World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 102.1
ริมฝีปากของจี่เฟิงหลี่กลายเป็นเส้นตรง ในขณะที่มองไปที่ฮวาจูอวี้
นางไม่เข้าใจสิ่งที่จี่เฟิงหลี่กำลังคิด แต่สายตาของเขาทำให้นางรู้สึกไม่สบายใจราวกับว่าเขาสามารถมองผ่านนางได้
ความคิดที่ยุ่งเหยิงเริ่มเกิดขึ้นและฮวาจูอวี้ ก็สงสัยว่าจี่เฟิงหลี่ กำลังเริ่มสงสัยในตัวตนของนางหรือไม่
เมื่อนางออกไปจากกำแพงเมืองในวันนั้นเพื่อที่จะขี่ม้าและไปพบกับเสี่ยวหยิน นางไม่เคยคิดเลยว่านางจะต้องแลกดาบกับเขา และใครจะคาดคิดว่าเสี่ยวหยินจะลืมการมีอยู่ของนางไปอย่างสิ้นเชิง นางไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากการป้องกันตัวเองจากการโจมตีของเขา นางมั่นใจว่าการเผชิญหน้าของนางไม่ได้หลุดพ้นไปจากข้อสังเกตของจี่เฟิงหลี่ เขาต้องเฝ้าดูจากกำแพงเมืองอย่างแน่นอน
ในเวลานั้นนางได้ถือหอกซึ่งเป็นอาวุธที่ชาวเจียงฮู ไม่ค่อยใช้ มีเพียงเฉพาะผู้ที่ทำสงครามเท่านั้นที่จะมีความเชี่ยวชาญในการใช้หอก แต่ผลรวมของคนที่เข้าร่วมในกองทัพของแต่ละปีก็ไม่สำคัญอะไร หลายคนนอกเหนือจาก อิงซู่เซี่ย ก็สามารถใช้หอกได้ นอกจากนี้ไทเสี่ยวซือ ยังปลอมตัวเป็น อิงซู่เซี่ย ก่อนหน้านี้ ดังนั้นจี่เฟิงหลี่ จึงไม่น่าจะสงสัยในตัวนาง
ฮวาจูอวี้พยายามสงบตัวเองลง บางทีนางอาจจะเป็นคนที่หวาดระแวงมากไปเอง
อิงซู่เซี่ยเป็นผู้หลบหนีของทางอาณาจักรใต้ ถ้าจี่เฟิงหลี่ สงสัยนาง นางก็น่าจะจับตัวนางไว้ ทำไมเขาถึงจะยังมาช่วยนางจากกองทัพของอาณาจักรเหนือ?
มันไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย
“หยวนเป่า เจ้าอ่านแผนการได้ดีราวกับคุ้นเคยกับพื้นที่ของที่นี่จริงๆ” หลานปิงเหลือบมองไปที่ฮวาจูอวี้ ดวงตาของเขากระพริบดขึ้น้วยความประหลาดใจ
“ข้าเพิ่งแค่อ่านหนังสือมากเท่านั่น” ฮวาจูอวี้แก้ตัวขึ้นอย่างไม่แยแส ในขณะที่นางมองตรงไปที่สายตาของหลานปิงอย่างสงบ
“หยวนเป่า เจ้าเคยอยู่ในสนามรบมาก่อนหรือไม่? ข้าเห็นเจ้าจับหอกด้วยความคล่องแคล่วเช่นนั้น กล่าวตามตรงมันเกินความคาดหมายของข้าจริงๆ “หลานปิงแสดงความคิดเห็นออกมา
ฮวาจูอวี้ประเมินหลานปิง แต่เขาไม่ใช่คนที่สามารถอ่านได้ง่ายๆ ด้านหลังเขา คือถังโจวที่ยืนอยู่พร้อมกับหัวคิ้วที่ขมวดและมองมาที่ฮวาจูอวี้ด้วยอยากรู้อยากเห็น หลังจากที่ได้ยินคำพูดของหลานปิง ดวงตาของเขาก็มีประกายบางอย่าง แต่ถ้าเขาสงสัยว่านางคือ อิงซู่เซี่ย เขาจะไม่มีท่าทีแบบนั้น
ฮวาจูอวี้เหลือบไปมองที่จี่เฟิงหลี่ ก่อนจะเห็นเพียงแค่เขานอนอยู่ที่นั่นบนแขนของเขา ราวกับว่ากำลังนอนหลับสนิทและไม่ได้สนใจกับบทสนทนระหว่างนางและหลานปิงแม้แต่น้อย
นางเงยหน้าขึ้นและพบกับสายตาของหลานปิง ด้วยรอยยิ้มอันขมขื่นบนริมฝีปากของนาง นางพูดอย่างช่วยไม่ได้ขึ้น “เจ้าพูดถูก ข้าเคยอยู่ในสนามรบอย่างสนามรบในเจียงฮู แต่น่าเสียดายที่แม้ว่าก่อนหน้านี้ข้าจะมีส่วนร่วมในการปกป้องอาณาจักร แต่ชีวิตของข้าก็ถูกผลักดันให้ต้องเข้าไปเป็นขันทีในวัง อย่างไรก็ตามข้าคิดว่าข้ายังสามารถทำอะไรบางอย่างได้จากความสามารถของข้า แต่ก็อย่างที่เห็นมันคือความล้มเหลวอย่างสมบูรณ์แบบ “
ถังโจงถอนหายใจหนักๆ ออกมา คิดในใจว่าจะมีใครที่จะสมัครใจไปเป็นขันที
หลานปิงเองก็ถอนหายใจออกมาและพูดขึ้น “มันเป็นความอัปยศสำหรับคนที่มีพรสวรรค์เช่นเจ้าที่จะกลายไปเป็นขันที เจ้าไม่ต้องคอยเฝ้าท่านเสนาในคืนนี้ ข้าได้สั่งคนให้สร้างกระโจมเอาไว้ใกล้ ๆ แล้ว ถ้าเจ้าเหนื่อยเจ้าก็สามารถไปพักผ่อนได้”
ฮวาจูอวี้ยิ้มขึ้นเล็กน้อยและออกไปอย่างรวดเร็ว
ข้างนอก ท้องฟ้ายามค่ำนั้นมืดสนิท ไฟที่เปล่งประกายเป็นเพียงแหล่งกำเนิดของแสงเพียงแห่งเดียวที่ส่องให้เห็นค่ายทหารที่ประจำการอยู่พร้อมกับกระโจมที่มีอยู่ทั่วทุกแห่ง ทหารบางคนพักผ่อน ในขณะที่คนอื่น ๆ ได้รับมอบหมายให้ออกไปลาดตระเวน
ทั้งสองฝ่ายไม่มีการเคลื่อนไหวที่ก้าวร้าวใด ๆ ต่อจะก่อให้เกิดการโจมตีกันและกัน ดังนั้นคืนนี้จึงเงียบสงบ มีเพียงเสียงฝีเท้าของทหารลาดตระเวนและเสียงธงที่สะบัดอยู่ในสายลมเท่านั้น
ที่ด้านขวาของกระโจมของจี่เฟิงหลี่เป็นกระโจมที่มีขนาดเล็ก ๆ เมื่อก้าวเข้ามาภายในฮวาจูอวี้ก็ได้เห็นว่ามันได้รับการตกแต่งอย่างเรียบง่าย แต่ก็มีสิ่งจำเป็นที่ใช้ในทุกๆ วัน
ตั้งแต่ออกจากอาณาจักรทางใต้ ฮวาจูอวี้ก็อยู่กระโจมร่วมกับทหารคนอื่น ๆ อยู่เสมอ คืนนี้เป็นครั้งแรกที่นางมีสถานที่เป็นของตัวเอง นางถอดรองเท้าออก ก่อนจะนอนลงบนเตียงอย่างช้าๆ
แม้ว่านางจะเหนื่อยล้าแต่ก็มีหลายอย่างกำลังวิ่งผ่านอยู่ในหัวใจนางทำให้นางนอนไม่หลับ
นางได้ระมัดระวังและปกปิดความสามารถของนางตั้งแต่การแข่งขันการต่อสู้แล้ว แต่หลังจากการต่อสู้กับเสี่ยวหยิน ทุกคนรู้ก็ว่านางเป็นนักฆ่าที่มีฝีมือ ถ้าพิจารณาสถานการณ์มันก็จะเป็นเรื่องที่น่าสงสัยหากนางยังพยายามปกปิดมันต่อไป นางอาจใช้ตัวตนของนักสู้แห่งเจียงฮู ต่อจากนี้ได้
ภายในกระโจมของจี่เฟิงหลี่
จี่เฟิงหลี่ค่อยๆลืมตาของเขาขึ้น ก่อนจะมองอย่างเย็นชาไปที่หลานปิงและถังโจว
“ท่านเสนา หยวนเป่า แท้จริงคือคนที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยาก ท่านผ่าอันตรายไปช่วยเขาให้พ้นจากการจับกุมของอาณาจักรเหนือเพราะท่านเห็นว่าเขามีประโยชน์ใช่ไหมขอรับ? “หลานปิงถามดขึ้นรอยยิ้ม
“มีข่าวของ อิงซู่เซี่ย เมื่อเร็ว ๆ นี้หรือไม่?” จี่เฟิงหลี่ถามขึ้นโดยไม่สนใจคำถามของหลานปิง
“ขอรับ นี่คือการรายงานล่าสุดจากเมืองหลวง” หลานปิงพูดขึ้นในขณะที่เขาก้าวไปข้างหน้าและส่งจดหมายไปให้จี่เฟิงหลี่
หลังจากที่อ่านข้อความอย่างรวดเร็ว ดวงตาหงส์ของเขาก็หรี่ลง ริมฝีปากของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มเล็กน้อย”อิงซู่เซี่ยปรากฏตัวที่เมืองหยูอย่างนั้นหรือ?”
หลานปิงพยักหน้าและถามอย่างระมัดระวังขึ้น”ท่านเสนา อิงซู่เซี่ย ปรากฏในเมืองหยู ท่านคิดว่าเขาจะเข้าไปในพระราชวังและลอบสังหารฮ่องเต้หรือไม่ขอรับ?”
“เขาจะไม่ทำเช่นนั้น” จี่เฟิงหลี่ส่ายหัวและมองดูเนื้อหาของจดหมายอีกครั้ง ก่อนที่จะโยนเข้าไปในกองไฟ ก่อนจะกลายเป็นขี้เถ้า
“หน้ากากเงิน หอกเงิน ดาบเทียนหย่าหมิงเหย่ (ดวงจันทร์สว่างไสวที่ปลายสุดขอบโลก) ม้าจุยเตี่ยน (สายฟ้า) …. ” จี่เฟิงหลี่เอนไปทางด้านข้างและใช้มือเท้าคาง ริมฝีปากบางของเขาโค้งขึ้นเป็นรอยยิ้มที่อ่อนโยน แต่ก็มีความซุกซนเล็กน้อย
ยิ่งมีการปรากฏตัวที่สมบูรณ์แบบเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีแนวโน้มว่ามันเป็นอุบายมากเท่านั้นเพื่อที่จะเก็บซ่อนบางอย่างไว้ เป็นไปได้ไหมว่าอิงซู่เซี่ย จริงๆจะเป็น …
จี่เฟิงหลี่หรี่ดวงตาของเขาลง ดูเหมือนว่าเขาได้มีการคาดเดาเอาไว้แล้ว อิงซู่เซี่ย อิงซู่เซี่ย เจ้าคิดว่าเจ้าจะสามารถหลอกข้าได้ถึงสองครั้งหรือ?
“ท่านเสนา … ” ถังโจวยังตามไม่ค่อยทันและมองไปที่จี่เฟิงหลี่
“หลานปิง ข้าเคยสั่งให้เจ้าไปตรวจสอบพื้นหลังของหยวนเป่า ก่อนหน้านี้ แล้วเจ้าพบอะไรหรือไม่” จี่เฟิงหลี่ถามขึ้น
“หยวนเป่า ปรากฏตัวครั้งแรกที่หอสุราจุ้ยเซียนฟาง แล้วเขาก็ทำงานเป็นนักดนตรีอยู่เป็นระยะเวลาสั้น ๆ ก่อนจะถูกจับด้วยโดยหวงฝู่ อู๋ ซวง และถูกส่งไปยังพระราชวังเพื่อเป็นขันที เพราะเขาปรากฏตัวขึ้นอย่างฉับพลันในเมืองหลวงจึงไม่สามารถสืบสวนเรื่องอื่น ๆ ได้ โดยปกติแล้วคนที่มีรูปร่างหน้าตาดังกล่าวจะสร้างความประทับใจให้กับคนที่เห็นเป็นอย่างดี แต่มันกลับไม่มีอะไรที่สามารถพบได้เลย! “หลานปิงเองยังพบว่ามันแปลก เมื่อเขาส่งภาพของหยวนเป่าไปให้คนสืบสวนแต่พวกเขากลับไม่พบอะไรมากนัก ไม่มีใครเคยเห็นคนผู้นี้มาก่อน
“มันไม่มีอะไรแปลกใหม่ บางทีในอดีตที่ผ่านมาเขาอาจจะไม่เคยเปิดเผยใบหน้าของเขามาก่อน” จี่เฟิงหลี่พูดขึ้นด้วยรอยยิ้ม
เมื่อไม่สามารถหาหัวหรือหางของสิ่งที่เกิดขึ้นได้ ถังโจวจึงเกาศีรษะของเขา ก่อนจะถามขึ้น “ทำไมเขาถึงไม่เคยเปิดเผยใบหน้าของเขามาก่อน?”
จี่เฟิงหลี่ เหลือบมองไปที่ถังโจว แล้วพูดขึ้นอย่างเฉื่อยชา “เป็นไปได้ว่าเขาอาจจะได้รับการฝึกฝนมาอย่างลึกซึ้งในภูเขา”
“เป็นเช่นนั้นเองหรือ!” ถังโจวพูดขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวดพร้อมกับเก็บคำพูดของจี่เฟิงหลี่เป็นจริงเป็นจัง
มีเพียงหลานฟิงที่ไม่เชื่อจี่เฟิงหลี่ เขารู้สึกเหมือนกับว่าจี่เฟิงหลี่รู้อะไรบางอย่าง แต่ก็ไม่เต็มใจที่จะบอกพวกเขา
ใบหน้าของถังโจวดำมืดลง ในขณะที่เขาฟังพวกเขาพูดคุยเกี่ยวกับ หยวนเป่า ในที่สุดเขาก็แทรกขึ้น”หยวนเป่า น่าสงสารมาก สำหรับคนที่มีพรสวรรค์ที่หาได้ยากเช่นนั้นจะถูกทำให้กลายเป็นขันทีและถูกบังคับให้มีชีวิตอย่างชายก็ไม่ใช่หญิงก็ไม่เชิง ข้าไปสืบมาด้วยตัวเองและพบว่าเก้อกงกงเป็นคนลงมีดด้วยตัวเอง เก้อกงกงได้กระทำแบบนี้มาตลอดชีวิตของเขาและเป็นที่รู้จักกันดีสำหรับทักษะมีดของเขา อย่างไรก็ตามข้าก็ยังได้ยินมาว่าหยวนเป่า สูญเสียเลือดไปมาก … “
เนื่องจากแสงที่สว่างจ้าทำให้ใบหน้าของจี่เฟิงหลี่ ค่อนข้างซีดลงแม้แต่ริมฝีปากของเขาก็ราวกับเป็นสีของขี้เถ้า อาจเป็นเพราะการสูญเสียเลือดไปมากหรือบางทีอาจเป็นเพราะเขาไม่อยู่ในอารมณ์ที่ดีเท่าไหร่ นิ้วมือของเขาที่วางอยู่บนพรมสั่นเล็กน้อย ในขณะที่ดวงตาของเขากระพริบขึ้นราวกับเขาอยู่ในช่วงเวลาแห่งความเศร้าโศก
หลานปิงลดสายตาของเขาลงอย่างเงียบ ๆ มันเป็นเรื่องที่น่าสงสารอย่างแท้จริงโดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับคนที่มีความภาคภูมิใจเช่นหยวนเป่าแม้หยวนเป่าจะถูกเก้อกงกงลงมีดด้วยตัวเอง แต่เขาก็ไม่อาจปล่อยให้ท่านเสนาเดินไปบนถนนที่ผิดได้
หลานปิงมองอย่างเย็นชาไปที่ถังโจว ส่งสัญญาณบอกให้เขาปิดปากของเขาลง
“ท่านเสนา สงครามครั้งนี้ควรได้รับการจัดการอย่างไร? ข้าควรจะเรียกหวางหยูมาที่นี่เพื่อปรึกษาหารือหรือไม่? “หลานปิงรีบเปลี่ยนเรื่องทันที
“ไม่จำเป็น ข้าแน่ใจว่าเขาคงจะเหนื่อยแล้วในวันนี้ หลานปิงส่งจดหมายไปซีเจียง เหย่ สั่งให้เขาเตรียมอาวุธทหารและเสื้อผ้าสำหรับฤดูหนาวเอาไว้อย่างเงียบๆ ในกรณีฉุกเฉิน “จี่เฟิงหลี่หลับตาลงเพราะความเหนื่อย ก่อนจะพูดขึ้น “พวกเจ้าทุกคนสามารถออกไปได้”
หลานปิง ดับเทียนในกระโจมและเดินออกไปพร้อมกับถังโจว
“หลานปิง อาวุธของเราไม่เพียงพอหรือ” ถังโจวถามขึ้นด้วยหัวคิ้วที่ขมวด
หลานปิง ถอนหายใจและพูดขึ้น “ท่านเสนาเพียงแค่ระมัดระวังไว้เท่านั้น เรื่องในราชสำนักเป็นเรื่องยากที่จะคาดเดาได้ “
กองทัพอาณาจักรใต้และอาณาจักรเหนือยังคงอยู่ที่หยางกั่ว
ตามแผนการของฮวาจูอวี้ จี่เฟิงหลี่ ได้ส่งทหารไปตัดแม่น้ำที่ไหลลงสู่ หยางกั่ว ซึ่งเป็นแหล่งน้ำเพียงแหล่งเดียวเท่านั้นและเสี่ยวหยินก็ได้ทิ้งเมืองหยางกั่วและถอยทัพกลับไปทางทิศเหนือสู่แม่น้ำฉิงหมิงในสามวันต่อมา
ทำให้สามารถยึดหยางกั่วกลับมาได้โดยที่ไม่ต้องสูญเสียชีวิตคนเดียวแม้แต่คนเดียว ทำให้ขวัญและกำลังใจของทุกคนดีขึ้นมาก แต่ฮวาจูอวี้คงวิตกกังวล นางรู้สึกว่าคนอย่างเสี่ยวหยินจะไม่ละทิ้งเป้าหมายของเขาอย่างง่ายดายเช่นนั้น
กองทัพของราชอาณาจักรใต้เข้ายึดเมืองหยางกั่วและตั้งค่ายทหารสิบลี้ออกไปทางทิศเหนือ
อาการบาดเจ็บของจี่เฟิงหลี่ ดีขึ้นและเขาก็สามารถเคลื่อนไหวไปมาได้แล้ว วันนี้ฮวาจูอวี้ต้องกลายมาเป็นองคกรักษ์ส่วนตัวของเขา ดูแลเรื่องยาและพัลแผลให้เขา
อย่างไรก็ตาม วันที่เงียบสงบก็อยู่ได้ไม่นาน ความสงบพังทลายลงไปเมื่อจดหมายมารายงานว่ามีการเคลื่อนไหวอยู่ใกล้ๆ กับตะวันตกเหลียง
บรรยากาศที่เยือกเย็นและความตึงเครียดต่างก็ปกคลุมไปด้วยค่าย
ฮวาจูอวี้รู้ว่าเสี่ยวหยินจะไม่ปล่อยมือไปอย่างง่ายๆและแน่นอนที่สุดว่าเขากำลังรอการมาถึงกองทัพของตะวันตกเหลียง ก่อนหน้านี้นางได้นำทัพเข้าต่อสู่และได้รับชัยชนะต่อตะวันตกเหลียง และยังได้บังคับให้พวกเขายอมจำนนและให้ทำสัญญาสงบศึก การบังคับให้พวกเขาทำเช่นนี้ทำให้พวกเขารู้สึกไม่พอใจ
บางทีตะวันตกเหลียงอาจจะอยากเป็นพันธมิตรกับอาณาจักรภาคเหนือมานานแล้ว พวกเขาพยายามที่จะสร้างพันธมิตรด้วยการแต่งงานมาก่อน เมื่อฮ่องเต้แห่งตะวันตกเหลียงได้ขอนางแต่งงานเพราะเชื่อว่านางคือองค์หญิงโจวหย่า แต่นางก็ทำให้เขาผิดหวังโดยการหันไปหาโตนเฉียนจินแทน
การร่วมมือระหว่างตะวันตกเหลียงกับอาณาจักรเหนือ ทำให้อาณาจักใต้เหมือนคนตาบอด
ขณะนี้มีกองกำลังประจำการอยู่เพียง 20,000 นายที่เมืองเหลียงโจว เนื่องจากมีสนธิสัญญาสงบศึก พวกเขาไม่แข็งแรงเท่ากับกองทัพของตระกูลฮวาและไม่เพียงพอที่จะปกป้องการโจมตีจากตะวันตกเหลียงได้ เมืองหยู จะต้องได้รับการปกป้องจากทหารจำนวน 100,000 นายในการปฏิบัติหน้าที่ แต่พวกเขาก็อยู่ไกลเกินไป