World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 105.2
ข้างนอกในตอนกลางคืนนั้นเงียบสงบและว่างเปล่ามีเพียงลมหนาวพัดมาจากทางเหนือ นางกลับไปที่กระโจมด้วยก้าวเท้าที่หนักอึ้ง ก่อนจะเปลี่ยนเสื้อผ้าที่ฉีกขาดและพันหน้าอกด้วยผ้าอีกครั้ง
ภายใต้แสงเทียนสลัวๆ นางมองไปรอบๆ กระโจม ก่อนจะเห็นหอกเงินของนาง แต่มันก็ไม่เหมาะ น่าเสียดายที่นางไม่มีดาบ
นางจึงออกจากกระโจมและเดินไปรอบ ๆ ค่ายทหาร หลังจากเดินไปสองสามหัวมุม นางก็เห็นทหารหลายคนเฝ้ายามอยู่ในตอนกลางคืน พวกเขาทักทายนางด้วยรอยยิ้มและมีคนหนึ่งถามขึ้น “ผู้บัญชาการเป่า มันดึกมากแล้ว ท่านจะไปไหนหรือ”
นางไม่ได้ตอบ เพียงแต่เข้าหาทหารที่อยู่ใกล้นางมากที่สุดและเอื้อมมือไปหาดาบที่เอวของเขา
ดาบยาวขนาดใหญ่ส่องแสงปะทะแสงจันทร์ และสะท้อนสายตาอันเย็นชาของนางออกมา
เมื่อได้ดาบ นางก็หันหลังแล้วเดินจากไป ทหารที่อยู่ข้างหลังนางร้องถามขึ้นทันที “ผู้บัญชาการเป่า ท่านกำลังจะทำอะไร นั่นมันดาบของข้านะ!”
“ให้ข้ายืมหน่อย!” ฮวาจูอวี้พูดขึ้นโดยไม่หันหลังกลับไป ย่างก้าวของนางรวดเร็วและด้วยความโกรธ นางจึงลืมความเจ็บปวดไปชั่วครู่ ในไม่ช้านางก็มาถึงกระโจมของจี่เฟิ่งหลี่
ทางเข้าสู่กระโจมของจี่เฟิ่งหลี่ นั้นเปิดกว้าง ไฟภายในก็ส่องสว่างผ่านประตูออกมา
ร่างในชุดสีน้ำเงินพุ่งออกมาจากกระโจมและทรุดตัวลงไปบนพื้นดิน ก่อนจะพ่นเลือดออกมาเต็มปาก
ฮวาจูอวี้ลดสายตาของนางลงและมุมปากของนางกลายเป็นร้อยยิ้มที่เย้ยหยันขึ้น ตอนนี้มันไม่ใช่แค่จี่เฟิ่งหลี่เท่านั้น แม้แต่ลูกน้องของเขาก็ยังระคายเคืองต่อดวงตาของนาง
เขาก็คือหลานปิง และเห็นได้ชัดว่าเขาไม่ได้ลอยออกไปด้วยความตั้งใจของตัวเอง แต่ถูกจี่เฟิ่งหลี่ เตะออกมา
หลานปิง คุกเข่าอยู่บนพื้นและกำลังจะลุกขึ้น แต่แล้วก็มีเงาลอยออกมาและตกลงมาที่เขา
“อ่า!” หลานปิง ร้องออกมาเหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ทีได้รับบาดเจ็บ
คนที่ลอยออกมาในครั้งนี้คือถังยวี แม้ว่าหลานปิง จะรองรับการตกลงมาของเขา แต่ถัง ยวี ก็ยังไม่สามารถลุกขึ้นได้อย่างง่ายดาย
ฮวาจูอวี้มองดูพวกเขาอย่างเยือกเย็นจากด้านข้างของหางตา ก่อนจะเดินตรงเข้าไปในกระโจม
“พวกเจ้าไม่สามารถทำเช่นนี้ได้! เจ้ายังไม่ได้ให้เงินกับข้าด้วยซ้ำ! “ผู้หญิงอีกคนหนึ่งตะโกนในขณะที่วิ่งออกมา
ฮวาจูอวี้ หยุดอยู่กับที่ในขณะที่นางเห็นหญิงสาวเดินออกมา แม้ว่านางจะแต่งตัวดี แต่ก็ยังเป็นที่ชัดเจนว่านางเป็นผู้หญิงจากหอนางโลมในลักษณะท่าทางที่นางแสดงออก
“เอา รับไป!” ถัง ยวี หยิบเงินมาจากเสื้อคลุมของเขาแล้วโยนมันลงไปบนพื้น
เมื่อก้มลงไป ผู้หญิงก็คว้าเงินขึ้นมาอย่างรวดเร็ว หลังจากนับแล้วนางก็วางมันลงในกระเป๋าของนาง เมื่อนางเงยหน้าขึ้นมามองและเห็นฮวาจูอวี้อยู่ที่นั่นพร้อมกับดาบ ดวงตาของนางก็เปล่งประกายขึ้น ก่อนจะถามขึ้นด้วยรอยยิ้ม “นายท่าน ท่านต้องการสิ่งใดหรือไม่ ค่าธรรมเนียมของข้านั้นถูกมากนะเจ้าค่ะ”
หลานปิง คนที่กำลังนอนอยู่ที่พื้นก็ไม่ได้รอคำตอบของนาง ก่อนจะหัวเราะอย่างเย้ยหยันแล้วพูดขึ้น“เขาจะปรารถนาเจ้าได้ยังไง! เจ้าไม่มีความละอายใด ๆเลยหรือ ! ทำไมเจ้าถึงมีใบหน้าที่หนาเช่นนี้?”
“ข้าไม่ได้มีใบหน้าที่หนา ท่านทั้งคู่สั่งให้ข้ามารับใช้ใครบางคน แต่ทันใดนั้นก็เปลี่ยนใจ พวกท่านคือคนที่ไม่รักษาคำพูด!” ผู้หญิงคนนั้นตอบขึ้น จากนั้นนางก็รีบไปยืนอยู่ต่อหน้าฮวาจูอวี้ นางโอบแขนของนางไปรอบคอของฮวาจูอวี้แล้วพูดขึ้น “นายท่านด้วยรูปลักษณ์ที่หล่อเหลาของท่าน แม้ว่าท่านจะไม่ได้จ่ายเงิน ข้าก็ยังอยากจะรับใช้ท่านอยู่ดี”
ในที่สุดนางก็เข้าใจ
หลานปิงคงต้องหาผู้หญิงคนนี้มาเพื่อจี่เฟิ่งหลี่ เพื่อแก้พิษของเขา แต่นางก็กลายเป็นตัวแทนของผู้หญิงคนนี้
เสียงหัวเราะที่ช่วยไม่ได้ก็หลุดออกมาจากปากของนาง แม้ว่านางต้องการหยุดนางก็ไม่สามารถทำได้ นางไม่ได้หัวเราะผู้หญิงคนนี้ แต่หัวเราะให้กับตัวเอง
ผู้หญิงคนนี้เป็นยาแก้พิษที่หลานปิงและถัง ยวี เตรียมเอาไว้ แต่นางกลับกลายเป็นผู้หญิงคนนี้ไปโดยไม่ได้ตั้งใจ
สถานการณ์ทำให้นางพูดไม่ออกจริงๆ!
เสียงหัวเราะของนางดังก้องอยู่ในค่ายทหาร แม้แต่นางก็เริ่มรู้สึกกลัว
มันนานมากแล้ว ตั้งแต่ที่นางได้หัวเราะแบบนี้ นานมาจนนางลืมไปแล้วว่ามันรู้สึกอย่างไรที่จะหัวเราะ
แต่คืนนี้นางหัวเราะหนักมากจนนางหายใจไม่ออก จนกระทั่งดวงตาของนางเป็นประกายไปด้วยแสงแห่งการเยาะเย้ย
เมื่อเผชิญหน้ากับท้องฟ้ายามค่ำคืน ดวงตาของนางก็เย็นยะเยือกและหัวใจของนางก็อัดแน่นในขณะที่นางหัวเราะต่อไป
เสียงหัวเราะที่บ้าคลั่งของนางทำให้ผู้หญิงรีบดึงแขนของนางกลับไปอย่างรวดเร็ว นางก้าวถอยหลังไปไม่กี่ก้าวและพูดขึ้น “บ้า ท่านบ้าไปแล้ว!” ก่อนจะหันหลังจากไป
ในขณะที่หัวเราะ การยึดดาบของนางก็คลายลงและตกลงไปที่พื้น จากนั้นนางก็หันหลังและจากไป พร้อมกับแขนเสื้อที่สะบัดไปตามสายลม
ในขณะนี้นางยังไม่ได้จัดการกับจี่เฟิ่งหลี่ สำหรับคนที่ต้องการแก้แค้นแน่นอนว่าแม้แต่สิบปีก็ยังไม่สายเกินไป หลังจากสงบสติอารมณ์ลง นางก็รู้ว่ายังไม่ถึงเวลาที่จะเปิดเผยตัวตนของนาง อย่างไรก็ตามหนี้ในครั้งนี้นางจะฝังแน่นลงไปในใจของนาง
นางเห็นจี่เฟิ่งหลี่ยืนพิงเสาของกระโจมอยู่ แล้วนางก็ส่งเสียงเยือกเย็นขึ้น ก่อนจะจากไป
จี่เฟิ่งหลี่ กำลังยืนพิงเสาอยู่ในขณะที่แขนเสื้อของเขาสะบัดไปตามสายลม ผิวของเขาซีดและเย็น สายตาของเขาสงบนิ่งเหมือนเคย แต่ความลึกที่อยู่ลึกลงไปทำให้เขาเจ็บปวด สายตาของเขาจับจ้องอยู่ที่หลังของนางจนในที่สุดนางก็หายไปในความมืด เขาหลับตาของเขาลง ขนตายาวๆ ของเขาบดบังความรู้สึกวูบวาบที่อยู่ข้างในเอาไว้ ก่อนที่เขาหันหลังและเดินกลับเข้าไปข้างใน
หลานปิงและถัง ยวี ยังคงคุกเข่าอยู่บนพื้นดิน พวกเขายังคงจ้องมองไปในทิศทางของฮวาจูอวี้ จนกระทั่งนางหายไป พวกเขาถึงกลับมามีสติอีกครั้ง
หลานปิง ลูบแผลที่หน้าอกและถามขึ้น “ถังยวีเป็นไปได้ไหมที่หยวนเป่าเป็นคนแก้พิษของท่านเสนา”
ถังยวี ส่ายหัวแล้วตอบขึ้น “ไม่ เจ้าคิดว่าข้าโง่เหมือนเจ้าหรืออย่างไร มีเพียงผู้หญิงเท่านั้นที่สามารถแก้พิษนี้ได้”
“แต่แล้วทำไมหยวนเป่าถึงหัวเราะเช่นนั้น” หลานปิง ถามด้วยความสับสน “ทำไมข้าถึงรู้สึกว่ามันฟังดูค่อนข้างน่ากลัว”
“นั่นคือเสียงหัวเราะแห่งความสิ้นหวัง ข้าคิดว่าหยวนเป่าต้องมีความรู้สึกต่อท่านเสนาด้วยเช่นกัน เมื่อเห็นท่านเสนาอยู่กับผู้หญิง เขาคงจะต้องรู้สึกอกหัก!” ถังยวี ตอบด้วยเสียงที่เบาลง
“ฟังสมเหตุสมผลมาก เช่นนั้นก็ถือว่าเรื่องนี้ได้รับการแก้ไขแล้ว เนื่องจากพิษของท่านเสนาได้รับการดูแลแล้ว ข้าแค่คิดว่ามันมีแต่ท่านเสนาที่มีความรู้สึกต่อเขา แต่ข้าไม่ได้คาดหวังว่าหยวนเป่าจะมีความรู้สึกต่อท่านเสนาด้วยเช่นกัน” หลานปิงพูดขึ้น
“แต่ในท้ายที่สุดแล้ว ใครที่เป็นคนแก้พิษของท่านเสนา? นอกจากผู้หญิงคนนั้นที่เราพามาเพื่อท่านเสนาแล้วก็ไม่มีผู้หญิงคนอื่นอยู่ในกองทัพ แล้วมันจะเป็นใครไปเป็นได้” ถังยวี ถามขึ้นอย่างสงสัย
“ถูกต้อง แล้วจะมีผู้หญิงอีกคนในกองทัพได้อย่างไร” หลานปิง พูดขึ้นในขณะที่เขาขมวดคิ้วด้วยความสับสน
“ใครบอกว่าไม่มีผู้หญิงอยู่ในกองทัพ มีอยู่ที่นี่แล้วในขณะนี้” จู่ๆ ก็มีเสียงดังขึ้น
พวกเขาทั้งสองเงยหน้าขึ้นและเห็นถังโจวเดินเข้ามา ถังโจวไม่ได้อยู่ในค่ายเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา เขาพาคนไปรับเสบียงที่ส่งโดยซี เจียงเยวี่ย
“ ถังโจว เจ้ากลับมาแล้วหรือ? การจัดการกับเสบียงเป็นอย่างไรบ้าง” ถังยวีถามขึ้น
“ข้าจัดการทุกอย่างตามคำสั่ง ทำไมพวกเจ้าสองคนถึงมานอนอยู่ที่นี่? นับมดกันอยู่หรือ” ถังโจวถามขึ้น
“เจ้านะสินับมด! ถังโจว เจ้าคิดว่าเราต้องการมานอนอยู่ที่นี่หรือ เราได้รับบาดเจ็บ รีบเรียกทหารพร้อมกับเปลหามมาพาพวกเรากลับไป” หลานปิง พูดขึ้นอย่างไม่พอใจ “ท่านเสนาในเวลานี้เลวร้ายจริงๆ ข้าคิดว่าจะใช้เวลาอย่างน้อยครึ่งเดือนในการจัดการกับอาการบาดเจ็บของข้า”
“พวกเจ้าสองคนน่าจะทำอะไรที่ยกโทษให้ไม่ได้ แม้ว่าท่านเสนาจะลงโทษพวกเจ้ามันก็สมควรแล้ว ข้าจะไม่ไปยุ่งกับพวกเจ้าสองคนแล้ว “ถังโจวพูดขึ้น
“ยกโทษให้ไม่ได้อะไรกัน? เราแค่อยากจะทำสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับท่านเสนาก็เท่านั้น”หลานปิงพูดขึ้นอย่างไม่พอใจ
“ ถังโจว เจ้าบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งอยู่ในค่ายหรือ ใครกัน” ถังยวีถามและลูบหน้าอกที่บาดเจ็บของเขา ในขณะที่เขาลุกขึ้นอย่างช้าๆ
“เจ้าไม่รู้หรือ เมื่อข้าไปรับเสบียง ข้าได้ยินมาว่าคุณหนูสี่ ก็ตามมาด้วย หลังจากที่ข้าไปตรวจสอบเสบียง นางก็ตรงมาที่นี่ก่อน พวกเจ้าไม่ได้อยู่ในค่ายหรอกหรือ?” ถังโจวถามขึ้นอย่างงงงวย
“ นาง …. นางมาจริงๆ หรือ” หลานปิง ถามขึ้นในขณะที่ลูบหน้าอกของเขา เขายืนขึ้นและดึงแขนเสื้อของถังโจว อย่างเร่งรีบ “นางมาที่นี่จริงๆ หรือ?”
“ทำไมข้าถึงต้องโกหกเจ้า? นางควรจะมาถึงก่อนข้าแล้ว อาจจะเป็นเพราะพวกเจ้าไม่ได้อยู่ในค่ายหรือบางทีนางอาจจะประสบอุบัติเหตุบางอย่างที่ทำให้การมาถึงล่าช้าลง” ถังโจวพูดขึ้น
“ ไป ส่งทหารไปตรวจสอบอย่างรวดเร็ว” หลานปิงพูดขึ้นอย่างใจจดใจจ่อ
ถังโจว จากไปและกลับมาอีกครั้งในภายหลัง “ข้าส่งทหารไปสอบถามและพวกเขาก็รายงานว่าคุณหนูสี่ มาถึงก่อนหน้านี้แล้ว นางบอกว่านางไม่ต้องการรบกวนท่านเสนา ดังนั้นหนานกง เจี๋ย จึงได้จัดกระโจมให้นางพัก แล้วนางก็พักผ่อนไปแต่หัวค่ำแล้ว”