รู้สึกคิดถึงกลิ่นและรสชาติแบบนี้ขึ้นมาเลยแฮะ ตอนเด็ก ๆ ในโลกความฝันสีขาวนั่น ฉันเคยแอบเลียน้ำหวานจากดอกไม้ดอกเล็ก ๆ มันให้ความรู้สึกคล้ายกับตอนนี้มาก
สั่น หงึก หงึก หงึก(แต่เป็นการสั่นในความหมายที่ดี)
ร่างกายที่คล้าย ๆ หมอกของฉันกำลังสั่น ราวกับว่ามันกำลังตื่นเต้นอยู่ ด้วยความรู้สึกนั้นฉันจึงเริ่มเคลื่อนที่เพื่อสำรวจรอบ ๆ
เอ แต่ตัวฉันเคลื่อนที่ได้ยังไงกันนะ?
จากการตบแมลงตัวนั้นไป ทำให้ฉันรู้ว่าร่วงกายนี้ก็พอมีพละกำลังอยู่บ้าง แต่แทนที่จะคลานไป ตัวฉันกับลอยไปยังจุดหมายที่อยากจะไปเอาซะดื้อๆ แถมฉันยังสามารถพุ่งตัวออกไปได้ทันทีด้วย อ้อถึงจะบอกว่าลอย แต่ก็แค่ลอยเหนือพื้นดินนิดหน่อย ไม่ถึงกับบินได้ น่าเสียดายจัง
ระหว่างที่ฉันกำลังเคลื่อนตัวไปก็เจอกับคุณแมลงตัวที่สองล่ะ
รู้สึกเหงาๆอยู่ด้วยสิ จะจับมันมาเลี้ยงได้ไหมนะ?
แต่ทว่า
แปะ
“……”
พอฉันเคลื่อนเข้าไปใกล้ตัวมัน จู่ ๆ ร่างกายนี้ก็พุ่งออกไปแล้วก็ตบเจ้าแมลงนั่นอย่างจัง เหมือนกับแมวเลย ฮือ ๆ การที่ควบคุมตัวเองไม่ค่อยได้นี่มันน่าอายจริง ๆ
ครั้งแรกมันเป็นเพราะเจ้าแมลงนั่นกรโดดดึ๋ง ๆไปมา จนกระตุ้นสัญชาติญาณที่คล้ายแมวของฉันเข้า ก็เลยโดนตะปบเข้าให้
แต่สงสัยรอบนี้คงเป็นเพราะฉันทนกลิ่นหวานๆที่มาจากเจ้าแมลงตัวนั้นไม่ได้แน่ๆเลย
พอคิดถึงเรื่องนั้นแล้ว เจ้าแมลงตัวแรกมีกลั่นคล้ายๆกับน้ำหวานจากดอกไม้สินะ แล้วตัวที่สองล่ะ? อืม…ออกจะคล้ายผลไม้ละมั้ง?
ร่างกายฉันสั่นด้วยความตื่นเต้นอีกครั้ง
สำรวจต่ออีกหน่อยดีกว่า
ต่อจากนั้น กิจวัตรประจำวันของฉันก็ผลาญไปกับการตามหาคุณแมลงทั้งหลาย
ไม่ใช่ว่าฉันเห็นพวกมันเป็นขนมหรอกนะ? เข้าใจตรงกันนะ?
“…..!”
แปะ แปะ
“…..!…!”
แปะ แปะ แปะ
อื้ม…. อร่อยจัง แต่ถ้าเทียบกับของหวาน ที่ฉันเคยกินในโลกแห่งความฝันสีขาวนั่นแล้ว เจ้าแมลงนี่ก็แค่อยู่ในระดับปานกลางล่ะนะ แต่ข้อแตกต่างมันอยู่ตรงที่ ฉันต้องไปหามาเองเหมือนน้องแมวล่าเหยื่อเนี่ยสิ
ลองคิดๆดูแล้วอาหารที่หามาด้วยตัวเอง มันรู้สึกเหมือนจะอร่อยขึ้นยังไงก็ไม่รู้นะ
และต่อมาฉันก็ได้รู้อีกว่ายิ่งคุณแมลงตัวใหญ่เท่าไหร่รสชาติก็จะยิ่งดีมากขึ้นด้วย
จะว่าฉันยังไงก็ได้ แต่บอกไว้ก่อนเลยว่าฉันไม่ได้มีงานอดิเรกอย่างเรื่องกินแมลงหรอกนะ
ตอนนี้ฉันค่อนข้างเบามือลงเปลี่ยนจากตบมาเป็นแตะเบาๅ แค่นั้นพวกมันก็หายไปแล้ว แถมเพราะไม่มีซากอะไรหลืออยู่ ฉันก็เลยไม่ค่อยมีความรู้สึกแย่อะไรตามมา
จริง ๆ ฉันก็รู้สึกมาได้ซักพักแล้วในระหว่างที่กำลังเคลื่อนตัวไปเรื่อย ๆ ว่าในหมู่สิ่งที่คล้ายกับแมลงพวกนั้น มีตัวที่ขนาดใหญ่พอๆกับหนูอยู่ด้วย
พอเปรียบเทียบกับตัวอื่น ๆ แล้ว เจ้านี่ค่อนข้างระวังตัวมากหน่อย ถึงแม้มันจะเป็นฝ่ายเข้ามาหาฉันเอง แต่ไม่นานมันก็จะหนีไปเลย
เอาล่ะคราวนี้ฉันต้องจับมันมาเลี้ยงให้ได้เลย แต่ถึงอย่างนั้น ทั้ง ๆ ที่ฉันใส่ความตั้งใจเข้าไปแล้วแท้ๆ เจ้าตัวนั้นพอถูกฉันแตะก็หายไปเหมือนกับตัวอื่น
แต่ว่าความฉลาดของมัน คล้ายๆกับเจ้าพวกลูกบอลขนสีดำๆที่ฉันเคยเห็นในหนังของโลกแห่งความฝันแลยนะ ในหนังนั้นพวกมันถูกไล่จับโดยเด็กสาวสองพี่น้องที่อาศัยอยู่ในชนบทอันห่างไกล
ฉันอยากจะเลี้ยงมันจริง ๆ นะ ไม่ก็แค่ลูบก็ได้
แต่…อื้ม ! รสชาติ ก็ยังดีเหมือนเดิม คราวนี้คล้ายกับลูกเชอรี่ไม่ก็สตอเบอรี่ป่าแฮะ
และแล้ว หนึ่งวันก็ผ่านไปทั้ง ๆ อย่างนั้น แต่เหมือนว่าร่างกายของฉันจะมีการเปลี่ยนแปลงเกิดขึ้น
การกินขนมมากมันจะทำให้อ้วน…มันไม่ใช่เรื่องอะไรแบบนั้น สิ่งที่เกิดขึ้นคือร่างกายของฉันที่เป็นสีน้ำตาลอ่อนๆมันค่อยๆเปลี่ยนไปทางสีน้ำตาลเข้มโทนช็อคโกแลต จนสุดท้ายทั้งตัวฉันก็เปลี่ยนเกลายเป็นสีเดียวกับแกงกะหรี่
ทำไมกันเนี่ย? แต่เดี๋ยวก่อนเมื่อกี้ฉันใช้อาหารเป็นตัวเปรียบเทียบสีงั้นหรอ ?
สรุปก็คือ ตัวฉันถูกย้อมเป็นสีน้ำตาลเข้ม
ทั้ง ๆ ที่น้ำตาลอ่อนรักกว่าแท้ๆ แต่ชีวิตมันไม่ค่อยเป็นอย่างที่เราหวังไว้เลย
เวลาเดียวกันกับที่ร่างของฉันเปลี่ยนสี กลุ่มหมอกที่เป็นตัวร่างกายเองก็หลอมรวมกัน กลายเป็นของเหลวหนืดๆ
โอ๊ะ นี่ฉันวิวัฒนาการเป็น สไลม์หรอเนี่ยคิดว่าน่าจะเป็นอย่างนั้นนะ แต่ท่าทางฉันจะคิดผิด เพราะของเหลวหนืดพวกนั้นกลายสภาพเป็นของที่คล้ายกับทรายที่ทำขึ้นมาจากโลหะ
แต่นี่ก็ถือว่าเป็นการวิวัฒนาการใช่ไหม?
อึก ขยับยากกว่าเดิมอีก ตัวหนักไปหมดเลย
อ๊ะ~~ ฉันปล่อยให้คุณหนูตัวหนึ่ง หนี้ไปได้ซะแล้ว
อ้วนขึ้น?เป็นไปได้หรอ? นี่ นี่ ฉันอ้วนขึ้นจริง ๆ หรอเนี่ย?
ระหว่างที่กำลังคิดไม่ตกอยู่ว่าจะไดเอทหรือจะปล่อยใจตัวเองไปกับขนมดี ฉันก็สัมผัสได้ถึงการมีอยู่ของบางอย่างนอกจากตัวฉันเป็นครั้งแรก
“……!?”
รู้สึกได้เลยล่ะ ว่าร่างกายตัวเองเกิดกระตุกขึ้นมาเพราะความตกใจ
ฉันไม่รู้ตัวเลย จนกระทั่งเจ้าบางอย่างนั่นเคลื่อนที่เข้ามาใกล้ ในจังหวะที่เพิ่งรู้ตัว ฉันก็รู้สึกราวกับว่าร่างกายที่เป็นทรายโลหะนี่พร้อมที่จะแตกและทลายลงเพราะสัมผัสได้ถึงจิตคุกคามมหาศาลที่ถาโถมเข้ามา
มันคือ เสือสีดำขนาดใหญ่
ถ้าร่างกายของฉันมีขนาดเท่าแมวทั่วไป เจ้าเสือดำนี่ก็คงมีขนาดเท่ากับม้าและที่สำคัญคือ
สวยจังเลย…
ฉันไม่ได้ให้ความสนใจกับลำตัวที่ดูเล็กและท่าทางแข็งแรงตามลักษณะทั่วไปของแมวป่า ทว่าความสนใจของฉันกลับไปอยู่ที่ ลำตัวที่โค้งงอนดูปราดเปรียวและเพรียวบาง
ขนสีดำสนิทของมันดูเป็นประกายแวววาวน่ามอง
บางทีคุณอาจจะคิดว่า สีดำกับประกายแวววาวนี่ไม่น่าจะมาด้วยกันได้ แต่ฉันก็ไม่รู้ว่าจะสรรหาคำพูดไหนมาอธิบายแล้วเหมือนกัน
หางทั้งสองข้างของมันกำลังสะบัดปลิวพริ้วไหว ความยาวของหางนั่นดูจะยาวกว่าขนาดตัวซะอีก
มันมีกรงเล็บสีเงินเฉกเช่นเดียวกับเขี้ยวของมัน นี่เป็นครั้งแรกที่ได้ฉันเห็นดวงตาสีเงิน ตาสีเงินที่แฝงไปด้วยเจตจำนงอันแรงกล้า
“…..”
น่ากลัวจัง ความรู้สึกกลัวได้ถาโถมเข้ามาเป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ที่ฉันลืมตาบนโลกนี้
แต่ถึงจะเป็นอย่างนั้น ฉันก็ไม่อาจละสายตาไปจากดวงตาสีเงินคู่นั้นได้ราวกับต้องมนต์สะกด
ตัวฉันสั่นด้วยความตื่นเต้น
อยากจะลองลูบตัวมันดูจัง มันต้องมีตรงไหนซักที่ที่นุ่มและรู้สึกดีมากแน่ ๆ
“….?.”
จู่ ๆ ท่าทางของเจ้าเสือดำที่บ่งบอกว่าต้องการจะเขมือบฉันก็หายไป มันทำท่าเหมือนสงสัยโดยการยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆ
” …ทำไมเจ้าถึงไม่เกรงกลัวข้า ? “
” ….? “
ฉันได้ยินเสียงคำรามเบา ๆ อยู่ในหัว ก่อนที่เสียงนั้นจะแปรเปลี่ยนเป็นคำพูด
” ….!?!?! “
ฉันเพิ่งเคยได้ยินเสียงที่เปี่ยมไปด้วยปัญญาเป็นครั้งแรก มันช่างไพเราะอย่างคาดไม่ถึง
เสียงของเสือสีดำนั้น ทุ้มต่ำและเป็นเสียงของผู้ชาย ช่างเป็นเสียงน่ารักเหมือนกับคุณลุง เดี๋ยวไม่ใช่สิ ผู้ชายอายุสามสิบต้นๆที่เกือบจะเป็นลุงแล้วต่างหากล่ะ
เป็นเสียงโทนที่ฉันชอบเลยล่ะ ก่อนจะรู้ตัว ร่างของฉันก็สั่นด้วยความตื่นต้นและส่งเสียงบางอย่างออกมา แต่เสียงมันดันไม่เป็นคำเลยนี่สิ
เสือดำตัวนั้นเหมือนจะกำลังรู้สึกแปลกใจ เพราะมันทำท่าเหมือนกับว่ากำลังตื่นเต้นกับอาการกระวนกระวายของฉันอยู่
“…นี่เจ้าเข้าใจคำพูดของข้าด้วยรึ?”
ฉันพยายามที่จะผงกศีรษะเพื่อตอบคำถามนั้นแต่ดูเหมือนว่าถึงจะพยายามแต่ก็ทำไม่ได้เลยเปลี่ยนมาเป็นกระโดดขึ้นๆลงๆ เพื่อบอกว่าฉันเข้าใจคำถาม
“โอ้ เจ้าเข้าใจคำพูดของข้าจริง ๆ สินะ”
ในขณะที่เสือสีดำตัวนั้นพูด มันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นอีก ฉันก็เผลอถอยหนีไปตามสัญชาติญาณ แต่ทว่าเจ้าเสือดำก็ใช้เท้าหน้าของมันจับฉันอย่างรวดเร็ว
“อืม อย่างที่คิด เจ้าไม่หายไป แสดงว่าเจ้ามีจิตใจและความชาญฉลาดอยู่บ้างสินะ”
“…..”
เอ๋ ? หมายความว่า ถ้าไม่มีจิตใจหรือความคิดอยู่ แค่ถูกแตะฉันก็จะถูกกินแล้วงั้นหรอ ?
นอกจากนั้น ถึงฉันจะมีจิตใจหรือความรู้สึกอยู่ก็เถอะ แต่ความฉลาดเนี่ยมัน… ตอนเรียนอยู่ ฉันทำคะแนนได้ตามค่าเฉลี่ยคนทั่วไปเท่านั้นเองนะ
ตัวฉันสั่นเหมือนพุดดิ้งขณะกำลังคิดในสิ่งที่เจ้าเสือดำตรงหน้าพูด
“เจ้าไม่จำเป็นต้องกลัวข้าหรอกไม่สิหรือว่าเจ้ากำลังโกรธอยู่งั้นหรือ? ช่างน่าสนใจจริง ๆ”
เสือสีดำทำท่าเหมือนหัวเราะ
ไม่ๆ ไม่ได้กำลังโกรธอยู่สักหน่อย แต่จะพูดยังไงดี ก็แค่ไม่เข้าใจ…
ความสับสนและกระวนกระวายของฉันคงส่งไปถึงมัน เสือสีดำจึงปล่อยฉันเป็นอิสระจากเท้าหน้าที่จับฉันไว้
แต่กระนั้นเขาก็ยังยื่นหน้าเข้ามาใกล้ขึ้นอีก
“ทำใจให้สบายเถอะ ข้าไม่คิดที่จะกินเจ้าแล้วล่ะ แต่ว่าทำไมเจ้าถึงยังอยู่ในร่างนั้นอีกล่ะ?”
“..?..”
ถามทำไมเนี่ย?ฉันก็ไม่ได้อยากมีร่างกายแบบนี้สักหน่อยอ่ะ
เป็นเวลาพอสมควรที่ฉันพยายามจะติดต่อสื่อสารกับคุณเสือสีดำ โดยใช้ทรายโลหะสื่อให้เป็นภาษา ขณะเดียวกันเขาก็ทำท่าประหลาดใจเรื่อย ๆกับการกระทำของฉัน
ไปๆมาก็ได้ความว่า คนที่มีร่างกายแบบฉันก็จะเลือกเปลี่ยนร่างตัวเองเป็นร่างอื่นที่เคลื่อนไหวสะดวกกว่า
แล้วก็ดูเหมือนว่าเรื่องเปลี่ยนร่างนี่ปกติจะรับได้ด้วยสัญชาติญาณตัวเองอยู่แล้วเว้นแต่ว่าดันเลือกจะเปลี่ยนร่างเป็นแบบที่ฉันเป็นอยู่ตอนนี้ซะเอง แต่ถ้าเป็นร่างแบบนี้แล้วเราไปเจอกับตัว
อะไรที่มันแข็งแกร่งขึ้นมา ก็คงถูกกินก่อนทั้ง ๆ ที่ยังไม่ได้สู้หรือวิ่งหนีแน่ ๆ
เล่นเอาซะฉันดีใจจริง ๆ ดีใจที่เจอคุณเสือดำนี่เป็นคนแรก และเพราะอย่างนั้นฉันจึงลองถามวิธีการเปลี่ยนร่างเป็นสิ่งหนึ่งจากเขาดู
“นี่เจ้าตั้งใจจะล้อข้าเล่นรึไง?”
“..!..?..!..”
การตอบกลับที่เหมือนกับขู่ของเขาทำเอาฉันน้ำตาคลอ ถึงฉันจะไม่มีน้ำตาอยู่จริง ๆ ก็เถอะ
ร่างที่ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนไปก็คือ ร่างของมนุษย์ ก็แน่ล่ะ ฉันคุ้นชินกับร่างนั้นนี่นา
ยิ่งไปกว่านั้น หลังจากการเปลี่ยนร่าง ขอบเขตการเปลี่ยนร่างครั้งต่อไปก็จะเพิ่มขึ้นด้วย แต่ทว่า การเปลี่ยนร่างเองก็จะยากขึ้นตาม เพราะอย่างนั้นฉันถึงเลือกที่จะเปลี่ยนร่างเป็นมนุษย์ทันทีแต่….
“คิดที่จะใช้ร่างนั้นตั้งแต่ต้น มีแต่คนเขลาเท่านั้นแหละที่คิดจะทำ”
ร่างมนุษย์ตอนเริ่มต้นนั้นอ่อนแอมาก ถ้าพูดถึงการเอาร่างมนุษย์กับสัตว์มางัดกันล่ะก็ แน่นอนอยู่แล้วว่าร่างของสัตว์จะต้องชนะ
นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมตอนเริ่มต้นควรจะใช้ร่างของสัตว์ไปก่อน หรือไม่ก็เลือกร่างที่ใกล้เคียงแบบกอลิล่า แต่ว่าคุณเสือดำใช้ร่างแบบนี้มาตั้งแต่ต้นแล้ว ทั้งเกล็ดที่ขรุขระกับเขาของเขา ก็มีมาตั้งแต่ต้น
ทั้ง ๆ ที่ถ้าไม่มีเกล็ดจะดูเท่แล้วก็น่ารักกว่านี้แท้น้า ชั่งมันเถอะ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะอ่านความคิดของฉันออกจึงฉีกยิ้มออกมา
“พวกโง่เท่านั้นแหละที่สนใจลักษณะภายนอก สำหรับตัวข้า แค่มีเขี้ยวกับเล็บนี่อยู่ก็เพียงพอ”
โอ้~~~เท่จังเลย
อีกอย่าง การจะเปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์ตั้งแต่ต้นนั้นปกติแล้วเป็นไปไม่ได้ คนที่เปลี่ยนร่างของตัวเองเป็นมนุษย์ได้ตั้งแต่ต้นนั้นต้องเป็นคนที่มีความแข็งแกร่งสูงมาก ๆ และยิ่งไปกว่านั้น การทำแบบนั้นได้ก็เท่ากับเตรียมตัวสลักชื่อตัวเองเป็นบอสของพื้นที่นั้น ๆ ได้เลย
แต่ถ้าเป็นอย่างนั้นทำไมคุณเสือดำถึงไม่เปลี่ยนเป็นร่างมนุษย์กันนะ? ถึงจะบอกว่าตัวเองเลือกจากความแข็งแกร่งเป็นหลักก็เถอะ บางทีอาจจะเพราะว่ายังมีคนที่เก่งกว่าเขาอยู่อีกละมั้ง?
เอาล่ะทีนี้ จะทำยังไงดี? อย่างฉันน่าจะเปลี่ยนร่างเป็นครึ่งคนครึ่งสัตว์ได้ แต่ว่ายิ่งร่างใกล้เคียงมนุษย์เท่าไหร่ความสามารถในการต่อสู้ก็จะยิ่งถูกลดทอนลงมากเท่านั้น แล้วจากตอนแรกที่ฉันประมาณว่าตัวเองมีขนาดเท่ากับแมว ถ้าขืนเปลี่ยนร่างเป็นแบบมนุษย์ คงไม่พ้นตัวเล็กเท่าทารกแน่ ๆ
“….”
สงสัยต้องเป็นร่างสัตว์จริง ๆ นั่นแหละ
อืม.. ขนาดตัวของฉัน แมวสินะ? ไม่รู้เพราะอะไรฉันถึงคิดว่าเปลี่ยนเป็นร่างที่น่าจะเข้าคู่กับคุณเสือดำได้ก็น่าจะดี
“เจ้าคิดได้แล้วใช่ไหม? ถ้าใช่ก็เริ่มเถอะ สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือความต้องการของเจ้า จิตนาการถึงวิธีที่เจ้าจะต่อสู้ซะ”
“….!”
ทันใดนั้นฉันก็คิดร่างที่ต้องการออก จึงเริ่มตั้งสมาธิในการจินตนาการ
ภาพที่ฉันจินตนาการอยู่ก็คือ ภาพของแมวที่น่ารักผอมเพรียว สัดส่วนพอเหมาะ ขนนุ่มๆปุยๆก็น่ารักดี แต่ฉันชอบขนสั้น ๆ พอประมาณมากกว่าจะได้ไม่ต้องกลัวว่าจะร่วงบ่อย ๆ ด้วย
อุ๊บส์ จินตนาการ สิ จินตนาการ ฉันอยากได้ร่างของแมวที่น่ารักและสง่างาม ก็ไม่ได้เกลียดหมาหรอกนะ แต่ถ้าจะให้พูดฉันเป็นทาสแมวมากกว่าก็หมาชอบปล่อยออร่าขอร้องให้เล่นด้วยอยู่ทุก ๆ วันนี่สิ บางที่มันก็เหนื่อยนะ
อุ๊บส์ วอกแวกอีกแล้วตัวฉัน จินตนาการ จินตนาการ
พุ่งตัวเข้าหาศัตรูแล้วก็โจมตีด้วยเขี้ยวเล็บ นี่แหละ เยี่ยมมาก
ความคล่องตัวสูง วิ่งให้เร็วเหมือนบินได้ หืม? ถ้าจะบิน นกก็ดีนะ ไม่ๆ เหยี่ยวสิน่ารักกว่า อืมถ้าจำไม่ผิด เหยี่ยวที่บินเร็วที่สุดนี่ เหยี่ยวเพเรกรินใช้ไหมน้า แต่มันไม่ค่อยคล่องแคล่วนี่นา
อยากได้ตัวที่มันเร็วแล้วก็หลบหลีกศัตรูได้จัง
ไม่ ไม่ ไม่!! ต้องเอาแมวสิ คิดถึงเรื่องนกได้ไงเนี่ย!? แมว แมว แมว แมวตัวเล็กน่ารัก
“……”
“….มันหมายความว่ายังไงเนี่ย?”(เสือดำ)
ในที่สุดฉันก็กลายเป็นแมว
ทั้งสง่างามและน่ารัก ขนก็สั้น ตามที่ฉันคิดไว้เป๊ะ ต้องชมตัวเองนะเนี่ย
“อืม… จะอธิบายคุณยังไงดีน้า?..”
ในที่สุดฉันก็เปล่งเสียงออกมาได้ซักที แถมยังชัดเจนด้วย
ร่างของฉันตอนนี้เป็นแมวแน่ ๆ แต่ดันเป็นลูกแมวที่ดูเหมือน ลูกบอลขน น่ากอดซะมากกว่า
แถมยังมีปีกคล้ายค้างคาวงอกออกมาจากหลังอยู่คู่หนึ่งด้วย น่าร้ากก
ผลจากการเปลี่ยนร่างทำให้ตัวของฉันที่แต่เดิมสีเหมือนแกงกะหรี่ เปลี่ยนเป็นสีทอง ตาก็เป็นสีแดงประกาย มีกรงเล็บและเขี้ยวเล็ก ๆ สีแดงใสราวกับอัญมณีที่ต้องการเวลาในการพัฒนา
พอลองใช้สัมผัสในการรับรู้(การมองเห็น/การได้ยิน/การดมกลิ่น)ดู ก็รู้ว่าตัวฉันออกมาดูดีใช้ได้เลยนะเนี่ย
ขอพูดตรง ๆ ไม่อ้อมค้อม ช่างเป็นความน่ารักชวนให้ก่ออาชญากรมเสียจริงถ้าเป็นโลกในความฝัน ฉันคงหยิบตัวเองขึ้นมากอดทุกวันอย่างไม่ลังเลแน่ ๆ
“อืม….”
“แล้วเจ้าจะต่อสู้ในร่างนั่นได้ยังไงกันล่ะ หืม ?”
อึก แย่ละ ท่าทางคุณเสือดำจะโกรธขึ้นมาซะแล้ว
มันเป็นอย่างนี้ไปได้ยังไงเนี่ย? ไม่สิ มันก็แน่อยู่แล้ว เพราะฉันมันบ้าไง!!
ขนาดคนบ้าอย่างฉันยังเข้าใจเลยว่าร่างนี้น่ะมันใช่สู่ไม่ได้!!
“แฮะๆ”‘
“….”
คุณเสือดำจ้องมาที่ฉันด้วยสายตาเย็นชาเมื่อเห็นฉันเผยรอยยิ้มที่ไม่ได้ตั้งใจออกมา
ถ้าเป็นอย่างนี้ คุณเสือดำจะหมดความอดทนกับฉันก็คงไม่แปลก แต่ถ้าเป็นไปได้ฉันก็ยังอยากเป็นเพื่อนกับคนที่หาคุยได้ยากแบบเขาไว้นะ
แถมเสียงของเขาก็ตรงสเปคคฉันซะด้วยสิ
เหนือกว่าอะไรคือ อยากจะลองลูบขนของเขาดู ดูแล้วน่าจะต่างจากขนของฉันมาก
ฉันลองเดินเตาะแตะเข้าไปหาคุณเสือดำ ด้วยขาเล็ก ๆ ของฉัน แต่ก็ดันสะดุดล้มซะก่อน
ทันใดนั้น ฉันก็นึกขึ้นได้ว่าตัวเองมีปีกค้างคาวเล็ก ๆ อยู่จึงใช้มันซะเลย
ตัวฉันค่อย ๆ ลอยขึ้นไปบนอากาศ ลอยขึ้นๆ นึกว่าไปได้สวย แต่จู่ ๆก็ร่วงลงมาหน้าทิ่มพื้น
“….”
คนสองคน ไม่สิแมวสองตัวตกอยู่ในความเงียบงัน โอ๊ะ ! แต่ตัวใหญ่อย่างคุณเสือนี่นับเป็นแมวด้วยไหมเนี่ย?
ระหว่างที่ฉันกำลังจมลงสู่ห้วงคามคิดเพื่อหนีจากความเป็นจริงอยู่นั้น คุณเสือสีดำก็ถอนหายใจออกมาเบาๆ
หลังจากนั้นเขาก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ก่อนจะกัดฉันด้วยเขี้ยว
“ว้าย!”
โดน โดนกินแน่ ๆเลย!
“อยู่นิ่งๆ”
ฉันสงบปากทันทีหลังจากที่เขาพูดแบบนั้นออกมา คุณเสือดำยกตัวของฉันขึ้นมาด้วยปาก เหมือนกับแม่แมวกำลังคาบลูกแมว จากนั้นก็เริ่มออกเดิน
“…เอ่อ คือ..”
“ข้าบอกเจ้าแล้วไม่ใช่หรอว่าข้าไม่อยากกินเจ้าแล้วน่ะ เดิมที่ก็แค่อยากจะลองสนทนากับใครดูเป็นครั้งแรกก็เท่านั้น ถึงพอลองแล้วจะรู้สึกน่ารำคาญก็เถอะ แต่ข้าจะปล่อยเจ้าไว้ จนกว่าข้าจะเหนื่อยกับเจ้าก็แล้วกัน”
“…คะ ค่ะ”
ตอนแรกแค่อยากหาตัวอะไรมาเลี้ยงเพื่อระบายความเหงา ไหงกลายเป็นว่าตัวเองโดนจับไปเลี้ยงเองซะงั้นละเนี่ย?