World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 103.1
ใกล้ถึงจุดสิ้นสุดของฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ลมหนาวทำให้อากาศหนาวเย็นเล็กน้อยเมื่อมันพัดผ่านใบหน้าของพวกเขาราวกับความคมชัดของดาบบนผิวของพวกเขา ในอดีตที่ผ่านมาฮวาจูอวี้เคยสวมหน้ากากเงิน ดังนั้นแม้ว่านางจะอยู่ในสนามรบเป็นเวลาหลายปี แต่ใบหน้าของนางยังคงเรียบเนียนและบอบบาง ถ้านางไม่ปลอมตัวเป็นขันที จะมีเพียงไม่กี่คนที่จะเชื่อว่านางเป็นผู้ชาย ตอนนี้มันแตกต่างกัน การขี่ม้าในช่วงสองสามวันที่ผ่านมาทำให้นางรู้สึกว่าผิวของนางหมองคล้ำลงเนื่องจากแสงจ้าของแสงแดด ทรายและฝุ่นละอองที่พัดมากับสายลมเหนือ นอกจากนี้นางได้ปลอมตัวเป็นผู้ชายเป็นเวลาหลายปี ดังนั้นจึงเป็นธรรมชาติที่ลักษณะของนางจะเหมือนกับผู้ชายทั่วไป
ตอนกลางคืน ท้องฟ้าทางตอนเหนือดูสงบเหมือนน้ำ แสงจันทร์ส่องลงมาในขณะที่ทหารต่างก็เดินหน้าต่อไปพร้อม ๆ กัน เนื่องจากการประทะของสายลม ทำให้ธงกระพืออย่างมีชีวิตชีวา กองกำลังเหล่านี้ได้นำสบียงมาเพื่อที่จะอยู่ได้ภายใน 4 วันเท่านั้น พวกเขาเดินทางด้วยความเร็วที่สม่ำเสมอตลอดทั้งคืน เพื่อรักษาความแข็งแรงและความตื่นตัวต่อการโจมตีที่อาจจะเกิดขึ้นได้
ฮวาจูอวี้ดึงบังเหียนมาอยู่ด้านหน้ากองทัพฮู ข้างๆนางเป็นผู้ถือธง ธงของกองทัพฮู สะบัดไปพร้อมกับสายลม ทำให้เกิดอาการสั่นไหวขึ้นในหัวใจของนาง
นางไม่เคยคิดว่านางจะได้เข้าสู่สงครามและสวมเกราะอีกครั้ง บิดาของนางอาศัยอยู่ในสนามรบเกือบจะตลอดชีวิต เพียงเพื่อที่จะได้รับการกล่าวหา และถูกประหารชีวิตด้วยข้อหากบฏ คนของกองทัพฮวาของนางถูกไล่ออกจากตำแหน่ง
หลังจากที่เกิดเรื่องขึ้นแล้ว นางก็ตัดสินใจที่จะไม่ยอมยกชีวิตของนางให้กับอาณาจักรใต้อีกต่อไป แต่อย่างไรก็ตาม นางไม่สามารถทำเป็นมองไม่เห็นสถานการณ์ในปัจจุบันและยอมให้อาณาจักรเหนือบุกเข้ามาได้ นางไม่ต้องการให้คนถูกสังหารและพบกับความอัปยศอดสู ในฐานะแม่ทัพ นางเคยอาศัยอยู่ด้วยความเชื่อที่ว่า: ปกป้องประชาชน ปกป้องอาณาจักร แม้ครอบครัวของนางจะไม่อยู่แล้ว แต่ก็ยังมีครอบครัวอื่น ๆ นับไม่ถ้วนให้ปกป้อง อาณาจักรไม่ใช่แค่ราชวงศ์เท่านั้น
นางยังสามารถแยกแยะความแตกต่างของทั้งสองเรื่องได้
กองกำลังขี่ม้าออกมากว่า 50 ลี้ก่อนที่จะตั้งค่ายพักและพักผ่อนในเช้าวันรุ่งขึ้น ฮวาจูอวี้ แนะนำให้เดินทางในเวลากลางคืนและพักผ่อนในเวลากลางวันเพื่อป้องกันการโจมตียามค่ำคืนที่อาจจะเป็นไปได้จากกองทัพของอาณาจักรเหนือ เพราะแบบนี้ดูเหมือนว่าพวกเขาสามารถเดินทางไปทางทิศตะวันตกได้มากกว่า 200 ลี้แล้ว
ค่ำคืนนั้นมืดและมีเพียงแสงเลือนลางจากดวงจันทร์เท่านั้น
“รายงานผู้บัญชาการเป่า 10 ลี้ข้างหน้าเป็นหุบเขาลึกขอรับ” ทหารของกองทัพฮู รายงานขึ้น
ฮวาจูอวี้ หยุดม้าของนางและหัวคิ้วของนางก็ขมวดขึ้น ในขณะที่นางพูดขึ้น”หุบเขาลึกหรือ?” ”
“ใช่ขอรับ! มันมืดและข้าก็ไม่กล้าจะเข้าไปข้างใน ”
“เราสามารถไปถึงตะวันตกเหลียงได้โดยไม่ต้องผ่านหุบเขาลึกหรือไม่?” ฮวาจูอวี้ถามขึ้น
“ได้ขอรับ แต่มันเป็นเส้นทางที่ยาว การข้ามหุบเขาลึกเป็นเส้นทางที่สั้นที่สุดแล้วขอรับ “นายทหารพูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ
ฮวาจูอวี้ ครุ่นคิดอย่างเงียบ ๆ หากกองทัพอาณาจักรใต้กำลังรีบเดินทาง การผ่านหุบเขาลึกจะเป็นเส้นทางที่ดีที่สุด บางทีกองทัพอาณาจักรเหนือได้พิจารณาแล้วว่ามันเป็นสถานที่ที่เป็นไปได้สำหรับการซุ่มโจมตี
ฮวาจูอวี้สั่งให้กองทัพฮูหยุดและพักผ่อน อีก 7 กองพันก็หยุดลงและผู้บัญชาการแปดคนก็มารวมกันเพื่อหารือเกี่ยวกับสิ่งที่ต้องทำต่อไป
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้บัญชาการทั้งแปดคนได้มารวมกัน ถังยวี่ และหนานกง เสวีย ก็เป็นผู้บัญชาการทหารด้วยเช่นกัน ซึ่งได้รับการเลื่อนตำแหน่งจากนายทหาร
“ด้านหน้าเป็นหุบเขาลึก ข้ารู้สึกไม่สบายใจ ใครจะรู้ว่ากองทัพของอาณาจักรเหนือกำลังรออยู่ที่นั่นหรือไม่ เราไม่ควรข้ามไป “หนานกง เสวีย ยกคำคัดค้านของเขาขึ้นมาในฐานะผู้บัญชาการสูงสุด
“เราต้องรอที่นี่หรือ? จะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่มีการซุ่มโจมตี? “ผู้บัญชาการคนอื่นๆ ถามขึ้น
“ถ้าเช่นนั้นเราก็ปล่อยให้ทหารม้า 1,000 คน ขี่ม้าข้ามไปสำรวจก่อนและทหารที่เหลือก็รออยู่ข้างนอก ถ้ามีการซุ่มโจมตีเราก็จะรู้อย่างแน่นอน “ฮวาจูอวี้ กล่าวขึ้นอย่างช้าๆ
ผู้บัญชาการอีกเจ็ดคน ต่างก็มองไปที่ฮวาจูอวี้ ครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้แล้วพูดขึ้น”ลองใช้ความคิดของผู้บัญชาการเป่าดู”
ฮวาจูอวี้รู้สึกประหลาดใจที่พวกเขาเห็นด้วยอย่างง่ายดาย นางคาดหวังว่าจะได้รับแรงกดดันจากความคิดของนางมากกว่านี้
กองทัพเดินทางต่อไปและครึ่งชั่วยามต่อมาก็มาถึงทางเข้าสู่หุบเขา มีม้าพันตัว แต่ละตัวมีกระบองไฟติดอยู่ที่ศีรษะและกิ่งไม้ติดอยู่ที่หางของมัน เมื่อม้าถูกปล่อยเข้าสู่หุบเขาหางของพวกเขาก็จะสะบัดไปมาทำให้เกิดฝุ่นละอองฟุ้งไปทั่ว จากระยะไกลๆ มันก็ยากที่จะเห็นว่าไม่ใช่ทหารคนเดียวกำลังขี่ม้าผ่านหุบเขาไป
หลังจากไปผ่านประมาณหนึ่งกานธูป เสียงของก้อนหินที่กำลังตกลงมาจากทั้งสองด้านของหน้าผาก็ดังขึ้นและทำให้พื้นดินสั่นสะเทือน ตามมาด้วยลูกศรและเสียงกรีดร้องของม้าหลายร้อยตัวก็ค่อยๆจางหายไป
ใบหน้าของผู้บัญชาการดำมืดขึ้นทันที หนานกง เสวีย สั่งให้ทหารเตรียมพร้อมและรอฟังคำสั่ง
ฮวาจูอวี้ ก้มศีรษะลงและถอนหายใจออกมา มีการซุ่มโจมตีจริงๆ ช่างเป็นเรื่องที่น่าสงสารสำหรับม้าเหล่านั้นจริงๆ ดูเหมือนการต่อสู้จะหลีกเลี่ยงไม่ได้แล้วในคืนนี้
มองไปรอบ ๆ ภูมิประเทศส่วนใหญ่เป็นแนวราบ มีเนินเขาสูงชันบางแห่ง ไม่ใช่ภูมิประเทศที่ดีที่สุดสำหรับพวกเขาที่จะใช้ประโยชน์ได้
ในตอนกลางคืนนั้นมืดมาก ดวงจันทร์เลืองลางในท้องฟ้าล้อมรอบไปด้วยดาวเพียงไม่กี่ดวงเท่านั้นที่สามารถมองเห็นได้ ลมในตอนกลางคืนพัดมาสู่ร่างกายทำให้รู้สึกหนาวเย็นขึ้น
ไม่เหมือนนาง ฮวาจูอวี้ก้มลงไปยังที่เก็บของและดึงขวดเหล้าองุ่นออกมา ก่อนที่จะเข้าสู่สงคราม นางมักจะดื่มเหล้าสองสามอึก มีเพียงรสชาติที่เข้มข้นของเหล้าที่สามารถระงับความเมตตาในหัวใจของนางลงได้ นางยังไม่ลืมความสยดสยองครั้งแรกที่นางเห็นสนามรบที่เต็มไปด้วยเลือด มันทำให้นางต้องอาเจียนหนักๆ ออกมาหลายครั้ง ในที่สุดนางก็สามารถที่จะสงบสติอารมณ์ของตัวเองลงได้หลังจากดื่มเหล้าองุ่นไปแล้ว ตอนนี้นางมีความแน่วแน่นมากขึ้น แต่การดื่มเหล้าก่อนที่จะเข้าสู่สงครามก็กลายเป็นนิสัยของนางไปแล้ว
แต่นางไม่เคยเตรียมมันด้วยตัวเอง นางเพียงแค่ต้องเอนหลังลงไปคว้าขวดเหล้ามาจากผิง เหลาต้า ตอนนี้ ผิง อัน คัง ไท่ ไม่ได้อยู่เคียงข้างนางอีกแล้ว อันเสี่ยวเอ้อร์ก็อยู่ในวัง ไท่เสี่ยวซื่อก็ปลอมตัวเป็น อิงซู่เซี่ย อยู่ในเมืองหยู ในขณะที่ผิง เหลาต้า และคัง เหลาซาน ก็อยู่ในมืองหยู เพื่อช่วยนางในการสืบสวนของนาง
มันเหงาจริงๆ ที่ต้องเดินไปบนเส้นทางสายนี้เพียงพำลัง แต่นางรู้ว่าต้องทำมันต่อไป
นางเอื้อมมือลงไปที่ม้า ก่อนจะมีมือหนึ่งยื่นออกมาทางนาง ในมือคือไอเหล้าที่เปิดแล้ว ; กลิ่นที่เข้มข้นของเหล้าลอยมาตามลมมาถึงนาง
ฮวาจูอวี้ตกใจว่าทำไมถึงมีใครบางคนในกองทัพฮู รู้ถึงนิสัยของนาง?
นางเงยหน้าขึ้นและยิ้มให้กับคนที่ส่งเหล้าให้กับนาง
ริมฝีที่เป็นเส้นตรง พร้อมกับสายตาที่นิ่งสงบที่ดูมีภูมิปัญญาและคู่ของหัวคิ้วคมชัด หน้าที่คุ้นเคยนี้ทำให้ใบหน้าของฮวาจูอวี้ดูอบอุ่นขึ้น นางรับเหล้ามา ก่อนจะเอียงศีรษะของนางกลับไปข้างหลังและดื่มเหล้าองุ่น
มันยังเป็นเหล้าที่นางชื่อชอบที่จะดื่มมันเป็นประจำ และมันยังคงให้ความรู้สึกที่ร้อนแรงเช่นเคย ความรู้สึกเหมือนลำคอของนางกำลังลุกไหม้ นางอยากจะดื่มมากขึ้น แต่เหล้าก็เกือบจะว่างเปล่าหลังจากที่นางดื่มไปเพียงไม่กี่อึก จู่ๆ ก็มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาและคว้าไหเหล้ากลับไป ก่อนที่นางจะเทมันทั้งหมดลงในปากของนาง
“ห้าอึกเท่านั้น! ไม่มากไปกว่านี้! “เสียงต่ำที่จริงจังของเขาออกคำสั่งขึ้น
ผิง เหลาต้าเป็นผู้ชายที่พูดน้อย แต่เมื่อเขาพูด เขาจะเป็นคนหนึ่งที่จะรักษาคำพูดเสมอ
ริมฝีปากของฮวาจูอวี้โค้งขึ้น “ผิงทำไมถึงมาอยู่ที่นี่? แล้วคังอยู่ที่ไหน? “โชคดีที่มันมีเสียงดังมากและความสนใจของทุกคนก็คือการซุ่มโจมตีในหุบเขา ดังนั้นจึงไม่มีใครให้ความสนใจกับพวกเขา
ผิง เหลาต้ามองไปที่ฮวาจูอวี้ด้วยดวงตาที่หรี่ลงของเขาอยู่เป็นเวลานานโดยที่ไม่ได้พูดอะไร
ฮวาจูอวี้ เข้าใจ ผิง เหลาต้าไม่เคยเห็นรูปร่างหน้าตาของนางมาก่อน บางทีเขาอาจจะตกใจ แต่นางรู้ว่าผิง เหลาต้าจะไม่เยาะเย้ยนางเหมือน อัน เสี่ยวเอ้อร์
แต่ถ้าเขาไม่เคยเห็นใบหน้าของนาง แล้วเขารู้จักนางอย่างไร?
“ข้าได้ซ่อนตัวอยู่ในกองทัพมานานแล้ว ส่วนคังก็กลับไปที่เมืองหยูแล้ว” ผิง เหลาต้า กลับคืนสู่ความสงบและดึงสายตาของเขาออกไปจากใบหน้าของฮวาจูอวี้ ในขณะที่หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้น
“เจ้ารู้ว่าเป็นข้าได้อย่างไร?” ฮวาจูอวี้ ถามขึ้นด้วยเสียงต่ำ
ก่อนที่นางจะออกจากชายแดนทางเหนือ นางได้ส่งข้อความถึงอัน เสี่ยวเอ้อร์ นางไม่ได้คิดที่จะปล่อยให้พวกเขามากับนาง แต่การที่ผิง เหลาต้าตามนางมาถือว่าเป็นความประหลาดใจที่นางไม่คาดคิด อีกอย่างเขาก็ซ่อนตัวได้ดีจริงๆ ถ้าเป็นคัง เหลาซานเขาจะถูกจับได้และถูกเปิดเผยตัวตนของเขาไปแล้ว
“ข้าได้ยินจากอัน” ผิง เหลาต้า ตอบ
ในระหว่าง ผิง อัน คัง และไท่ มีเพียงอัน เสี่ยวเอ้อร์ ที่รู้ว่านางเข้าไปในพระราชวังและกลายเป็นขันที และมีเพียงเขาที่ได้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของนาง นาง นางให้เขาสาบานว่าจะไม่บอกคนอื่นดังนั้นนางจึงได้ส่งข้อความของนางผ่านเขาไปถึงคนอื่นๆ อยู่ตลอด
“อย่าตำหนิเขาเลย เราทุกคนกังวลเรื่องความปลอดภัยของท่าน ที่จริงอันก็ไม่เคยบอกข้าตรงๆ ข้าเพียงแต่คาดเดาเอาเท่านั้น “ผิง เหลาต้าพูดขึ้นเบา ๆ
เขาจำได้ว่าเมื่ออัน เสี่ยวเอ้อร์ บรรยายลักษณะของท่านแม่ทัพของเขาเขาก็พูดประโยคนี้ขึ้น “งดงามมาก ๆ ” ไม่มีใครคิดว่าแม่ทัพของพวกเขาจะมีลักษณะเช่นนั้นจากท่าทางของเขา
ผิง เหลาต้ารู้ว่าอันเสี่ยวเอ้อร์มีปากที่เป็นพิษ เขาจะใช้คำว่า “งดงาม” เพื่ออธิบายถึงลักษณะของท่านแม่ทัพได้อย่างไร? แต่เมื่อเขาติดตามกองทัพไปยังเมืองหยางกั่วและเห็นชายคนหนึ่งต่อสู้กับฮ่องเต้ของอาณาจักรเหนือเสี่ยวหยิน เขาก็จดจำการเคลื่อนไหวของเขาได้ และนั่นก็เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นด้วยกับมุมมองของอัน เสี่ยวเอ้อร์
อัน เสี่ยวเอ้อร์ถูกไม่ผิด
ฮวาจูอวี้ พยักหน้า แน่นอนนางไม่ได้ตำหนิพวกเขา
เสียงคำรามในหุบเขา เดินหน้าต่อไปเป็นเวลานาน ก่อนที่จะหยุดลง
กองทัพของอาณาจักรเหนือมีแผนจะทำลายกองทัพของอาณาจักรใต้โดยการซุ่มโจมตี แต่ตรงกันข้าม พวกเขากลับพบกับความล้มเหลวและถูกหลอกให้เปิดเผยตำแหน่งของตัวเอง แต่พวกเขาก็ไม่สนใจ พวกเขามีความมั่นใจในความรุ่นแรงในการต่อสู้ของพวกเขา ผู้บัญชาการของพวกเขาสั่งให้โจมตีและหน่วยทหารราบก็รีบวิ่งไปข้างหน้า และการสู้รบก็เริ่มขึ้น
ทหารของอาณาจักรภาคเหนือแข็งแรงและใช้อาวุธที่มีน้ำหนักอย่างกระบอง เมื่อทั้งสองฝ่ายเผชิญหน้ากัน ทหารของอาณาจักรใต้ ก็กินความสูญเสียเล็กน้อย และอาณาจักรเหนือก็ไม่ได้รับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ แต่กลับประสบกับความสูญเสียอย่างหนักแทน
ทหารแนวหน้าของอาณาจักรใต้ใช้หอก สิ่งนี้ทำให้พวกเขาได้เปรียบในเรื่องของระยะทาง เพราะหอกของพวกเขามีความยาวมันช่วยทำให้พวกเขาสามารถกำจัดกระบองของอาณาจักรใต้ลงได้ และเมื่อกระบองหลุดออกไป ทหารจากอาณาจักรใต้ก็ใช้ดาบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อโจมตี ก่อนที่จะถอยออกมาให้โจมตีด้วยหอกอีกครั้ง
ผู้บัญชาการกองทัพของอาณาจักรเหนือคือมือซ้ายและขวาของเสี่ยวหยิน เหว่ย จ้าวและ เหว่ย ต้าจี้ ดวงตาที่ราวกับเสือของเหว่ย ต้าจี้ จ้องมองอย่างรุนแรงจนเส้นเลือดบนหน้าผากของเขาปรากฏขึ้นอย่างเห็นได้ชัด พวกเขาควรใช้กลยุทธ์แบบไหน? แม้แต่การโจมตีครั้งที่สองพวกเขาก็ล้มเหลว! อาณาจักรใต้มีฝีมืออย่างแท้จริง เขาคิด
เหว่ย จ้าง ดูการต่อสู้ก่อนจะพูดขึ้น “ต้าจี้ นี้เป็นชั้นเชิงทางทหารที่ชายแดนตะวันตกใช้ ไม่คาดคิดว่ากองกำลังจากเมืองหลวงจะรู้จักมันด้วยเช่นกัน พวกเราจำเป็นต้องเปลี่ยนกลยุทธ์อย่างรวดเร็ว!”
ยุทธวิธีหอกและดาบ คือยุทธวิธีที่ฮวาจูอวี้หยิบขึ้นมาเมื่อผู้บัญชาการทั้งหมดหารือเรื่องการสู้รบ
กองกำลังทหารของอาณาจักรเหนือ ต่างก็วิ่งขึ้นมาจากหุบเขาคล้ายคลื่นที่น่ากลัวและรุนแรง มันเป็นส่วนที่รวดเร็วและมีความคล่องตัวอย่างมากซึ่งเป็นเรื่องยากที่จะป้องกันได้ พวกเขาเหมาะสมแล้วที่ได้รับการกล่าวขานว่ามีฝีมือดีที่สุดในสนามรบ
ใบหน้าของฮวาจูอวี้ ดำมืดลง ในขณะที่นางมองไปข้างหน้า หากการต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไปเช่นนี้ อาณาจักรเหนือจะพ่ายแพ้ นางต้องคิดหาหนทางที่จะปราบปรามทหารของอาณาจักรเหนือ เมื่อคิดอยู่ครู่หนึ่ง ฮวาจูอวี้ก็สั่งให้เป่าแตรสามครั้งเพื่อถึงความสนใจของทุกคน นางยกเสียงของนางและใช้กำลังภายในในการพูดเพื่อให้ทุกคนได้ยิน “ทหารม้าห้าแถวมาอยู่ด้านหน้ากองทัพฮูและลงจากหลังม้าโดยเร็วที่สุด แล้วให้แทงดาบลงไปที่ด้านข้างของม้าและสั่งให้พวกเขาวิ่งไปทางทหารของอาณาจักรเหนือ เร็วเข้า!”