World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 104.2
บ่ายวันรุ่งขึ้น จี่เฟิ่งหลี่ ส่งคำเชิญไปให้ฮวาจูอวี้ เพื่อเชิญนางมาเล่นหมากรุกด้วย และเนื่องจากที่นางเบื่อนางจึงเห็นด้วย เมื่อนางมาถึงจี่เฟิ่งหลี่ ก็อยู่ในระหว่างการแข่งขันหมากรุกกับหลานปิง ซึ่งในปัจจุบันก็กำลังแพ้อยู่ หลานปิง รู้สึกตื่นเต้นที่ฮวาจูอวี้ มาที่นี่เพื่อที่เขาจะได้ไม่ต้องเล่นหมากรุกต่อไป เขาย้ายออกจากที่นั่งเพื่อให้นางเข้ามา แต่โดยไม่คาดคิดนางกลับต้องการที่จะเล่นกับเขาแทน จี่เฟิ่งหลี่ไม่ได้แสดงความคิดเห็นและย้ายไปด้านข้างเพื่อสังเกตแทน โดยธรรมชาติแล้วมันไม่ได้ใช้เวลานานสำหรับฮวาจูอวี้ที่จะเอาชนะและหลังจากนั้นนางก็เริ่มเล่นเกมกับจี่เฟิ่งหลี่ พวกเขาทั้งสองจมอยู่ในเกมซึ่งกินเวลาไปจนดึก ทักษะของพวกเขาไม่ต่างกันมากและไม่สามารถตัดสินถึงผู้ชนะได้ และเนื่องจากมันจะดึกเกินไป จี่เฟิ่งหลี่ จึงตัดสินใจว่าพวกเขาควรจะหยุดการแข่งขัน โดยให้เหตุผลว่าฮวาจูอวี้ ยังคงต้องพักฟื้นและควรกลับไปพักผ่อนได้แล้ว หลังจากที่ฮวาจูอวี้กลับไปก็เหลือเพียงหลานปิงและจี่เฟิ่งหลี่เท่านั้น
“วางกระดานหมากรุกไว้ข้างๆ อย่าทำให้ชิ้นส่วนมันยุ่งเหยิง” จี่เฟิ่งหลี่สั่ง ในขณะที่เขาจิบน้ำชา รอยยิ้มเล็กๆ ปรากฏขึ้นบนริมฝีปากของเขา ในขณะที่จ้องมองไปที่กระดานหมากรุก
เมื่อเห็นอย่างนี้ หัวใจของหลานปิง ก็ดำดิ่งลง
มันจบแล้ว!
มันไม่ได้เป็นเพียงแค่ท่านเสนาเท่านั้น แต่เขายังสามารถรู้สึกว่าได้หยวนเป่าเองก็เข้ากันได้กับท่านเสนาได้เป็นอย่างดี ยิ่งเขามองมากเท่าไหร่ มันน่าเสียดายที่….
เขาไม่ควรคิดอย่างนี้ เขาจะต้องไม่ปล่อยให้ท่านเสนาเดินไปในทางที่ผิด
แล้วถังโจว ก็เข้ามาในกระโจมและรายงานขึ้น “ท่านเสนาเสบียงของกองทัพที่ได้ขนส่งโดย ซี เจียงเยวี่ย เดินทางผ่านมาถึงเขาเสี่ยวยวี่ แล้วและจะมาถึงที่นี่ในอีกสองสามวันขอรับ”
เมื่อได้ยินเช่นนี้จี่เฟิ่งหลี่ก็สั่งขึ้น “ถังโจวนำทหารจำนวน 20,000 นายออกไปพบพวกเขา เราไม่สามารถพึ่งพาธัญพืชและอาหารจากในวังหลวงได้เท่านั้น ฤดูหนาวกำลังจะมา เสบียงเหล่านี้และของใช้ในช่วงฤดูหนาวมีความสำคัญมาก”
ถังโจวรับคำสั่งและออกไป
จี่เฟิ่งหลี่นั่งอยู่ที่โต๊ะของเขาและพูดขึ้นด้วยเสียงที่เบา“ หลานปิง บอกกับหวังหยู ให้ระงับข่าวชัยชนะของกองทัพของเรา แล้วส่งจดหมายไปยังราชสำนักเพื่อแจ้งให้พวกเขาทราบว่าสงครามนั้นน่าหวาดกลัวและยุ่งยากมาก บอกพวกเขาว่าเรากำลังประสบความสูญเสียอย่างต่อเนื่อง”
หลานปิง ตอบอย่างเคร่งขรึมขึ้น “ท่านเสนามีความรอบครอบอย่างแท้จริง เนื่องจากเราได้จัดการกับพวกสอดแนมเหล่านั้นไปแล้ว และผู้ที่อยู่ในราชสำนักต่างก็ไม่รู้เรื่องของสงคราม แม้แต่ฮ่องเต้ตัวน้อยนั้นก็ยังมีชีวิตอยู่ในความกลัวอยู่ในแต่ละวัน!”
จี่เฟิ่งหลี่ยิ้ม“ ฮ่องเต้อาจจะไม่บอบบางอย่างที่เจ้าคิด อย่างไรก็ตามการทำให้เขากังวลนั้นก็เป็นเรื่องดีเช่นกัน หากคนเหล่านั้นรู้ว่าเรากำลังชนะ เมืองหลวงอาจจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย” โดยเฉพาะเมื่อสถานการณ์เลวร้ายและในขณะที่อาณาจักรเหนือบุกรุกเข้าไป พวกเขาอาจจจะไม่เคลื่อนไหว
“ท่านเสนา เช่นนั้นข้าต้องขอตัวก่อน” หลานปิง ออกจากกระโจมของจี่เฟิ่งหลี่ไป หลังจากนั้นเขาก็ไปแจ้งกับหวังหยูแล้วไปหาผู้บัญชาการถังยวี่
มันผ่านมาเพียงชั่วระยะเวลาหนึ่งและการฝึกซ้อมทางทหารก็เสร็จสิ้นลงในคืนเดียวมันเงียบและสงบมาก ถังยวี่ กำลังนั่งอยู่ในที่นั่งของเขา ต่อหน้าเขาจะมีขวดอยู่หลายรูปแบบ ไม่แน่ใจว่าเขากำลังศึกษาพิษชนิดใดอยู่ แต่เมื่อเขาเห็นหลานปิง เข้ามาในกระโจมของเขา เขาก็หันกลับไปทำที่สิ่งที่เขากำลังทำอยู่
แล้วหลานปิงก็บ่น “เจ้ายังมีกะใจที่จะนั่งอยู่ที่นี่และทำอย่างนั้นอยู่อีกหรือ? ภัยพิบัติกำลังจะเกิดขึ้นกับท่านเสนาได้ทุกเวลาแล้ว!”
ถังยวี่ หยุดสิ่งที่เขาทำและถามขึ้น “ เกิดอะไรขึ้นกับท่านเสนาหรือ?”
หลานปิง ตบไหล่ของถังยวี่และพูดด้วยสายตาที่มีความหมายขึ้น “ท่านเสนากำลังจะจบแล้ว!”
ถังยวี่ขมวดคิ้ว แต่ทันใดนั้นเขาก็ลูบไหล่เขา
“ ก่อนอื่น เขาไม่สนใจคำเตือนของเราและไปที่อาณาจักรเหนือเพื่อช่วยหยวนเป่า และเนื่องจากเรื่องนั้นทำให้เขาได้รับบาดเจ็บสาหัสและเกือบเอาชีวิตไม่รอด และตอนนี้เขาก็นำทหาร 100,000 นายเข้าสู่สนามรบ เจ้าเคยเห็นเขาทำเช่นนี้มาก่อนหรือ? หากสิ่งต่างๆดำเนินต่อไปเช่นนี้ แล้วสิ่งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเล่า?”หลานปิงถามขึ้น
“แต่เราจะทำอะไรได้?” ถังยวี่ ถาม แต่ไม่เข้าใจว่าหลานปิง กำลังต้องการอะไรจากในเรื่องนี้
“ข้ามีวิธี แต่ข้าต้องการความช่วยเหลือจากเจ้า!” หลานปิง โน้มตัวไปที่ ถังยวี่ และกระซิบคำสองสามคำขึ้น
หลังจากได้ยินแผนของหลานปิง ถังยวี่ ก็โบกมือแล้วพูดขึ้นทันที “ข้าทำไม่ได้!”
“เจ้าต้องการให้ชีวิตของท่านเสนาจบลงแบบนั้นหรือ” หลานปิง อุทานขึ้น
ถังยวี่ ถอนหายใจยาวๆ ออกมา หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดอย่างหงุดหงิดขึ้น “ ก็ได้ๆ!”
ท้องฟ้ายามค่ำคืนทางเหนือนั้นเงียบสงบราวกับทะเล ดวงจันทร์ส่องแสงสลัว ๆ เหนือค่ายทหาร ทำให้มันดูเหมือนว่ามีชั้นน้ำแข็งปกคลุมอยู่
จี่เฟิ่งหลี่เพิ่งกลับมาที่กระโจมของเขา ก่อนจะนั่งลงที่โต๊ะของเขาดื่มเหล้าลงไปสองสามอึก แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้สึกว่าร่างกายของเขากระฉับกระเฉงและรู้สึกว่ามันเริ่มร้อนขึ้น ความรู้สึกที่ไหลพุ่งออกมาจากในอกของเขาและแผ่ออกเหมือนไฟป่า ผ่านแขนขาของเขาไป ในคืนในฤดูหนาวที่หนาวเหน็บนี้ เขายกมือขึ้นและพัดให้ตัวเอง แต่ความร้อนที่เหลือทนก็ไม่ได้ลดลง เขาเอื้อมมือไปที่ปลอกคอของเขาและคลายมันออก แต่เมื่อสัมผัสไปที่ผิวของเขา เขากลับรู้สึกว่มันร้อนอย่างน่าอัศจรรย์ ร่างกายทั้งหมดของเขาราวกับถูกไฟไหม้อย่างรุนแรง
อย่างไรก็ตาม ดวงตาที่ลึกของเขากลับเต็มไปด้วยความเย็นจัด เขาคิดว่าเขาถูกพิษให้แล้ว เขารีบเรียกหาจี่สุ่ยและจี่เยวีย สั่งให้พวกเขาไปพาถังยวี่ มาอย่างรวดเร็ว
เมื่อถังยวี่ มาถึงเขาก็ตกใจเมื่อเห็นจี่เฟิ่งหลี่ เขาเอื้อมมือไปที่ข้อมือของ จี่เฟิ่งหลี่ เพื่อตรวจชีพจรของเขา หลังจากนั้นครู่หนึ่ง การแสดงออกของเขาก็ดูไม่ดี
“มันคือพิษอะไร?” จี่เฟิงหลี่ ถามอย่างเย็นชาด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง
“ฉิงซื่อหลาว!” ถังยวี่ตอบ “ พิษนี้เป็นยาปลุกกำหนัดที่มีการทำให้ประสาทหลอนและจะต้องได้รับยาเป็นเวลา 49 วัน หลังจากนั้นการสะสมของพิษก็จะเริ่มเห็นผล เมื่อพิษกำเริบมันจะไม่สามารถทำให้เงียบลงได้”
“ 49 วันหรือ?” จี่เฟิงหลี่ พูดซ้ำขึ้น ดวงตาของเขาหรี่ลงและกระพริบขึ้นอย่างเย็นชาภายใต้แสงเทียน ใครวางยาพิษเขา ใครที่ซ่อนตัวอยู่เคียงข้างเขามานานเช่นนั้น
“ พิษนี้มียาแก้พิษหรือไม่” เขาถามขึ้น
ถังยวี่ตอบอย่างจริงจัง “มีเพียงผู้หญิงที่สามารถแก้พิษได้ ไม่มีวิธีอื่น และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะทน อย่างไรก็ตาม ไม่มีผู้หญิงในค่ายทหารในขณะนี้ ใครบางคนคงต้องมีชีวิตของท่านเสนา ท่านเสนาต้องพยายามทนกับมันในขณะนี้ ข้าจะสั่งหลานปิงให้ไปยังเมืองใกล้เคียงและหาผู้หญิงมาให้ท่าน จี่สุ่ยและจี่เยวีย พวกเจ้าดูแลท่านเสนา ข้าจะดูหนังสือยาของข้าและดูว่าข้าจะสามารถหาอะไรที่สามารถระงับพิษนี้ได้ชั่วคราวหรือไม่”
หลังจากนั้น ถังยวี่ก็จากไปอย่างรวดเร็ว
ไม่กี่วันที่ผ่านมานี้ ฮวาจูอวี้ ได้ไตร่ตรองเกี่ยวกับการแข่งขันหมากรุกและสิ่งที่นางควรจะทำต่อไป แต่ไม่ว่านางจะใช้สมองของนางมากแค่ไหนนางก็ไม่สามารถคิดกลยุทธ์ที่จะเอาชนะจี่เฟิ่งหลี่ได้ เป็นเวลานานแล้วที่นางได้เล่นกับคนที่มีทักษะ ดังนั้นมันจึงทำให้นางมีความปรารถนาที่จะเอาชนะ และยิ่งไปกว่านั้นเมื่อใดก็ตามที่นางนึกถึงท่าทางที่สงบและผ่อนคลายของเขาในขณะที่เขาเล่น นางก็มีความต้องการเป็นอย่างมากที่จะทำให้เขาพ่ายแพ้อย่างหมดท่า
หลังอาหารเย็นฮวาจูอวี้ก็แอบออกไปจากกระโจมอย่างเงียบ ๆ นางเดินผ่านป่าไปทางด้านหลังของภูเขา หลังจากนั้นไม่นานนางก็มาถึงน้ำพุร้อนขนาดเล็กซึ่งนางค้นพบโดยบังเอิญ จุดนี้ถูกซ่อนไว้อย่างดีและไม่ชัดเจน ดังนั้นทุกสองสามวันนางจะมาที่นี่เพื่ออาบน้ำ หลังจากเหตุการณ์ที่ภูเขา ฉิงเฉิง นางก็ดำเนินการทุกอย่างด้วยความระมัดระวังมากขึ้นและใช้กลยุทธ์ที่ยากขึ้นเพื่อที่จะทำให้คนมองไม่เห็น
นางเดินไปที่ริมน้ำและเริ่มถอดเสื้อผ้าและผ้าผูกหน้าอกของนางออก นางลงไปในน่านน้ำและในที่สุดก็สามารถผ่อนคลายได้เล็กน้อย หลังจากล้างเนื้อล้างตัว นางก็กลับไปที่ฝั่งก่อนที่จะพบว่าผ้าผูกหน้าอกของนางถูกน้ำพัดหายไปแล้ว
สิ่งนี้ทำให้นางรู้สึกหวั่นวิตกและรำคาญเล็กน้อย อย่างไรก็ตามมันคงยากที่จะค้นหาในตอนนี้เนื่องจากมันมืดแล้ว แต่เนื่องจากมันมืดคนส่วนใหญ่จะไม่สังเกตเห็นหน้าอกที่ผิดปกติของนาง ดังนั้นนางจึงแต่งตัวและนั่งลงไปพร้อมกับแช่ขาลงไปในบ่อน้ำพุร้อน ผมสีดำยาวของนางถูกปล่อยลงไปอย่างหลวมๆอยู่ที่ด้านหลังของนางเพื่อปล่อยให้แห้งไปกับสายลมในตอนกลางคืน
เนื่องจากเป็นช่วงปลายฤดูใบไม้ร่วง ลมยามค่ำคืนจึงมีอากาศเย็นสบายเล็กน้อย นางรอจนกระทั่งผมของนางแห้ง ก่อนที่จะจัดทรงเดิมอีกครั้ง หลังจากนั้นนางก็ตัดสินใจที่จะฝึกกำลังภายใน หลังจากพักสักในสองสามวันที่ผ่านมา นางรู้สึกได้ว่ากำลังภายในของนางฟื้นตัวแล้ว แม้ว่ามันอาจจะใช้เวลาอีกครึ่งเดือนก่อนที่นางจะหายสนิทก็ตาม
ในที่สุดนางก็ลุกขึ้นและยกเลิกการตั้งค่ายกลของนาง ก่อนที่จะเดินออกไป นางจงใจที่จะไม่ได้ผูกเอวของนาง เพื่อให้เสื้อผ้าของนางหลวมขึ้นป้องกันไม่ให้หน้าอกของนางถูกสังเกตเห็นได้ชัดเจนจนเกินไป
คืนนั้นสงบและเงียบ มีดวงจันทร์ส่องแสงอยู่เหนือศีรษะเท่านั้น ตามทางกลับไปที่กระโจมของนาง นางยังคงไตร่ตรองเรื่องการแข่งขันหมากรุก ทันใดนั้นรอยเท้าของนางก็หยุดลงเมื่อนางคิดออก จากนั้นนางก็นึกถึงการเคลื่อนไหวของจี่เฟิ่งหลี่ และพิจารณากลยุทธ์ของนาง หลังจากที่คิดได้แล้วนางก็เชื่อว่านางสามารถนำชัยชนะกลับมาได้อย่างแน่นอนด้วยกลยุทธ์นี้และปล่อยให้เขาประสบกับความพ่ายแพ้อย่างสิ้นท่า ด้วยความคิดนี้ทำให้นางอดไม่ได้ที่จะยิ้มขึ้น ก่อนที่จะรีบกลับไปที่กระโจมด้วยความเร็ว
หลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ค่ายทหาร เมื่อนางเดินผ่านกระโจมของจี่เฟิ่งหลี่ นางก็เห็นว่าไฟยังคงติดอยู่ข้างใน นางรีบเดินไปที่ประตูและยกมือขึ้นเคาะเสา แล้วนางก็ได้ยินเสียงของเขาดังขึ้นอย่างแผ่วเบาออกจากภายในดังนั้นนางจึงดึงผ้าม่านออกแล้วเข้าไป ถ้านางทำได้นางต้องการเอาชนะจี่เฟิ่งหลี่ในตอนนี้เลย การได้เห็นความพ่ายแพ้ของจี่เฟิ่งหลี่ ก็ยิ่งทำให้นางพอใจมากกว่าการเป็นผู้นำทัพในสนามรบเสียอีก
มีเทียนเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่อยู่ในกระโจมของเขา ภายใต้แสงสลัวๆ นางสามารถเห็นกระดานหมากรุกบนโต๊ะไม้ได้
ดูเหมือนว่าจี่เฟิ่งหลี่จะนอนไม่หลับและยังคงศึกษากระดานหมากรุกอยู่ดังนั้นเขาน่าจะยังไม่สามารถหาทางเอาชนะนางได้เช่นกัน
ในที่สุดฮวาจูอวี้ก็มองไปที่จี่เฟิ่งหลี่
รูปร่างหน้าตาของเขาทำให้นางตกใจเล็กน้อย นางไม่เคยเห็นเขาเป็นแบบนี้มาก่อน เขามักจะมีลักษณะที่อ่อนโยนหรือสงบและบางครั้งก็จะมีความเกียจคร้านอยู่บ้าง แต่ในขณะนี้ไม่มีความอ่อนโยน ไม่มีความสงบหรือความเกียจคร้านอยู่เลย
เขายืนอยู่ถัดจากโต๊ะด้วยมือทั้งสองที่จับอยู่ที่ด้านบนของมัน ผมสีเข้มของเขาหลุดออกมาเหนือไหล่และบดบังด้านข้างของใบหน้าของเขา เสื้อคลุมของเขาเป็นสีขาวของหิมะ ในขณะที่ผมของเขาเป็นสีดำเหมือนหมึก ความคมชัดของสีดำกับสีขาวนั้นแตกต่างกันมาก
สายลมยามค่ำคืนไม่มีทางเข้ามาในกระโจมได้ แต่เสื้อคลุมสีขาวและผมสีเข้มของเขากำลังสั่นสะเทือนอย่างมีชีวิตชีวา เห็นได้ชัดว่ามันเกิดจากกำลังภายในของเขาความ
“ ท่านเสนา? ….” ฮวาจูอวี้งงเล็กน้อย ในขณะที่นางเดินเข้ามาหาเขา อย่างไรก็ตาม มันเป็นเพียงไม่กี่ก้าวก่อนที่นางจะหยุดอยู่กับที
โต๊ะใต้แขนของเขาเริ่มสั่นเทาเล็กน้อยและรุนแรงขึ้น ชิ้นหมากรุกบนโต๊ะสั่นพร้อมกับเสียงที่ดังขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่ถ้วยเหล้าก็สั่นสะเทือน ทำให้เหล้าสีแดงเข้มกระเด็นออกมาบนโต๊ะ ราวกับน้ำตาสีแดงที่กำลังไหลออกมา
เห็นได้ชัดว่าโต๊ะไม่ได้สั่นคลอนเพราะตัวมันเอง แขนของจี่เฟิ่งหลี่ สั่นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ความเย็นที่หนาวเหน็บเกิดขึ้นที่กระดูกสันหลังของนางและทันใดนั้นนางก็ก้าวถอยหลังกลับไปสองก้าว
แล้วในช่วงเวลาที่ จี่เฟิ่งหลี่ ก็หันหลังกลับ
เขามองนางด้วยดวงตาหงส์ที่สับสนวุ่นวาย รูม่านตาของเขาเปิดกว้างขึ้นและดวงตาของเขาก็ไม่ชัดเจน เขากำลังจ้องมองมาที่นาง แต่ดูเหมือนจะจำนางไม่ได้ด้วยซ้ำ
“ใคร? ออกไปซะ!” เขาตะโกนขึ้น ในขณะที่ดวงตาหงส์ของเขาหรี่ลงและสะบัดแขนเสื้อของเขาขึ้นอย่างรุนแรงราวกับกำลังงุนงงอย่างเต็มที่ ทันใดนั้นเขาก็เงยหน้าขึ้นและหายใจหอบขึ้นอย่างรุ่นแรง
“ออกไป!” จี่เฟิ่งหลี่ จู่ๆก็ก้มลงแล้วคว้าพรมและเหวี่ยงมันไปที่ฮวาจูอวี้ นางก้มลงอย่างรวดเร็วและพรมก็ลอยไปมาเหนือศีรษะของนางและกระแทกปิ่นปักผมของนาง ทำให้นางถอยหลังกลับไปสองขั้นก้าวเนื่องจากความแรงและความเร็วของพรม ก่อนจะสะดุดบางสิ่งบางอย่างและเดินโซเซแล้วล้มลงไปกองอยู่กับพื้น
ฮวาจูอวี้มองลงไปที่พื้นและเห็นมันปกคลุมไปด้วยสิ่งของที่ถูกโยนทิ้งไปรวมถึงพรม ผ้าและถ้วยชาขนาดเล็ก อย่างไรก็ตามพื้นปูด้วยพรม ดังนั้นสิ่งเหล่านี้จึงไม่แตกกระจายอยู่บนพื้น ทันใดนั้นนางก็จำได้ว่าเมื่อนางเข้ามาไม่มีทหารเฝ้าอยู่ พวกเขาน่าจะถูกไล่ออกไปโดยจี่เฟิ่งหลี่ด้วยเช่นกัน
ในขณะนี้ฮวาจูอวี้เห็นได้ชัดว่าจี่เฟิ่งหลี่ กำลังอยู่ภายใต้อิทธิพลของยาปลุกกำหนัด / พิษบางชนิด นางเคยสัมผัสกับยาชนิดนี้มาแล้วครั้งหนึ่งในอาณาจักรเหนือและตระหนักได้ถึงธรรมชาติของมันได้อย่างชัดเจน
นางจะเป็นคนโง่ ถ้านางไม่ออกไปทันที นางลุกขึ้นจากพื้นอย่างรวดเร็วและรีบไปที่ประตู แต่เมื่อนางเคลื่อนไหวเร็วเกินไป ปิ่นปักผมของนางก็หลุดและผมของนางก็เทลงมาเหมือนน้ำตก
ดวงตาที่ปกคลุมไปด้วยหมอกของจี่เฟิ่งหลี่ ก็เริ่มสับสนมากขึ้นเรื่อย ๆ หัวคิ้วของเขาขมวดขึ้นอย่างลึกซึ้ง ในขณะที่จ้องมองไปที่ผมที่ยุ่งเหยิงของฮวาจูอวี้ ทันใดนั้นร่องรอยของความกระจ่างชัดก็ปรากฏขึ้นในแววตาของเขาและแขนเสื้อของเขาก็ถูกสะบัดออกไปและดับแสงเทียนลง
ทันใดนั้นกระโจมก็ถูกห่อหุ้มไปด้วยความมืดและฮวาจูอวี้ก็ได้ยินเสียงแขนเสื้อของเขาดังอยู่ข้างหลังนาง ในพริบตาเขาก็คว้าไหล่ของนาง นางไม่คิดว่าจี่เฟิ่งหลี่จะยังสามารถเคลื่อนไหวได้อย่างรวดเร็วเช่นนี้
ฮวาจูอวี้ ตื่นตระหนก ลมหายใจหนักของเขาอยู่เหนือนางและมือของเขาจับกรามของนางเอาไว้อย่างรวดเร็ว เขาถามอย่างเยือกเย็นขึ้น “เจ้าคือคนที่หลานปิงส่งมาใช่ไหม” แม้ว่าน้ำเสียงของเขาจะเยือกเย็น แต่เสียงของเขาก็แหบแห้ง ฮวาจูอวี้ก็รับรู้ตามธรรมชาติว่าเป็นเพราะผลกระทบของยา
“ไม่ เขาไม่ได้ส่งข้ามา!” ฮวาจูอวี้ตอบขึ้นด้วยน้ำเสียงของผู้หญิงของนางโดยเจตนา เห็นได้ชัดเจนว่าตอนนี้จี่เฟิ่งหลี่มีสติที่มั่นคงขึ้น เมื่อเห็นผมที่กระจัดกระจายและยาวของนาง เขาก็คิดว่านางเป็นผู้หญิงดังนั้นนางจะต้องไม่ปล่อยให้เขารู้ว่านางคือหยวนเป่า
“ ไม่หรือ?” เขาเย้ยหยันอย่างเยือกเย็นขึ้น “ ไม่มีผู้หญิงอยู่ในกองทัพ!”
“ข้า…ข้า….” อวาจูอวี้พูดขึ้นด้วยเสียงต่ำ เมื่อคิดมาครู่หนึ่ง นางก็ยกมือขึ้นและมุ่งไปที่หน้าอกของจี่เฟิ่งหลี่ แม้ว่านางจะยังไม่ฟื้นความแข็งแกร่งของกำลังภายในของนางอย่างเต็มที่ แต่นางก็เชื่อว่าถ้านางได้โจมตีเขาในระยะใกล้ชิดเช่นนี้ มันคงจะยังทำร้ายเขาอยู่บ้าง
อย่างไรก็ตาม มือของนางก็ถูกจับเอาไว้ในทันทีโดยเขา เสียงแหบแห้งของเขาดังขึ้นในหูของนาง“ ข้าไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าจะมีทักษะการต่อสู้! ในเมื่อเจ้ามาแล้ว มันก็เป็นไปไม่ได้ที่จะจากไป เจ้าไม่ต้องเล่นลูกไม้ใด ๆ มั่นใจได้ ตราบใดที่เจ้าเป็นผู้หญิงไม่ว่าเจ้าจะเป็นคนน่าเกลียดแค่ไหน ข้าก็จะยังนอนกับเจ้า!”
เสียงที่แหบแห้งที่มีเสน่ห์ของเขา เต็มไปด้วยแรงปรารถนาและความเสน่หา แต่น้ำเสียงของเขาก็เยือกเย็นราวกับว่ามันไม่ใช่สิ่งที่เขาต้องการ
จี่เฟิ่งหลี่คว้าเอวของนางแล้วนางก็ต่อต้านอย่างรุนแรงขึ้น นางใช้กำลังทั้งหมดภายในตัวนาง แต่ก็ยังหนีไม่พ้นจากเงื้อมมือของเขา ทันใดนั้นเขาก็สกัดไปที่เอวของนางเพื่อปิดผนึกจุดของนางเอาไว้ แล้วร่างกายของนางก็ช่วยไม่ได้ที่จะอ่อนลงอย่างไร้ชีวิตชีวา ดูเหมือนว่าสวรรค์และโลกกำลังหมุนอยู่รอบๆ นาง ในขณะที่เขาอุ้มนางไปข้างใน