World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 105.3
“ นางมาจริง ๆ ถ้าเช่นนั้น ถ้าเช่นงั้น……” ริมฝีปากของหลานปิง สั่นเทาเล็กน้อยและเขาก็ไม่สามารถพูดอะไรออกมาได้อีก ก่อนจะล้มลงไปกับพื้น
“ เกิดอะไรขึ้นกับเจ้า ดีใจมากที่ได้พบนางหรือ?” ถังโจว เอนกายลงและดึงหลานปิง ขึ้นมาและช่วยเขาให้นานลงไปบนเปลหาม จากนั้นเขาก็หันไปหาถังยวีและพูดขึ้น“ ไปกันเถอะ ข้าจะพาพวกเจ้าไปหาหมอทหาร”
“ไม่จำเป็น” ถังยวี ยืนนิ่งเหมือนก้อนหิน ดวงตาของเขาไร้ชีวิตชีวา อีกไม่นานเขาก็พูดขึ้น “ข้าได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่เป็นไรถ้าข้าจะไปรับการรักษาในภายหลัง ข้าจะไปดูท่านเสนา เจ้ารออยู่ที่นี่ก่อน”
ถังยวีรวบรวมความกล้าของเขาและก้าวเท้าเข้าไปในกระโจมอีกครั้ง
จี่เฟิ่งหลี่ยืนอยู่ข้างโต๊ะมองลงไปที่กระดานหมากรุก นิ้วเรียวของเขาค่อยๆวางหมากลงไปบนกระดานอย่างช้าๆ
ใบหน้าครึ่งหนึ่งของเขาถูกบดบังในความมืด อีกครึ่งหนึ่งส่องประกายจากแสงเทียน ร่างทั้งหมดของเขาแสดงความไม่แยแสอย่างเยือกเย็นออกมา
“ ท่านเสนา” ถังยวี ยังคงจับหน้าอกของเขา ในขณะที่เขาเดินเข้ามาใกล้
“ ออกไป อย่าให้ข้าเห็นหน้าเจ้าอีก!” จี่เฟิ่งหลี่พูดด้วยความโกรธโดยไม่หันมามอง ในมือของเขาเป็นชิ้นหมากรุกสีดำที่เขาจับเอาไว้แน่น
“ คุณหนูสี่มาถึงแล้ว! ถังโจวกล่าวว่านางมาถึงก่อนหน้านี้แล้ว หลังจากส่งผู้คนไปสอบสวนข้าได้ยินว่าหนานกง เจี๋ย ได้จัดกระโจมให้นางและนางก็พักผ่อนแต่หัวค่ำแล้วขอรับ” ถังยวี พูดขึ้นช้าๆ
จู่ๆ จี่เฟิ่งหลี่ก็เงยหน้าขึ้นมอง ดวงตาของเขาเปล่งประกายด้วยความเย็นจัด เขาจ้องมองไปที่ถังยวี และถามขึ้นอย่างเงียบ ๆ “เจ้ากำลังพูดอะไรออกมา?”
“คุณหนูสี่ มาถึงแล้วขอรับ!”ถังยวี ตอบขึ้น
“ตั้งแต่เมื่อไหร่”จี่เฟิ่งหลี่ ถามมือของเขาสั่นเล็กน้อย
“ ตั้งแต่เมื่อเย็นแล้วขอรับ” ถังยวีตอบขึ้นอย่างเงียบ ๆ
เติ้ง …
ชิ้นหมากรุกในมือของจี่เฟิ่งหลี่ ตกลง ทำให้เกิดเสียงดังเล็กน้อย
ทันใดนั้น เขาก็เลื่อนลงไปกองอยู่กับพื้นพร้อมกับเขย่าโต๊ะ เหยือกของเหล้าถูกกระแทกล้มลงและเหล้าองุ่นสีแดงสดก็ไหลออกมาเปื้อนดิน
สีแดงแจ่มใสนี้ทำให้เขาระลึกถึงสิ่งที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้
เมื่อเขาจุดเทียน ทันใดนั้นเขาก็เห็นเลือดบนผ้าห่ม มีอยู่มากมาย มันเป็นสีแดงสดมาก เขาไม่รู้ว่าจะมีเลือดมากเช่นนั้นในคืนแรกของผู้หญิง
การมองดูเลือดทำให้เขารู้สึกผิดอย่างมาก แม้ว่าเขาจะสันนิษฐานว่านางเป็นหญิงจากหอนางโลมที่หลานปิง ส่งมา ถึงแม้ว่ามันจะเป็นเพียงเรื่องทางกายภาพ แม้ว่าเขาจะมองผู้หญิงจากหอนางโลมอย่างดูถูกเหยียดหยามก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกไม่สบายใจอย่างยิ่ง
แต่จริงๆแล้ว นางไม่ใช่ผู้หญิงจากหอนางโลม นางกลายเป็น …
“ ท่านเสนา…” ถังยวีเรียกอย่างเป็นห่วงขึ้น
“ ออกไป! ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะฆ่าเจ้า!” จี่เฟิ่งหลี่ตะโกนขึ้น เสียงของเขาเย็นชาและหนักหน่วงมาก
ถังยวี คุกเข่าลง “ ผู้ใต้บัญชาผู้นี้ยินดีรับการลงโทษ!”
จี่เฟิ่งหลี่ เงยหน้ามองดูถังยวี ดวงตาสีเข้มของเขากำลังโกรธแค้น เขาเหวี่ยงแขนของเขาและตีไปที่ใบหน้าของถังยวี เลือดไหลออกจากแผลทันที
“ ผู้คุม! พาเขาออกไป!” จี่เฟิ่งหลี่ สั่งขึ้น
ถังโจว ที่กำลังรออยู่ข้างนอกอย่างอดทนก็รีบเข้ามาอย่างรวดเร็วและดึง ถังยวี ออกไป
ในขณะที่ฮวาจูอวี้รู้สึกไม่สบาย
นางตื่นแต่เช้าตรู่ในวันรุ่งขึ้น ในขณะที่นางกำลังก้าวเท้าออกจากเตียงแขนขาของนางก็รู้สึกอ่อนแรงและนางก็ทรุดตัวลงไปบนเตียง หน้าผากของนางร้อนจัดและมีไข้
ในชีวิตของนาง ฮวาจูอวี้ ได้รับบาดเจ็บหลายครั้ง แต่นางไม่ค่อยป่วย แม้ว่านางจะป่วย แต่มันก็เพียงความเจ็บป่วยเล็กน้อยที่ไม่ได้กันนางจากการฝึกฝนศิลปะการต่อสู้หรือการเป็นผู้นำทัพ อย่างไรก็ตามคราวนี้แตกต่างกันนางแทบจะไม่ลุกขึ้นเลย
ความเจ็บปวดที่ปะทุปะทุขึ้นในอกของนางและความหวานอันขมขื่นก็ไหลขึ้นมาที่คอของนาง นางช่วยไม่ได้ที่จะไอ้เป็นเลือดออกมาและย้อมสีเสื้อผ้าของนางไปทันที
นางหายใจอย่างยากลำบาก ก่อนจะจ้องมองไปที่เลือดสีแดง หัวใจของนางเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความรู้สึกเจ็บปวดก็ครอบงำนางไปทั่วร่างกาย นางไม่สามารถทนมันได้อีกและน้ำตาก็ไหลลงมา
“ ท่านพ่อ ข้าไม่สามารถทนได้นานกว่านี้แล้ว” นางกระซิบด้วยเสียงแหบแห้ง ในขณะที่นางเอนกายลงบนเตียง น้ำตาไหลรินอย่างไม่สามารถควบคุมได้
มีเสียงฝีเท้าอยู่ข้างนอกกระโจมของนาง ตามด้วยเสียงเคาะประตู “ ผู้บัญชาการเป่าคุณตื่นหรือยัง ได้เวลาทานอาหารเช้าแล้ว”
มันเป็นพ่อครัวชราที่รับผิดชอบส่งอาหารให้นางทุกวัน เนื่องจากอาการบาดเจ็บภายในของนาง อาหารของนางจึงถูกเตรียมมาเป็นพิเศษและส่งมายังกระโจมของนาง
“ ช้าก่อน!” ฮวาจูอวี้พูดด้วยเสียงแหบแห้งในลำคอของนาง นางรู้สึกอึดอัดมาก นางพยายามยืนและชำระเลือดให้สะอาดก่อนจะเปิดประตู
พ่อครัวเข้ามาพร้อมกับอาหารของนางและวางลงไปบนโต๊ะ หลังจากหันไปมองนาง เขาก็ตกใจเล็กน้อยแล้วถามขึ้น “ผู้บัญชาการเป่า ท่านไม่สบายหรือไม่”
ฮวาจูอวี้ ไอขึ้นเบา ๆ “คงจะจับไข้เล็กน้อย ท่านช่วยไปหาหมอและรับยาแก้ไข้มาให้ข้าทีได้หรือไม่ แต่อย่าบอกใคร?”
“เรื่องนี้…. ผู้บัญชาการเป่า ถ้าท่านไม่สบายก็ให้หมอมาตรวจดูก่อน การทานยาตามสั่งโดยพลการนั้นไม่ใช่เรื่องที่ดี” พ่อครัวชราเป็นคนซื่อสัตย์และตรงไปตรงมา
“ไม่มีอะไรสำคัญ เนื่องจากข้ารู้เรื่องยาอยู่เล็กน้อย ข้าจึงรู้ว่าตัวเองป่วยเป็นอะไร ท่านควรรีบไป ขอบคุณมาก” ฮวาจูอวี้พูดขึ้นช้าๆ ก่อนจะเอนกายลงบนเตียง
เมื่อเห็นอย่างนี้ พ่อครัวชราจึงรีบออกไป
นอนพิงอยู่กับเตียง ฮวาจูอวี้นั้นหายใจอย่างแรง ทั้งร่างของนางนั้นเต็มไปด้วยความร้อนจัด แม้ว่านางจะไม่ใช่หมอ แต่อยู่ในกองทัพมาตลอดชีวิตของนางนางยังสามารถระบุอาการเจ็บป่วยทั่วไปได้ นางรู้ว่านางเป็นไข้หวัด นอกจากนี้นางยังโมโหอย่างบ้าคลั่งเมื่อวาน ซึ่งส่งผลเสียต่อสุขภาพของนาง
พ่อครัวกลับมาในไม่ช้า “ผู้บัญชาการเป่า เนื่องจากท่านรู้สึกไม่สบาย ข้าจึงนำยามาให้ท่าน ท่านควรบอกท่านเสนาให้เขาส่งผู้คุมอีกสองสามคนมาดูแลท่าน”
“ ขอบคุณมาก แต่อย่าบอกท่านเสนา ไม่จำเป็นต้องรบกวนเขาด้วยสิ่งเล็กน้อยเหล่านี้ ข้าสามารถดูแลตัวเองได้” นางตอบด้วยรอยยิ้มที่อ่อนแรง
พ่อครัวถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และเริ่มชงยา หลังจากยาถึงจุดเดือดเขาก็ลดไฟลง เขาหันกลับมาด้วยรอยยิ้มและพูดขึ้น“ ผู้บัญชาการเป่า ยาเสร็จสิ้นแล้ว หลังจากเวลาผ่านไปประมาณหนึ่งก้านธูปมันก็น่าจะเย็นลง ข้าจะกลับไปก่อน และข้าจะมาพบท่านเมื่อข้ามาส่งอาหารมื้อต่อไป”
ฮวาจูอวี้ พยักหน้าและพ่อครัวชราก็ออกไป
หลังจากนั้นครู่หนึ่งฮวาจูอวี้ก็พยายามลุกขึ้นจากเตียงและเดินช้า ๆ เพื่อไปรับยา นางยกชามยาขึ้น แต่ทันใดนั้นหัวของนางก็หมุนและมือของนางก็เสียการควบคุม ทำให้ยาร้อนๆ หล่นลงไปบนขาของนางและนางก็เต็มไปด้วยความเจ็บปวด
ร่างกายของนางอ่อนแอและขาของนางก็ยอมแพ้ แต่แล้วจู่ๆ ก็มีคนเข้ามาและรีบเข้าไปช่วยนาง เขาขมวดคิ้วและพูดขึ้น “ท่านแม่ทัพ ท่านเป็นอะไรไป ท่านไม่สบายหรือ?”
นางพยายามเปิดเปลือกตาที่หนักๆ ขึ้นและเห็นว่าเป็นผิง เหลาต้า ด้วยเสียงที่แหบแห้งนางจึงตอบขึ้น “ใช่แล้ว ช่วยเทยาอีกชามมาให้ข้าที”
ผิง เหลาต้า ช่วยพาฮวาจูอวี้ไปนอนบนเตียง เขาหยิบผ้าขึ้นมาแล้วแช่ในน้ำก่อนที่จะวางลงบนหน้าผากของนาง จากนั้นเขาก็เริ่มเทยาอีกชาม หลังจากนั้นไม่นานเขาก็นำยาไปให้ฮวาจูอวี้ “ท่านกลายเป็นเช่นนี้ได้อย่างไร? ทำไมถึงไม่มีใครดูแลท่าน วันก่อนไม่ใช่ว่าจี่เฟิ่งหลี่ยังดูแลท่านเป็นอย่างดีอยู่หรือ เขายังจัดให้พ่อครัวเตรียมอาหารมาให้ท่านเป็นพิเศษอีกด้วยไม่ใช่หรือ”
ฮวาจูอวี้รับชามยาและดื่มมันทันที หลังจากหายใจเข้าลึก ๆ นางก็พูดขึ้น“ ผิงข้าจะหลับไปซักพัก เจ้าอยู่ที่นี่อย่าให้ใครเข้ามา” ตอนนี้สิ่งเดียวที่นางอยากทำคือนอนหลับ ด้วยการมีผิง เหลาต้า อยู่ที่นี่คอยปกป้องนาง นางจะสามารถพักผ่อนได้อย่างสงบสุข
นางไม่รู้ว่านางหลับไปนานแค่ไหน แต่เมื่อนางตื่นขึ้นมา นางเห็นผิงนั่งอยู่ข้างเตียง เมื่อเห็นว่านางตื่นเขาก็ยิ้มให้นาง มันดีจริงๆที่มีคนคอยดูแลนาง
“ผิง ตอนนี้ข้ารู้สึกดีขึ้นมาก เจ้าควรกลับไปก่อน อย่าให้คนอื่นค้นพบ ไม่ว่าจะอย่างไร สถานที่นี้ก็อยู่ใกล้กับกระโจมของจี่เฟิ่งหลี่ มันจะไม่ดีหากมีคนพบเจ้า” ฮวาจูอวี้พูดขึ้นด้วยเสียงที่เบาลง
“ข้ารู้ ข้ากำลังจะไปแล้ว ท่านควรหาวิธีกลับไปอยู่ค่ายทหารฮูอย่างรวดเร็ว เนื่องจากข้าเป็นทหารของกองทัพฮูข้าจึงสะดวกกว่าที่จะมาหาท่านและดูแลท่านที่นั่น “ผิง เหลาต้า พูดขึ้นด้วยคิ้วที่ขมวด
ฮวาจูอวี้ พยักหน้า“ได้”
“ อีกอย่าง ข้าพบว่ามีชุดทหารส่งมาที่ค่าย แต่มันไม่ได้มาจากราชสำนัก แต่มาจากเจียงซูเย่” ผิงรายงานขึ้น
“เจียงซูเย่? เจียงซูเย่ของน่านไป๋เฟิ่งยงลั่วนะหรือ?”ฮวาจูอวี้ ถามด้วยหัวคิ้วที่ขมวด
ยงลั่ว ในสายตาของโลกเป็นคนลึกลับมาก ฮวาจูอวี้ไม่ค่อยรู้เรื่องเขามากนัก นางเคยได้ยินตงหงเคยกล่าวว่าเขาได้สร้างหอที่เรียกว่า“เจียงซูเย่” ขึ้นและในวันที่ 6 ของแต่ละเดือน ผู้ที่ต้องการความช่วยเหลือสามารถส่งจดหมายที่ผู้ใต้บังคับบัญชาของเขาจะเป็นคนรวบรวม ทุกคนที่พบกับโชคร้ายหรือความอยุติธรรมสามารถส่งจดหมายไปได้ และตราบใดที่สิ่งนั้นอยู่ในอำนาจของเขา เขาจะได้รับจดหมายและให้ความช่วยเหลืออย่างเต็มที่
เมื่อตงหงเอ่ยถึงชายผู้ติดอันดับสี่คนแรกของอาณาจักร นางก็จำได้ว่านางมีรอยยิ้มที่เกียจคร้านและถามขึ้น“น่านไป๋เฟิ่งยงลั่ว นับจากสิ่งในการจัดอันดับหนึ่งให้เขา แม้ว่าข้าจะไม่เก่งกาจ แต่ข้า เพื่อประเทศและผู้คน ข้าก็ปกป้องเขตแดนและต่อสู้กับศัตรูอย่างกล้าหาญ ทำไมข้าถึงอยู่อันดับล่างของเขา? ไม่ยุติธรรมอย่างแท้จริง!”
ตงหง ตอบขึ้นทันที “ แม้ว่าน่านไป๋เฟิ่งยงลั่ว จะไม่ได้ป้องกันชายแดน แต่เขาก็ทำอะไรมากมายเพื่อช่วยเหลือคนทั่วไป เขาเป็นห่วงสวัสดิการของพวกเขาและช่วยเหลือพวกเขาในประเด็นเร่งด่วน มันใช้งานได้จริงและทำให้เขาอยู่ในความโปรดปรานมากกว่าท่านที่ปกป้องชายแดน”
“ความกังวลหลักของเจียงซูเย่ คือสวัสดิการของคนทั่วไป ไม่แปลกใจถ้าพวกเขาตัดสินใจที่จะบริจาคข้าวของ ยิ่งไปกว่านั้นเจียงซูเย่ ยังมีความมั่งคั่งและมีการสนับสนุนที่หนาแน่น สำหรับเจียงซูเย่ อาวุธของกองทัพเหล่านั้นราวกับหยุดน้ำจากมหาสมุทร”ฮวาจูอวี้พูดขึ้นอย่างแผ่วเบา
“ข้าได้ยินมาว่า มันถูกส่งมาโดยน่านไป๋เฟิ่งยงลั่วเอง ข้าได้สอบถามอย่างรอบคอบแล้ว ทหารในค่ายต่างก็ไม่รู้เรื่องนี้ ข้าคิดว่าท่านเสนาน่าจะมีความสัมพันธ์ใกล้ชิดกับเจียงซูเย่ ไม่เช่นนั้นทำไมน่านไป๋เฟิ่งยงลั่ว จึงต้องจัดการเรื่องนี้ด้วยตัวเอง?”ผิง เหล้าตาพูดขึ้นอย่างเงียบ ๆ
“ น่านไป๋เฟิ่งยงลั่วมาเองหรือ” ฮวาจูอวี้นั้นตกใจเล็กน้อย นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงอย่างแท้จริง น่านไป๋เฟิ่งยงลั่ว ถึงขนาดมาที่ค่ายทหารอย่างลับๆ
“ เอาล่ะข้ารู้แล้ว เจ้าควรกลับไปได้แล้ว”ฮวาจูอวี้พูดและโบกมือของนางขึ้น
ผิง เหล้าตา ลุกขึ้น แต่ก่อนที่เขาจะจากไป เขาหันกลับมาและพูดขึ้น”อย่าลืม รีบหาทางกลับไปที่ค่ายทหารฮูอย่างรวดเร็ว ถ้าข้าไม่มาหาท่านในวันนี้ก็คงไม่มีใครรู้ถ้าท่านหมดสติอยู่ที่นี่”
ฮวาจูอวี้ พยักหน้า ปิงถอนหายใจลึก ๆ แล้วหันหลังและจากไป
ฮวาจูอวี้พิงหัวเตียงและตกอยู่ในความคิด ไม่นาน นางก็รู้สึกหิวและลงจากเตียงเพื่อไปกินอาหารที่เหลืออยู่บนโต๊ะ เมื่อจำได้ว่าอาหารเหล่านี้ถูกส่งไปตามคำสั่งของจี่เฟิ่งหลี่ นางก็รู้สึกเบื่ออาหารขึ้นมาทันที ร่างกายของนางรู้สึกเย็น แต่อาการไข้ของนางยังคงทำงานอยู่ ดังนั้นนางจึงกลับไปนอนเพื่อพักอีกสักครู่
แต่นางมีความคิดที่มากมายเกิดขึ้น ข่าวที่ว่าน่านไป๋เฟิ่งยงลั่ว มาที่นี่ทำให้นางรู้สึกหวั่นกลัวเล็กน้อย