(WN) Akuma Koujo ~Yurui Akuma no Monogatari~ - ตอนที่ 5.1 ฉันอายุได้สามขวบแล้วค่ะ
“……จำฉันได้ไหม?”
ท่านพ่อถามขึ้นด้วยสีหน้ากังวล
ต้องจำได้แน่นอนอยู่แล้ว
ฉันไม่มีทางลืมท่านพ่อสุดหล่อของฉันได้หรอก
สีหน้าของท่านพ่อบ่งบอกความกังวลในใจออกมาอย่างชัดเจน…เนื่องจากการที่เขาสามารถกลับมาเยี่ยมลูกสาวได้เพียงแค่ปีล่ะสองครั้งจึงไม่แปลกเลยหากลูกสาวของเขาจะจำหน้าพ่อของตัวเองไม่ได้
นับตั้งแต่เหตุการณ์การทดสอบเวทย์ศักดิ์สิทธิ์ในครั้งนั้น ตัวฉันที่ตระหนักถึง[ความเป็นปีศาจ]ในตัวเองที่มีอย่างแรงกล้าจึงได้มุ่งมั่นที่จะทำตัวให้สมกับเป็นมนุษย์มากขึ้นกว่าเดิมและแน่นอนว่าในฐานะลูกสาวเองก็เช่นกัน
“…ท่านพ่อคะ?”
เมื่อฉันส่งเสียงเรียกและเดินเตาะแตะๆเข้าไปหา ท่านพ่อก็แสดงอาการตกใจออกมา
“โอ…ยูรุเชียเรียกฉันว่าพ่อซินะ….”
เอ๊ะ? จะว่าไปนี่เป็นครั้งแรกที่ฉันเรียกเขาว่า[ท่านพ่อ]ต่อหน้ารึเปล่านะ?
แต่ว่านะ…..ท่านพ่อจะไม่ออกอาการกลัวชัดเจนไปหน่อยหรอคะ? ฉันก็รู้อยู่หรอกค่ะว่ารูปลักษณ์ของฉันไม่เหมือนมนุษย์แต่ถ้าท่านพ่อทำท่าหวาดกลัวขนาดนั้นล่ะก็ เอาตรงๆฉันเองก็รู้สึกเจ็บเหมือนกันนะคะ…..
แต่ว่าฉันจะมาใจเสียเอาตอนนี้ไม่ได้ค่ะ
สำหรับปีศาจน้อยแสนบอบบางแบบฉันการถูกปกป้องโดยผู้ชายที่สุดยอดแบบท่านพ่อนั้นถือว่าเป็นหนทางที่ดีที่สุดแล้วล่ะ ไม่ใช่เพราะว่าฉันมีรสนิยมชอบผู้ชายมีอายุรูปงามหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ
ก่อนอื่นเลยก็ต้องทำให้ท่านพ่อชินกับรูปลักษณ์ของฉันให้ได้ก่อน
วันนี้คือวันเกิดครบรอบสามขวบของฉัน
สำหรับของขวัญที่ได้รับนั้น จากคุณแม่ฉันได้หวีที่ทำด้วยแร่เงิน ตอนแรกก็รู้สึกกลัวพวกของที่ทำจากเงินกับเวทย์มนต์ศักดิ์สิทธิ์อยู่เล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้มีเรื่องหรือปัญหาอะไรเกิดขึ้นแล้วพอมาคิดดูดีๆปกติฉันก็ใช้ช้อนเงินกินข้าวอยู่ทุกวันไม่ใช่รึไง
ส่วนของขวัญจากคุณเมดสาวทั้งสามคนนั้นเป็นหนังสือชื่อ [ตำราเวทย์ที่แม้แต่เด็กสามขวบก็ใช้ได้]… ที่โลกนี้หนังสือมันแพงไม่ใช่รึไงคะ….จะฝืนซื้อกันทำไมล่ะนั่น
จากคุณทรูฟี่ที่กลับบ้านเกิดหลังจากทำงานเป็นพี่เลี้ยงเด็กให้กับฉันเสร็จเรียบร้อย ฉันได้ภาพวาดของภูติตัวจิ๋วและน้ำตกขนาดเล็กเล็ก เป็นภาพที่วิเศษสุดๆเลยล่ะค่ะ
จากคุณพ่อฉันได้ตุ๊กตาคุณหมีตัวใหญ่ยักษ์ ตุ๊กตาคุณกระต่ายขนาดไม่ใหญ่นัก ช่อดอกกุหลาบ แล้วก็ลูกอมมากมายจากร้านขนมชื่อดังในเมืองหลวง
พอฉันลองชิมลูกอมดู…อย่างที่คิดไว้มันไม่ค่อยจะมีรสชาติซักเท่าไหร่ ในด้านของคุณภาพมันก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าพวกของหวานในโลกปีศาจที่ฉันเคยกินหรอกนะแต่เหมือนกับมันขาดอะไรบางอย่างไป
แต่ถ้าฉันไม่กินล่ะก็……..ทุกคนจะต้องเสียใจแน่ๆ
หลังจากจบงาน เหมือนอย่างทุกทีท่านพ่อจะออกไปเมื่อถึงช่วงค่ำแต่ว่าครั้งนี้ฉันจะลองอ้อนท่านไม่ให้ไปไหนดู
ฉันค่อยๆคลานไปหาท่านพ่อผู้ที่ปกตินั้นจะลังเลแม้กระทั่งการสัมผัสตัวฉัน จากนั้นก็ใช้มือแตะที่ตักของท่าน
“……มีอะไรงั้นหรอยูรุเชีย?”
เมื่อตาของพวกเราสบกับท่านพ่อก็น้ำตาซึมออกมาเล็กน้อย……ดูเหมือนถ้าไม่รุกเพิ่มซักหน่อยคงจะไม่ไหวซินะ
“ท่านพ่อ กอดด~”
“โอะ โอ้”
ตาของท่านพ่อเบิกกว้างพร้อมกับเสียงที่แทบจะแยกไม่ออกว่าเป็นการตอบกลับหรือเป็นแค่เสียงครวญคราง
จากนั้นท่านพ่อก็ยกฉันขึ้นมานั่งบนตักของตัวเองด้วยแขนสุดทรงพลัง.
จะว่ายังไงดีล่ะ…..พอโดนท่านพ่อจับแบบนี้แล้วรู้สึกตื่นเต้นแบบบอกไม่ถูก ไม่ใช่ในฐานะ’ลูกสาว’แต่ในฐานะของ’หญิงสาว’อะนะ
“”………””
ด้วยเหตุใดไม่อาจทราบได้บทสนทนาระหว่างสองพ่อลูกก็ได้เงียบลง
ทางฉันก็แค่กำลังรู้สึกประทับใจในกล้ามขาและกล้ามอกสุดแข็งแรงของผู้ชายแต่ฝั่งท่านพ่อนั้น……ดูเหมือนกำลังกลุ้มใจว่าตัวเองจะรับมือกับลูกสาวสามขวบสุดแปลกมนุษย์มนาอย่างฉันยังไงดี
และในจังหวะนั้นฉันก็ได้เริ่มดำเนินสุดยอดแผนการของตัวฉันเอง
ใช่แล้วล่ะ ฉันน่ะคือแมวยังไงล่ะ ฉันจะกลายเป็นน้องเหมียวสุดน่ารักค่ะ ม-ไม่ใช่ว่าฉันแพ้สัญชาติญานความเป็นแมวของตัวเองหรืออะไรแบบนั้นหรอกนะคะ!
‘ฟึดฟึด ฟึดฟัด’
ฉันใช้จมูกของตัวเองถูไถออดอ้อนอกของท่านพ่อ
ท่านพ่อตัวสั่นด้วยความตกใจเล็กน้อยแต่ฉันไม่สนใจและเข้ารุกออดอ้อนยิ่งกว่าเดิม
จนในที่สุดท่านพ่อก็ค่อยๆยื่นฝ่ามือที่สั่นอยู่นั้นมาลูบหัวของฉันอย่างระมัดระวัง
ฉันเอาหัวถูไถไปกับฝ่ามือใบใหญ่ของท่านพ่อเสมือนเป็นการส่งสัญญาณว่า “ท่านพ่อคะช่วยลูบหัวฉันให้อ่อนโยนยิ่งกว่านี้ทีค่ะ”
……โอ๊ะ? เหมือนได้กลิ่นอะไรหอมๆด้วยล่ะ มันเป็นกลิ่นหอมหวานแบบเดียวกับที่ท่านแม่ปล่อยออกมา กลิ่นนั้นกระตุ้นให้ฉันเข้าไปคลอเคลียท่านพ่อยิ่งกว่าเดิม
“……เหงาซินะ?”
ท่านพ่อถามฉันด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
เอ๊ะ? เหงาหรอ? เมื่อฉันหันหน้าขึ้นไปสบตากับท่านพ่อ ฉันก็เห็นท่านพ่อจ้องตรงมาที่ฉันด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย
……ค-ควรจะตอบยังไงดี? แล้วทำไมถึงรู้สึกใจเต้นแปลกกันล่ะเนี่ย แถมเพราะกลิ่นหอมนั่นที่หน้าของฉันก็เลยรู้สึกร้อนขึ้นมาอีก
ฉันคิดคำตอบกลับไม่ออกอีกทั้งดวงตาของท่านพ่อที่จ้องมาอย่างไม่ละสายตาทำให้ฉันรู้สึกเขินจนต้องหลบหน้าเข้าไปซุกอกของท่านพ่อเพื่อหลบหนีจากกลิ่นหอมหวานที่ราวกับยาพิษ
“……มู่”
“ยูรุเชียเป็นเด็กขี้อ้อนจังเลยนะ…ถ้างั้นเดี๋ยวพ่อจะช่วยโอ๋ให้จนกว่าลูกจะพอใจเลย”
น้ำเสียงของท่านพ่อดูสดใสขึ้นพร้อมกับที่มือใหญ่ๆของท่านพ่อลูบผมของฉันอย่างแผ่วเบาก่อนที่จะใช้มือนั่นเกาที่ใบหูและคอของฉัน
เมื่อฉันพยายามจะขยับหนีเพราะความจักจี้ท่านพ่อก็จับฉันไว้ไม่ให้ไปไหนอย่างรวดเร็ว ดูกำลังสนุกสุดๆเลยนะคะท่านพ่อ
แต่นี่มันอะไรกันนะ…ไอ้ความรู็สึกนี่ มันให้ความรู้สึกเหมือนตอนที่ฉันซุกเข้าไปคลอเคลียในขนของ [เขา]เลย….อย่าบอกนะว่า นี่ฉันกำลังถูกฝึกให้เชื่องอย่างงั้นหรอคะ…?
“เหมียววว”
เสียงร้องที่แม้แต่ตัวฉันเองก็ไม่อาจอธิบายได้ถูกปล่อยออกมาจากนั้นฉันจึงดิ้นหนีจากมือที่กำลังจักจี้ฉันเพื่อไปลี้ภัยในอ้อมอกของท่านพ่อ
“หะหะหะ ยูรุเชียนี่อย่างกับลูกแมวเลยนะ”
เสียงกระซิบอันแผ่วเบาที่ถูกปล่อยออกมาใกล้หูของฉันทำให้หน้าของฉันร้อนผ่าวฉันจึงซุกหน้าเข้าไปในอกของท่านพ่อเพื่อหลบหนีจากกลิ่นหอมหวานราวกับยาพิษที่ถูกปล่อยออกมา
***
มีชายคนหนึ่งนามว่าฟอลท์
เขาคือชายผู้เป็นเลิศทั้งด้านดาบและปัญญา อนาคตของเขาถูกคาดหวังจากผู้คนมากมายแต่เขาไม่คิดจะใช้พลังนั้นให้เต็มประสิทธิภาพ
เขานั้นมีพี่สาวและพี่ชาย ความสัมพันธ์ของพี่น้องทั้งสามนั้นค่อนข้างที่จะดี
พี่สาวของเขานั้นเป็นผู้หญิงที่เต็มเปี่ยมด้วยความทะเยอทะยานแต่ก็อ่อนโยนกับผู้ที่อยู่ต่ำกว่าตนเองและถูกรักด้วยผู้คนรอบๆตัวเธอ เธอคือความภาคภูมิใจของเหล่าพี่น้อง คำสอนของพี่สาวยังคงถูกจารึกไว้ในใจของพวกเขาทั้งสองถึงแม้ว่าพี่สาวของพวกเขานั้นจะแต่งงานเข้าตระกูลอื่นไปแล้วก็ตาม
พี่ชายของเขาคือชายที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอาจหาญและห่างไกลจากคำว่าละเอียดอ่อน ฝีมือดาบของเขานั้นก้าวข้ามตัวน้องชายไปได้อย่างง่ายดายและเขานับถือความกล้าหาญของพี่ชายของเขา
ฟอลท์นับถือพี่ทั้งสองของเขาเป็นอย่างมากส่วนทางฝั่งพี่สาวและพี่ชายเองก็รักน้องชายแสนฉลาดและซื่อตรงอย่างฟอลท์เช่นกันรวมถึงยังภูมิใจในตัวของเขามาก
แต่มันเป็นเรื่องน่าเศร้าที่ความฉลาดปราดเปรื่องและความสามารถของเขานั้นได้นำความโชคร้ายมาสู่ตัวเขาเสียเอง
ตระกูลของสามพี่น้องนั้นเป็นตระกูลที่ยิ่งใหญ่มีอำนาจมากมายและมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่จะได้สืบทอดตำแหน่งผู้นำของตระกูล
ฟอลท์เชื่อว่ามีเพียงพี่ชายของเขาที่ได้รับการยอมรับจากผู้คนมากมายเท่านั้นที่เหมาะสมเป็นผู้นำตระกูล เพราะอย่างนั้นเขาจึงมุ่งมั่นพัฒนาสติปัญญาความรู้ของตัวเองอย่างหนักเพื่อที่จะได้เป็นคนที่จะสามารถคอยสนับสนุนและเป็นพลังให้กับพี่ชายของเขาได้
แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็เริ่มมีเสียงจากคนรอบข้างดังขึ้นมาว่าฟอลท์นั้นคือผู้ที่เหมาะสมกับการขึ้นเป็นผู้นำตระกูล
ฟอลท์พยายามปฏิเสธเสียงเหล่านั้นแต่ไม่ว่าจะทำยังไงเสียงพวกนั้นก็ไม่มีท่าทีว่าจะเงียบลงได้เลย เขาจึงไม่ลังเลที่จะเข้าปรึกษากับท่านพ่อเพื่อที่จะละทิ้งชื่อของตระกูล
คนที่หยุดเขาไว้ไม่ใช่ใครที่ไหนแต่เป็นตัวพี่ชายของฟอลท์เอง
พี่ชายของฟอลท์รู้ถึงความพยายามของตัวน้องชายเป็นอย่างดีและเหนือสิ่งอื่นใดเขาเป็นคนที่เข้าใจอุปนิสัยของฟอลท์ยิ่งกว่าใครๆ
ตัวเขาพร้อมจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้ด้วยความเต็มใจหากฟอลท์ต้องการมัน เขารู้ดีว่าฟอลท์มีคุณสมบัติที่คู่ควรกับตำแหน่งนั้นแต่ว่าเขาเองก็รู้เช่นกันว่าฟอลท์ไม่ได้ต้องการมันเลย
เขาปราถนาให้ฟอลท์มีชีวิตอิสระแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็อยากให้ฟอลท์ได้แสดงศักยภาพที่มีอยู่เคียงข้างตัวเขา
เขาจึงใช้เล่ห์กลอุบายที่เขารู้ดีว่าอาจจะทำให้เขาถูกน้องชายเกลียดชัง
แต่จะเรียกมันว่ากลอุบายก็ไม่ถูกนักเพราะมันก็แค่การให้น้องชายของตนทำหน้าของคนในตระกูลเพียงเท่านั้น
แผนที่เขาใช้ก็คือการให้ฟอลท์แต่งงานเข้าไปในตระกูลของญาติที่มีทายาทเพียงแค่ลูกสาว ฟังดูแล้วอาจจะเป็นแผนที่ไม่มีปัญหาอะไรแต่หากตระกูลนั้นเติบโตขึ้นในอนาคตปัญหาที่ตามมาจะพันกันยุ่งเหยิงจนยากจะแก้ไขได้
ลูกสาวของตระกูลนั้นไม่ใช่คนที่มีนิสัยน่าคบหามากนักทำให้เขาเกิดความลำบากในการจับทั้งสองคนมาแต่งงานกัน
อีกทั้งตัวเขารู้ดีว่าฟอลท์นั้นมีผู้หญิงในใจอยู่แล้ว เธอคือลูกสาวของแม่นมและยังเป็นพี่น้องบุญธรรมของฟอลท์ เด็กสาวคนนั้นงดงามทั้งรูปร่างหน้าตาและจิตใจ
แต่ยังไงก็ตามด้วยสถานะลูกบุญธรรมทำให้เธอมีฐานะทางสังคมสูงไม่พอส่งผลให้การส่งฟอลท์ไปแต่งงานในตระกูลของญาตินั้นได้รับการยอมรับมากกว่าการแต่งงานกับคนที่เขารัก
ด้วยเหตุนั้นพี่ชายจึงใช้วิธีบังคับคลุมถุงชนน้องชายของเขา
ถึงแม้เขาจะรู้ดีว่าน้องชายและน้องสาวบุญธรรมของเขาจะต้องเสียใจเป็นอย่างมากก็ตาม
หลายปีผ่านไป ฟอลท์ได้มีลูกสาวสองคน
ทั้งสองนั้นมีนิสัยเสียคล้ายกับฝ่ายแม่จนทำให้แม้แต่พี่ชายเองยังเกิดความสงสัยว่าเด็กทั้งสองนั้นคือลูกของฟอลท์ผู้แสนอ่อนโยนจริงๆหรือ แต่ว่าอย่างน้อยๆก็ยังน่าโล่งใจที่ทั้งสองไม่ใช่ลูกชาย
ฟอลท์ไม่สามารถโต้เถียงหรือสู้กับภรรยานิสัยเอาแต่ใจที่มีอายุเยอะกว่าเขาสองปีได้และทางฝั่งลูกสาวทั้งสองเองก็ดูจะมีความเคารพต่อแม่มากกว่าพ่ออย่างเขา
ตัวเขารักพวกเธอจริงๆรึเปล่านะ ความคิดเหล่านั้นแวบเข้ามาในหัวของฟอลท์
เช่นเดียวกันกับผู้เป็นแม่ ลูกสาวทั้งสองเองก็มีรูปร่างหน้าตาที่สวยงามน่าดึงดูด ผู้คนมากมายจึงรู้สึกอิจฉาตัวฟอลท์แต่เขาไม่เข้าใจว่าชีวิตของเขานั้นมันน่าอิจฉาตรงไหน ตัวเขานั้นไม่รู้สึกว่าภรรยากับลูกสาวทั้งสองรักเขาเลยด้วยซ้ำ
แต่ฟอลท์ก็เข้าใจดีว่าพี่ชายทำแบบนี้ก็เพื่อตัวเขา
เขารู้สึกยินดีที่ได้ทำงานกับพี่ชายจากใจจริง
ถึงแม้จะเป็นอย่างนั้นฟอลท์ก็ไม่สามารถสลัดความเจ็บปวดที่กำลังค่อยๆกัดกินหัวใจเขาลงไปทุกวันๆได้
เมื่อทนเห็นสภาพของน้องชายที่กำลังเจ็บปวดไม่ได้ พี่ชายของฟอลท์จึงได้บอกให้เขาไปที่สถานที่แห่งหนึ่งที่ซึ่งจะสามารถช่วยสงบจิตใจอันแสนทรมาณของฟอลท์ได้
สุดท้ายเขาก็ตัดสินใจไปที่นั่นตามคำพูดของพี่ชายถึงแม้จะเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่งว่ามันจะช่วยเขาได้จริงก็ตาม และ ณ ที่นั่นเขาได้เจอกับคนที่กำลังรอคอยเขาอยู่ ‘เธอ’ พี่สาวบุญธรรมของฟอลท์ที่ไม่เคยถอดใจและกำลังรอคอยคนที่เธอรักสุดหัวใจเสมอมา
การมีภรรยาสองคนในอาณาจักรศักดิ์สิทธฺิ์แห่งนี้ไม่ถูกมองเป็นเรื่องดีนักแต่ด้วยตำแหน่งของฟอลท์เขามีอำนาจพอที่จะทำแบบนั้นได้
ถึงแม้ว่าเขาจะไม่อยากขัดใจภรรยาของเขา ฟอลท์ก็ไม่สามารถหลอกหัวใจตัวเองได้อีกต่อไปและสุดท้ายทั้งสองคนก็ได้พบรักกัน
และในเวลาไม่นานสรวงสวรรค์ก็ได้ประทานนางฟ้าตัวน้อยให้กับพวกเขาทั้งสอง
ลูกสาวสุดที่รักที่กลับมามีชีวิตหลังจากการตายตอนคลอดเติบโตขึ้นมาเป็นเด็กที่มีสุขภาพแข็งแรงอย่างน่าอัศจรรย์
เธอช่างใสซื่อบริสุทธิ์เสียจนทำให้ฟอลท์ไม่กล้าแม้แต่จะแตะต้อง
ฉันมีสิทธิที่จะเข้าใกล้ตัวเธอรึเปล่า? ฉันมีภรรยาอีกคน มีลูกสาวคนล่ะแม่อยู่อีกสอง ฉันที่เป็นแบบนั้นคู่ควรที่จะเป็นพ่อของเด็กคนนี้จริงๆน่ะหรอ?
ในงานวันเกิดสองขวบของยูรุ เมื่อเห็นรูปลักษณ์ของลูกสาวของตัวเองเขาก็รู้สึกกังวลขึ้นมา
เมื่อหนึ่งปีที่แล้วเธอยังเป็นเพียงแค่เด็กทารกน่ารักไร้เดียงสาอยู่เลย แต่ตอนนี้ที่เธออายุได้สองขวบนั้นรูปลักษณ์ของยูรุเชียกลับสวยงามเหนือมนุษย์จนน่าสะพรึงกลัว
เธอเป็นมนุษย์จริงๆน่ะหรอ…? ไม่ใช่นางฟ้าจริงๆใช่ไหม?
เขาเกิดกลัวในความคิดของตัวเองขึ้นมาทำให้ฟอลท์ยิ่งลังเลที่จะสัมผัสตัวของลูกสาวของตนเข้าไปอีก
แต่ถึงอย่างงั้น ทุกครั้งที่เขาหลับตาฟอลท์ก็จะเห็นภาพของหญิงสาวและลูกสาวที่เขารักโผล่มาอยู่ตลอดมา
หากความกลัวและความลังเลของฉันเกิดทำให้ยูรุเชียมองฉันด้วยสายตาเย็นชาเหมือนดั่งภรรยาและลูกคนอื่นๆล่ะก็……เมื่อมีความคิดแบบนั้นเข้ามาในหัว หัวใจของเขาก็ถูกกดทับด้วยความกังวลจนแทบจะระเบิดออกมา
และในวันนี้ วันเกิดสามขวบของยูรุเชีย เหมือนดั่งเช่นเคยเขายังคงมีความหวาดกลัว ความกังวล และความหวาดระแวงอยู่ในอก เขาเตรียมใจไว้แล้วว่าถ้าลูกสาวลืมเขาขึ้นมา…….มันก็คงจะเลี่ยงไม่ได้ แต่ แต่ว่าลูกสาวของเขาส่งเสียงเรียกของฟอลท์ เธอเรียกตัวเขาว่าพ่อ……
แม้กระนั้นตัวเขาก็ไม่รู้ว่าจะทำตัวกับลูกสาวที่ห่างเหินกันไปเป็นเวลานานยังไง
แต่จู่ๆลูกสาวของเขากลับเริ่มรุกโดยการขอสวมกอดกับเขาเสียเอง และภาพที่เขาได้เห็นนั้นทำให้ฟอลท์รู้สึกตัวว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาตัวเองโง่เง่าถึงขนาดไหน
ตลอดเวลาที่ผ่านมาลูกสาวของเขารู้สึกโดดเดี่ยวมาโดยตลอด ในวินาทีนั้นเองที่เขารู้สึกตัวว่าลูกสาวของเขากำลังเศร้าที่ไม่ได้เห็นหน้าพ่อ ความรักต่อลูกสาวที่ถูกเก็บไว้ในห้วงลึกของหัวใจก็ล้นทะลักออกมา
เพียงเพราะความสวยที่หลุดขอบเขตของมนุษย์นั่นงั้นหรอที่ทำให้ฉันเว้นระยะห่างจากเธอ?
เพียงเพราะคิดว่าตนไม่คู่ควรที่จะเป็นพ่อ ฉันจึงทำให้ลูกสาวแสนไร้เดียงสาและแสนสำคัญรู้สึกโดดเดี่ยวอย่างงั้นหรอ?
……ฉันจะรักทั้งสองคนด้วยชีวิตต่อให้ทั้งโลกจะกลายเป็นศัตรูก็ตาม……
ฉันจะไม่ยอมให้ยูรุเชียแต่งงานเข้าบ้านใครหน้าไหนเด็ดขาด…….