World of Hidden Phoenixes - ตอนที่ 107.1
เมื่อเวลาผ่านไป ลมก็ยิ่งแรงขึ้นเรื่อย ๆ ยืนมองหน้าผาที่สูงชันมองไปทางทิศใต้กับภาพของภูเขาที่สูงตระหง่านท่ามกลางสายลมที่โหมกระหน่ำ เมื่อหันไปในทิศทางตรงกันข้าม กลับเห็นภูมิทัศน์ทางตอนเหนือที่เป็นทุ่งกว้างใหญ่และยังคงมีท้องฟ้าที่สดใส
ฮวาจูอวี้ยังคงอยู่ในชุดเกราะของนาง ในขณะที่ขี้ม้าของนางกลับไปที่ค่ายฝึก เมื่อนางมาถึงที่ทางเข้า นางก็ลงจากหลังม้าแล้วลูบหลังม้าของนางอย่างรวดเร็ว ก่อนที่จะยกม่านกระโจมขึ้นและเข้าไปข้างใน
นางอยู่ในระหวางการฝึกทหารเมื่อนางถูกเรียกตัวกลับมา เมื่อสองวันก่อนหวังหยูได้ส่งถังยวีเพื่อให้นำกองกำลังจำนวน 50,000 นายไปยังเซียงหยูกวนเพื่อสกัดกั้นกองทัพของอาณาจักรเหนือ โดยทิ้งกองกำลังไว้เพียง 13,000 นาย เพื่อให้ฝึกซ้อมต่อไป ดังนั้นจึงเป็นธรรมชาติที่มันจะไม่ใช่แค่กองทัพฮูที่ฝึกซ้อมเท่านั้น นางยังได้ยินมาว่าจี่เฟิ่งหลี่ยังได้ฝึกซ้อมกองกำลังในสถานที่ลับอีกด้วย
เมื่อออกจากสนามฝึกแล้ว เสื้อผ้าของนางนั้นก็ยังเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ เป็นผลให้นางรู้สึกถึงความหนาวเย็นที่ไหลเข้ามาด้านหลังพร้อมกับลมกระโชกแรง นางยกแขนของนางขึ้นเพื่อเช็ดเหงื่อที่หน้าผากของนางและตามผู้ใต้บังคับบัญชาที่นำหน้านางเข้าไปในกระโจม
ข้างในนั้นจี่เฟิ่งหลี่และหวังหยูกำลังรออยู่ก่อนแล้ว นอกเหนือจากหลานปิงและผู้บังคับการคนอื่น ๆ ยังมีหนานกง เจี๋ยอีกด้วย
จี่เฟิ่งหลี่นั่งอยู่ที่นั่นในขณะที่ศึกษาแผนที่ไป เมื่อเขาได้ยินผู้รายงานบอกว่าผู้บัญชาการเป่ามาถึงแล้ว มือที่จับแผนที่ก็สั่นเล็กน้อย แต่เขาก็ไม่ได้เงยหน้าขึ้นแต่อย่างไร
เมื่อเห็นว่าฮวาจูอวี้เดินทางมาถึงแล้ว หวังหยูก็ยิ้มแล้วพูดขึ้น“ผู้บัญชาการเป่า ลำบากเจ้าแล้วที่จะต้องฝึกทหารในทุกวันนี้”
ฮวาจูอวี้กวาดสายตาผ่านไปทางจี่เฟิ่งหลี่ ก่อนที่นางจะยิ้มแล้วตอบขึ้น“ ท่านแม่ทัพกล่าวเกินไปแล้ว”
“ในเมื่อทุกคนมาอยู่ที่นี่แล้ว ข้าก็จะขอเข้าเรื่องที่ข้าและท่านเสนาได้ตัดสินใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติ สำหรับการต่อสู้ที่กำลังจะมาถึงและมันเป็นแผนที่ค่อนข้างเสี่ยง ในปัจจุบันอาณาจักรเหนือได้เป็นพันธมิตรกับเหลียงตะวันตก และพวกเราก็ได้รับการยืนยันว่า พวกเขามีความตั้งใจที่จะโจมตี เซียงหย่างกวน เราได้ต่อสู้กับกองทัพของอาณาจักรเหนือแล้วสองสามครั้ง ท่านเสนาบดีจึงมีความตั้งใจที่จะส่งกองกำลังพิเศษไป เพื่อแอบตามหลังกองทัพของอาณาจักรเหนือไปอย่างลับๆ เพื่อปิดกั้นเส้นทางการหลบหนีของพวกเขา และโจมตีพวกเขาจากแนวรุกทั้งสองแนว เราจะเอาชนะกองทัพอาณาจักรเหนือได้อย่างแน่นอน” หวังหยูประกาศด้วยน้ำเสียงที่ลึกของเขา
ฮวาจูอวี้ ลดสายตาของนางลง นางคิดว่านี่ไม่ใช่แผนการที่ไม่ดี แม้ว่ามันจะเสี่ยงมาก หากสำเร็จ กองทัพของอาณาจักรใต้จะได้รับชัยชนะอย่างแน่นอน หากไม่สำเร็จทั้งกองกำลังพิเศษก็อาจจะถูกล้างออกไปโดยสิ้นเชิง เนื่องจากกองกำลังนี้จะรุกล้ำเข้าไปในชายแดนของทางเหนือและหากพวกเขาถูกศัตรูจับได้ พวกเขาจะไม่มีทางหนีรอดออกมาได้ อย่างไรก็ตาม ในปัจจุบันยังไม่มีแผนการที่ดีกว่านี้
“ถ้าเราสามารถคิดแผนการนี้ได้ กองทัพของอาณาจักรเหนือก็ทำได้เช่นกัน พวกเขาจะต้องระวังตัวมากและเต็มไปด้วยความระมัดระวังเป็นอย่างมาก เราจะประสบความสำเร็จได้อย่างไรจากการแอบตามหลังพวกเขาไป?” หนานกง เจี๋ยถามขึ้น
ทุกคนหันไปหาจี่เฟิ่งหลี่
จี่เฟิ่งหลี่ยืนขึ้นและให้สัญญาณแก่หลานปิงและหนานกง เจี๋ย เพื่อให้ยกแผนที่ขึ้น จากนั้นเขาก็เดินไปข้างหน้านิ้วของเขาขยับจากหย่างกวนไปยังภูเขาแห่งหนึ่ง แล้วก็ไปที่เหลียนหยุน จากนั้นก็ไปทางตะวันออกของทะเลทรายโกบี “ถ้าเราต้องการไปถึงด้านหลังของกองทัพของอาณาจักรเหนือโดยไม่ถูกตรวจจับได้ เราจะต้องข้ามภูเขาเหลียนหยุน นี่คือเส้นทางที่ใกล้ที่สุดและตรงที่สุด เพื่อที่จะเจาะทะลุชายแดนของอาณาจักรเหนือ แน่นอน การป้องกันบริเวณนี้จะเข้มงวดมากที่สุดและเราจะถูกค้นพบได้ง่าย ดังนั้นเราจะสามารถใช้เส้นทางของตะวันออกของภูเขาได้เท่านั้น จากเหลียนหยุนข้ามทะเลทรายทางตะวันออกเยียน จากนั้นก็เลี้ยวกลับมา แล้วมุ่งหน้ากลับไปยังอาณาจักรเหนือ”
ทันทีที่เขาพูดจบ ทุกคนต่างก็เกิดความโกลาหล
“ ท่านเสนา ถ้าเราข้ามไปทางตะวันออกเยียน ข้ากลัวว่ามันจะยากขึ้นไปอีก ไม่ว่าจะอย่างไร เราก็ไม่คุ้นเคยกับเส้นทางของตะวันออกเยียนยิ่งกว่านั้น นั่นคือทะเลทรายโกบี เราจะไม่มีสิทธิ์เข้าถึงเสบียงได้เลย หากเราต้องข้ามมันไปจริงๆ นอกจากนี้ เราต้องระวังการถูกพบโดยตะวันออกเยียนและอาณาจักรเหนือ” ผู้บัญชาการคนอื่นพูดขึ้น
จี่เฟิ่งหลี่ลดตาลง “ดังนั้นเราจึงต้องฝึกทหารอย่างรอบคอบ กองกำลังที่จะส่งไป ไม่สามารถมีขนาดใหญ่เกินไป มิฉะนั้นพวกเขาจะถูกตรวจพบได้ง่าย”
“ จากที่กล่าวมา ข้ารู้สึกว่าผู้บัญชาการเป่าจะเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุด กองทัพฮูได้ฝึกการต่อสู้ เพื่อให้ผู้คนที่มีจำนวนน้อยสามารถใช้การโจมตีและการป้องกันสูงสุดได้อย่างดี “หวังหยูพูดขึ้น
“ ไม่อย่างแน่นอน” จู่ๆ จี่เฟิ่งหลี่ก็เงยหน้าขึ้น สีหน้าของเขาเต็มไปด้วยความซับซ้อน
ทั้งกระโจมเต็มไปด้วยความเงียบงัน หวังหยูกวาดสายตาของเขาไปยังผู้บังคับบัญชาคืนอื่นๆ และขมวดคิ้ว “ถ้าเราส่งกองทัพอื่นไป เราอาจต้องระดมกำลังทหารเพิ่มขึ้น และถ้าเราส่งผู้บังคับการคนอื่นไป ข้ากลัวว่าการฝึกซ้อมจะไม่ถูกใช้อย่างเต็มกำลัง”
ฮวาจูอวี้ได้ฝึกทหารของนางในหลานวันที่ผ่านมา เพื่อให้การพัฒนาเป็นไปอย่างสมบูรณ์ ตำแหน่งของนางมีความสำคัญมาก หากมีคนอื่นมาแทนที่นาง มันเป็นความจริงที่ว่าการฝึกซ้อมที่ทำมาอาจไม่ดำเนินการไปด้วยดีเท่าที่ควร ความโกลาหลจะตามมาและผลลัพธ์คงจะเป็นสิ่งที่ไม่อาจคาดการณ์ได้
“ ท่านเสนา โปรดพิจารณาอีกครั้ง ผู้บัญชาการเป่ามีความเข้าใจลึกซึ้งและกล้าหาญ เขาเป็นผู้สมัครที่เหมาะสมที่สุดสำหรับงานนี้” หวังหยูกล่าวขึ้นในขณะที่เขายกมือขึ้น
หัวคิ้วของจี่เฟิ่งหลี่ขมวดเป็นปมขึ้นทันที หวังหยูพูดถูก หากพวกเขาต้องการผู้สมัครที่สมบูรณ์แบบ ไม่มีใครที่จะดีไปกว่าเขาอีกแล้ว แต่ภารกิจนี้ไม่ต้องสงสัยเลยมันจะมีอันตรายแค่ไหน
“ โปรดพิจารณาอีกครั้งท่านเสนา” ผู้บัญชาการคนอื่นๆ ต่างก็พูดพร้อมเพรียงกันขึ้น
ด้วยเหตุผลบางอย่าง ฮวาจูอวี้ รู้สึกไม่สบายใจอย่างมาก สถานการณ์แบบนี้มันคืออะไรกัน ทำไมนางถึงรู้สึกเหมือนกับว่าจี่เฟิ่งหลี่ กำลังปกป้องนางอยู่? เขาคิดว่านางต้องการความคุ้มครองจากเขาหรือ?
ในเวลานี้ จี่เฟิ่งหลี่ยืนอยู่ที่นั่น ในขณะที่หันหลังให้กับผู้คน ร่างของเขาเยือกเย็นและเต็มไปด้วยความไม่แยแส
“ ผู้บังคับบัญชาเป่า เจ้าคิดว่าอย่างไร?” แล้วจี่เฟิ่งหลี่ก็ถามขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นทางการ
ฮวาจูอวี้ ประสานมือของนางแล้วยกมันขึ้น ขณะที่นางก้าวไปข้างหน้า “ ข้า ผู้บัญชาการเป่า เต็มใจที่จะเป็นผู้นำกองทัพขอรับ”
นางพูดด้วยความมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ จากความสามารถของนาง นางมั่นใจว่านางสามารถทำงานนี้ได้สำเร็จ ยิ่งกว่านั้น นางไม่ต้องการให้เขาปกป้องนาง
จี่เฟิ่งหลี่ไม่ได้พูดอะไรอีก หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็หันหลังกลับมา ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาเย็นชาและดวงตาที่แหลมคมของเขาจ้องตรงมาที่นาง
นี่เป็นครั้งแรกที่นางได้เผชิญหน้ากับเขา ในระยะใกล้เช่นนี้ ตั้งแต่คืนนั้น นางพยายามระงับอารมณ์ที่กำลังเดือดอยู่ภายในตัวนางเอาไว้ ดวงตาของนางสงบและเย็นชา ในขณะที่นางมองสายตาที่เย็นชาของเขาอย่างไม่สนใจ
“ ถ้าเป็นเช่นนั้น ทุกอย่างก็จะถูกตัดสินแล้ว” เขากล่าวขึ้นอย่างช้า ๆ ด้วยน้ำเสียงหนักๆ
หลังจากนั้น ผู้บังคับการยังคงหารือเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่อไป ก่อนจะแยกย้ายกันออกไป
จี่เฟิ่งหลี่ออกจากกระโจมไป ใบหน้าที่หล่อเหลาของเขาถูกปกคลุมไปด้วยน้ำแข็ง เมื่อเห็นเขา ทหารต่างก็หวาดกลัวและวิตกกังวล หวาดกลัวที่จะก้าวไปข้างหน้าและทักทายเขา
เขามุ่งตรงไปที่กระโจมของเขาและยกม่านขึ้น ก่อนจะเข้า
หรงซื่อ ก้มๆ เงยๆ อยู่ที่โต๊ะทำงานเพื่อทำความสะอาด เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นางก็เงยหน้าขึ้นมาและเห็นสีหน้าท่าทางเย็นชาของเขา นางก็ตกใจเล็กน้อย ก่อนจะพยายามยิ้มออกมา
“ ท่านเสนา เกิดอะไรขึ้นหรือเจ้าค่ะ? กองทัพของอาณาจักรเหนือโจมตีอีกครั้งหรือเจ้าค่ะ? ” หรงซื่อถามอย่างเป็นห่วง
จี่เฟิ่งหลี่สงบลง ก่อนที่จะมองนางและตอบขึ้น“ ไม่”
หลังจากนั้นสักครู่ เขาก็พูดต่อขึ้น “ การต่อสู้ครั้งนี้จะเป็นอันตรายมาก เจ้าควรออกไปจากที่นี่ ข้าจะให้ทหารคุ้มกันเจ้ากลับไป”
หรงซื่อวางสิ่งของในมือนางลง แล้วส่ายหัว “ ข้าจะไม่กลับไป ไม่ว่าท่านจะไปที่ไหน ข้าก็จะขอติดตามไปด้วย! ข้าอยากจะอยู่เคียงข้างท่าน ทั้งในชีวิตนี้และหลังความตาย!”
“ไม่ได้!” จี่เฟิ่งหลี่พูดอย่างเยือกเย็น ในขณะที่เขาเดินไปที่โต๊ะของเขาอย่างรวดเร็วและนั่งลง
“ ท่านเสนา ได้โปรดให้ข้าอยู่ที่นี่! ข้าไม่ต้องการไปจากท่าน!” หรงซื่อเดินไปที่ด้านข้างของเขาและขอร้องขึ้น
“ศิลปะการต่อสู้ของเจ้าไม่ได้ดีแต่อย่างใด และข้าก็ไม่มีเวลามาดูแลเจ้าสถานที่แห่งนี้จะนองไปด้วยเลือดในไม่ช้า เจ้าควรกลับไปที่ซีเจียงเยี่ยโดยเร็ว ในอนาคตเจ้าจะไม่ต้องแต่งตัวเหมือนหรงเหลาอีกต่อไป จงกลับไปที่ซีเจียงเยี่ย โดยเร็วที่สุด”
“ ได้ ข้าจะไป ข้าจะกลับไปที่ซีเจียงเยี่ยและรอท่าน รอการกลับมาของท่าน…” หรงซื่อ พูดขณะที่นางเดินเข้าไปในอ้อมกอดของเขา
“ ท่านเสนา ท่านจะต้องดูแลตัวเองให้ดี” หรงซื่อ ยกศีรษะนางขึ้นในขณะที่พูด
มีโฉมงานอยู่ในอ้อมแขนของเขา แต่จี่เฟิ่งหลี่กลับแข็งทื่อ มือของเขายื่นออกไปเพื่อผลักนางออก แต่เขาก็ห้ามตัวเองเอาไว้ เขาวางมือไปบนไหล่ของนางแล้วพูดขึ้นแทน “ เอาล่ะ รีบไปเก็บของได้แล้ว”
หรงซื่อพยักหน้าและออกจากกระโจมไปทันที
จี่เฟิ่งหลี่จ้องมองไปที่โต๊ะตรงหน้าเขาและสายตาของเขาก็ลดลงไปที่ กระดานหมากรุกที่ยังเล่นไม่จบ มันได้ถูกหรงซื่อจัดเป็นระเบียบอย่างสมบูรณ์ การแข่งขันที่ยังไม่เสร็จสิ้นและมันจะไม่มีวันได้เสร็จสิ้นตลอดกาล เขากลัวว่าจะไม่มีโอกาสใด ๆ ที่จะจบการแข่งขันนี้อีกในชีวิตนี้ของเขา