World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 101.1
ฮวาจูอวี้จ้องมองไปที่เสี่ยวหยินเงียบๆ
แขนเสื้อสีม่วงของเขาพลิ้วไหวอยู่ในสายลม ในขณะที่เขายืนอยู่ที่นั่น พร้อมกับการแสดงออกที่เคร่งขรึมบนใบหน้าของเขา เมื่อเขามองเห็นสายตาของนาง ริมฝีปากของเขายกขึ้นเป็นรอยยิ้มในขณะที่เขาพูดขึ้น “เด็กน้อย เราจะได้พบกันอีกครั้งในสนามรบ วันหนึ่งฮ่องเต้ผู้นี้จะพาเจ้ากลับมาที่นี่ “
ฮวาจูอวี้ตอบกลับด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น ก่อนจะหันหลังและตามจี่เฟิงหลี่และะถังยวีไป
เสี่ยวหยินพูดถูกต้อง พวกเขาจะได้เห็นอีกครั้งในสนามรบ
จะไม่มีพี่น้อง เพื่อนหรือคนรักในสนามรบ จะมีเพียงสองกองกำลังที่อยู่ฝ่ายตรงกันข้ามกันเทานั้น
ถ้านางบอกว่านางไม่รู้สึกเศร้ากับเรื่องนี้ นางก็คงจะโกหก อย่างไรก็ตามเขาเคยรักและปกป้องนางมาก่อน นางยังคิดว่าอาณาจักรใต้และอาณาจักรเหนือยังสามารถอยู่ร่วมกันอย่างกลมกลืนได้และนางและเสี่ยวหยิน ก็อาจจะกลายเป็นเพื่อนกันได้ เนื่องจากพวกเขาได้เชื่อมโยงกันทางจินเซ่อ แต่หลังจากคืนนี้ความฝันนั้นก็คงจะแตกสลายไป
ทันทีที่พวกเขาออกจากที่พัก คนชุดดำหลายคนก็โผล่ออกมาจากที่ซ่อนของพวกเขา ในขณะที่พวกเขาขี่ม้าตรงเข้ามา เห็นชัดเจนว่าพวกเขาเป็นผู้คนของจี่เฟิงหลี่
ม้าสีน้ำตาลแดงผสมทองตรงเข้ามาหาจี่เฟิหลี่ ดวงตาของมันสว่างและส่องเป็นประกายขึ้น มันเป็นม้าพันธุ์ฮวาที่หายากมาก
ไม่มีใครจะรู้ดีไปกว่าฮวาจูอวี้ว่ามันมีความสำคัญมากน้อยแค่ไหนที่แม่ทัพคนหนึ่งจะมีม้าที่ดีเยี่ยมในสนามรบ ทันทีที่นางเห็นม้า ฮวาจูอวี้ก็รู้สึกชอบมัน ในอดีตนางขี่ม้าชื่อ จุยเตี้ยน (สายฟ้า) ร่างของมันขาวและมีขนสีแดงขนาดใหญ่ที่หน้าอกของมัน จากระยะไกลๆ ขนสีแดงดูเหมือนการโจมตีของสายฟ้า เมื่อนางกลับมายังเมืองหยู นางก็ได้มอบม้าของนางไว้ให้คังเสี่ยวซื่อดูแล ทันทีที่นางเห็นม้าฮวา ที่สูงตระหง่านตัวนี้ นางก็นึกถึงจุยเตี้ยนขึ้นมาทันที
ม้าฮวาตัวนี้ฉลาดมาก มันผลักเบาๆไปที่จี่เฟิงหลี่และคุกเข่าหน้าของมันลงไปราวกับมันรู้ว่าจี่เฟิงหลี่ได้รับบาดเจ็บ จี่เฟิงหลี่ฉีกเสื้อของเขาและใช้มันเพื่อพันบาดแผลของเขา ก่อนที่จะค่อยๆขึ้นไปบนม้า จากนั้นม้าก็ม้าก็ลุกขึ้นยืน
ม้าทุกตัวต่างก็มีคนขี่อยู่บนหลังของพวกมัน และก็ดูเหมือนว่าจะไม่มีตัวอื่นเหลือให้นางขี่อีก ฮวาจูอวี่ลังเลไม่แน่ใจว่าจะทำอย่างไร แต่แล้วเสียงของเขาก็ดังขึ้นจากด้านบน “ส่งมือมา”
เสียงของเขานุ่มนวลเหมือนสายลมและบริสุทธิ์เหมือนเหล้า
ท่อนไม้ลอยสูงขึ้นในท้องฟ้ายามกลางคืนก่อนที่จะตกลงไปยังหลังคาบ้านที่ของข้างหลังของพวกเขา แต่ละท่อนต่างก็ผูกไปด้วยผ้าที่แช่ในน้ำมันซึ่งกำลังติดไฟอยู่
ฮวาจูอวี้มองไปที่จี่เฟิงหลี่ ที่อยู่ด้านหน้าของฉากของไฟไหม้นี้ ใบหน้าของเขาซีดลงและเขาก็จ้องมองมาที่นางอย่างลึกซึ้ง มือข้างหนึ่งของเขาอยู่บนบังเหียนและอีกข้างหนึ่งยื่นออกมาหานาง แขนเสื้อคลุมสีขาวของเขาพลิ้วไหวไปตามสายลมเหมือนก้อนเมฆ
แม้ว่าความบาดหมางระหว่างพวกเขาจะลึกไปเหมือนกับทะเลที่ไม่มีที่สิ้นสุด แต่เมื่อนางได้ยินคำพูดของจี่เฟิงหลี่ นางก็ช่วยไม่ได้ที่จะรู้สึกตกตะลึง
นางค่อยๆยกมือขึ้น แต่ก่อนที่นางวางมันไว้บนมือของเขา นางก็หยุดลงทันที ความสนใจของนางถูกลากไปยังผ้าพันแผลที่เปียกโชกไปด้วยสีแดงเข้ม
การโจมตีของเสี่ยวหยินไม่ใช่เรื่องเล่นๆ นางสามารถมองเห็นได้ว่าใบหน้าของเขาซีดลงมากแค่ไหนภายใต้แสงไฟ บาดแผลของเขาหนักมากจนนางกลัวว่าเขาจะเสียเลือดมากเกินไปถ้าเขาเป็นคนขวบม้า มันก็จะเลวร้ายต่ออาการบาดเจ็บของเขาและอาจจะทำให้เขาตายได้ นางเกลียดเขา แต่นางรู้ว่าเขายังไม่สามารถที่จะตายได้
หัวคิ้วของฮวาจูอวี้ขมวดขึ้นและปฏิเสธที่จะให้จับมือของเขา ตรงกันข้ามนางกระโดดขึ้นไปเองและนั่งลงอยู่ข้างหน้าของเขา ก่อนจะคว้าบังเหียนและแตะไปที่ด้านข้างของม้ากับขาของนางเพื่อสั่งให้มันเคลื่อนที่ ม้าเชื่อฟังและวิ่งออกไปข้างหน้าในทันที
ฮวาจูอวี้รู้สึกได้ว่าจี่เฟิงหลี่ กำลังผิงอยู่กับหลังของนางจากด้านหลัง นางรู้สึกเสียใจขึ้นมาทันที นางหุนหันพลันแล่นเกินไปก่อนหน้านี้! คนสองคนขี่ม้าตัวเดียวกัน … แน่นอนพวกเขาจะมีการสัมผัสกันทางร่างกาย แล้วนางก็ตะโกนขึ้นอย่างเย็นชา “หยุดผิงมาที่ข้าได้แล้วไม่อย่างนั้นข้าจะเตะท่านลงไปจากหลังม้า!”
เสียงของนางเยือกเย็นและเฉียดคมมาก
ร่างกายที่อยู่ด้านหลังของนางแข็งไปครู่หนึ่ง ก่อนที่จะออกห่างไป
ดูเหมือนว่าม้าจะไม่ชอบน้ำเสียงของนางและหลังจากที่มันไม่พอใจมันก็เริ่มชะลอตัวลง แล้วฮวาจูอวี้ก็ตระหนักได้ว่านางไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ไม่ว่าจะอย่างไรจี่เฟิงหลี่ก็ไม่ใช่ลูกน้องของนาง ไม่ต้องพูดถึงว่าม้ายังเป็นม้าของเขาอีกด้วย
จี่เฟิงหลี่ดูเหมือนจะไม่สนใจในขณะที่ริมฝีปากของเขามีรอยยิ้มปรากฏขึ้น เขาลูบด้านข้างของม้าและกระซิบขึ้น “ซุ่ยหยางจงเชื่อฟัง!” ฮวาจูอวี้ปล่อยลมหายใจออกมาอย่างโล่งใจเมื่อม้ากลับมาสู่ความเร็วเดิม
ด้วยความเร็วที่รวดเร็วของซู่ยหยาง พวกเขาก็ออกจากเมืองหยางกั่ว ได้ในเวลาเพียงไม่นานและมันก็ได้พิสูจน์ให้เห็นว่าม้าตัวนี้มีค่าแค่ไหน
กองทัพของอาณาจักรใต้ยังคงปิดล้อมเมือง ผู้คนสามารถได้ยินเสียงของแตรและเสียงกลอง นอกเหนือจากเสียงของแผ่นดินไหวที่เกิดจากการสู้รบ
พวกเขาได้เห็นภาพสะท้อนของไฟส่องประกายขึ้นในท้องฟ้า ในขณะที่พวกเขาออกจากประตูเมืองและกองทัพของอาณาจักรใต้ก็อยู่ไม่ไกลออกไป
ทันใดนั้นมีเสียงของธนู จำนวนนับไม่ถ้วนก็ดังไปทั่วท้องฟ้าและตกลงมาราวกับฝนตกจากด้านบน
ฮวาจูอวี้มองกลับไปที่เสากำแพงเมือง ผ่านสายฝนของลูกศร นางสามารถมองเห็นแนวของทหารเหนือกำลังมุ่งเป้ามาที่พวกเขา เสี่ยวหยินยืนอยู่ในชุดเกราะสีดำของเขาพร้อมกับมองลงมาที่พวกเขา การแสดงออกของเขาถูกซ่อนไว้อย่างสมบูรณ์โดยความวุ่นวายที่เกิดขึ้น เขาดูเหมือนจะเป็นฮ่องเต้เหนืออย่างแท้จริง เพื่อที่จะปฏิบัติตามสัญญาของเขา เขาไม่ได้แตะต้องพวกเขาในขณะที่พวกเขาอยู่ในเมือง แต่มันก็เป็นการเดินหมากที่ยุติธรรมในขณะที่พวกเขาออกจากประตูเมืองแล้ว
ไม่คิดว่าพวกเขาจะได้พบกันในสนามรบอีกครั้งโดยเร็วเช่นนี้ แม้ว่าจะมีกลุ่มคนที่อยู่เบื้องหลังเพื่อป้องกันพวกเขาจากการโจมตีที่กำลังจะมาถึง นางก็รู้ว่าพวกเขาจะไม่สามารถปิดกั้นลูกศรได้ทั้งหมด ลูกศรที่เล็งมาที่นางและจี่เฟิงหลี่ นั้นมีความรวดเร็วและทรงพลังมาก เสียงหวีดดังขึ้นจากทางด้านหลังและจี่เฟิงหลี่ก็ยกพัดของเขาขึ้นเพื่อสกัดมันไว้
ฮวาจูอวี้ พยายามที่จะเร่งความเร็วขึ้นและอีกเพียงนิดเดียวพวกเขาก็จะสามารถหลบหนีการไล่ล่าของเสี่ยวหยิน และพบกับกองทัพของอาณาจักรใต้ได้แล้ว ในขณะที่ทหารของกองทัพของอาณาจักรใต้กำลังเดินหน้าขึ้นมาเพื่อพบกับพวกเขา น้ำหนักที่หนักอึ้งก็ตกลงมาที่หลังของนาง บางสิ่งบางอย่างอบอุ่นไหลผ่านเครื่องแบบของนาง ทำให้หัวคิ้วของนางขมวดขึ้น กำลังภายในที่จี่เฟิงหลี่ใช้เพื่อสกัดลูกธนูก่อนหน้านี้คงจะเปิดแผลของเขาขึ้นอีก ศีรษะของเขาผิงอยู่บนบ่าของนางจากทางด้านหลัง ลมหายใจอุ่นๆ ของเขาทำให้นางรู้สึกอึดอัด ดังนั้นนางจึงขยับไหล่ของนางและมันก็ทำให้จี่เฟิงหลี่ล้มลงไปทางด้านหลัง เมื่อเห็นเช่นนี้ หลานปิง ก็กระโจมเข้ามารับตัวจี่เฟิงหลี่เอาไว้ทันที
และเนื่องจากแสดงของคบไฟ ฮวาจูอวี้สามารถมองเห็นว่าอาภรณ์ของ จี่เฟิงหลี่นั้นถูกแช่ไปด้วยเลือดสีแดงเข้ม
แม้ว่าตอนที่นางคุ้นเคยกับฉากของการนองเลือดในสนามรบ แต่ฮวาจูอวี้ก็รู้สึกไม่สบายใจเล็กน้อยในขณะนี้
บางทีความแตกต่างของเลือดกับเสื้อคลุมสีขาวของเขามันจึงทำให้มันเกิดเป็นภาพที่น่าตกใจมากขึ้น ใบหน้าของเขาซีดมากและจากทุกอย่างที่เกิดขึ้น มันก็เป็นความผิดของนางที่เขาได้รับบาดเจ็บ แล้วในระยะสั้นๆ ฮวายูอวี้ก็รู้สึกไม่สบายใจมาก!
เมื่อเห็นเจ้านายของเขาตกลงไป ซู่ยหยาง ก็ไม่พอใจและยกสองขาหน้าของมันขึ้น ทำให้ฮวาจูอวี้เสียหลัก นางรีบกระโดดลงไป ในขณะที่หลายปิง ตะโกนขึ้น “ท่านเสนา ทำไมท่านถึงได้รับบาดเจ็บมากเช่นนี้!”
ขนตาของจี่เฟิงหลี่ ขยับเล็กน้อยเมื่อเขาได้ยินเสียงของหลายปิง แต่ดวงตาของเขาก็ไม่ได้ลืมขึ้น มีเพียงรอยยิ้มขมขื่นปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขาเท่านั้น
ถังยวี เองก็รีบตรงเข้ามา เขารีบฉีกผ้าพันแผลออกและใบหน้าของเขาก็เต็มไปด้วยความตกใจ “เร็วเข้ารีบนำแคร่หามมาให้เร็วที่สุด!” ถังยวี หันไปและสั่งทหารด้วยที่เสียงต่ำและสั่นเล็กน้อย
แม้ว่าถังยวี จะไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติมอีก แต่ฮวาจูอวี้ก็ รู้ว่าสภาพของเขาคงไม่ดีแน่
ทหารสองคนนำแคร่หามออกมาในทันทีทันใด หลายปิงช่วยพาจี่เฟิงหลี่ขึ้นไปและพวกเขาก็รีบพาเขาออกไปพร้อมกับถังยวี
ก่อนออกเดินทาง หลานปิง ก็ไม่ลืมที่จะมองไปที่ฮวาจูอวี้อย่างรวดเร็ว ดวงตาของเขาเยือกเย็นอย่างไม่น่าเชื่อและไม่ปิดบังลักษณะที่ซับซ้อนที่อยู่ข้างใน
ถังยวีเองก็มองไปที่นางอย่างเย็นชา ก่อนจะพูดขึ้น“ท่านเสนาได้รับบาดเจ็บเนื่องจากเจ้า แต่เจ้าก็ยังผลักเขาลงจากม้าอีก”
เนื่องจากทั้งสายตาของหลานปิง และคำพูดที่หนักหนวงของถังยวี ทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจจริงๆ นางทำอะไรไม่ได้มาก นอกจากตามหลังไปอย่างเงียบ ๆ